**~~ ท่องเที่ยว อเมริกาเหนือ ~~** - **~~ ท่องเที่ยว อเมริกาเหนือ ~~** นิยาย **~~ ท่องเที่ยว อเมริกาเหนือ ~~** : Dek-D.com - Writer

    **~~ ท่องเที่ยว อเมริกาเหนือ ~~**

    สวัสดี ผู้ชมทุกท่านที่เข้ามาชมนะคะ เว็ปไซต์การท่องเที่ยว ทวีปอเมริกาเหนือ ยินดีต้อนรับค่ะ ^^

    ผู้เข้าชมรวม

    8,145

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    8.14K

    ความคิดเห็น


    10

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ก.ย. 51 / 18:37 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    สวัสดีค่ะ~!!


    ยินดีต้อนรับทุกท่าน นะคะ 


    ก่อนที่เราจะไปท่องเที่ยวกัน..


    เรามารู้จัก ประวัติ ของเหล่าชาวไกด์กันก่อนดีกว่าค่ะ




    1. ด.ช. พณพงษ์ สีเทา ม.3/7 เลขที่ 15



    2. น.ส. กฤตพร รัตนารังสรรค์ ม.3/7 เลขที่ 28


    3. ด.ญ. จรรยา บุณณ์ญาณ์ ม. 3/7 เลขที่ 29


    4. ด.ญ. ภูริยา กัณทนเวทย์ ม.3/7 เลขที่ 41


    5. ด.ญ. โมริยา ช้างจันทร์ ม.3/7 เลขที่ 44







    ทั้งหมดนี้ เป็นนักเรียน 

    โรงเรียนราชวินิต มัธยม 


    เชิญ รับชมได้เลยค่ะ 


    ^^
                                                      
    เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เขียนเพื่อการศึกษาเท่านั้น
    K a e
    K a e


    ขอขอบคุณ เครดิต จาก 'เก๋' ค่ะ
    http://my.dek-d.com/Pram_koolong/story/view.php?id=431965

    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      การท่องเที่ยว ทวีป อเมริกาเหนือ

      ระยะเวลาการเดินทาง 5 วัน 4 คืน


      วันที่ 1 
       
      21.00 น.   รวมคณะลูกทัวร์ที่สนามบินสุวรรณภูมิ
      22.30 น.   ออกเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ


      วันที่ 2 

      10.30 น.   ถึงสนามบิน ฮินาตะ ประเทศ ญี่ปุ่น เปลี่ยนรอบบิน
      22.30 น.   ถึงสนามบิน ใน รัฐ อะริโซนา (Arizona) 
      23.00 น.   checkin เข้าโรงแรมใน อะริโซนา พักผ่อน ตามอัธยาศัย


      วันที่ 3

      7.00   น.   รับประทานอาหารเช้า ที่โรงแรม แนะนำตัว 
                     ทำข้อตกลงร่วมกัน
      8.30   น.   เตรียมตัวออกเดินทาง checkout ออกจากโรงแรม เช่ารถ
                     ไว้สำหรับเดินทาง 
      9.00   น.   เริ่มต้นการเดินทางที่ แกรนด์แคนยอน
       
                     

      แกรนด์แคนยอน

                                                                 

              

      ตั้งอยู่รัฐอะริโซน่า ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นภูเขาลักษณะเป็นหินทรายแดงที่สึกกร่อนจากธรรมชาติ กรำแดดและฝน เป็นภูเขาที่ไม่มีต้นไม้เขียว ซึ่งเป็นธรรมชาติที่แปลกตา ผู้ค้นพบดินแดนแห่งนี้คือ พันเอกจอนห์นบลิว โพเวล เป็นผู้สำรวจชาวยุโรป ที่ค้นพบดินแดนแห่งหินผาแบะหุบเหวแห่งนี้ ปัจจุบันเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของเมืองอะริโซนา 

      11.00  น.  รับประทานอาหารกลางวัน 
      12.00  น.  ไปทัวร์ต่อที่ การ์เด้น ออฟ เดอะ ก๊อดส์ 
                     (Garden of the gods
      )

