คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : Chapter 8
Chapter 8
แฮร์รี่เดินอย่างรวดเร็ว ด้วยเกรงว่าไม่อยากให้เวลาล่วงเลยไปมากกว่านี้ แค่นี้ก็เป็นเหตุผลเพียงพอแล้วที่จะทำให้เสนปหักคอเขา... แต่พอเดินมาหยุดที่หน้าห้องทำงานของอาจารย์ปรุงยา ขาเจ้ากรรมมันก็ดันหยุดกึก ราวกับเป็นสัญชาตญาณเตือนถึงอันตราย
“โถ่... แล้วจะทำไงดีล่ะเนี้ย...?” พึมพำกับตัวเอง ไม่กล้าเดินเข้าไปเลย นี้ก็ 3 ทุ่มครึ่งแล้ว เลยมาตั้ง 4 ชั่วโมง เด็กหนุ่มนึกไม่ออกเลยว่าจะหาข้อแก้ตัวยังไง
เอาว่ะ! อย่างน้อยถ้าเขาถูกสเนปสับเป็นชิ้น คงตามหาตัวฆาตกรได้ไม่อยากหรอก ยังไงเสียก็มีรอนรู้อยู่คนหนึ่งล่ะน่า... ว่าเขามาหาสเนปก่อนจะเป็นชิ้นลอยอยู่ในทะเลสาบ
ก็อกๆ
เมื่อเล็กๆ เคาะประตูเบาที่สุดเท่าที่แฮร์รี่เคยทำ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าคนข้างในจะไม่ได้ยิน หากแต่สเนปก็ดันหูดีซะนี้
“เข้ามา...” น้ำเสียงเย็นเยียบ ราวกับน้ำแข็งทิ่มแทงหัวใจดวงน้อยๆ ของแฮร์รี่ ที่เตรียมใจไว้แล้ว ฝ่อลงอีกแถมยังจะหนักกว่าเก่า
เด็กหนุ่มค่อยๆ เปิดประตูออกช้าๆ ก่อนจะเคลื่อนกายเข้ามาในห้องทำงานของเซเวอรัส สเนป ซึ่งหากไม่มีเรื่องคอขาดบาดตายไม่มีทางที่แฮร์รี่จะเข้ามาที่นี้หรือแม้จะเดินผ่านด้วยซ้ำ
ดวงตากลมสีมรกตสบเข้ากับร่างสูงของอาจารย์ปรุงยา ที่ละมือจากปากกาขนนก ก่อนดวงตาคมสีนิลจะหันมาสบเข้ากับดวงแก้วสีมรกต เล่นเอาหัวใจแฮร์รี่หล่นวูบ
“คิดว่านี้มันกี่โมงกี่ยามแล้วพอตเตอร์” น้ำเสียงราบเรียบ แต่เท่าที่แฮร์รี่รู้สึก ดูเหมือนคนตรงหน้าคงพยายามอย่างยิ่งที่จะไม่ระเบิดอารมณ์ใส่เขา
“สะ... สามทุ่มครับ...” แฮร์รี่พยายามรักษาน้ำเสียงของเขาให้เป็นปกติ ถึงยังไงก็ตาม เขาไม่ต้องการให้ชายหนุ่มเห็นว่าเขากำลังกลัวอยู่
“งั้นหรือ? ฉันนึกว่าเธอไม่รู้จักเวลาซะอีก ถึงได้มาเอาปานนี้ เธอก็รู้ว่าฉันนัดเธอ...”
“6 โมงครับ ขอโทษครับ ผมลืม...”
“หึ... นี้คือคำแก้ตัวของเธองั้นหรือ พอตเตอร์ เธอมาหาฉันช้าไปตั้ง 4 ชั่วโมงเพราะว่าเธอลืม!” แฮร์รี่สะดุ้งโหยงเมื่อชายหนุ่มตะโกนเสียงดัง
“อาจารย์จะให้ผมทำอะไรเหรอครับ?” เด็กหนุ่มพูดขึ้นเปลี่ยนเรื่อง
ชายหนุ่มถอนหายใจยาวกับลูกศิษย์ที่อยู่ในฐานะศัตรูตัวฉกาจ ก่อนจะลุกจากเก้าอี้ทำงาน สาวเท้าเข้ามาใกล้ร่างของเด็กหนุ่มที่ยืนนิ่งอยู่กับที่ และเมื่อร่างสูงขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ แฮร์รี่เองก็เริ่มถอยหลังออกห่างไปเรื่อยๆ เช่นกัน จนในที่สุดเด็กหนุ่มก็ต้องหยุดเพียงเท่านั้นเมื่อเขาชนกับประตูห้อง
“หึ...” เสนปกระตุกยิ้มเย็นที่มุมปาก นัยน์ตาคมหลุบมองคนตรงหน้าที่หมดทางถอยแล้ว ชายหนุ่มหยุดตรงหน้าเด็กหนุ่ม เว้นช่วงห่างกันประมาณ 30 เซ็นต์
“เธอต้องปรุงน้ำยาที่ทำเมื่อตอนเช้าให้ฉันดูอีกครั้ง และถ้าเธอทำไม่เสร็จอย่าหวังว่าจะได้กลับ!”
