คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : เจ้าชายรวมตัว
แสงแดดยามอรุณรุ่งสาดกระทบสองร่างที่นั่งอยู่บนหลังม้าสีขาวหน้าประตูเมืองหินอ่อน ดวงเนตรสีเขียวเบิกกว้าง ผิดกับดวงเนตรสีเข้มที่นิ่งสงบราวท้องนภายามไร้เมฆหมอก นายทวารเปิดประตูเมืองรับเมื่อเห็นบัตรเชิญที่เบียคุยะยื่นให้ ร่างสง่าควบม้าเข้าไปก่อนจะหยุดตรงลานกว้างหน้าพระราชวังหินอ่อน กระโดดลงจากหลังม้า ก่อนจะพาร่างหงส์น้อยสีขาวที่มีนัยน์ตาสีมรกตมากอดแนบกาย เดินเข้าไปในพระราชวังที่มีคนคอยต้อนรับอยู่แล้ว
“โอ้.......ยินดีต้อนรับท่านเบียคุยะสู่งานเลี้ยงครั้งนี้.......นั่นของฝากหรือ”
พระราชาอิจิโกะทักทายด้วยไมตรีจิตอันดีทั้งที่คิ้วยังขมวด และมันก็ต้องขมวดขึ้นไปอีกเมื่อเห็นหงส์สีขาวบริสุทธิ์ ที่มีนัยน์ตาราวมรกตล้ำค่า เบียคุยะใช้สายตาที่เยือกเย็นดุจน้ำแข็งขั้วโลกปราม หากแต่อิจิโกะกลับไม่ใส่ใจ ทำท่าจะเอื้อมมือไปหยิบหงส์น้อยนั้น ถ้าไม่มีแสงสว่างที่ตกกระทบเส้นผมสีเงินเป็นประกายสาดเข้าตา จนต้องยกมือขึ้นมาบังด้วยความแสบตา
“ท่านงินก็มาด้วยรึนี่.........แล้วมีของฝากอะไรบ้างล่ะ”
พระราชาอิจิโกะรีบถามหาของฝากทันที ทั้งๆที่มือก็ยังปิดตาอยู่ จนงินเดินเข้ามาในที่ร่มไร้แสงแดดนั่นแหละ ถึงเอามือออกแล้วมองหน้ากันตรงๆได้ เบียคุยะมองชายหนุ่มในอาภรณ์สีดำที่เดินมายืนข้างตนด้วยสายตาเย็นชา ทำเป็นมองไม่เห็นสายตาที่จ้องมายังหงส์น้อยในอ้อมกอด เอ่ยทักเบาๆ
“สวัสดี ท่านงิน”
“เช่นกัน ท่านเบียคุยะ.......” งินเอ่ยกลับ ก่อนจะก้มหน้าสบตากับหงส์น้อยนั้น นิ้วแกร่งจิ้มไปที่ขนขาวนุ่ม “ข้าขอเจ้านี่ได้มั๊ย”
“ตามใจสิ.....ถ้าท่านอยากตาย”
เบียคุยะตอบด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย เหมือนยามเอ่ยปกติ เบนสายตาออกจากคู่สนทนาข้างกาย มองไปภายในพระราชวังที่เจ้าชายอุริวกำลังนั่งสนทนาอย่างออกรสกับชูเฮย์ โดยบนหัวของชูเฮย์นั้นมีสิ่งมีชีวิตสีเขียวพาดด้วยรอยสักสีดำ ดวงเนตรสีเข้มจ้องสิ่งนั้นไม่วางตา จนพระราชาอิจิโกะต้องถาม
“มีอะไรเหรอ ท่านเบียคุยะ”
“น่ากินจัง........ข้าอยากกินผัดกระเพากบ”
เบียคุยะหันมาตอบ ดวงเนตรสีเข้มที่เคยเย็นชาทอแววออดอ้อนออกมาหน่อยหนึ่ง ก่อนมันจะหายไป พระราชาอิจิโกะนิ่งอึ้งด้วยคำตอบนั้นชวนให้คิดถึงพระนางลูเคียยิ่งนัก ก่อนจะนึกถึงความปลอดภัยของกบน้อยเร็นจิขึ้นมาตงิดๆ รีบเอ่ยออกมาทันที
“เห็นทีคงไม่ได้ เพราะนั่นไม่ใช่กบจริง หากแต่เป็นเจ้าชายเร็นจิที่ถูกแม่มดร้ายนามไอเซ็นสาปไว้”
“เอ๋!!?”
