ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [TWICE] ADVERSE

    ลำดับตอนที่ #1 : ADVERSE : I

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 706
      1
      26 ต.ค. 60

    @SQWEEZ 




    A D V E R S E : I

     

     

     

                “แชงๆ ข้อนี้ตอบไรวะ

               

                “แป๊ปดิ คิดอยู่

               

                บทสนทนาของนักเรียนมัธยมปลายปีหนึ่ง กำลังรีบหาคำตอบของโจทย์คณิตศาสตร์อย่างเร่งรีบ เกรงว่าอาจารย์จะสุ่มถามแล้วโดนตัวเองจนตอบไม่ได้ คิมดาฮยอน จึงต้องพึ่งพาเพื่อนสนิทสุดติสท์ที่นั่งข้างกันอย่าง ซนแชยอง ให้ช่วยแก้โจทย์ข้อนี้ให้ทันท่วงที

               

                ดูเหมือนว่าการแก้โจทย์จะเสร็จสิ้น เมื่อแชยองเขียนอะไรบางอย่างลงไปในกระดาษโน้ตพร้อมกับส่งมาให้

               

              “โทษทีว่ะ คิดไม่ออก :P” พร้อมเมินหันไปมองทางอื่นซะอย่างนั้น

               

                “คิมดาฮยอน ออกมาทำข้อนี้เสียงอาจารย์วิชาคณิตศาสตร์พูดดังขึ้นทำเอาเธอสะดุ้งโหยง

               

                ซวยละไง

                

               เด็กสาวผมยาวในชุดนักเรียนที่อาจจะผิดระเบียบอยู่บ้างเล็กน้อย เดินเก้ๆกังๆมองกระดาษทดของเพื่อนแต่ละคนที่ว่างเปล่า

     

                สาเหตุที่อาจารย์เรียกเธอไม่ใช่เหตุผลใดอื่น

     

                เพราะเธอหลับในคาบจนโดนเรียกเข้าห้องปกครอง

     

                และอาจารย์ก็จำเธอได้แม่นอยู่คนเดียว

               

                มือขวาถือชอล์กยืนนิ่งอยู่หน้ากระดานเกือบห้านาที พร้อมกับโจทย์ที่ได้แต่คิดในใจว่าอะไรวะเนี่ย อยากจะขอตัวช่วยสักคนมา แต่นั่นมันก็เป็นสิ่งที่มีแค่ในความคิด

               

                “หนูขอตัวช่วยได้มั้ยคะครู

               

                “แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว เธออยากเลือกใครก็เลือกเลย

               

                ถือว่าเป็นแจ็คพอตแตกของดาฮยอนเลยก็ว่าได้ เธอผละออกจากกระดาน ส่งสายตาไปหาเพื่อนทุกคนที่นั่งก้มหน้า และแน่นอน คนที่เธอเลือกนั้นน่าจะเดาได้ไม่ยาก

               

                “แชยอง ออกมา

               

                แชยองทำหน้าตาเบื่อหน่ายเดินลุกออกมาจากเก้าอี้อย่างไม่เต็มใจ หยิบชอล์กขึ้นมาแก้โจทย์อย่างคล่องแคล่วจนเธอหงุดหงิด

               

                ก็ไหนบอกว่าคิดไม่ออก

               

     

     

                ไหนบอกว่าคิดไม่ออกไงวะดาฮยอนขึ้นเสียงใส่เธอทันทีที่อาจารย์เดินพ้นจากประตูไป

               

                “ก็บอกว่าคิดไม่ออก ไม่ได้บอกว่าทำไม่ได้สักหน่อย ของแบบนี้ก็ต้องให้เวลากันบ้างดิ

               

                เธอรู้แหละว่าการทำแบบนี้เพื่อนจะเกลียดเอาได้ง่ายๆ

               

                แต่ดาฮยอนจะให้เธอช่วยไปตลอด มันก็ไม่ไหวเหมือนกัน

               

                เธอนั่งนิ่งวาดรูปไม่สนใจคำพูดของอีกฝ่ายที่ต่อให้ผ่านไปอีกสักหนึ่งปี มันก็พูดอยู่แบบเดิมจนเธอแอบรำคาญเล็กน้อย จนอยากจะตอบกลับไปว่า รู้แล้ว พอทีเหอะอะไรแบบนี้

