คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Chapter 2
Chapter 2
“ฮ้าว~” แฮร์รี่ลืมตาขึ้นมาพลางเอามือซ้ายปิดปากในขณะที่เขากำลังหาวอยู่
“ง่วงจัง...” เขาพูดและรู้สึกว่าเหมือนถูกอะไรซักอย่างทับไว้อยู่ ก่อนจะกรอกตาไปรอบๆ ตัว
แฮร์รี่หันหน้าไปด้านขาวทันที (ตามประสาทสัมผัส) สิ่งที่เขาเห็นทำให้เด็กหนุ่มหายง่วงเป็นปริดทิ้ง
“ว๊ากกกกกก!!!”
“อะไร! เกิดอะไรขึ้นเหรอ!!?” ซิเรียสรีบลุกขึ้นทันทีชายหนุ่มเห็นร่างบางตาเบิกโพลงพร้อม ๆ กับใบหน้าตื่นตกใจเขาก็เข้าใจเหตุการณ์ทันที
“ทะ....ทะ...ทำไมคุณมานอนที่เตียงผม!!”
“อืมมม.....ตั้งคำถามใหม่เด็กน้อยดูดี ๆ ว่านี้เตียงเธอหรือเตียงฉัน” ชายหนุ่มพูด รู้สึกสนุกที่ได้เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของคนข้างๆ กาย
“เอ่อ.....กะ...ก็....งั้นทำไมผมมาอยู่ที่เตียงคุณ? “
“ทำไมนะเหรอ? ก็ฉันอุ้มเธอมานะสิ” ตอบตรงโดยไม่คิดซักนิดว่าเด็กหนุ่มจะรู้สึกยังไง...
“อุ้มเหรอ?” แฮร์รี่เหมือนอยากจะร้องไห้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพราะความฝัน แต่เพราะคนตัวสูงข้างๆ นี้ตะหาก!!
“อ่าฮ่ะ ‘อุ้ม’ นั้นแหละ” ตอบชัดถ่อยชัดคำ พร้อมกับเน้นคำว่า ‘อุ้ม’ จนเด็กหนุ่มหน้าแดงก่ำ
“นี้เธอคงไม่คิดว่าฉันจะปล่อยลูกทูนหัวสุดที่รักของฉันนอนอยู่ที่โต๊ะได้ไงล่ะ หนาวออก”
“แล้วอีกอย่างก็ไม่เห็นเป็นไรเลยหนิ ฉันเองก็เคยนอนกับพ่อเธอบ่อย ๆ”
“ก็....มัน” เหมือนกันซะที่ไหนล่ะ!? โถ่... นี้ซิเรียสจะรู้รึเปล่าเนี้ยว่าทำใครบางคนแถวนี้ใจเต้นไม่เป็นส่ำอยู่นะ!!
“ฉันไม่ได้ทำอะไรเธอนี้ ถึงไงฉันก็ไม่ใช่หมาป่าที่จะขย้ำเหยื่อตอนเผลอหรอกน่า ถึงจะอยากทำก็เถอะ”
“หา!!” แฮร์รี่ชักจะรู้สึกราวกับหน้าของเขาไปติดไฟที่ไหนมาซักแห่ง เพราะมันร้อนจนจี๊ดขึ้นสมองเลยล่ะ
“ก็แหม่ลูกแมวน้อยแถวนี้มันน่ารักซะจนเกือบอดใจไม่ไหวหนิน่า” ยิ่งเห็นเด็กหนุ่มเขินจนพูดอะไรไม่ออก ก็ยิ่งทำให้ชายหนุ่มสนุกจนไม่อยากหยุด
“ล้อเล่นหรอกน่า” ชายหนุ่มรีบพูดด้วยเกรงว่าเด็กหนุ่มจะตกใจจนหัวใจวายตายซะก่อน
“อย่าล้อเล่นแบบนี้สิฮ่ะ ผมไม่ตลกด้วยนะ” ล้อเล่นบ้าอะไรทำหน้าจริงจังซะขนาดนั้นด้วยเล่า!!