ร่างบางหันมาสบเข้ากับใบหน้าคมเข้มของคนตรงหน้า นัยน์ตาสีนิลทอประกายแปลกๆ ที่แฮร์รี่ไม่อาจเดาได้ และไม่คิดที่จะเดาแน่ เพราะเขาก็ไม่รู้อยู่ดีว่ามันหมายความว่ายังไง ไม่ได้แข็งกร้าว เย็นชา หรือเย้ยหยันอย่างทุกครั้ง แต่ก็ไม่ใช่ความอบอุ่น อ่อนโยน เหมือนที่รอนกับเฮอร์ไมโอนี่มองเขา...
และดูเหมือนแฮร์รี่จะมัวคิดนานไปหน่อย... เพราะตอนนี้เจ้าของนัยน์ตาสีนิลอยู่ใกล้เขาแทบชิด...ตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้... และเมื่อรู้สึกตัว คางมนก็ถูกมือใหญ่เชิดขึ้น ก่อนที่ใบหน้าคมจะคล้อยต่ำลงมาเรื่อยๆ
แฮร์รี่สะดุ้ง... ก่อนที่อะไรจะเกินเลยไปมากกว่านี้ เด็กหนุ่มผลักร่างของชายหนุ่มออก ใบหน้าเรียวได้รูปแสดงสีน้ำตกใจ ไม่ต่างจากชายหนุ่มตรงหน้า เพียงแต่เสนปคงสถานการณ์ได้ดีกว่าเท่านั้น ร่างสูงปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนจะมองไปยังร่างบางตรงหน้า หากเมื่อกี้... หากว่าแฮร์รี่ไม่พลักเขาออกไป... มันคง... เป็นเรื่องไม่ดีแน่...
“ผมจะไปปรุงยานะฮะ” ว่าแล้วก็ตรงไปยังหมอปรุงยาที่ถูกตั้งไว้บนโต๊ะหินขนาดใหญ่ โดยที่ชายหนุ่มไม่ได้ปริปากพูดอะไร
บริเวณรอบๆ บนโต๊ะมีเศษอุปกรณ์วางอยู่เต็ม แฮร์รี่รีบลงมือปรุง ไม่ใช่ว่าเขาขยันอะไรหรอก แต่ไม่อยากอยู่ตรงนั้นต่างหาก และไม่อยากได้ยินคำพูดของสเนปด้วย และพยายามที่จะลืมเหตุการณ์เมื่อครู่ไปให้หมดเลยยิ่งดี และที่สำคัญเขาอยากจะออกไปจากห้องนี้เต็มทน!!
บ้าจริงๆ เมื่อกี้ถ้าเขาไม่ผลักสเนปออกไปเขากับสเนปคง... โถ่! บ้าๆ คิดบ้าอะไรอยู่นะ อย่านึก อย่าคิดถึงเรื่องนั้น ลืม! ลืมไปให้หมดเลย โว้ย....
เด็กหนุ่มกรีดร้องในใจ และด้วยความที่มั่วแต่คิดโน้นคิดนี้ เลยไม่ได้มองว่าหยิบจับอะไรใส่หมอไปด้วย แต่ก็อย่างว่าคนกำลังคิดอะไรอยู่ ย่อมไม่รู้ตัวอยู่แล้ว...
พรืดดดด!
ปลายปากกาขนนกถูกขีดยาวฆ่าข้อความไม่ดีออกไป หรืออาจจะทั้งหน้าเลยก็ได้
ไม่มีสมาธิ!
นี้คือสิ่งเดียวที่เสนปคิดได้ อ้อ ยังมีอีก นอกจากไม่มีสมาธิแล้วยังหงุดหงิด โมโห ไม่พอใจ เคืองลูกตา และแน่นอนต้นเหตุของอารมณ์ทั้งหมดจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก แฮร์รี่ พอตเตอร์ ตัวปัญหาที่เป็นปัญหาของเขาตั้งแต่ย่างก้าวเขาโรงเรียน!
เพราะเรื่องเมื่อครู่... จู่ๆ เจ้าเด็กนั้นก็สบตากับเขา แววตาอวดดี และท้าทายนั้น ทำให้เขาไม่อาจละสายตาได้ แววตาที่เด็กนั้นมองเขา... ราวกับถูกดึงดูดจากดวงแก้วมรกตคู่งามนั้น ความรู้สึกบางอย่างที่เขาแทบจะลืมมันไปแล้วแต่ครั้งเมื่อครั้ง กลับคืนมาอีกครั้ง... ไม่เข้าใจว่าเป็นความรู้สึกแบบใด รู้เพียงว่าอยากมองนัยน์ตาคู่นั้นใกล้ๆ
มือใหญ่ขย้ำกระดาษรายงานลงถังขยะก่อนจะเอาแผ่นใหม่มาลงมือเขียนต่อ พอเขียนไปสักพัก นัยน์ตาคมก็เหลือบมองตัวปัญหามือหนึ่ง ที่กำลังหั่นรากเชลลี่อยู่ ก่อนจะหันกลับมาเขียนรายงานต่อ แล้วก็ขีดฆ่าข้อความไม่ดีออกไป... สุดท้ายก็ขย้ำแผ่นกระดาษลงถังขยะอีกครั้ง เป็นแบบนี้มากว่าสิบรอบแล้ว ซึ่งทำให้ชายหนุ่มเหลืออดเป็นอย่างมาก!