                            Garden of the gods

      นักธรณีวิทยาอ้างว่าเรื่องราวของ Garden of the Gods เริ่มที่ประมาณ 300 ล้านปีที่ผ่านมา เมื่อตะกอนจากแม่น้ำ Ancestral ถูกนำพาไปทางตะวันออก และกระจายออกไปสู่การพัดพาของดินทรายจำนวนมาก ตะกอนนี้ถูกเป็นสีแดงโดยธาตุเหล็ก และปกคลุมด้วยน้ำตื้นไกลทะเล ใน 60 ล้านปี ต่อมาเมื่อภูเขาหินรุ่นใหม่เริ่มดันสูงขึ้นตะกอนเริ่มตกตะกอนหินตามแนวพื้นราบ ถูกยกและเอียงสู่ท้องฟ้า แรงลมและฝนเป็นผลให้แบ่งเป็นชั้น ๆ เป็นทางออกไปชั้นที่อ่อนนุ่มกว่าจนกลายเป็นปฎิมากรรม หินหลายแบบที่เห็นอยู่ทุกวันนี้
                                     
      โขนหินลักษณะคล้ายอูฐนั่งจูบกัน(The Kissing Camels) ที่ยอดของประตูหิน ด้านเหนือ (North Gateway Rock) ท่าแสดงความรักของอูฐนี้มักจะกล่าวกันว่าเป็นจูบที่ยาวนานที่สุดที่มีการบันทึก ไว้ไม่มีใครมาทำลายได้ ที่จริงแล้ว พันธะหินนี้ได้ถูกเล่าเป็นตำนานอูฐจูบกันต่อกันมา ถูกเผยแพรเป็นครั้งแรกโดย Laura Mecum ในปี 1926 Laura อ้างถึงตำนานว่าเธอแปลงจากภาษา hieroglyphics ที่พบในถ้ำที่ซ่อนอยู่ในหิน เนื้อความสำคัญของเรื่องเกียวกับสองคู่รัก หนุ่มสาวชื่ออัลฟา(Alpha) และ โอเมก้า(Omega) ซึ่งแต่ละคนอยู่คนละเผ่าที่ ทำสงครามกันวันหนึ่งทั้งคู่ถูกจับกุมโดยทหารฝ่ายอื่น พวกเขาถูกนำตัวไปที่ยอดประตูหินทางตอนเหนือ สถานที่นี้เป็นสถานที่พวกเขาถูก ับแยกเผาคนละกองเพลิงจนตาย ตามที่เล่าต่อกันมาว่า ในตอนเช้าเมื่อพระอาทิตย์ส่องแสงไปยังควันหน้าผาที่เป็นเถ้าถ่านสีดำ 
      ปรากฎเห็นเป็นรูปอูฐสองตัวคุกเข่าทีริมฝีปากประกบทับกัน เป็นจูบแห่งความรักที่ไม่มีวันสลาย

                        
      แฝดสยาม (The Siamese Twins) หินรูปคู่นี้ที่เป็นที่รู้จักกันดีตามชื่อที่ต่าง กันสองชื่อขึ้นอยู่กับจุดมองทิวทัศน์ เมื่อมองจากด้านตะวันออกจะเรียก แฝดสยาม ( Siamese Twins) เมื่อมอง ทิวทัศน์จากทางใต้หินสองก้อนจะเรียงเป็นแถวเดียวกัน และรวมกับหินที่ใกล้กันกลายเป็น Punch(ตัวตลกของหุ่นกระบอกฝรั่งเล่นคู่ กับผู้หญิงชื่อ Judy) กับ Judy หลุมที่ตรงกลาง ของรูปหินมองดูเป้นช่องที่งดงามหลายปีมาต่อจุดนี้กลายเป็นจุดที่ชื่นชอบสำหรับนักถ่ายภาพสมัครเล่นทั้งหลาย

      15.00  น.  เที่ยวชม ต่อที่ น้ำตก แองเจิล (Angle Falls)