“ผมลงไปข้างล่างก่อนนะฮะ” พูดพลางรีบลุกจากเตียงทันที เขาไม่อยากอยู่ในนี้เลย โดยเฉพาะอยู่กับซิเรียส บอกไม่ถูกว่ารู้สึกยังไง แต่ที่แน่ๆ ถ้าไม่รีบไปจากตรงนั้น เขาคงอายต้องมุดลงไปใต้เตียงตลอดชีวิตแน่
“อ้าว! เดี๋ยวสิ” ชายหนุ่มพลางรีบดึงแขนของเด็กหนุ่มไว้ตามสัญชาตญาณ โชคดีที่มือเขายาวพอ ร่างบางซึ่งยังไม่ทันได้ตั้งตัวพอถูกดึงเอาไว้ก็ทรงตัวไม่อยู่ จึงเซล้มตรงกลางตักของชายหนุ่มพอดิบพอดี
“โอ๊ะ! เหมาะจริงแฮะ”
“ปล่อยนะฮ่ะ!!” แล้วไอ้ที่พูดนั้นมันหมายความว่าไง! เหมาะบ้าอะไรคร้าบบบ! เด็กหนุ่มร้องโว้ยวายเมื่ออีกฝ่ายกอดเขาเอาไว้ซะแน่นเชียวแถมใบหน้าของชายหนุ่มนั้นก็แกล้งวางบนไหลของเขา และยังมีลมหายใจที่เป่ารดใบหูของเขาเล่นเอาทั้งใบหน้าแดงก่ำหนักเข้าไปอีก เด็กหนุ่มซักอายเมื่อคิดว่าอีกฝ่ายจะรู้ตัวรึเปล่านะว่าตอนนี้เขาหน้าแดงแค่ไหน
“เธอรังเกลียดฉันเหรอ?” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูอีกฝ่าย ไม่ใช่น้ำเสียงที่ล้อเล่นเหมือนเมื่อกี้แล้ว แต่เป็นน้ำเสียงที่จริงจัง จนเด็กหนุ่มอดใจหายไมได้...
พอเจอคำถามนี้ให้แฮร์รี่ก็ไม่รู้จะตอบยังไงก็จะบอกยังไงเล้ามันไม่ใช่ความรังเกลียดอะไรหรอกแต่เขาก็แค่ทำตัวไม่ถูกเท่านั้น
“เอ่อ....เปล่านี้ฮ่ะ”
“งั้นทำไมถึงกอดไม่ได้ล่ะ? ปกติพ่อก็ทำแบบนี้กับลูกได้ไม่ใช่เหรอ?” ไม่พูดเปล่ายังกอดเด็กหนุ่มซะแน่นแถมยังหอมแก้มเนียนไปหนึ่งฟอด
“เหวอ!! แต่คุณไม่ใช่พอผมนี้ฮ่ะ!!”
ว๊ากก! ตายจริง!! ปากหนอปาก ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นแท้ ๆ แบบนี้มีหวังต้องถูกโกรธแน่
“........”
แฮร์รี่นึกกลัวขึ้นมาดูจากสีหน้าของชายหนุ่มที่ไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ แต่ที่เด็กหนุ่มคิดบอกได้คำเดียวว่า ’โกรธ’ จริงๆ นั้นแหละ
“นั้นสินะ...” น้ำเสียงแผ่วเบา ดูราวกับไม่ใช่น้ำเสียงของคนที่โกรธ แต่เหมือนกับว่า... เศร้า...
“ผมขอตัวก่อนนะฮ่ะ!!” พูดแล้วก็รีบวิ่งหนีออกไปทันที จนร่างสูงนั้นคว้าไว้ไม่ทัน เขาไม่เขาใจกับคำสุดท้ายของชายหนุ่ม ‘นั้นสินะ’ หมายความว่าไงกันหรือว่าซิเรียสอาจจะไม่อยากเป็นพ่อทูนหัวของเขาตั้งแต่แรก
“งั้นเหรอ... แต่ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้นซักหน่อย...” ชายหนุ่มพึมพำคนเดียว ก่อนจะล้มลงนอนบนเตียง มือแกร่งกายหน้าผากราวกับคนใช้ความคิดหนัก...
“หวา ๆ พูดไปแล้ว!! แย่แน่ๆ ซิเรียสต้องโกรธแหง่เลยเรา โถ่....” เด็กหนุ่มพูดขณะวิ่งลงบันไดและโดยทีเขาไม่ทันระวัง....