ก็อกๆ
เสียงเคาะประตูเรียกความสนใจจากทั้งสองคนในห้อง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกพร้อมร่างของศาตราจารย์มัลกอนนากัล
“เซเวอรัส... อาจารย์ใหญ่อยากพบคุณ” รองอาจารย์ใหญ่เอ่ยขึ้น ชายหนุ่มพยักหน้ารับ
“เดี๋ยวผมไป” ชายหนุ่มเอ่ย ก่อนจะหันมามองแฮร์รี่ “กลับมาฉันต้องเห็นว่ามันเป็นยารักษาแผลไฟไหม้ไม่ใช่ยาที่สร้างแผลแทน...” พูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันก่อนจะเดินตามมัลกอนนากัลไป
เมื่อประตูปิดลง เหลือเพียงแฮร์รี่อยู่คนเดียวในห้อง เด็กหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอก ราวกับเขาได้ผุดขึ้นมาบนพื้นดินหลังจากอยู่ใต้ดินมานาน เพราะถ้าเกิดเสนปยังอยู่ในนี้ต่อไป แฮร์รี่คงไม่มีสมาธิปรุงน้ำยาแน่! และมันคงจะออกมาเป็นน้ำยาสร้างแผลอย่างเสนปว่าก็เป็นได้...
“ฮ้าวววววว~ เฮ้ย... เสร็จจนได้...” เด็กหนุ่มร้องเสียงดังลั่น ก่อนจะมองผลงานที่ตนเองภูมิใจ ของเหลวสีอำพันดีงดงาม ระยิบระยับ จะว่าไป เขาทำได้สวยกว่าของมัลฟอยซะอีกนะเนี้ย
“เฮ้ย.... ในที่สุดก็เสร็จสักที ว่าแต่กี่โมงแล้วเนี้ย” นัยน์ตากลมโตมองหานาฬิกา แล้วก็พบมันแขวนอยู่บนประตู “เฮ้ย! ตีหนึ่งแล้วเหรอเนี้ย....?” นี้เขานั่งทำตั้ง 5 ชั่วโมงเลยเหรอ ให้ตายสิ และจะทำไงต่อละที่นี้
ใจจริงนั้นแฮร์รี่อยากกลับไปนอนต่อที่ห้องนอนใจจะขาด แต่เพราะสเนปสั่งว่าห้ามออกไปไหนจนกว่าเจ้าตัวจะกลับมาเลยทำให้เด็กหนุ่มไม่กล้าออกไป แต่จนแล้วจนรอด นาทีแล้วนาทีเล่าชายหนุ่มก็ไม่กลับมาซักที นี้ดัมเบิลดอร์เรียกสเนปไปทำไมล่ะนั้น! อะไรจะนานเป็นชั่วโมงขนาดนี้!
คิดไปคิดมาเปลือกตาก็เริ่มจะปิดลงเรื่อยๆ แฮร์รี่พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่หลับในห้องทำงานของสเนป แต่สุดท้าย เขาก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว... เปลือกตาปิดลงช้าๆ ก่อนที่เด็กหนุ่มจะไม่รับรู้อะไรอีก...
ชายหนุ่มเดินอย่างรวดเร็ว พยายามควบคุมอารมณ์อย่างยิ่ง นี้ก็เลยมาหลายชั่วโมงแล้ว ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กเจ้าปัญหานั้นจะเป็นยังไง เขาดันสั่งไม่ให้ไปไหนซะด้วยสิ ทีแรกก็นึกว่าจะไม่นาน...
ร่างสูงหยุดลงที่หน้าห้องทำงานของตัวเองก่อนจะเปิดประตูออก พลางกรอกตามองหาร่างของคนที่กวนใจเขามาตลอดตั้งแต่เมื่อตอน 3 ทุ่ม
“เจ้าเด็กบ้า...” ชายหนุ่มพึมพำเบาๆ เมื่อเห็นร่างเล็กๆ นั้นฟุบลงบนโต๊ะที่ปรุงยา สเนปถอนหายใจอย่างโลงอกก่อนจะเดินเข้าไปหาเด็กหนุ่ม นัยน์ตาคมเหลือบมองน้ำยาในหม้อที่เป็นสีอำพันงดงาม พลางเหยียดยิ้มที่มุมปาก “ใช้ได้...”