     

     

     

     

     

               

                “งั้นไว้เจอกันพรุ่งนี้

               

                ดาฮยอนโบกมือลาเธอก่อนจะรีบวิ่งแจ้นไปสักที่ใดที่หนึ่ง ซึ่งแชยองได้แต่มองตามพร้อมกับเกาหัวในความไม่เข้าใจตัวเพื่อนสนิทที่คิดอยากจะทำอะไรก็ทำแบบนี้

               

                ชีวิตตามปกติของเธอหลังจากเลิกเรียนไม่ใช่การเรียนพิเศษ แต่มันคือการได้เดินรับลม หากว่ามีอารมณ์ศิลป์เมื่อไหร่ก็เป็นอันต้องหยิบสมุดสเก็ตภาพมาวาดรูปทุกครั้งไป

               

                รวมถึงครั้งนี้ก็ด้วย

               

                แต่ทว่า ทุกอย่างมันไม่ได้เป็นไปตามที่ต้องการ เสียงมือถือดังขึ้นอย่างไม่หยุด แชยองเบ้ปากก่อนจะล้วงมือถือจากกระเป๋ากระโปรงขึ้นมารับพร้อมต่อว่าปลายสาย

                โทรมา …” แต่คำพูดนั่นต้องหยุดลง เมื่อเสียงนั่นคือ

     

                เสียงป้าเจ้าของหอ

     

                รีบกลับได้ไหม ป้ามีเรื่องจะคุยด้วย

     

                “ไม่ได้หรอกป้า วาดรูปอยู่

     

                “แต่นี่สำคัญมากนะ ถ้าไม่มาแกอาจจะถูกไล่ออกจากหอก็ได้ ..” จบประโยคเธอรีบตัดสาย เก็บข้าวของทุกอย่างพร้อมวิ่งสี่คูณร้อยตรงกลับหอพักของเธอทันที

               

                แชยองหอบหายใจถี่เป็นผลมาจากการวิ่งด้วยความเร็วสูงกลับมาที่หอพัก เธอกรอกตามองภาพคนสองคนที่ยืนอยู่หน้าหอพัก

     

                ไอ่ฝั่งซ้ายเนี่ยต้องเคยเห็นแน่ๆ ก็เพราะเป็นป้าเจ้าของหอ

     

                แต่ไอ่ฝั่งขวาเนี่ย ใคร มาพร้อมกระเป๋าเต็มไม้เต็มมือยังกับจะมาพักที่นี่

               

                “แชยอง คือป้าอยากจะให้คนนั้นเค้าพักกับหนูหน่อยป้าชี้มือไปยังผู้หญิงผมสั้นสีน้ำตาลแดงในชุดสีดำสนิท

     

                ตัดผมซะทอมบอยชิพหาย ..

     

                นึกว่าผู้ชายเหอะ

               

                “เฮ้ยป้า ไม่เอาดิ

               

                “ถ้าให้อยู่ป้าลดค่าเช่าห้องให้เลยสามเดือน

               

                “โอเค

               

                ความงกมันไม่เคยเข้าใครออกใครอยู่แล้ว และมันก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันที่จะได้มีคนช่วยหารค่าห้อง ถึงแม้มันอาจจะแลกมาด้วยความอึดอัดสักนิดหน่อย ล่ะมั้ง

               

                บุคคลมาใหม่จัดวางข้าวของไว้ที่มุมห้องอย่างเป็นระเบียบ สายตากวาดมองไปทั่วห้อง เดินไปนั่งโซฟาอย่างเป็นธรรมชาติราวกับนี่เป็นห้องของตัวเอง

               

                ”ฉันชื่อ …”

               

                ”ซนแชยอง เกิดวันที่ 23 เดือนเมษายน ปี 1999”

     

                ”รู้ได้ไง

     

                ”อ่านมันซะสิร่างสูงหยิบหนังสือสีดำยื่นมาให้ เธอรับมันไว้และเดินไปยังโต๊ะทำงาน

               

                มือเล็กค่อยๆเปิดหนังสือที่ไร้หน้าปกทีละหน้าสองหน้าอย่างระมัดระวัง แต่น่าแปลกที่หนังสือเล่มนั้นกลับไม่มีตัวอักษรโผล่ขึ้นมาแม้แต่ตัวเดียว