ทั้งหงส์ทั้งคนร้องออกมา พระราชาอิจิโกะและเจ้าชายงินก้มลงมองหงส์น้อยอีกรอบ เบียคุยะพยายามจับหงส์นั้นให้พ้นสายตาคำถามและอยากรู้อยากเห็นของคนทั้งสองทันที แต่ดูเหมือนจะไม่เป็นผลเมื่องินคว้าหงส์น้อยมาจ้อง จนเจ้าหงส์น้อยถึงกับแข็งทื่อด้วยความตื่นเต้น เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆทว่าเร้าใจคนฟังให้ใจเต้นตึ่กๆ
“เจ้าน่ะใช่หงส์แน่เหรอ”
ยังไม่ทันได้แสดงอาการตกใจมากกว่านั้น เมื่อพระนางลูเคียเดินเข้ามาพร้อมเจ้าชายอุริว เจ้าชายชูเฮย์และกบน้อยเร็นจิ เสียงหวานๆของพระนางเอ่ยขึ้นพร้อมประกายวิบวับในตา
“ข้าอยากกินหงส์ตุ๋นยาจีน”
เฮือก
เจ้าหงส์น้อยที่ได้ยินดังนั้นถึงกับสะดุ้ง หันไปมองพระนางลูเคียก่อนจะกลับมายังเบียคุยะ กบน้อยเร็นจิที่เหมือนผลของคำสาปจะทำให้มองเห็นร่างจริงของสิ่งที่ถูกสาปได้รีบเอ่ยออกมา กระโดดขึ้นไปอยู่บนหัวงินอย่างไม่มีการเกรงใจ
“เจ้าเป็นคนนี่”
“เอ๋!!?”
ทุกคนต่างนิ่งอึ้ง ยกเว้นเบียคุยะที่ถอนใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะคว้าเอาหงส์น้อยเข้ามาในอ้อมกอด หันไปสบตากับเจ้ากบน้อยเร็นจิด้วยสายตาเย็นๆแบบที่ใช้ฆ่าคนได้ แต่เร็นจิกลับรู้สึกถูกใจอย่างน่าประหลาด
“หงส์ตัวนี้คือเจ้าชายอิซึรุที่ถูกแม่มดไอเซ็นสาปเช่นเดียวกับเจ้ากบนั่น และดูเหมือนว่าวิธีแก้คำสาปก็คือ ต้องสมหวังในรักแรกรึไงเนี่ยแหละ จำไม่ค่อยได้แฮะเรื่องเนี๊ยะ..........”