“อือ...“ เสียงครางดังเบาๆ แต่ในห้องทำงานที่เงียบสนิท ทำให้ชายหนุ่มได้ยินชัดเจน เสียงถอนหายใจดังคนพร้อมกับที่เขาที่ย่อตัวช้อนตัวร่างบางขึ้นมา ก่อนจะผ่านโต๊ะทำงาน เขาใช้ไม้กายสิทธ์เลือนตู้หนังสือออก เผยให้เห็นห้องนอน ซึ่งมีเพียงเตียงใหญ่สีขาวบริสุทธิ์ โต๊ะทำงาน และตู้สองสามใบเท่านั้น เขาว่างร่างบางลงบนเตียง ก่อนจะจัดการห่มผ้าให้เรียบร้อย...
“นี้ฉันทำบ้าอะไรอยู่เนี้ย...?” สเนปพึมพำ เขายกเตียงให้เจ้าเด็กบ้านี้ไปแล้วเขาจะนอนที่ไหนล่ะ? ให้ตายเถอะ! งี่เง่าชะมัด!!
แต่ว่าถึงยังไงเขาก็คงหลับไม่ได้อยู่ดี เพราะรายงานยังไม่ทันเสร็จ จะว่าไปมันก็เพราะเจ้าเด็กนี้อีกไม่ใช่รึไง...? สเนปเดินออกจากห้อง สักพักก็กลับเขามาพร้อมกับกองกระดาษ ชายหนุ่มว่างมันบนโต๊ะทำงาน ก่อนจะนั่งลงจัดการงานที่เหลือให้เสร็จ พลางเหลือบมองคนที่หลับเป็นตายอยู่บนเตียงของเขา...
น่าแปลก... คราวนี้เขาไม่ได้รู้สึกไม่หงุดหงิดเหมือนตอนนั้น กลับรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก คงเพราะ... เขาอารมณ์เย็นขึ้นล่ะมั้ง...?
แสงอาทิตย์ยามรุ่งเช้าสาดเข้ามาผ่านช่องเล็กในห้องนอนของนักปรุงยาคนเก่ง แม้จะเล็กน้อยแต่ก็พอทำให้ห้องที่มืดทึบดูสว่างขึ้นมาพอมองเห็นอะไรเป็นอะไร ร่างบางขยับกายไปมา แพขนตางอนเปิดออกเผยให้เห็นดวงแก้วสีมรกตคู่งาม... ความรู้สึกง่วงไม่หายทำให้เด็กหนุ่มยังสลึมสลือ มือบางยกขึ้นขยี้ตา... ก่อนจะกรอกไปรอบๆ
“ทำไมห้องมืดจัง...?” เสียงใสเอ่ยพึมพำ ปกติพอเช้าแล้วมันจะต้องสว่างไม่ใช่เหรอ ‘อ้า! จริงสิ ไม่ได้ใส่แว่น’ คิดได้ดังนั้นมือเล็กๆ ก็ควานหาแว่นตา โดยหวังว่ามันจะว่างอยู่โต๊ะข้างเตียง แต่เปล่า... เพราะเขาพบเพียงความว่างเปล่า เพราะมันไม่มีโต๊ะข้างเตียง...
เอ๋...?
แต่ความสงสัยยังไม่ทันหมด... แว่นตาที่เขากำลังตามหาอยู่ก็มาอยู่ในมือเขาราวกับถูกใครนำมายัด
“อา... ขอบใจนะรอน...” เด็กหนุ่มพูดเพราะคิดว่าคนที่เอาแว่นมาให้เขาคือเพื่อนสนิทที่นอนอยู่เตียงข้างๆ คน แฮร์รี่สวมแว่นตาแล้วภาพที่มัวๆ ก็กระจ่างชัด...
ห้องทรงสี่เหลี่ยมสีดำถมึน ผนังห้องทั้งหมดเป็นหินทำให้ภายในห้องดูเยือกเย็นแม้ไม่ต้องอยู่ท่ามกลางหิมะ ห้องทั้งห้องไม่มีอะไรมากนัก นอกจากเตียงที่เขานอนอยู่แทบจะเรียกได้ว่ามันไม่ใช่ห้องนอน คงเพราะเจ้าของไม่ค่อยได้ดูแลเอาใจใส่
แต่... ว่าแต่ที่นี้มันที่ไหน?
แล้วเด็กหนุ่มก็ได้คำตอบทันที เมื่อเขาสบเข้ากับใบหน้าคมที่ไม่ว่าจะง่วงแค่ไหน แฮร์รี่ก็คงไม่มีทางลืมใบหน้านั้นได้แน่นอน!
ทำไมสเนปมาอยู่ที่นี้!? เอ๊ะ! เดี๋ยวก่อนสิ ทำไมเราต่างหากที่มีอยู่ที่นี้ เด็กหนุ่มที่ในตอนนี้กำลังพยายามใช้ความคิดนึกย้อนเหตุการณ์อย่างหนัก โดยลืมว่ามีคนกำลังมองที่ที่เขาอยู่... จำได้ว่าเมื่อคืนเรากำลังปรุงยารักษาแผลไฟไหม้อยู่นี้... แล้วเราก็นั่งรอสเนป... อือ... แล้วก็ง่วง...
