คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : บัตรเชิญเต้นรำ
เรื่องมันเริ่มจากตอนที่ข้ายังเด็กนัก มันนานมากมาแล้วที่ท่านแม่ได้ตายจากข้ากับท่านพ่อไปในฤดูหนาวอันหนาวเหน็บ หิมะในวันนั้นเหมือนจะกัดกร่อนหัวใจข้าจนด้านชาถึงแม้จะได้ไออุ่นจากเตาผิงในคฤหาสน์กว้างใหญ่ก็ตามที แต่ดูเหมือนว่าคงมีเพียงข้าเท่านั้นกระมังที่รู้สึกเช่นนั้น เพราะเมื่อเวลาผ่านไปเพียงข้ามปีท่านพ่อก็แต่งงานใหม่
สตรีผู้นั้นงดงามและดูเยือกเย็นจนข้ารู้สึกอดชื่นชมเล็กๆไม่ได้ ในใจของข้ารู้สึกได้ว่านางผู้นี้แหละคือผู้ที่จะกำราบความเจ้าชู้ที่ท่านพ่อได้หว่านไว้แก่เด็กหนุ่มหน้าสวยและสาวน้อยน่ารักในเมืองได้ แม้นางจะผ่านการแต่งงานมาแล้วแต่ก็ยังดูไร้ซึ่งมลทิน
นางมีลูกติดตามมาด้วยสองคน อายุคงน้อยกว่าข้าสักปีสองปี คนโตผมสีส้มท่าทางแก่นแก้วแสนซนน่ารักสดใสตามแบบฉบับเด็กร่าเริง คนเล็กผมสีทองสวยรับกับดวงโตกลมโตสีมรกตที่คลอด้วยน้ำตาเมื่อแรกเจอท่านพ่อของข้า
แต่ความจริงข้อต่อมาก็ทำให้ข้าอึ้งได้เช่นกัน สตรีที่ข้าเคยชื่นชมนั้นความจริงแล้วเป็นชายหนุ่มที่งดงามราวสตรีเท่านั้น เส้นผมสีดำกับผิวขาวที่ขาวราวกับกระดาษ รูปร่างอรชรอ้อนแอ้นยามเยื้องกรายนั้นงดงามจริงๆถึงแม้จะไม่ดูสง่างามก็ตาม
ที่จริงเรื่องราวมันควรจะมีแต่เสียงหัวเราะ จบแบบแฮปปี้ แต่ทุกอย่างกลับตาลปัตรไปหมดเมื่อท่านพ่อถูกจับได้ว่าไปมีอีหนูอีกสามสี่คนในเมืองข้างเคียง(ยังไม่นับอีกหลายโหลในเมืองนี้) ข้ารู้ดีเลยว่าจุดจบของท่านพ่อจะเป็นอย่างไร เพราะภรรยาใหม่ของท่านพ่อจัดการกร้อนผมสีฟ้าจัดจ้านนั้นออกแล้วไสหัวท่านพ่ออกจากคฤหาสน์ของท่านพ่อเอง
ข้าไม่อาจห้ามอะไรได้ อำนาจของข้ายังมีไม่พอ ข้าไม่ได้ใหญ่ที่สุดในบ้านเสียหน่อย สิ่งที่ข้าทำได้มีเพียงเงยหน้ายิ้มให้กับตัวเองยอมรับชะตากรรมของท่านพ่อแต่โดยดี และเหตุนี้แหละที่ทำให้ชีวิตข้าเปลี่ยนไปตลอดกาล
จากการใช้ชีวิตอย่างไม่ทุกข์ร้อนเข้าขั้นสุขสบายเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ ข้าต้องถูกลดขั้นจากลูกสาวคนโตไปเป็นนางซินก้นครัวต้องถูกทั้งน้องตามกฎหมายและแม่เลี้ยง(ข้าคิดว่าเรียกอย่างนี้คงถูก เพราะอย่างไรภรรยาของท่านพ่อก็ตกเป็นเคะ) จิกหัวใช้ตั้งแต่เช้าจรดเช้า(ของอีกวัน)
“เบียคุย้า~ อยู่ไหนเนี่ย รีบมาดูชุดให้อิซึรุเร็วเข้าเซ่!!” เสียงหวานออกแนวห้าวดังลั่นบ้านให้ข้าต้องถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ก็ไม่ว่าจะเตือนเรื่องอย่าทำเสียงดังสักกี่ครั้งตั้งแต่เล็กจนโต เจ้านั่นก็ยังตะโกนลั่นจนทุกวันนี้
“ไหนล่ะ” ข้าถามออกไปแทบจะทันทีเมื่อเปิดประตูห้องเข้าไปแล้วพบแต่เจ้าตัวดียืนยิ้มเผล่เจ้าเล่ห์อย่างเคย “อิจิโกะ ข้าบอกกี่ครั้งแล้วว่า..”
