ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    !ลึกลับ!

    ลำดับตอนที่ #2 : บันทึกลับรายงานจานบิน

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 52


    มีหลักฐานที่เชื่อได้ว่า ในช่วงต้นๆ ของการสำรวจวัตถุบินลึกลับ ซีไอเอ ได้ทำรายงานการสำรวจปลอมขึ้น เพื่อปกปิดปฏิบัติการลับของพวกเขาต่อสาธารณชน หรือว่าวัตถุบินลึกลับที่ชาวบ้านเห็นบินอยู่บนท้องฟ้าในช่วงทศวรรษที่ 1950 แท้ที่จริงแล้วก็คือ เครื่องบินล่องหนลำแรกของโลก U2 ?


    หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จบสิ้นลงราวปลายทศวรรษที่ 1950 หลายประเทศทั่วโลกก็ตกอยู่ในสภาวการณ์ "สงครามเย็น" (Cold War) ในช่วงเวลาเดียวกันนั้นเองก็มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลสหรัฐหลายคนเชื่อกันว่าปรากฏการณ์วัตถุบินลึกลับ (UFO phenomenon) ที่พบเห็นบ่อยครั้งในช่วงนี้ เกิดจากการข่มขู่ของพวกมนุษย์ต่างดาว
     

    พบจานบินครั้งแรก

    รายงานการพบเห็นวัตถุบินลึกลับเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 1947 เมื่อเคนเนท อาร์โนลด์ (Kenneth A. Arnold)นักธุรกิจและนักบินเครื่องบินส่วนตัวกำลังบินอยู่เหนือเทือกเขาเรนเนียร์ (Mount Rainier) รัฐวอชิงตัน ขณะนั้นเขากำลังบินอยู่ที่ระดับความสูง 9,000 ฟุต เมื่อเขามองต่ำลงมาก็พบว่ามีวัตถุลึกลับคล้ายจานจำนวน 9 ลำ บินอยู่เบื้องล่าง
    ในภาพคืออาร์โนลด์ กับลักษณะของจานบินที่เขาเห็นครับ
     





    หน่วยงานที่รับผิดชอบในโครงการสัญลักษณ์ก็คือ แผนกเทคนิคสืบราชการลับ ของศูนย์ยุทโธปกรณ์การบินที่ฐานทัพไรท์ (Wright field) ซึ่งปัจจุบันก็คือฐานทัพอากาศไรท์-แพทเทอร์สัน (Wright-Patterson Air Force Base) 



    ที่ตั้งอยู่ที่เมืองเดทัน รัฐโอไฮโอ

    โครงการสัญลักษณ์ได้เริ่มดำเนินงานอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 23 มกราคม 1948 ในตอนแรกนั้นบรรดานักวิจัย ต่างเชื่อว่า วัตถุบินลึกลับ เหล่านั้นเป็นอาวุธของรัสเซีย แต่ต่อมาเมื่อมีการสืบสวนลึกลงไปก็พบว่ามันไม่ใช่อย่างที่พวกเขาคาดไว้ พวกเขาจึงสรุปว่าวัตถุบินลึกลับที่พบเห็นกันอาจจะเป็นยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาวจริงๆ ก็ได้
     


             ไม่นานนักพวกเขาก็ได้ข้อสรุปใหม่ว่าปรากฏการณ์ที่ได้รับแจ้งส่วนใหญ่แล้วเป็นเรื่องที่เกิดจากผู้แจ้งข่าวเพ้อเจ้อไปเองบ้าง ข่าวเท็จบ้าง สำคัญผิดบ้าง และบางครั้งก็เกิดจากผู้อยู่ในเหตุการณ์เป็นโรคประสาท แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังคงสืบสวนเรื่องปรากฏการณ์ประหลาดเหล่านี้อยู่ต่อไปเพราะพวกเขาก็ยังคงคิดว่ามีหลายเหตุการณ์ที่อาจเป็นเรื่องจริง

    บิดเบือนข้อมูล

    ท่ามกลางข่าวลือเรื่องวัตถุบินลึกลับที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ กองทัพอากาศก็ยังคงพยายามที่จะรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับ ปรากฏการณ์นี้เพื่อหาข้อสรุปที่ชัดเจน ในปลายทศวรรษที่ 1940 กองทัพอากาศได้เริ่มโครงการใหม่ชื่อว่า
    "โครงการกรูดจ์" (Project Grudge)