“ตื่นได้ซักทีนะพอตเตอร์... ถ้างั้นก็รีบๆ ออกไปซักที!” สเนปพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พลางปลายตามองร่างบางที่กำลังใช้ความคิดอย่างนัก เด็กหนุ่มสะดุ้งโหยงหลุดจากภวังค์ความคิด
“เอ่อ... คือ... ที่นี้ที่ไหนฮะ...?”
“นี้เธอตาบอด รึว่าโง่จนไม่ได้มองไม่เห็นรึไง! ก็เห็นอยู่ว่ามันไม่ใช่ห้องของเธอ แล้วเธอก็เห็นฉันนั่งอยู่ตรงนี้...”
“ห้องของอาจารย์เหรอฮะ?” ตอนนี้แฮร์รี่ไม่ได้สนใจถอยคำดูถูกของสเนป แต่เขาสนว่าทำไมเขามาอยู่ที่นี้ได้ต่างหาก
“เข้าใจแล้วก็รีบออกไป ก่อนที่ฉันจะทนไม่ไหว... จับเธอกรอกยาพิษ!” ชายหนุ่มตวาดลั่นเมื่อเห็นสีหน้า เหวอของอีกฝ่าย ซึ่งมันทำให้เขาหงุดหงิดอีกครั้ง
เด็กหนุ่มกระเด็กตัวลงจากเตียงทันที ขืนอยู่นานกว่านี้เขาได้ตายจริงๆ แน่ ในขณะที่ร่างบางเดินผ่านโต๊ะทำงานของร่างสูง เสียงทุ้มก็เอ่ยขึ้นทำให้เด็กหนุ่มหยุดกึก
“พรุ่งนี้ห้ามสายอีก... เพราะฉันคงไม่ใจดีอย่างเมื่อวานหรอกนะ...”
“ห่ะ... แต่ผมปรุงยาเสร็จแล้วนะฮะ แล้วมันก็ถูกต้องตามที่อาจารย์บอกทุกขั้นตอน ทำไมผมจะต้องมาอีก” เด็กหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ ก็ไม่มันมีเหตุผลเอาซะเลย เขาทำเสร็จแล้ว แล้วทำไมต้องให้เขามาอีก
“ใช่! เรื่องนั้นมันจบแล้ว แต่เรื่องที่เมื่อวานเธอมาสายตั้ง 4 ชั่วโมง รู้ไหมเธอทำให้ฉันเสียเวลาเปล่าๆ ไปกับการนั่งรอ...” ชายหนุ่มเว้นจังหวะเมื่อรู้ตัวว่ากำลังจะพูดอะไรออกไป เขาปรับสีหน้าให้ขรึมกว่าเดิมเมื่อเห็นเด็กหนุ่มมองมายังเขาด้วยแววตาสงสัย “ยังไงก็แล้วแต่ ถ้าเธอไม่อยากให้คะแนนของบ้านหร่อยร่อไปมากกว่านี้ พรุ่งนี้เธอต้องมาที่ห้องทำงานฉัน 1 ทุ่มตรง ห้ามสายเด็ดขาด เพราะถ้าเธอมาสายเพียง 1 นาทีฉันจะเพิ่มไปอีกหนึ่งวัน! ไปได้แล้ว!”
แฮร์รี่อึ้งจนพูดไม่ออก นี้สเนปคิดจะให้เขาใช้เวลายามเย็นอันน้อยนิดมาที่นี้ทุกวันเลยรึไง ทั้งๆ ที่เขาก็มีการบ้านกองจนสูงจะเฉียดเพดานอยู่แล้ว! ไม่รู้ว่าคุณท่านแกไปสรรหาเหตุผลมาได้ยังไง นี้มันทารุณกันชัดๆ ไม่เข้าใจทำไมโลกเวทย์มนต์ไม่มีกฎหมายเหมือนพวกมัลเกิ้ลนะ ไม่งั้นละก็ ป่านนี้สเนปคงไปนอนในคุกอาซคบันตั้งแต่ปีแรกที่เขาสอนฮอกวอตส์แล้ว!!
“มีอะไรข้องใจรึไงพอตเตอร์...”
“คือ...”
“งั้นก็ไปสิ! ห้องฉันจะได้สงบซักที เพราะไม่มีเด็กจอมปัญหาอย่างเธออยู่ให้รกสายตา!!” คำพูดเชือดเชือนทำให้แฮร์รี่ลืมคำถามที่จะถามไปหมดสิ้น เด็กหนุ่มกำหมัดแน่น ถ้าหากว่าสเนปไม่ใช่อาจารย์ล่ะก็ เขาคงชกหน้าไปนานแล้ว หมั่นไส้หนักล่ะไอ้หน้าตานิ่งๆ เงียบๆ นั้น... ร่างบางสบถในใจ ก่อนจะเดินออกไปจากห้องทันที โดยไม่เหลียวกลับเข้ามาอีก...