“อย่าเป็นเด็กเลี้ยงแกะ” เจ้าตัวดีนั่นยังเถียงต่อ แถมยังทำหน้าทะเล้นจนข้านึกอยากจะสั่งสอนให้เข็ดหลาบเสียที “แต่ข้าว่าข้าไม่เคยไปเลี้ยงแกะแถวไหนเลยนี่นา มีก็แต่เลี้ยงหมาเลี้ยงแมวไปตามประสาคนใจดี”
“ช่างเถอะ แล้วตกลงอิซึรุอยู่ไหน” ข้าลองใช้ความอดทนที่ถูกฝึกมาตลอดในสภาพแวดล้อมของครอบครัวเข่นนี้อีกครั้ง
“หมอนั่นก็คงออกไปให้อาหารขอทานที่มาขออยู่หน้าคฤหาสน์ละมั้ง” อิจิโกะยังลอยหน้าลอยตาพูดเหมือนจะยั่วให้ข้าโมโห แต่ข้าคงไม่มีเวลามาโมโหเจ้าเด็กไม่รู้จักโตนี่เหมือนทุกวัน เพราะน้องชายคนเล็กของข้ากำลังอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงต่ออันตราย
“เชอะ ไม่สนุกเลยเจ้าพี่บ้า” อิจิโกะบ่นต่อให้ให้ข้าได้ยิน เจ้านั่นคงหงุดหงิดไม่น้อยละที่ยั่วข้าไม่เคยได้
“พี่เบียคุยะจะไปไหนครับ” เสียงใสเรียกเมื่อข้ายังก้าวไม่ทันจะพ้นบันไดขั้นสุดท้าย
“อิซึรุ!!” ความรู้สึกแรกที่ข้าเห็นหน้าน้องชายคนเล็กมันทำให้ข้ารู้สึกละเหี่ยใจเล็กน้อยเพราะข้าถูกเจ้าเด็กแสบนั่นหลอกอีกแล้ว พูดยังไม่ทันขาดคำเจ้าเด็กแสบนั่นก็วิ่งพรวดลงมาหัวเราะร่าใส่ข้า
“มุขเดิมๆก็ยังใช้หรอกเจ้าได้อีกตามเคย ไม่ไหวเลยนะเบียคุยะ” เสียงนุ่มสะท้อนความเยือกเย็นจนกลายเป็นเย็นชาดังขึ้นจากด้านหลังข้า แม้ไม่ต้องหันไปดูก็รู้ว่าใคร
“อุลคิโอร่า”
“ยังไม่ยอมเรียกข้าว่าแม่เหมือนเดิมเลยนะ” แม่เลี้ยงยังเอ๊าะของข้าพูดประโยคเดิมอีกแล้ว มันทำให้ข้านึกถึงคำพูดที่ว่าไม่อยากพูดอะไรซ้ำซากเสียจริงเมื่อเจอกันครั้งแรกเสียจริง “หรือเจ้าจะเรียกข้าว่าพ่อก็ดีนะ”
“แต่ข้าว่าเรียกอุลคิโอร่านั่นแหละดีแล้ว” อิจิโกะรีบแทรกกลางปล้อง แต่เพียงอุลคิโอร่าปรายตามองเจ้านั่นก็หลบตาวูบหันไปกอดอิซึรุแทน
“ว่าแต่เจ้าไม่ไปเปิดประตูหน่อยหรือ รู้สึกว่าจะมีคนมาแน่ะ” อุลคิโอร่ายังคงพูดต่อแล้วเดินจากไป