                               Angle Falls
                          
      น้ำตกที่สูงที่สุด คือ น้ำตกแองเจล (Angel Fall) อยู่ในทวีปอเมริกาเหนือ มีความสูงประมาณ 3,212 ฟุต ชาวพื้นเมือง เริ่มรู้จัก Salto Angel ตั้งแต่ Jimmie Angel นักบินสหรัฐบินผ่านเหนือพื้นที่นี้ในปี 1935 เมื่อเขาลงสู่พื้นดินบนยอดของภูเขาเดี่ยวที่ค้นหาทองคำ เครื่องบินของเขาติดในป่ารกที่เป็นหนองน้ำบนยอดเขา และ เขาประกาศน้ำตกที่สวยงามตระการตาอันน่าประทับใจที่โถมดิ่งลงมาสู่พื้นหลายพันฟุต เขาต้องทรมานกับการเดินทางหลายวันด้วยเท้าประมาณ 11 ไมล์ เพื่อกลับตัวเมืองเครื่องบินของเขายังคงติดอยู่บนเขาเป็นอนุสาวรีย์การค้นพบของเขา ในไม่ช้าทั่วโลกที่ต้องการรู้เกี่ยวกับน้ำตก ก็มารู้จัก Angel Falls หลังจากการค้นพบของนักบิน
      Angel Falls ตกจากยอดที่ราบสูงที่ทางขึ้นลาดชัน หรือที่ชาวพื้นเมืองเรียกกันว่า Tepuyi ชื่อ "Auyantepui" ที่ราบสูงน้ำตกแองเจิล เป็นหนึ่งจากหลายร้อยที่ราบสูงที่กระจัดกระจายตาม Guiana Highlands ทาง ตะวันออกเฉียงใต้ของ Venezuela เหมือนยักษ์ขี้เซา ลักษณะของที่ราบสูง (Tepuys) เป็นที่ราบขนาใหญ่ สูงทะยานไปสู่ท้องฟ้า ประกอบด้วยที่ราบบนยอด และด้านข้างตั้งตรงมักถูกเรียกว่า "table mountains" (อธิบายโดยละเอียดด้วยรูปร่าง) Tepuys มีรูปแบบเป็นหินทรายที่มีอายุพันล้านปี ด้านข้างที่ตั้งตรงยังคงถูกกัดเซาะโดยการกระทำของน้ำจากฝนตกอย่างหนัก ที่ Guiana Highlands ได้รับ


      17.00  น.  เดินทางไป รัฐ ไวโอมิง (Wyoming) หาที่พัก 
                     พักผ่อนตามอัธยาศัย
       
      18.00  น.  รับประทานอาหารค่ำ ใน โรงแรม

      วันที่ 4

      7.00    น.  รับประทานอาหารเช้า
      8.00    น.  เริ่มออกเดินทางไป หอคอยปีศาจ
       

                               หอคอยปีศาจ
                


      หอคอยปีศาจในมลรัฐไวโอมิง เป็นชื่อเรียกหินที่โผล่ขึ้นมาเหมือผิวดินเป็นรูปหน้าตัดตอนบนคล้าย ๆ กับตอของต้นไม้ใหญ่มหึมา ตอหินนี้เกิดขึ้นเพราะอำนาจหินละลายของภูเขาไฟ เมื่อมันจับตัวเย็นลง และถูกอำนาจความร้อนและแสงแดดลมและฝนพัดซะกร่อนอยู่เสมอ ทำให้เห็นชั้นของหินในด้านตั้งได้ชัดเจน และมีลักษณะแปลกประหลาดมาก ชั้นของหินเหล่านี้แตกหักแล้วทำให้คงรูปเป็นเหลี่ยมขึ้นโดยรอบ จนเกือบไม่น่าเชื่อเลยว่าธรรมชาติจะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นมาได้เช่นนี้

      10.00  น.  เดินทางต่อไปที่ อุทยานแห่งชาติ เยลโลว์สโตน เพื่อชม
                     เยลโลว์สโตน

      เยลโลว์สโตน

      ดินแดนแห่งนี้มีอายุมากกว่า 600,000 ปี เกิดจากการระเบิดของภูเขาไฟ ทิ้งร่องรอยของหินละลายที่พุ่งผ่านผิวโลกขึ้นมาเย็นตัว เกิดเป็นภูเขาสูง ที่ราบและหุบเหวที่สวยงาม ที่ราบที่เป็นพื้นที่ส่วนใหญ่ของอุทยาน มีความกว้างกว่า 50 ไมล์ หรือ 80 กิโลเมตร มีความสูงเหนือระดับน้ำทะเลเฉลี่ยประมาณ 7,000 ฟุต หรือ 1 ไมล์ครึ่ง จุดที่ต่ำที่สุด คือ 5,300 ฟุต จะอยู่ทางด้านเหนือของอุทยาน และจุดที่สูงที่สุดจะอยู่ที่ยอดเขาอีเกิ้ล สูงถึง 11,300 ฟุต บนที่ราบสูงจะมีแม่น้ำเยลโลว์ สโตนไหลผ่านลงสู่ทะเลสานเยลโลว์ สโตนที่อยู่เกือบกึ่งกลางเขตอุทยาน
                               