ประโยคหลังพึมพำเบาๆ ก่อนจะหันไปหากบน้อยเร็นจิที่อยู่ในกำมืองิน และกำลังจะถูกกำจนเละ เอ่ยถามเรียบๆ
“เจ้ารู้ที่อยู่ของแม่มดไอเซ็นมั๊ย”
“ไม่รู้ พวกข้าก็กำลังออกตามหานางอยู่”
ชูเฮย์เป็นคนตอบแทน รีบปิดปากเพื่อนกบเมื่อเห็นว่าตั้งท่าจะพ่นไฟใส่งิน ก่อนจะดึงตัวกลับมา งินเลยหันไปสนใจกับหงส์น้อยต่อ
“แล้วเจ้าเจอคนที่สามารถแก้คำสาปให้เจ้าได้หรือยัง”
“เจอแล้ว.......แต่คนๆนั้นคงไม่รักข้าหรอก” หงส์น้อยเอ่ยตอบเสียงเศร้า ก่อนจะขยายความต่อ “ก็ข้าเป็นหงส์นี่นา ไม่มีใครอยากจะรักหรอก”
“อื๋อ....” งินเลิกคิ้ว ก่อนจะหันไปทางเบียคุยะ เอ่ยถามตามมารยาทที่พอมี “ข้าขอเค้าได้ไหม”
เบียคุยะสบตากับงินตรงๆ ก่อนจะมองหงส์น้อยที่ตนอุตส่าห์พามาด้วยว่าถูกใจเส้นผมสีทองงดงาม และมรกตคู่หวานแสนล้ำค่าที่ดูเศร้าสร้อย ตัดใจเอ่ยออกไปตามเนื้อเรื่อง
“ตามใจท่าน เพราะดูเหมือนว่าเจ้าหงส์น้อยนี่ก็อยากอยู่กับท่านมากกว่าอยู่แล้ว”
เมื่อได้ยินเช่นนั้นเจ้าหงส์น้อยก็หันขวับด้วยความเร็วสูง งินหัวเราะในลำคอ ก่อนจะช้อนร่างหงส์น้อยขึ้นมาแนบอกตน พระราชาอิจิโกะเห็นว่าบทสนทนาคงจะจบแล้ว จึงรีบเชิญชวนแขกที่มางานให้เข้าไปในงานเลี้ยง
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+
แสงจันทร์ยามค่ำคืนสาดเข้ามาในห้องทุกห้องทั่วพระราชวัง ภายในห้องพักของแขกผู้มาเยือนผมเงินที่ตอนนี้กำลังเปลี่ยนเครื่องทรง ประกายแสงสว่างวาบทำให้เจ้าของห้องหันไปมอง ตาตี่ๆเบิกกว้างเมื่อพบกับบุรุษร่างบางผู้มีเส้นผมสีทองสวย ผิวกายขาวเนียนและนัยน์ตาสีมรกต กายบอบบางเปลือยเปล่าที่กำลังหยิบผ้าปูผืนขาวขึ้นมาพันกาย ดวงหน้าหวานแดงซ่านซับสีเลือด เสียงหวานพยายามจะเอื้อนเอ่ยแต่ไม่เป็นผลจนงินต้องถามออกมาเอง
“เจ้ากลับคืนร่างแล้วหรือ”
“เอ่อ.....อื้อ.....ก็แค่คืนที่มีแสงจันทร์เท่านั้น .....เอ่อ......ขอเสื้อผ้า....ให้ข้า.....”
ดวงเนตรคู่หวานจ้องไปยังอาภรณ์มากมายในตู้ งินยิ้มรับก่อนจะหยิบเสื้อทีเป็นสีขาวออกมา เดินเข้าไปหาร่างบางที่ก้มหน้านิ่ง มือแกร่งปลดผ้าที่คลุมกายบางออก ดันร่างบอบบางให้ชิดกับผนัง ริมฝีปากร้อนกดจูบร้อนแรง มือแกร่งสวมอาภรณ์ให้ทับกายบาง หากแต่ยังไม่กลัดเสื้อให้มิดชิด อิซึรุพยายามดันกายของคนที่ปิดทางตนให้ออกห่าง แต่ฝ่ามือที่หยอกล้ออยู่กับผิวเนียนกลับทำให้มือบางต้องกำแน่น ก่อนกายบางจะสั่นสะท้านด้วยริมฝีปากที่ฝากรอยแดงไว้ตามแผ่นอกบาง
“ท่าน.......ทำ....”