“เฮ้ย...” ร่างสูงถอนหายอย่างเหนื่อยอ่อน คืนนี้ทั้งคืนเขาไม่ได้นอน เพราะต้องสละเตียงให้เจ้าเด็กนั้น ทั้งๆ ที่ปล่อยให้นอนที่โต๊ะข้างนอกนั้นก็ได้ แต่ก็กลัวว่าร่างเล็กๆ นั้นจะหนาวจนเป็นหวัด... ทั้งๆ ที่เขาจะลงไปนอนด้วยก็ได้ แต่ก็ไม่กล้า... เพราะอะไรงั้นรึ? กลัวที่จะสัมผัสร่างที่แสนบอบบางนั้น... พยายามอย่างยิ่งที่จะไม่เผลอใจกับดวงหน้าหวานที่บางครั้งก็จ้องมาอย่างเศร้าเสียใจ แต่บางครั้งก็เปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้น ซึ่งทั้งหมดเกิดขึ้นเพราะเขา...
แต่แล้ว... พอเห็นแววตาที่เด็กนั้นแสดงออกอย่างเกลียดชัง มันก็อดหวั่นใจไม่ได้...
นึกอิจฉาคนอื่นๆ ที่เจ้าเด็กนั้นยิ้มให้ รอยยิ้มจริงใจที่เปิดเผย รอยยิ้มที่งดงามนั้น ที่ไม่เคยมอบให้เขาและไม่มีวัน ความเย็นชาที่พยายามสร้างขึ้นมามันก็พังพลาย จนในตอนนี้ความรู้สึกที่คิดมาเสมอตั้งแต่วันนั้น.... มันคือความเกลียดชัง... หรือ..............
แต่ที่ชายหนุ่มรู้ตอนนี้คือเขารู้สึก....
“หงุดหงิดชะมัด...”
“โธเว้ย! ไอ้ก้อนเมือกเดินได้ ไอ้ปิศาจไร้หัวใจ ไอ้คนเย็นชา ไอ้คนเห็นแก่ตัว ไอ้คนงี่เง่า ใจร้าย สมองกลับ โรคจิต วิปริต ไม่มีเหตุผล...” และอีกหลายๆ ที่แฮร์รี่สบถด่าเจ้าของห้องที่เขาอาศัยอยู่เมื่อคืนนี้ หลังจากที่ออกจากห้องทำงานของสเนป เด็กหนุ่มก็บ่นมาตลอดทาง ทั้งนึกโกรธ ทั้งแค้น เรื่องที่ชายหนุ่มทำกับเขา และก็ไม่เข้าใจในหลายๆ เรื่อง...
ทำไมสเนปถึงได้จงเกลียดจงชังเขาขนาดนี้ ถ้าหากว่าเพราะเกลียดพ่อของเขาล่ะก็ มันไม่ใช่เหตุผลที่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย เพราะพ่อของเขาตายไปแล้ว! ใช่! และตอนนี้เขาก็คือแฮร์รี่ พอตเตอร์ ไม่ใช่เจมส์ พอตเตอร์ ถึงหน้าตาจะเหมือนกันก็เถอะ แต่ก็คนละคน! เมื่อก่อนเขาเคยภูมิใจ และดีใจที่เขาเหมือนกับพ่อ แต่ตอนนี้เขาชักจะเริ่มเบื่อ ไม่ว่าใครก็เห็นเขาเป็นตัวแทนของพ่อหมด!! โดยเฉพาะสเนป!
นี้ถ้าเขาไม่รู้ว่าเหตุผลที่สเนปเกลียดเขาเพราะพ่อ! เขาคงคิดว่าชาติก่อนเขาคงไปฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ของ สเนป ชาตินี้ถึงได้ตามจองล้างจองผลาญเขานัก!
แต่ก็ไม่เข้าใจ... ถ้าเขาคิดไม่ผิดห้องนั้นต้องเป็นห้องนอนแน่ๆ ถึงมันจะห่างไกลไปหน่อยก็เถอะ แต่อย่างน้อยมันก็มีเตียง แล้วทำไมสเนปต้องให้เขานอนที่ห้องตัวเองล่ะ? ในเมื่อปล่อยให้เขานอนที่เดิมนั้นยังจะสะใจกว่าไม่ใช่หรือไง ใช่! มันควรจะเป็นอย่างนั้น! แต่ว่าทำไม...แล้วตอนนั้น ที่สเนปพูด
รู้ไหมเธอทำให้ฉันเสียเวลาเปล่าๆ ไปกับการนั่งรอ..
แวบหนึ่งที่เด็กหนุ่มคิดว่าคำสุดท้ายที่ชายหนุ่มหยุดเอาไว้คือเขา... พอคิดได้ดังนั้นใบหน้านวลก็ซับระเรื่อขึ้นมา!
บ้าแล้วแฮร์รี่! นายไปเขินกับคนแบบนั้นได้ไง!
เด็กหนุ่มสะบัดหัวไล่ความคิด สลัดเรื่องที่เขาคิดเมื่อครู่ออกไป และกลับไปสาบแช่งสเนปต่อ... ด้วยความที่เดินไม่ดูทาง เพราะมัวแต่คิดโน้นคิดนี้ ร่างบางจึงชนเข้ากับร่างสูงของใครบางคนเข้าอย่างจัง!