      หลังยุคน้ำแข็งละลายคือ กว่า 8,500 ปีที่ผ่านมา ป่าในอุทยานแห่งชาติ เยลโลว์ สโตนได้เริ่มเกิดขึ้น ผู้ที่เคยพบเคยผ่านมาในอดีตก็คือ พวกอินเดียนแดง ต่อมาก็มีคนผิวขาวได้เคยเดินทางผ่านบ้าง ต่างก็เล่าขานบอกกล่าวถึงป่าใหญ่ที่อุดมไปด้วยบ่อน้ำร้อนและบ่อน้ำพุร้อน รวมถึงบ่อโคลนเดือด

         

      เยลโลว์ สโตนเริ่มมาเป็นที่รู้จักแพร่หลายมากขึ้นเมื่อนักสำรวจชาวอเมริกันชื่อ จอห์น โคลเทอร์ (John Colter) ได้เดินทางมาถึงในปี ค.ศ.1807 โคลเทอร์ได้พยายามผลักดันให้ชาวอเมริกันและชาวโลกได้รู้จักกับดินแดนภูเขาสูงแห่งนี้ จนกระทั่งปี ค.ศ. 1872 ดินแดนแถบนี้ในชื่อของ Colter's Hill จึงได้รับการยอมรับจากรัฐบาลอเมริกัน ให้ประกาศเป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของชาวอเมริกา และถือได้ว่าเป็นอุทยานแห่งแรกของโลกด้วย
                    
      12.00  น.  รับประทานอาหารกลางวัน กลับโรงแรม
                      checkout  เตรียมเดินทางไป แคนาดา

      14.30  น. ถึงประเทศ แคนาดา เช่ารถ เดินทางไป น้ำตกไนแองการา
                    (Niagara Falls)

                              Niagara Falls


                                         
      น้ำตกไนแองการ่าแหล่งท่องเที่ยวที่ลือลั่นสนั่นโลก และเป็นแหล่งที่ทำเงินให้กับแคนาดาและสหรัฐอเมริกาปีหนึ่ง ๆ นับจำนวนมหาศาล เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่เคยที่จะร้างห่างลาผู้คน ไม่ว่าจะเป็นฤดูหนึ่งฤดูใดก็ตาม
                                      


      ภาพของน้ำตกไนแองการ่าที่ไหลลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เป็นผืนน้ำขนาดใหญ่ที่ดูเป็นแอ่งนิ่งและสงบอยู่ในแผ่นดินทางสหรัฐอเมริกา แต่ถัดมาที่มีลักษณะเป็นรูปเกือกม้าขนาดใหญ่กลับเป็นภาพของ กระแสน้ำที่หลั่งทะลักลงจากหน้าผาสูงเป็นแนวกว้าง กระโจนลงสู่พื้นเบื้องล่าง และเพราะแรงกระทบที่ตกลงไป ส่งผลให้เกิดละอองกระเซ็นสาดไปทั่วบริเวณ เมื่อกระทบกับแสงแดดที่สาดเข้าใส่ละอองเหล่านั้นจะปรากฏเป็นภาพของรุ้งกินน้ำ ประดับบริเวณน้ำตกอยู่ตลอดเวลา ส่วนความมหึมาของน้ำตกตรงจุดนี้เขาเรียกกันว่า "แคนาเดี่ยนฟอลส์" ส่วนบริเวณชั้นของน้ำตกส่วนล่างลงมา ซึ่งก็เป็นบริเวณที่เป็นชั้นน้ำตก ตกลงไปกระทบพื้นล่าง เป็นระดับแนวยาวขนานกันกับชั้นบนมามีชื่อเรียกว่า"อเมริกัน ฟอลส์"

      16.00 น.  เดินทาง ไปสนามบิน ในแคนาดา
      17.00 น.  ออกเดินทางจากสนามบินแคนาดา


      วันที่ 5

      01.00 น.  ถึงสนามบิน ฮินาตะ ประเทศ ญี่ปุ่น เปลี่ยนรอบบิน
      17.00 น.  ถึงสนามบินสุวรรณภูมิโดยสวัสดิภาพ


      แหล่งอ้างอิง
      http://www.wonder7th.com/wonder_natural/#n_america
      http://www.geocities.com/theworldcycle/intelnorth_america.htm
      http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/st2545/4-5/no02-07/place2.html

       

            

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×