“หืม” งินขานรับในลำคอ ก่อนจะเลื่อนมาประกบปากบาง “เสร็จแล้ว”
ถอนปากออก ยิ้มให้เสียกว้าง ก่อนจะจัดเสื้อให้ดูเรียบร้อย ขำน้อยๆกับดวงหน้าหวานที่ยังแดงก่ำและแววตาไม่เข้าใจ หยิบเครื่องแต่งกายอื่นๆส่งให้ร่างบาง ไม่วายส่งคำพูดหยอกล้อไปด้วย
“ท่อนล่างใส่เองนะ......ขืนให้ข้าใส่ เจ้าได้เสียบริสุทธิ์แน่”
อิซึรุหน้าร้อนวาบ รีบกุลีกุจอใส่กางเกงและเครื่องแต่งกายทั้งหลายทันที ทำท่าจะเดินออกจากห้องแต่โดนงินคว้าไว้เสียก่อน เสียงทุ้มกระซิบข้างหู
“ไปด้วยกันสิ”
ร่างบางจึงจำต้องเดินเคียงไปจนถึงชั้นล่าง พอเห็นเบียคุยะก็รีบวิ่งเข้าหาหมายใช้เป็นที่พึ่งทันที ผู้คนที่อยู่ในงานนิ่งตะลึงกับความงาม เบียคุยะยิ้มน้อยๆอย่างพอใจก่อนพาร่างบางไปแนะนำตัวกับพระราชาอิจิโกะ
“นี่คือเจ้าชายอิซึรุ”
“เอ๋!!?”
หลายเสียงในท้องพระโรงดังเป็นเสียงเดียวกัน จ้องตาไม่กะพริบทำเอาคนถูกจ้องวางตัวไม่ถูก เขยิบชิดร่างเบียคุยะขึ้นไปอีก คนถูกขอความช่วยเหลือทางอ้อมหันไปส่งสายตาเย็นๆให้แก่ผู้มองทั้งหลาย พร้อมกับเอ่ยเสียงเรียบที่มีความนัยแฝงไว้
“ข้าจะรับเขาเป็นน้องชาย และใครที่ต้องการตัวเขาคงต้องผ่านข้าไปเสียก่อน........อ้อ.....ท่านก็ไม่มีข้อยกเว้น ท่านงิน”
ปรายตามองร่างแกร่งที่ยืนส่งยิ้มเยือน คนถูกพาดพิงก็ไม่ว่าอะไรส่งยิ้มกว้างยิ่งขึ้นไปอีก ทั้งยังพูดออกมาราวกับจะท้าทาย
“ถ้าจำไม่ผิด......ท่านยกเขาให้ข้าแล้วนี่”
“ที่ข้ายกให้คือหงส์น้อยนั่น........ไม่ใช่เจ้าชายอิซึรุเสียหน่อย อย่าเข้าใจอะไรผิดสิ”
เบียคุยะตอกกลับด้วยแววตาเชือดเฉือน งินยิ้มกว้างยืนนิ่ง พึมพำออกมาคนเดียว “ข้าพลาดสินะ”
.........ก็เออเด่ะ........
เสียงในใจของเบียคุยะตอกกลับ แต่ไม่มีคำพูดออกมาด้วยว่ายังต้องการรักษามาดเจ้าชายน้ำแข็งเอาไว้ จึงมีเพียงรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากเท่านั้นที่เล็ดลอดออกมาได้ งินถอนใจแต่ก็ยังคงยิ้มอยู่ เดินตามไปนั่งข้างๆอิซึรุ ท่ามกลางสายตาของเหล่าผู้อยากรู้อยากเห็น งานเลี้ยงดำเนินไปด้วยความสนุกสนาน คืนที่สองย่างเข้ามา ยังไม่มีใครยอมหลับยอมนอนกันเลย
เพล้ง
กระจกหลากสีที่นำมาต่อเป็นลวดลายวิจิตรแตกกระจายด้วยแรงถีบจากภายนอก ไม่นานเสียงหัวเราะฮิๆตามแบบฉบับแม่มดก็ดังขึ้นพร้อมเจ้าของเสียงที่ยืนโชว์หุ่นอยู่บนขอบหน้าต่าง อีกาสีดำสนิทเกาะอยู่บนไหล่ ดวงเนตรสีน้ำตาลกวาดไปทั่วบริเวณ เสียงที่พยายามดัดแหลมดังขึ้น
“แหมๆ เจ้าชายอุริวพ้นจากคำสาปแล้วหรือ”
ผู้ถูกกล่าวถึงหน้าตึง คว้าธนูทำท่าจะยิงออกไป แม่มดไอเซ็นกระโดดลงจากที่เคยอยู่มาบนโคมไฟระย้า ด้วยว่ายังพิสมัยความสูงและตระการตาอยู่ ยกมือขึ้นปิดปากกรีดเสียงหัวเราะได้น่าถีบยิ่งนัก
“ทั้งสวย ทั้งใจกล้า.....น่านำมาเก็บในฮาเร็มข้ายิ่งนัก”
แว่นตาถูกถอดทิ้งเผยให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้ม ผมสีน้ำตาลยาวที่ไปต่อมาถูกดึงออก กลายเป็นบุรุษผู้มีแววตาโฉดชั่วและรอยยิ้มอบอุ่นเป็นอาวุธ
“แกเป็นใคร!!”