ตุ๊บ!!
“โอ้ย!! อีกแล้วเหรอเนี้ย!” เด็กหนุ่มพึมพำก่อนที่เขาจะตกบันได ให้ตาย! ทำไมเขาถึงไม่ค่อยมีโชคเอาซะเล้ย... วันๆ เจอแต่เรื่องซวยๆ แต่แล้วในขณะที่เขาทำใจยอมรับในชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้นเหมือนมีบางอย่างมารองรับเขาไว้
“อีกแล้วนะพอตเตอร์! ถ้าเธอทำหัวฉันแตกจะว่าไง!!”
น้ำเสียงที่ดูคุ้นเคยแถมวิธีกาพูดกับเขานั้นเหมือนกับเคยได้ยินที่ไหนซักแห่งและไม่อยากจะจำ... เด็กหนุ่มรีบลืมตาขึ้นมาทันที
“สาเนปปป!!” ไม่จริ๊ง!!! ทำไมสเนปมาอยู่ที่นี้ได้!!?
“ซุ่มซ่ามประจำเลยนะ ฉันช่วยเธอไว้เธอน่าจะขอบใจฉันมากว่านะ!!” ชายหนุ่มพูดอย่างเย้ยหยันตามปกติ
เอ๊ะ... ว่าแต่ว่าเมื่อกี้สเนปบอกว่าช่วย...? คนอย่างสเนปเนี้ยนะ
“เอ่อ..... ขอโทษฮ่ะ... ขอบคุณครับ” เด็กหนุ่มพูดขึ้นก่อนจะรีบลุกออกไปแต่สเนปจับมือเข้าไว้ก่อนใบหน้าคมเข้มเลื่อนเข้ามาใกล้ๆ ใบหน้ามนของอีกฝ่าย
“เดินละเมอ....หรือคิดถึงฉันอยู่รึไงถึงได้เดินตกบันได... พอเตอร์...” ชายหนุ่มกระซิบข้างหูเด็กหนุ่ม พลางขยับยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะผลักร่างของเขาออกไป แล้วลุกขึ้นเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
แฮร์รี่หน้าแดงฉ่าไม่คิดว่าจะได้ยินคำนั้นออกจากปากอาจารย์วิชาปรุงยาจอมโหดนั้น... แล้วนี้ สเนปคิดว่าเขากำลังคิดถึง... เอ่อ...
“หน่อย!! ไอ้คนหลงตัวเองเอ้ย!!” แฮร์รี่ตะโกนไหล่หลังเมื่อเห็นว่าสเนปน่าจะไม่ได้ยินแล้ว
“เปิดเทอมเมื่อไหร่ฉันจะหักกริฟฟินดอร์ 50 แต้ม โทษฐานที่แฮร์รี่ พอตเตอร์กล้าเรียกอาจารย์ว่า ‘ไอ้’ และอีก 10 แต้ม โทษฐานที่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน” เสียงของเขานั้นลอยมาจากไหนไม่รู้แต่ที่แฮร์รี่รู้แน่ ๆ ก็คือสเนปไม่ได้อยู่ตรงใกล้พอจะได้ยินเสียงเขาแน่นอน!!
“นี้ฉันหาเรื่องเดือดร้อนเข้าบ้านอีกแล้วรึไงนะ” เด็กหนุ่มคิดหนักเมื่อนึกถึงร้อยเท้าเกือบพันคู่จากเด็ก บ้านกริฟฟินดอร์... เปิดเทอมวันแรกก็โดนหักคะแนนเลย...
“อรุณสวัสดิ์แฮร์รี่!!” เสียงทักทายยามเช้าดังขึ้นเรียกความสนใจจากเด็กหนุ่ม
“อรุณสวัสดิ์รอน เฮอร์ไมโอนี่” เด็กหนุ่มกล่าวทักทายเพื่อนสนิททั้งสองที่กำลังเดินลงบันไดมา
“ให้ตายเถอะแฮร์รี่ ฉันไม่เห็นนายนอนอยู่บนเตียงตกใจแทบแย่” รอนพูดขึ้น
“โทษทีนะ แต่นายนะแหละบอกให้ฉันลงมาเองไม่ใช่เหรอ” แฮร์รี่เอ่ยอย่างประชดประชัน เล่นเอาเพื่อนสนิทอย่างรอนรู้สึกผิดขึ้นมาตะหงิดๆ ทั้งๆ ที่อันที่จริงเขาไม่ได้ผิดเลยซักนิด
“เออ มันก็ใช่ แต่ว่า....”