     

                หนังสือบ้าอะไร ไม่เห็นจะ .. ”

     

                ตัวหนังสือสีขาวค่อยๆปรากฏขึ้นทีละนิดจนเติมเต็มหน้ากระดาษที่ว่างเปล่า เนื้อหาของมันไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าเป็นการบอกเล่าถึง

     

                ยมทูต

     

                ไร้สาระน่าเธอพึมพำเบาๆ

     

                ”อยากจะลองพิสูจน์ดูรึเปล่าล่ะอีกคนที่นั่งอยู่ดูเหมือนจะได้ยิน สงสัยเธอคงจะพูดดังไปหน่อย

     

                เอาเวลานั่นมาวาดรูปยังจะมีประโยชน์ซะกว่า

     

                แชยองปิดหนังสือเล่มนั้นลงพร้อมหันไปมองบุคคลที่นั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา สายตาของอีกฝ่ายจ้องมองราวกับพวกสิงโตที่กำลังจ้องมองหาเหยื่อ ท่ามกลางความเงียบมีเพียงแค่เสียงหายใจเท่านั้นที่ได้ยิน ไม่มีฝ่ายไหนละสายตาหรือเลือกที่จะทำอย่างอื่นเลยนอกจากมองกันอยู่แบบนั้น

     

                สุดท้ายความเงียบก็ถูกทำลายลง ร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้ามาหาเธอในจังหวะเดียวกับที่เธอก็กำลังจะลุกไปหาอีกฝ่ายเช่นกัน หากแต่ว่า

     

                ไม่เชื่อตอนนี้ก็ไม่เป็นไร

               

                อีกฝ่ายถอนหายใจเฮือกใหญ่ แค่อยากให้รู้ไว้ จะได้ไม่ต้องมาโทษกันทีหลัง

     

                ”ฉันชื่อ ยูจองยอน ถ้านับเวลาตามโลกมนุษย์ ก็แก่กว่าเธอสามปีเห็นจะได้

     

                คำแนะนำตัวของยูจองยอนจบลงเพียงเท่านั้น

               

                ไอ่บ้า มาตั้งนานทำไมไม่รีบพูด

     

                ก็เธอไม่ถามจู่ๆจองยอนก็พูดขึ้น ราวกับอ่านใจเธอออก

     

                อ่านใจได้ด้วย?

     

                ”ไม่ได้

     

                ”แล้วรู้ได้ไง

     

                ”ฝันมากไปเหรอเธอน่ะคำพูดของอีกฝ่ายจี้จุดเข้าอย่างตรงประเด็น

     

                ไม่ได้ฝันเว้ย ก็เห็นว่าตอบกลับ

     

                ”บ้ารึเปล่าเมื่อมีครั้งแรก ครั้งที่สองก็ตามมาติดๆ

     

                เออ ขอโทษ

     

                สุดท้ายแชยองเป็นฝ่ายแพ้ให้กับจองยอนจนได้

               

                เธอไม่ชอบคนกวนประสาทเป็นที่สุด ถ้าไม่นับดาฮยอนมันน่ะนะ

               

                ถ้าให้เธอเปรียบเทียบสกิลการกวนเท้าล่ะก็ ยูจองยอนสามารถเอาชนะคิมดาฮยอนไปได้อย่างง่ายดาย

     

                แต่ถ้าเอาสองคนนี้มาอยู่ด้วยกัน เธอก็จะขอบายไปในทันที

     

               

     

     

                การเรียนการสอนในตอนสายด้วยวิชาประวัติศาสตร์ ทำเอานักเรียนหลายๆคนเริ่มง่วงนอนฟุบหลับกันไปเป็นแถว โดยเฉพาะเพื่อนสนิทไซส์ท้วมอย่างป๊ากจีซู ที่ตอนนี้เตรียมจะหลับเรียบร้อยแล้ว แต่ด้วยความหวังดีอันมีมากโข  มือหยิบกระดาษเศษขยำเล็กๆปาไปหาอีกคน ที่เด้งตัวขึ้นหันมามองอย่างหัวเสีย

               