เหล่าตัวเด่นตะโกนถามตามบทที่ต้องแกล้งโง่ ทั้งที่เห็นกันอยู่ว่ามันเป็นใคร กะแค่ถอดแว่นทิ้ง ผมสั้นขึ้นหน่อยก็จำไม่ได้ ปัญญาอ่อนจริงๆ
“หึหึ.....ข้าคือพ่อมดไอเซ็น แหมๆ แค่นี้ก็ทำจำไม่ได้” ไอเซ็นยิ้มเหี้ยมก่อนะกระโดดลงจากโคมไฟระย้าเข้าจ้องตากับเจ้าชายอุริว พูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆจับความรู้สึกได้ยาก
“เจ้าสวยจริงๆน่ะแหละ เจ้าชายอุริว โอ๊ะ! เจ้าชายอิซึรุ หนีข้ามาอยู่นี้เอง ยังคงงดงามมิแปรเปลี่ยนเลยนะ” พ่อมดไอเซ็นเปลี่ยนเป้าหมายมายังร่างบอบบางที่ยืนอยู่ข้างกายเบียคุยะ เชยคางมนขึ้นมาพิศดวงหน้าหวาน ก่อนจะเปลี่ยนไปยังคนสวยอีกคนที่ยืนอยู่ข้างกันแทน
“ข้าพลาดไปได้ยังไงกันเนี่ย.....เจ้าก็งดงามใช่เล่นเลยนะ พอๆกับอิซึรุเลยกระมัง” มือหยาบไล้ไปตามดวงหน้าสวยที่ยังเรียบเฉย เบียคุยะชักดาบขึ้นเตรียมตัดมือ แต่ไอเซ็นกระโดดหลบไปเสียก่อน
“โอ้....เจ้าก็หน้าตาดีนะ ท่าทางความเป็นเมะจะสูง ถ้าจับมาเป็นเคะจะเป็นยังไงน้า......”หันไปพูดกับชายหนุ่มผมเงินที่ตอนนี้ยิ่งยิ้มกว้างหนัก ดาบสั้นวาดวูบหมายจะบั่นหัวคนพูด แต่กลับฟันได้แต่ลม “หึหึหึ.......ไม่โดนหรอกน่า.....อ๊ะ! เจ้าชายเร็นจิ ยังไม่มีคู่แท้ปาฏิหาริย์มาแก้คำสาปให้อีกเหรอ น่าสงสารจริง ถ้ากลับใจมาเป็นเคะของข้า......ข้าจะถอนคำสาปให้ก็ได้นะ”
พูดยิ้มๆอย่างอ่อนโยน เร็นจิเหลือบตามอง ก่อนจะอ้าปากกว้างแล้วพ่นไฟออกมา เจ้าชายอุริวเลยผสมโรงด้วยการยิงธนูสีเงินส่งไปให้ ทำเอาท้องพระโรงพังไปเป็นแถบ พ่อมดโฉดยังคงหลบได้อย่างงดงามไร้ที่ติด้วยลีลายิมนาสติกที่ซุ่มเรียนมา ก่อนจะโยนอีกาขึ้นไปบนอากาศ จัดการแปรธาตุให้กลายเป็นคิเมร่าได้อย่างงดงาม พระนางลูเคียที่เห็นดังนั้นก็เบิกตากว้าง ประสานมือไว้ตรงหน้าอกอย่างถูกใจ หันไปหาพระราชาอิจิโกะ เอ่ยน้ำเสียงออดอ้อน
“อิจิโกะ ข้าอยากกินนกย่างราดน้ำแดง”
พระราชาอิจิโกะถึงกับสะอึก แต่พอสบตากับพระนางลูเคียก็ใจอ่อนยวบ เอ่ยออกมา “ทุกคนหลบ ข้าจะจัดการกับไอ้ประหลาดนี่เอง”