    โครงการนี้มีหน้าที่ในการสร้างข่าวออกสู่สาธารณชน เพื่อให้ประชาชนคลายความวิตกกังวลเรื่องมนุษย์ต่างดาวจะบุกโลก โดยการออกข่าวชักจูงให้ประชาชนมีความเห็นคล้อยตามว่าวัตถุบินลึกลับที่เห็นนั้นเป็นเรื่องอธิบายได้ง่ายๆ หาใช่จานบินของมนุษย์ต่างดาว เช่น ลูกบอลลูน เครื่องบิน ดาวเคราะห์ ดาวตก ฝนลูกเห็บ หรือแสงสะท้อน

    จากการสืบสวนอยู่นานนับปี ก็ไม่พบหลักฐานว่าปรากฏการณ์วัตถุบินลึกลับจะเกิดจากการบุกรุกจากพวกมนุษย์ต่างดาวหรือแม้แต่เป็นอาวุธลับของประเทศที่เป็นศัตรูของสหรัฐ ในทางตรงกันข้าม การที่รัฐบาลตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมาสืบสวนเรื่องนี้กลับทำให้ประชาชนต่างยิ่งหวาดผวาว่าเรื่องที่พวกเขากลัวจะเป็นความจริง ดังนั้นรัฐบาลจึงได้ล้มเลิกโครงการนี้ลงเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 1949

    เอกสารของโครงการ(เน่าจัง - -")
     





    สิ่งบินลึกลับ อยู่ต่ำลงไปเบื้องล่าง กำลังบินฉวัดเฉวียนอยู่เหนือหุบเขาสูงๆต่ำๆ ซึ่งทอดแนวยาวต่ำกว่าเพดานบินของเขาลงไป อาร์โนลด์รู้สึกพิศวงกับสิ่งที่เห็น เนื่องด้วยประสบการณ์เสืออากาศของเขา ยังไม่สามารถบอกได้ว่า เจ้าสิ่งที่เห็นนั้นคืออะไร มันบินด้วยลักษณะอาการที่แตกต่างไปจากสิ่งบินหรืออากาศยานในสมัยนั้นโดยสิ้นเชิง ด้วยลักษณะที่เหมือนกับจานสองใบประกบกัน อาร์โนลด์เรียกมันว่าจานบินครับ ลักษณะการบินของมันก็แปลกใช่ย่อย มันร่อนไปในลักษณะที่แฉลบไปมา "เหมือนกับเวลาเราร่อนหินหรือจานแบนๆ ให้แฉลบไปบนผิวน้ำ" อาร์โนลด์กล่าว จานบินที่เขาเห็นมีอยู่ด้วยกันทั้งสิ้น 9 ลำ บินเกาะหมู่กันมาอย่างไม่เป็นระเบียบ คล้ายลูกปัดที่ร้อยกันห่างๆด้วยด้ายหรือโซ่ "จะว่าไปมันก็เหมือนห่านที่บินเรียงแถวกัน" เขาย้ำ ขนาดของจานบินเหล่านั้น มีขนาดประมาณ 2/3 ของเครื่อง DC-4 บินด้วยความเร็วประมาณ 1,700 ไมล์ต่อชั่วโมง มากกว่าเครื่องเชสน่าลำโปรดของเขาหลายเท่านัก

    ลักษณะของจานบินที่เคนเนธ อาร์โนลด์บรรยาย
     




    วันที่ 19-20 กรกฏาคม 1952 เรดาร์ของสนามบินนานาชาติใน กรุงวอชิงตัน และ ฐานทัพอากาศแอนดรูว์ จับภาพวัตถุบินลึกลับได้ แล้วจู่ๆ มันก็หายไปจากจอเรดาร์ วันที่ 27 กรกฏาคม มันก็กลับปรากฏขึ้นมาอีกและหายไปเฉยๆ
    เหมือนครั้งก่อน กองทัพอากาศก็รีบออกมาให้ข่าวว่ามันเป็นเพียงแค่ปรากฏการณ์อุณหภูมิเปลี่ยนแปลงกระทันหันจึงทำให้สัญญานเรดาร์สะท้อนกลับ