                เอาล่ะ วันนี้ครูจะแนะนำนักเรียนใหม่นะอาจารย์หยุดการเรียนการสอนไปกลางคัน นักเรียนหลายๆคนตื่นจากการหลับใหล เพื่อจะได้รู้ว่า นักเรียนใหม่คนนี้เป็นใครมาจากไหนกันแน่

               

                นักเรียนผมสั้นในชุดสีดำสนิทเดินเข้ามาพร้อมโค้งทักทายเล็กน้อย ยูจองยอน ฝากตัวด้วย

               

                นี่คำทักทายหรืออะไร จีซูคิด

               



                เสียงซุบซิบในห้องดังขึ้นพร้อมกับการเดินไปยังที่นั่งว่างฝั่งซ้ายข้างเพื่อนสนิทของเธอ อิมนายอน จองยอนนั่งลงพร้อมหยิบหนังสือขึ้นมาเตรียมเรียนต่อ

               

                ”ดูแปลกๆว่ะจีซูกระซิบกระซาบให้เบาที่สุด

     

                เอาน่า ก็ไม่เห็นจะเลวร้ายอะไรเลยเธอตอบกลับ

     

                เสียงเอื่อยๆของอาจารย์วิชาประวัติศาสตร์ทำเอาเธอเกือบจะเคลิ้มหลับไป

               

                น่าเบื่อจนบอกไม่ถูก

               

                แต่ความน่าเบื่อมันได้ถูกลบหายไปเพราะเพื่อนนักเรียนที่นั่งข้างกัน

     

                สายตามองไปยังนักเรียนขวามืออยู่เป็นระยะๆ

               

                อิมนายอน งั้นเหรอ?

               

                และอีกฝ่ายเหมือนจะรู้ตัวว่าถูกเธอจ้องอยู่ รีบหันขวับกลับมาสบตาเธอเข้าพอดี

               

                หูแดง?

     

                แต่จองยอนไม่ได้แสดงอาการตกใจอะไรมากนัก เพียงแต่ทำทีหันออกไปมองหน้าต่างอย่างที่เคยทำ

     

                อาการแบบนี้ มันเรียกว่าอะไรกันนะ?

     

     

     

                หลังจากผ่านไปเกือบสามชั่วโมง เวลาเลิกเรียนที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง นักเรียนในห้องส่วนใหญ่รีบเก็บของเข้ากระเป๋าวิ่งตามอาจารย์ออกไปติดๆ ยกเว้นเสียแต่คนข้างๆเธอ ที่ต่อให้หมดคาบเรียนแล้วก็ยังไม่ยอมลุกไปไหน

     

                นายอนลุกขึ้นเดินมาหาอย่างเป็นมิตรพร้อมกับรอยยิ้มสดใสอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน

     

                จะไปเคยเห็นได้ยังไง

     

                ปกติพี่สาวก็ชอบทำตัวอึมครึมใส่

               

                มียิ้มบ้างแหละ แต่ชอบยิ้มมุมปาก

     

                คิดแล้วก็เสียวสันหลังวาบ

     

                ”ฉันชื่อ อิมนายอน นะ ยินดีที่ได้รู้จัก

     

                เธอพยักหน้าให้กับประโยคนั้น แต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป

               

                นายอน กลับกันเหอะ

               

                รอฉันไปเอางานที่ห้องประธานสักเดี๋ยวนะ ปะ กลับกัน ร่างเล็กว่าพลางเดินออกจากห้องไปพร้อมกับเพื่อนร่างท้วมอีกคน

     

               

                นายอนที่ดูเหมือนจะกลับบ้านไปแล้ว โผล่หน้าเข้ามาในห้อง กลับบ้านดีๆล่ะ ยูจองยอนพร้อมโบกมือลาเธอราวกับสนิทกันมาสิบปี

     

                เมื่อคิดว่ากำลังจะยกมือตอบกลับ อีกคนก็หายไปเสียแล้ว

     

                มันเป็นเรื่องปกติที่คนอย่างเธอจะคิดทำอะไรช้าไปสักนิดหน่อยเพื่อความแน่ใจ

     

                แต่ไม่ใช่ว่าทุกอย่างจะต้องเพอร์เฟ็ค

     