ว่าแล้วก็ชักซันเงสึออกมา แบกพาดไหล่ไปหาเจ้าอีกาคิเมร่าที่ยังกระพือปีกพั่บๆอวดศักดิ์ดา จัดการไล่ฟันเสียจนพื้นท้องพระโรงมีแต่หลุม ซากปรักหักพังของผนังและเสาหินบางส่วน ในที่สุดเส้นอารมณ์ของพระราชาอิจิโกะก็ขาดผึง เลยใช้ความเร็วทั้งหมดที่มีกระโดดเหยียบหัวใครต่อใครแล้วฟันฉับจนอีกาคิเมร่าขาดสองท่อน เมื่ออริม้วยพระราชาอิจิโกะก็เก็บดาบ หันไปสั่งหัวหน้าพ่อครัวด้วยเสียงอันดัง
“อิคคาคุ เอาไอ้ตัวเนี้ยไปย่างที.........เอาแบบเกรียมๆนะ”
“ขอรับ”
ชายหนุ่มหน้าตาดีพอใช้ได้โผล่มาพร้อมกับหัวโล้นโล่งเตียนรับตะวันมาลากอีกาคิเมร่าเข้าไปในห้องครัวทันที พ่อมดโฉดยังคงรอยยิ้มอบอุ่นจอมปลอมไว้อยู่ สะบัดผ้าคลุมพรึ่บ ก่อนจะเกิดเป็นควันสีแดงฉานล้อมตัวไว้ พร้อมกับร่างที่ค่อยๆจางหาย ไม่วายทิ้งเสียงหัวเราะและคำพูดให้ดังก้องอยู่ในท้องพระโรงที่ไม่เหลือชิ้นดีตามแบบฉบับตัวร้ายทั่วไป
“หึหึ อีก 3 วัน ข้าจะกลับมารับตัวพวกเจ้าไปอยู่ที่ฮาเร็มของข้า”
+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+*+
“เอาไงดีๆๆๆๆๆๆ.........เหลือเวลาอีกแค่คืนนี้คืนเดียวแล้วน้า”
ชายหนุ่มผมดำเจ้าของรอยสัก 69 เดินวนเป็นหนูติดจั่นด้วยว่าวันพรุ่งนี้จะครบกำหนด 3 วันที่พ่อมดไอเซ็นจะกลับมาอีกครั้ง เจ้าตัวดูจะเครียดกว่าคนอื่น ทั้งที่คนโดนหมายหัวให้ไปอยู่ในฮาเร็มกำลังนั่งเล่นกันอย่างสนุกสนานไร้กังวล ก่อนที่เร็นจิที่กำลังจะงับไก่เข้าไปทั้งตัวจะเกิดอาการทนไม่ได้ ต้องพูดขึ้นมา
“เป็นไรอ่ะ ชูเฮย์”
“ก็พรุ่งนี้พ่อมดไอเซ็นจะมาเอาพวกเจ้าไปอยู่ในฮาเร็มแล้วไม่ใช่รึไงกัน”
เจ้าชายชูเฮย์หันมากระชากเสียงใส่ ก่อนจะพิจารณาเหล่าบุคคลที่อยู่ในลิสต์ลายชื่อผู้เคราะห์ร้าย.....เจ้าชายอุริวกำลังเล็งธนูไปทางพระราชาอิจิโกะที่นั่งเคียงกับพระนางลูเคียหน้าดำหน้าแดง.....กบน้อยเร็นจิก็สนใจอยู่กับการกินอาหารทั้งหมดบนโต๊ะที่ไม่ต่ำกว่า 80 อย่าง........เจ้าชายเบียคุยะนั่งอ่านหนังสือมนตราและศาสตร์มืดไม่สนใจใคร โดยที่บนตักมีหงส์น้อยอิซึรุนอนหลับอยู่ ........และคนสุดท้าย เจ้าชายงินที่นั่งจ้องหงส์น้อยนั่นไป พยายามฉวยโอกาสขโมยหงส์ไปโดยไม่ให้เบียคุยะรู้ตัวอย่างตั้งอกตั้งใจ ..........เจ้าชายชูเฮย์ที่เอาแต่เครียดด้วยกลัวคนที่หมายตาจะตกไปอยู่ในฮาเร็มของใครจริงๆเลยต้องถอนใจอย่างเหนื่อยหน่าย แล้วกลับไปนั่งข้างกบน้อยเร็นจิ เปิดสงครามแย่งอาการกันทันที