    วันที่ 29 กรกฏาคม ว่าที่ผู้ช่วยผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับสายวิทยาศาสตร์ของ ซีไอเอ (CIA's Acting Assistant Director for Scientific Intelligence) ได้ทำบันทึกรายงานถึง ว่าที่ผู้อำนวยการหน่วยสืบราชการลับว่า "สืบเนื่องจากการที่มีผู้พบเห็นวัตถุบินไม่ปรากฏสัญชาติทั้งชนิดเห็นได้ด้วยตราเปล่าและปรากฏบนจอเรดาร์เป็นจำนวนมาก จึงได้มีการจัดตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษขึ้นเพื่อหาข้อเท็จจริง"

    งานชิ้นแรกที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษกระทำก็คือ การสืบค้นข่าวจากหนังสือพิมพ์และนิตยสารของรัสเซียเพื่อหาดูว่าทางค่ายคอมมิวนิสต์นั้นมีการสร้างอาวุธลับอะไรหรือเปล่า เพราะพวกเขาเกรงว่าวัตถุบินไม่ปรากฏสัญชาติเหล่านั้นอาจมาจากรัสเซีย แต่ก็ไม่ปรากฏว่าจะมีข้อมูลใดสามารถนำมาผูกโยงกับเรื่องนี้ได้

    เป็นภัยต่อความมั่นคง

    วันที่ 1 สิงหาคม เอ็ดเวิร์ด เทาส์ (Edward Tauss) หัวหน้าฝ่ายสรรพาวุธของ ซีไอเอ ได้รายงานข่าวว่า จากการที่เขาได้ตรวจสอบข่าววัตถุบินลึกลับกว่า 1,000 ข่าวที่ถูกส่งมายังฝ่ายเทคนิคการบิน (Air Technical Intelligence Center - ATIC) นั้นมีอยู่ราว 100 ข่าวที่ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ว่าเกิดจากอะไร

    แต่อย่างไรก็ตามมันไม่ได้เป็นเพราะว่าเขาหาเหตุผลมาอธิบายปรากฏการณ์นั้นไม่ได้ หากแต่เป็นเพราะว่าข้อมูลข่าวที่ได้รับแจ้งนั้นมีน้อยเกินไป และตราบใดที่เขายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่ามันคืออะไร รัฐบาลควรที่จะต้องปกปิดเรื่องเหล่านั้นไว้เป็นความลับ

    เอ็ดเวิร์ด ยังได้แนะนำอีกด้วยว่าประชาชนไม่ควรจะรู้ด้วยซ้ำว่ารัฐบาลกำลังทำการสืบสวนเรื่องวัตถุบินลึกลับนี้อยู่หาไม่แล้วประชาชนจะต้องเรียกร้องให้รัฐบาลเปิดเผยข้อมูลเหล่านั้นต่อสาธารณชน ซึ่งรัฐบาลเองก็ยังไม่มีคำตอบ

    ปัญหาที่น่าห่วงที่สุดก็คือ ถ้าหากมีปรากฏการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ กองทัพจะรู้ได้อย่างไรว่าภาพที่เห็นบนจอเรดาร์นั้นเกิดจากการทำงานที่ผิดพลาดของเรดาร์ หรือเป็นยานอวกาศมนุษย์ต่างดาว หรือร้ายที่สุดก็คือเป็นขีปนาวุธของรัสเซีย 



    เดือนพฤศจิกายน 1954 ซีไอเอ ได้เปิดตัวเครื่องบินสอดแนมที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เครื่องบินลำนี้พัฒนาขึ้นมาโดยฝ่ายพัฒนาขั้นสูงของ บริษัท ลอคฮีด ในเมืองเบอร์แบง รัฐแคลิฟอร์เนีย หรือที่รู้จักกันในนามของ สกังเวิร์ค (Skunk works)

    U2 เจ้าเครื่องบินลำนี้ได้ถูกทดสอบบินเป็นครั้งแรก เมื่อเดือนสิงหาคม 1955 โดยนักบินที่มีชื่อเสียง เคลลีย์ จอห์นสัน (Kelly Johnson)
     