“เหวอ...!?” เด็กหนุ่มร่างบางร้องลั่น ในขณะที่เขาจะหงายหลัง บุคคลตรงหน้าก็คว้าเอวเขาไว้ก่อน พลางดึงเข้ามาใกล้ตน...
“นี้ถ้าเป็นคนอื่น ฉันปล่อยให้หงายหลังไปแล้วนะนั้น...” เสียงนุ้มที่แฝงไปด้วยความขบขันเอ่ยขึ้น ร่างบางเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย...
“มัลฟอย!”
“โถ่... ก็บอกว่าให้เรียกเดรโกไง พูดไม่รู้จักฟัง!” เด็กหนุ่มร่างสูงเจ้าของเรือนผมสีบรอนดุร่างบางในอ้อมแขน แฮร์รี่หน้าแดงก่ำ ก็ตอนนี้ใบหน้าไอ้คนพูดอย่างห่างจากเขาไม่กี่เซ็นต์ แถมยังรอยยิ้มเรียบๆ นั้นอีก ดูมันจะไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลยกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่!!
“นี้ไม่ใช่เวลามาพูดแบบนั้นนะ ปล่อยฉันก่อนสิ!”
“อารมณ์เสียแต่เช้าเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก ฉันไม่อยากได้ภรรยาที่แก่กว่าสามีหรอกนะ...”
อึก!
เหมือนมีก้อนอะไรจุกอยู่ที่คอของแฮร์รี่... ไอ้หมอนั้นมันพูดได้อย่างหน้าไม่อาย... หน้าด้านซะไม่มี... แล้วก็เลิกยิ้มแบบนั้นซะดี เห็นแล้วมันใจเต้นแรงเฟ้ย...?
“นายว่าใครเป็นภะ... ภรรยา.... ไอ้บ้าเอ้ย! ขืนพูดอีกทีล่ะก็ฉันไม่เอานายไว้แน่! แล้วก็ปล่อยฉันซักที!”
“ฮ่ะๆ โอ๋ๆ อย่างอนสิที่รัก... ถึงยังไงนายก็ทำอะไรฉันไม่ได้อยู่ดี ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นฝ่ายได้เปรียบ ฉันกอดนายอยู่นะ หึๆ”
“โว้ยยยยยย! นี้ฉันเตือนนายแล้วนะมัลฟอย ปล่อยฉันก่อนที่นายจะเจ็บตัว!!” แฮร์รี่เริ่มทนไม่ไหว แค่ถูกเจ้าบ้านี้กอดก็จะบ้าตายอยู่แล้ว แล้วก็ไอ้คำที่มันใช้เรียกนี้สิ...มันน่าจับหักคอจริงๆ
“ก็บอกให้เรียกเดรโกไง...”
“ก็ได้... งั้นนายต้องปล่อยฉันนะ!”
“ครับ... อ้อ! เพราะๆ ด้วยนะ เอ่อ... อ้อนด้วยยิ่งดี!”
แฮร์รี่สติขาดผลึ่ง! ถ้าเขาไม่ถูกคนตัวสูงนี้กอดไว้ล่ะก็ เขาได้หักคอหมอนี้แน่! แต่ดูจากสภาพที่แตกต่างกันยังไงเขาก็เป็นฝ่ายเสียเปรียบ! ร่างบางดิ้นพล่านโดยหวังว่าจะหยุดจากร่างสูงเสียที มัลฟอยยิ้มกริ่ม ก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น พลางก้มหน้าลง จนริมฝีปากประทับจุมพิตบนหน้าผากของคนตัวเล็ก แฮร์รี่ตกใจยิ่งนักจนหยุดการเคลื่อนไหวทันที่
“ถือว่าเป็นการลงโทษที่นายไม่ทำตามข้อตกลงของเรา...” เด็กหนุ่มผลบรอนพูดก่อนจะปล่อยมือจากร่างบาง พลางมองสีหน้าของคนตรงหน้าที่แดงจัดแถมใบหน้าที่ตื่นตลึงดูน่ารักจนเขาแทบอดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปกอดอีกครั้ง
“ขี้โกง...” คนตัวเล็กเอ่ยแผ่วเบา เมื่อได้สติ ใบหน้าที่แดงแจ๋เมื่อครู่หงิกงอขึ้นมาทันใด จนเด็กหนุ่มร่างสูงอดขำไม่ได้กำอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงของคนตรงหน้า
“ก็นายไม่เรียกฉันเดรโกหนิ รู้ไหมฉันน้อยใจนะ...” คำพูดหลุดจากปากของเด็กหนุ่มบ้านสลิธีริน ที่แฮร์รี่ไม่คิดว่าจะได้ยิน คนตัวเล็กถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก็จริงของมัน...
“ก็ได้ๆ ฉันขอโทษเดรโก แต่มันไม่ชินหนิ...”
“งั้นก็เรียกบ่อยๆ จะได้ชิน”
“อือ...”