พระจันทร์กลมโตลอยเด่น แสงนวลฉาบท้องนภาให้งดงามและอ่อนโยน เบียคุยะพับหนังสือเก็บเตรียมเอามาคลุมกายหงส์น้อยที่กำลังเปลี่ยนร่างทันที ท่ามกลางความเสียดายของหลายๆคนที่ตั้งหน้าตั้งตารอ งินเองก็โล่งอกที่เบียคุยะเอาผ้ามาคลุมกายอิซึรุได้ทัน จะได้ไม่มีใครเห็นผิวเนียนของคนที่จะต้องมาเป็นของเขาในอนาคต ก่อนที่จะพาอิซึรุไปเปลี่ยนเสื้อผ้าโดยมีสายตาอิจฉาส่งตามไปด้วย ไม่นานทั้งงินและอิซึรุในชุดสีดำก็เดินลงมา เบียคุยะเลยได้ฤกษ์เปิดบทสนทนาเสียที
“เราจะรับมือพ่อมดไอเซ็นอย่างไรกันดี”
“ก็.........” อิซึรุลากเสียงยาว ก่อนจะเอ่ยพร้อมรอยยิ้มหวาน “รุมทึ้งให้ยับก็พอละมั้ง”
“แต่ตอนกลางวันฝ่ายเราจะเสียเปรียบหรือเปล่า” เบียคุยะขัด “เจ้าชายเร็นจิก็ยังเป็นกบ ถึงจะพ่นไฟได้ก็เถอะ แล้วเจ้าก็กลายเป็นหงส์อีกนะ”
“ถึงยังไง วางแผนไปจะได้ใช้รึเปล่าก็ไม่รู้” เร็นจิออกความเห็น ชูเฮย์รีบค้านทันที
“มีก็ดีกว่าไม่มีนา”
บรรยากาศเริ่มตึงเครียด ความเงียบกัดกินเวลานานนับชั่วโมง ก่อนะที่พระราชาอิจิโกะจะให้พวกนางในยกเหล้าเข้ามา แค่นั้นแหละบรรยากาศที่เคยเครียดก็ผ่อนคลาย เมื่อเมรัยเข้าปากนิสัยแท้ก็เริ่มออก การพูดคุยสนุกสนานเฮฮาเริ่มขึ้น คนที่ไม่ช่ำชองเรื่องการดื่มของเมาอย่างเจ้าชายอุริวและเจ้าชายอิซึรุก็เกือบคอพับคาโต๊ะด้วยฝีมือการมอมของเจ้าชายชูเฮย์และเจ้าชายงิน เร็นจิที่กระดกเอาๆเหมือนเจ้าชายเบียคุยะก็เริ่มสะอึก หันไปกลั่นแกล้งเพื่อนด้วยการพ่นไฟใส่ ชูเฮย์เลยจับเขวี้ยงไปทางเบียคุยะ เกิดแสงสว่างวาบจนแสบตายังให้ทุกชีวิตหันมามอง ปากของเจ้ากบน้อยเร็นจิที่ประกบกับเบียคุยะเริ่มเปลี่ยนเป็นรูปของปากคน และร่างกายก็กลับเป็นมนุษย์ด้วย ผมสีเพลิงปล่อยยาวสยาย คนที่กำลังเมาเลยสร่างเมา อิซึรุชี้มือพั่บๆ ชูเฮย์หันไปมองถามตาขวางๆ
“เร็นจิเหรอ”
“อะ.......อื้อ”
คนถูกถามหันมาตอบ ขยับร่างกายก๊อกๆแก๊กๆด้วยความตื่นเต้นที่ได้คืนร่างเดิม ขณะที่เบียคุยะค้างๆไปแล้ว อิซึรุเค้นเสียงออกมา
“ทำไมเจ้าถึงมีเสื้อผ้าเวลาคืนร่างล่ะ”
“เอ๋?”