“ริคิจิไปเปิดประตูซิ” ข้าพูดเรียบๆ แต่เพียงเท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้ข้ารับใช้ที่แสนซื่อสัตย์วิ่งตื้อออกไปเปิดประตูอย่างรวดเร็ว สักพักเจ้านั่นก็กลับมาพร้อมกับกระดาษสีชมพูแปร๋นจนน่าฉีกทิ้ง
“อ่านซิ ข้าไม่อยากแตะมันเดี๋ยวเชื้ออะไรต่อมิอะไรจะมาติดเข้า” อิจิโกะสั่ง ทั้งยังทำท่าขยะแขยงเจ้ากระดาษใบน้อยนั้น
“เอ่อ..ด้วยในวันจันทร์เต็มดวงของเดือนนี้เจ้าชายเพียงพระองค์เดียวของเมืองจะเสด็จกลับจากการศึกษาต่างเมือง พระราชาจึงโปรดให้มีการเต้นรำเพื่อเฉลิมฉลองให้แก่การจบการศึกษาโดยครบ 32 ของเจ้าชาย จึงใคร่ขอเชิญหญิงสาวและชายหนุ่มที่มั่นใจว่าคู่ควรกับงานไปร่วมงานในเวลาทุ่มตรง ณ ปราสาททิศตะวันตก ลงชื่อ ทหารคนสนิท(จริงๆนะ) อุราฮาร่า คิสึเกะ”
“เอาไปเผาทิ้งซะ” อิจิโกะหันมาสั่งต่อ ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนทอประกายแห่งความไม่พอใจ
“แล้วท่านพี่จะไปร่วมงานรึเปล่าครับ” อิซึรุหันมาถามข้าแล้วหันไปหาพี่ชายแท้ๆของเขา
“ไม่เด็ดขาด” อิจิโกะปฏิเสธเสียงดังฟังชัด มันทำให้ข้านึกขึ้นได้ว่าเจ้านั่นเป็นพวกเกลียดงานเลี้ยง ไม่ชอบที่จะออกสังคม ถ้าเป็นการเชิญร่วมงานประลองน่าจะถูกใจกว่า
“แล้วเจ้าล่ะ” ข้าถามอิซึรุ เด็กคนนี้ท่าทางเรียบร้อยยิ่งกว่าผ้าพับไว้ถ้าใครแนะให้ทำอะไรคงทำตามอย่างไม่คิดคัดค้านแน่
“คือว่าข้า..ไม่ค่อยจะอยากไปซักเท่าไหร่..น่ะครับ” อิซึรุตอบข้าท่าทางเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนกลัวที่จะพูดความรู้สึกของตัวเองออกไป ท่าทางแบบนั้นทำให้ข้าอดใจไม่ไหวรั้งตัวเข้ามากอด กลิ่นกายของอิซึรุยังหอมถูกใจข้าเหมือนเดิม
“ปล่อยน้องข้าเดี๋ยวนี้นะ!!” อิจิโกะหันมาตวาดแหว
“หึงรึ” ข้าถามกลับทำเอาเจ้าเด็กแสบนั่นสะอึกกึก ปั้นหน้าไม่ถูกเลยทีเดียว
“เอ่อ..คุณหนูครับ..คือว่า..”