    ครื่องบิน U2 นี้ใพดานบินสูงถึง 60,000 ฟุต ซึ่งในช่วงทศวรรที่ 1950 นั้นเครื่องบินส่วนใหญ่จะมีเพดานบิน อยู่แค่ 10,000 ฟุต หรืออย่างมากก็ไม่เกิน 20,000 ฟุต และด้วยเหตุที่เครื่องบิน U2 เป็นอาวุธลับที่ไม่สามารถ
    เปิดเผยให้สาธารณชนทราบได้ จึงทำให้มีรายงานการพบเห็นวัตถุบินลึกลับถี่ขึ้นในช่วงนี้

    เครื่อง U2  รุ่นแรกๆ นั้นเป็นสีเงิน ทำให้มันสะท้อนแสงอาทิตย์ได้ดี เมื่อมองจากที่ต่ำกว่าจะทำให้ดูเหมือนเป็นวัตถุที่โชติช่วง ดังนั้นเมื่อมีรายงานพบวัตถุบินลึกลับที่ส่องสว่างเป็นประกาย รัฐบาลก็พอจะทราบอยู่ว่าเจ้าสิ่งนั้น
    ก็คือเครื่องบิน U2 นั่นเอง แต่เป็นเพราะว่ามันเป็นความลับ รัฐบาลจึงต้องบิดเบือนว่า สิ่งที่เห็นนั้นเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ เช่น ผลึกน้ำแข็งบนท้องฟ้า หรือมีการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิโดยกระทันหัน

    ท้ายที่สุด รัฐบาลก็กลับเป็นต้นเหตุที่ทำให้ประชาชนเกิดความแตกตื่นในเรื่องวัตถุลึกลับเสียเอง แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐ จะประสบความสำเร็จในการปกปิดเรื่องเครื่องบินล่องหน U2 แต่มันก็นำไปสู่ปัญหาอื่นๆ ที่พวกเขาพยายามแก้ไขมาหลายสิบปี นั่นก็คือการลดความแตกตื่นของประชาชนในเรื่องยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว

    และอย่างที่เราทราบกันดีแล้วว่าเครื่องบิน U2 ไม่ใช่โครงการลับโครงการเดียวของรัฐบาลสหรัฐ แต่ยังมีโครงการลับอื่นอีกนับสิบโครงการที่รัฐบาลสหรัฐปฏิเสธว่ามันไม่มีจริง ก็ลองคิดดูแล้วกันว่า จะมีประชาชนชาวอเมริกันได้พบเห็นวัตถุบินลึกลับบนท้องฟ้ามากมายและบ่อยขนาดไหน

    มีเรื่องราวที่เป็นปริศนามากมายที่รัฐบาลสหรัฐรูดซิบปากเงียบในตอนแรก และมาเปิดเผยความ(ไม่)จริง หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปเนิ่นนานหลายปี หรือเป็นเพราะว่าพวกเขารอสร้างหลักฐานให้ดูสมจริงสมจังเสียก่อน จึงค่อยนำมาเปิดเผยต่อสาธารณชน




    จากนั้นมาก็เริ่มมีรายงานการพบเห็นวัตถุบินลึกลับทั้งจากนักบินกองทัพอากาศ นักบินพาณิชย์ และเจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมการบินทั่วสหรัฐ พลอากาศเอก นาธาน ทวินิง (General Nathan F. Twining)

    หัวหน้าศูนย์บริการเทคนิคการบินจึงได้เริ่ม "โครงการจานบิน" (Project Saucer) ขึ้นในปี ค.ศ. 1948 โครงการนี้มีหน้าที่ในการรวบรวม ตรวจสอบ วัดผล และสรุปข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับปรากฏการณ์วัตถุบินลึกลับ เพื่อใช้เป็นหลักฐานพิสูจน์ว่ายานอวกาศจากนอกพิภพอาจเป็นเรื่องจริง และส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของชาติ ซึ่งในเวลาต่อมา นาธาน ได้เปลี่ยนชื่อโครงการเป็น "โครงการสัญลักษณ์" (Project Sign)
    ภาพพลอากาศเอก นาธาน ทวินิง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×