หลายเสียงหันมาร้องใส่คนถาม เร็นจิเลยได้ฤกษ์มองร่างตัวเอง แล้วก็นึกดีใจที่ตัวเองคืนร่างแล้วมีเสื้อผ้าใส่ไม่เหมือนใครบางคน งินที่พอจะเข้าใจก็เลยลองอธิบายดู
“อิซึรุ......เจ้าบอกว่าพ่อมดไอเซ็นสาปเจ้าเพราะเจ้าไม่ยอมเป็นของมันใช่มะ”
“อื้อ” ร่างบางรับ
“แต่ของเร็นจิคงไม่ใช่ คงสาปเพราะนึกสนุก ดังนั้นเวลาคืนร่างก็เลยมีเสื้อผ้าตามปกติ แต่เจ้าน่ะ คืนทีก็หวิวที คงถูกใจมันพิลึกเลยหละ”
งินที่อธิบายไปเสียงก็เข้มขึ้นไปกำแก้วจนแตกคามือ ขณะที่คนฟังก็ได้แต่หัวเราะแหะๆปั้นหน้าไม่ถูก ชูเฮย์เลยหันไปคุยกับเร็นจิ
“เจ้าคืนร่างได้ก็ดีแล้ว พรุ่งนี้จะได้สู้กับพ่อมดไอเซ็นนั่นได้สะดวก”
ว่าเสร็จก็หันไปซุกไซ้ดวงหน้าขาวของคนข้างกายที่ตัวเองมอมเหล้า มือข้างหนึ่งเลื่อนขึ้นไปถอดแว่นออกเพื่อจะได้จูบได้ถนัด มือนึงก็ดันท้ายทอยให้เข้ามาใกล้ ด้วยความเมาเจ้าชายอุริวจึงไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด ทั้งยังตอบสนองอย่างอ่อนหวานเสียอีก จนเร็นจิที่เห็นว่ามันเริ่มลามเลยต้องไล่ให้ขึ้นไปต่อกันบนห้อง เพื่อป้องกันการอนาจารกลางที่สาธารณะ งินเลยลากอิซึรุขึ้นไปบ้าง แต่ด้วยความที่ไม่อยากน้อยหน้าใคร ตอนพาขึ้นบันไดไปก็เลยปลดเสื้อผ้าไป เวลาถึงห้องจะได้จัดการได้ทันที เบียคุยะเองหลังจากที่หายค้างก็ดื่มต่ออีก 2 3 ขวด ดวงหน้าสวยแดงซ่านอย่างคนเมาสุรา และดวงเนตรสีเข้มที่ปรือหวาน เร็นจิที่ถูกปล่อยคว้างอยู่เลยลงไปนั่งข้างๆ พูดเป่าหูไปนิดๆหน่อยๆ ก่อนจะกึ่งลากึ่งจูงเบียคุยะขึ้นห้อง
TBC
ความคิดเห็น