                จองยอนหิ้วกระเป๋าเดินออกมาจากห้องเป็นคนสุดท้ายในเวลาห้าโมงเย็นพอดิบพอดี ระเบียงทางเดินที่เงียบสงัดเป็นสัญญาณบอกว่าให้รีบกลับบ้านซะ แต่สำหรับเธอควรจะหาอะไรทำเสียก่อน อย่างเช่น

               

                เล่นกีฬา

     

                สนามบาสที่กำลังมีการแข่งกันอย่างดุเดือด ท่ามกลางเสียงเชียร์ของเหล่านักเรียนมากมายที่มามุงดู ผลการแข่งขันอีกทีมยังตามอยู่ถึง 12 แต้ม จองยอนเดินไปเพื่อดูการแข่งขันให้ชัดๆบริเวณที่พักของนักกีฬาในสนาม

     

                ขัดใจว่ะ

     

                เล่นอะไรกัน

     

                ทำไมปล่อยให้อีกฝ่ายได้ลูกตลอด

     

                ความรำคาญเกิดขึ้นจนทำให้เธอทนไม่ไหว

     

                ฝั่งทีมที่มีคะแนนตามเปลี่ยนตัวออก เป็นจังหวะเหมาะที่เธอจะลงไปเล่นแทนอย่างหน้าด้านๆ จนทำเอาสมาชิกในทีมงงกันเป็นไก่ตาแตกแต่กลับไม่มีใครว่าอะไร

     

                แถมยังโยนเสื้อทีมมาให้เธอใส่อีกสิน่า

     

                ขอบใจ ฉันขอสัก 4-5 ลูกพอเธอตะโกนบอกเพื่อนร่วมทีมชั่วคราว ซึ่งทุกคนพยักหน้าพร้อมเล่นเต็มที่

     

                จะแพ้ไม่ได้

     

                ตั้งแต่เธอเกิดมา เธอยังไม่เคยแพ้ให้ใครหน้าไหนเลยสักครั้ง

     

               

     

     

                แชงงงง ปายยย ดู บาส กานนนนเสียงลากเอื้อนยาวของดาฮยอนซึ่งกำลังอ้อนเธอเป็นรอบที่สิบเจ็ดเพื่อชวนไปดูบาสเป็นเพื่อน

     

                เงียบๆ นี่มันห้องสมุดเธอจุ๊ปากให้อีกฝ่ายเงียบลง

     

                แต่ผลที่ได้กลับตรงกันข้าม เมื่อดาฮยอนปิดหนังสือที่เธอกำลังอ่านแล้วลากตัวออกจากห้องสมุดทันที่ก่อนที่เธอจะด่าอีกสักรอบ

               

                และสุดท้าย ก็มาอยู่ที่สนามบาสจนได้

     

                ผลคะแนนตามห่างกันอยู่เกือบๆสิบแต้ม แต่ค่อยๆย่นระยะมากขึ้นเมื่อเปลี่ยนผู้เล่นลงสนาม ด้วยความสูงของเธอไม่สามารถเห็นการแข่งขันในสนามได้ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาเมื่อดาฮยอนลากเธอไปอยู่ข้างหน้าสุด

     

                ปิ๊ดดดด กรรมการชูมือสามแต้ม และตอนนี้คะแนนทั้งสองทีมเท่ากัน

     

                เธอกรอกตามองให้ทั่วสนาม

     

                คนผมสั้นที่ดูคุ้นๆนั่น แต่ก็นึกไม่ออก

     

                สายตาของซนแชยองจับจ้องไปยังผู้เล่นหมายเลข 9 ที่กำลังวิ่งถือลูกบาสชู้ตสามแต้มได้อีกครั้งอย่างสวยงามพร้อมกับเสียงกริ๊ดดังสนั่น

               

              อปป้าคนนั้นหล่อมากเลยอ่ะแก

     

              อยากไปถ่ายรูปด้วย ไปมะๆๆ

               

                อปป้าไหนวะ ก็เห็นว่าผู้หญิงเล่นบาส

             

              เธอจะไม่รู้สึกแปลกใจเลย ถ้าหากคนนั้นไม่ใช่

     

     

              ยูจองยอน!!!!!!

     

     

     

                นั่นไม่ใช่อปป้า นั่นมันออนนี่ ..

               

                เห็นแบบนั้นมันผู้หญิงมากเลยนะเว้ย ..