“อะไร” อิจิโกะหันไปตวาดใส่ริคิจิที่พยายามจะพูดอะไรสักอย่างแทน ช่างเป็นน้องชายที่อารมณ์ร้อนเสียจริง
“ยังมีป.ล.ด้านล่างด้วยขอรับ”
“ก็ว่ามาเซ่!!” อิจิโกะยังตวาดต่อ สายตาเจ้านั่นจ้องข้าอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อ
“ข้าได้ตรวจสอบจำนวนหญิงสาวและชายหนุ่มของทุกบ้านเรียบร้อยแล้ว หากตอนเช็คชื่อตอนเข้างานแล้วผู้ใดไม่มาจะได้รับโทษสูงสุด คือการตกอยู่ในฮาเร็มย่อยที่ 12 ของพระราชา (หรืออาจมาถึงข้าด้วย) หวังว่าคงได้พบทุกท่านที่งานเลี้ยง ลงชื่อ(อีกที) อุราฮาร่า”
“หมายความว่าไงฟร้า!!!!!!” คราวนี้อิจิโกะตะโกนจนคฤหาสน์ที่รากฐานมั่นคงด้วยเงินหลายสิบล้านสั่นราวกับจะร่วงลงมา แหงละเป็นใครๆก็โมโห เล่นขู่กันขนาดนั้น
“งั้นก็ต้องไปสินะครับ” อิซึรุเงยหน้าขึ้นมองข้า ดวงตาสีมรกตที่ข้าเฝ้าทะนุถนอมคลอด้วยหยาดน้ำตาที่ไหลอาบสองแก้ม ข้ารู้ได้ทันทีว่าน้องชายที่น่ารักของข้าคนนี้กำลังหวาดกลัวต่อคำขู่นั้น
“เจ้าจะไปเหรอ อิซึรุ!!” อิจิโกะหันมาตะโกนใส่อิซึรุแทนเมื่อได้ยินประโยคนั้น
“แค่ไปเท่านั้น พอเช็คชื่อเสร็จก็ก้าวเท้าเข้าวัง แค่ข้างเดียวก็พอแล้วก็หันหลังกลับได้เลย” ข้าพูดสั้นๆง่ายๆ และดูเหมือนเจ้านั่นจะพอใจไม่น้อยเพราะเจ้าตัวยิ้มเผล่เจ้าเล่ห์
“เจ้าเล่ห์เหมือนกันนี่เบียคุยะ”
“หรือเจ้าจะอยู่ในงานจนจบเลยก็ได้ ไปกันเถอะอิซึรุ” ข้าหันไปพูดยั่วโมโหอิจิโกะ และดูเหมือนได้ผลดีเพราะเจ้านั่นเริ่มออกอาการโมโหจนหน้าดำหน้าแดง “อย่าลืมบอกอุลคิโอร่าด้วยล่ะ”
============
“เขาว่างานนี้จัดเพื่อบังหน้าพิธีเลือกคู่ของเจ้าชายแน่ะ” เสียงใสแสบแก้วหูปานนกกระตั้วมันดังทะลุหูข้าจนต้องปรายตามอง ข้าจำได้แล้ว หนุ่มน้อยหน้าสวยนั่นชื่อลูปี้ ส่วนคู่สนทนานั่นน่าจะเป็น...เอ่อ..ซาเอลอพลอลโล่ ละมั้ง
“เจ้าว่าเจ้าชายจะเลือกใครล่ะ ถ้าทายถูกข้าจะยอมนัดฮิซึกายะให้เจ้า แต่ถ้าผิด” ซาเอลอพอลดล่แสยะยิ้มสยอง “เจ้าต้องเป็นหนูทดลองของข้าหนึ่งเดือน”
“จะบ้าเหรอซาเอล!!!” ลูปี้กรีดเสียงร้อง มันฟังดูดัดจริตจนข้าต้องสะบัดหน้าหนี “แค่วันเดียวข้าก็ตายแล้ว นี่ให้อยู่ตั้งเดือน จะเอาข้าไปทำมัมมี่เรอะ”
“เดือนเดียวเอง” ซาเอลอพอลดล่ยังต่อรอง ถ้าข้าจำไม่ผิดเจ้านั่นเป็นเด็กของมายูริ นักวิทยาศาสตร์โรคจิตประจำเมืองนี่นา สงสัยจะมาหาเหยื่อถึงวัง
“พี่เบียคุยะครับ” เสียงใสหวานดังกังวานในหัวข้า ข้าจึงละจากความคิดตัวเองแล้วหันมองน้องชายคนเล็กในชุดสีชมพูชวนฝัน “กลับกันเถอะครับ”