“เอ่อ! แล้วที่นายพูดเมื่อกี้มันหมายความว่าไงห่ะ!” แฮร์รี่ตะโกนเมื่อนึกขึ้นได้ถึงคำพูดของเด็กหนุ่มตรงหน้า
“อะไรล่ะ?” ดูจากสีหน้าของเด็กหนุ่มแล้วเหมือนจะเป็นการแสแสร้งซะมากกว่า เพราะเขาทำให้ไม่รู้ไม่ชี้จนน่าหมั่นไส้
“ก็ที่นาย...”
“แฮร์รี่!!” เสียงตะโกนมาแต่ไกล ทำให้แฮร์รี่หยุดคำพูดไว้แค่นั้น ก่อนจะหันไปตามต้องเสียง รอนกับเฮอร์ไมโอนี่นั้น ทั้งสองกำลังกวักมือเรียกเขาอยู่หน้าทางเดินห้องโถงใหญ่
“งั้นไปก่อนนะ...” เด็กหนุ่มเอ่ยลา เพื่อนที่พึ่งคบกันได้เมื่อวาน ก่อนจะเดินไปหารอนกับเฮอร์ไมโอนี่
“เฮ้! แฮร์รี่! อย่าลืมนัดวันเสาร์นะ!” เสียงตะโกนไล่หลังของมัลฟอยทำให้เด็กหนุ่มหยุดเดินก่อนจะหันไปมองข้างหลังก็ไม่เห็นหัวของคนตะโกนซะแล้ว แฮร์รี่ขยี้ผมสีดำที่ยุ่งของเขาอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะเดินไปหารอนกับเฮอร์ไมโอนี่
“นี้! แฮร์รี่เธอไปไหนมาทั้งคืน!?” เฮอร์ไมโอนี่ถามขึ้น ทันทีที่เด็กหนุ่มเดินมาถึง
“สเนปทำอะไรนายรึเปล่า!? ฉันบอกแล้วว่าไม่ต้องไป นี้ถ้านายไม่กลับมาฉันคงไปบอกดัมเบิลดอร์แล้วว่านายถูกฆาตกรรม” รอนพูดขึ้นอย่างโล่งใจที่เห็นแฮร์รีกลับมาอย่างปลอดภัย
“เอ่อ...”
“แล้วเมื่อกี้เธอคุยอะไรกับมัลฟอยเหรอ?”
“แล้วนัดวันเสาร์มันอะไรกัน!?”
“ว่าแต่เธอทานข้าวมารึยังเนี้ย?”
“แล้วนาย....”
“พอที!! พวกนายจะถามทำไมนักหนา ขอเวลาให้ฉันตอบหน่อยสิ!!” เด็กหนุ่มตะโกนเสียงดัง รอนที่กำลังจะอ้าปากหุบปาทันที ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่ยิ้มแห้งๆ ส่งให้เป็นเชิงขอโทษ
“ว่าแต่... พวกนายญาติดีกันแล้วเหรอ?” แฮร์รี่ถามขึ้น เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเมื่อวานสองคนนี้ยังเขม่นเขี้ยวใส่กันอยู่เลย
“เอ่อ...” จู่ๆ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ก็พูดออกมาพร้อมกับ ทั้งสองหันมามองหน้ากันใบหน้าแดงก่ำทั้งสองคน แฮร์รี่มองพฤติกรรมอปกติของเพื่อนสนิททั้งสองอย่างงงๆ
“ว่าไง...?” เด็กหนุ่มถามย้ำเมื่อเห็นทั้งสองยังไม่ยอมตอบเสียงที
“เอ่อ...อ้อ! ก็... พวกเราเป็นเพื่อนกันหนิน่ะ โกรธกันไปก็ไม่ได้ประโยชน์ แหะๆ” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางหัวเราะแห้งๆ
“ใช่ๆ เอาเป็นว่าเราคืนดีกันแล้วก็แล้วกัน นายไม่ต้องเป็นห่วงหรอก...” รอนพูดเสริม
เหอ... ใครว่าฉันเป็นห่วงพวกนาย ห่วงตัวฉันต่างหากที่ต้องคอยห้ามทัพพวกนาย
“ฉันต้องไปอาบน้ำแต่งตัวก่อน ตั้งแต่เมื่อวานยังไม่ได้เปลี่ยนเลย พวกนายไปรอที่ห้องอาหารก่อนเถอะ แล้วเดี๋ยวฉันจะตามไปตอบคำถามให้ทุกอย่าง.... โอเค!” แฮร์รี่พูดตัดบท... ยังไงเสียคืนดีกันก็ดีแล้ว...
เด็กทั้งสองพยักหน้าหงึกๆ ก่อนจะแยกกันไป แฮร์รี่เดินตรงไปยังหอกริฟฟินดอร์ เขาอยากอาบน้ำเหลือเกิน เพราะทั้งคืนแล้วที่เขาคงไม่ได้แตะน้ำสักนิด แถมตามตัวยังเหม็นกลิ่นน้ำยาที่เขาปรุงอีก... เด็กหนุ่มรีบวิ่งเร็วขึ้นอีก เพราะนอกจากอาบน้ำแล้ว เขาก็ต้องจัดอุปกรณ์การเรียนสำหรับวันนี้ คงต้องรีบหน่อยแล้ว...
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็น