     

                ใจเย็นๆกันหน่อยก็ได้ ..

     

                ”ตกใจไรวะ

               

                ”ปะ ป่าว

               

                จบนี่ไปคุยกับพี่เบอร์ 9 กัน

     

                เฮ้ย ไม่เอา! ไม่ไป! คนแบบนั้นจะไปคุยทำไมเธอรีบปฏิเสธเสียงแข็ง แต่ถึงยังไงเพื่อนอย่างดาฮยอนไม่มีวันปล่อยให้สิ่งที่คิดต้องล้มพังไม่เป็นท่า

     

                การแข่งขันดำเนินต่อไปเรื่อยๆจนกระทั่งกรรมการเป่านกหวีดหมดเวลา ทีมที่ชนะคือทีมของยูจองยอนที่เจ้าตัวชู้ตเอาๆ เหมือนกับในสนามมีแค่ตัวเองคนเดียว

     

                ใครจะคิดว่าเล่นบาสเป็น

     

                แถมไปเอาแรงตั้งเยอะแยะมาจากไหน

     

                ชู้ตคนเดียวนี่ก็ปาไป 7-8 ลูก

     

                สาวๆรีบวิ่งกรูเข้าไปหาไอ่พี่จองยอนที่เกาหัวแกรกๆอย่างงงๆ ด้วยความสูงของจองยอนจึงสามารถมองมาหาเธอได้อย่างไม่ยาก ส่งสายตาอ้อนวอนขอให้ช่วย มิหนำซ้ำยังยกมืออีกต่างหาก

     

                ไม่ล่ะ ไม่ช่วย

     

                ขอผ่าน

     

                เมื่อคืนทำอะไรไว้

     

                ใจจริงก็คิดแบบนั้นแหละ ถ้าไม่ติดว่าไอ่ดาฮยอนมันลากเธอเข้าไปในวงพวกนั้นด้วย เธอส่งสายตาเชือดเฉือนให้กับเพื่อนสนิทที่อยู่ด้านข้างจนต้องพนมมือไหว้ไปอีกคน

     

                เอาว้ะ ช่วยก็ช่วย

     

                ทุกคน!! นั่น พี่ๆ 2PM มาล่ะเธอตะโกนดังลั่นเรียกความสนใจได้ดี

     

                ทุกคนหันไปมองตามมือของเธอ

     

                เสียงเอะอะของนักเรียนคนอื่นเป็นโอกาสทองที่จะพายูจองยอนหนี

     

                แชยองจับมือไอ่พี่จองไว้พร้อมกับวิ่งออกจากวงนั้นด้วยความรวดเร็ว

     

                หากแต่เพียงทุกอย่างพลิกกลับ นักเรียนเหล่านั้นวิ่งตามพวกเธอสองคนราวกับพวกซอมบี้ที่หิวโหย ร่างกายของพวกเราทั้งคู่เริ่มเหนื่อยล้า บวกกับไอ่คนข้างๆที่มันเพิ่งเล่นบาสมา ให้มาวิ่งต่ออีก อีกสักพักคงจะเป็นลมล้มพับไปแหงๆ

     

                ขอบใจ แต่ต่อไปตาฉันแล้ว จู่ๆก็พูดขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจ

     

                จับมือไว้ให้แน่นๆล่ะ แล้วหลับตาด้วย

     

                เธอทำตามคำขอของอีกคน

     

                ทุกอย่างมืดสนิทลง

     

                เท้าทั้งสองข้างลอยอยู่เหนือพื้น นั่นเป็นสิ่งที่เธอรู้สึก

     

                อยากเปิดตาดูมั้ย

     

                แชยองไม่ตอบอะไร เพียงแต่ค่อยๆลืมตา

     

                เฮ้ย!!!!!!!!!!!! ”

     

                คุณจะต้องไม่เชื่อแน่ๆ

     

     

                ก็เพราะตอนนี้

     

     

                เธอลอยอยู่เหนือพื้นดินพร้อมกับไอ่พี่จองยอน !!!!

     

     

     

    ทำไมถึงเรียกจองยอนว่าไอ่พี่จอง?

     

    คำตอบง่ายๆ ก็มันหมั่นไส้

     

    จะให้เรียกธรรมดาๆได้ยังไง

    //แชยอง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×