“นั่นสินะ” ข้าพึมพำ เพิ่งนึกได้ว่าก้าวเท้าพ้นประตูห้องโถงที่มีงานเลี้ยงหรูหรามาแล้ว “อิจิโกะ กลับได้แล้ว”
“อื้อ” น้องชายคนรองของข้าหันมาตอบแก้มตุ่ย เผลอแผล่บเดียวเจ้านั่นไปหาอะไรมากินเสียล้นจาน “อีกแอ๊บอ๊ะ(อีกแป๊บนะ)”
“องค์ราชาเสด็จแล้ว~” เสียงทหารคนสนิทตะโกนมาจากด้านบนทำให้ข้าเงยหน้ามอง สัญชาติญาณบอกข้าว่าหนีกลับไม่ทันเสียแล้ว ในที่สุกข้าก็ต้องติดแหง่กอยู่ในงานเลี้ยงเห่ยๆนี่จนได้ แต่ที่สำคัญที่สุด ไอ้เจ้าชายบ้านั่นอาจจะมาสนใจอิซึรุของเขานี่สิที่น่าปวดหัว
“เจ้าชายก็เสด็จด้วย~” เสียงอีกหนึ่งดังตามมาติดๆ ข้าเห็นคนที่น่าจะเป็นเจ้าชายเดินหน้ามุ่ยลงบันไดมาตามด้วยฮิซากิ ชูเฮย์ เพื่อนเล่นของอิซึรุ เจ้านั่นเป็นคนสนิทของเจ้าชายนั่นนี่เองสินะ
“วันนี้เป็นวันดี ข้ามีความสุขจริงๆที่มีสาวน้อยและหนุ่มน้อยหน้าใสมาร่วมในงานเลี้ยงต้อนรับลูกข้า” องค์ราชากล่าวด้วยน้ำเสียงเหี้ยมเกรียมไร้ความปิติ “ข้ามีข่าวดีจะบอกพวกเจ้า เนื่องด้วยข้าอยากจะอุ้มหลานไวๆ ดังนั้นคืนนี้หากเจ้าชายเร็นจิเลือกใครเป็นคู่เต้นรำ ข้าจะถือว่าผู้นั้นจะมาเป็นชายาของข้า..เอ๊ย!!ของเจ้าชายเร็นจิ ส่วนใครที่อยากเข้ามาอยู่ในฮาเร็มกับข้า กรอกใบสมัครตรงทางเข้านั่นได้เลย ข้าเตรียมไว้เป็นร้อยชุด จะได้ไม่ต้องแย่งกัน”
“ข้าอยากกลับ” อิจิโกะเดินหน้าบูดเป็นตูดเป็นมาหาข้า แต่ในมือก็ยังมีจานอีกสองจานที่ตักอาการไว้จนพูน
“เจ้าอยากห่วงกินทำไม” ข้าย้อนถาม อันที่จริงหากไม่ต้องรออิจิโกะ ป่านนี้ข้าคงหลุดจากงานจับคู่กับหาเด็กในฮาเร็มเพิ่มของพระราชาเส็งเคร็งนี่ไปแล้ว
“คนหิว เจ้าจะให้ข้าทำยังไง” อิจิโกะแหวลั่น และนั่นเรียกความสนใจจากคนทั้งงานให้หันมองมาที่พวกเรา
“สงบอารมณ์หน่อย เดี๋ยวเจ้าราชาวิปริตนั่นจะถูกใจเจ้าเอานะ” ข้าขู่เสียงเบา และได้ผล อิจิโกะหันหลังให้กับทุกสบายตา หุบปากสนิทด้วยอาหารที่ยัดเข้าไปให้ตัวเองดูน่าเกลียด ข้าเองก็ทำได้แค่ยืนบังอิซึรุที่กลัวจนตัวสั่นไว้ไม่ให้ใครได้เห็นใบหน้างดงามเท่านั้น
“ข้าขอเริ่มงานเต้นรำเลือกคู่ ณ บัดนี้” องค์ราชาประกาศก้อง แล้วรีบวิ่งลงบันไดวนลงมาด้านล่างตัดหน้าลูกชายตัวเองที่ค่อยๆเดินลงมาเหมือนไม่เต็มใจ ข้าล่ะเบื่อไอ้เมืองบ้าๆนี่เต็มทน ซักวันจะหอบผ้าหอบผ่อนรวมทั้งน้องสองคนกับแม่เลี้ยงหนีไปอยู่เมืองอื่นให้ได้ ให้ตายสิ
ความคิดเห็น