“ฉันได้ยินเสียงเอะอ๊ะมีอะไรเหรอ?” เฮอร์ไมโอนี่ถามขัดจังหวะ เพราะหากฟังรอนแก้ตัวคงไม่พ้นพูดคำเว้นคำ อ้ำๆ อือๆ นั้นแหละ
“สเนปล่ะ เขามาทำไมก็ไม่รู้ภาวนาให้เป็นเรื่องที่ดีเถอะ.....พวกนายพอรู้บ้างไหม?”
“อะไรนะ!! สเนปเขามาทำไมล่ะ”
“เฮอร์ไมโอนี่ฉันถามเธอยู่นะ” เด็กหนุ่มเกาหัวแกรกๆ เมื่อเห็นเพื่อนสาวทำสีหน้าตกใจเกินเหตุ
“เฟร็ดกะจอร์จบอกฉันว่าวันนี้มีประชุมภาคีน่ะ” รอนบอก
“จริงดิ” แฮร์รี่พูด อย่างน้อยวันนี้ก็พอมีเรื่องดีอยู่บ้างแหละน่า...
“ฉันไม่โกหกพวกนายหรอกน่า“ รอนรีบพูด กว่าว่าทั้งสองจะไม่เชื่อ
“โอกาสมาแล้ว จริง ๆ ด้วย!! รีบไปเถอะเดี๋ยวไม่ทัน!” เฮอร์ไมโอนี่พูดก่อนจะเดินนำเพื่อนทั้งสองไป
โอกาสที่พูดถึงนั้นก็ไม่มีอะไรมากหรอก พวกเขามักจะทำแบบนี้ประจำเมื่อดัมเบิลดอร์นัดสมาชิคของภาคีทุกคนมาประชุมกัน มันเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะได้รู้ข่าวเกี่ยวกับโวลเดอมอร์แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่สามารถรอดพ้นสายตานางวีสลีย์ไปได้เพราะงั้นนี้อาจจะเป็นโอกาสสุดท้ายก่อนโรงเรียนจะเปิด เอาน่ามันต้องมีสักครั้งแหละที่นางวีสลีย์จะเผลอ คนเรามันต้องผิดพลาดกันได้ไม่วันใดก็วันหนึ่ง ภาวะนาให้เป็นวันนี้ทีเถอะ...
เด็กทั้งสามเดินย่องตามทางเดินเพื่อไม่ให้ใครเห็น แต่บังเอิญนางวีสลีย์เดินผ่านมาพอดีพวกเขาจึงพากันเข้าไปหลบอยู่หลังประตู แต่....ดูเหมือนฟ้าจะไม่เป็นใจเท่าไหร่เพราะรอนดันถอยหลังไปเหยียบเท้าเฮอร์ไมโอนี่ซะได้นี้...
“รอน!! เธอเหยียบเท้าฉัน!” เด็กสาวร้องเสียงดัง ถ้าหากว่าใส่รองเท้าอยู่เธอคงไม่ว่าอะไร แต่นี้ใส่เพียงแค่ถุงเท้า แล้วเท้าของรอนเองก็ใช่ว่าจะน้อย
“เฮอร์ไมโอนี่!! เบา ๆ หน่อยเถอะ ขอร้องล่ะ” แฮร์รี่พยายามเตือนทั้งสองคนแต่สายไปเสียแล้วเมื่อนางวีสลีย์ดึงประตูออกไป...
“พวกเธอ......มาทำอะไรที่นี้จ๊ะ!” หญิงสาวกล่าวเสียงราบเรียบซะจนน่าขนลุก
“เอ่อ.....พวกเรากำลังเล่นซ่อนแอบอยู่ฮะ” แฮร์รี่ตอบ แล้วนึกอยากจะเอาหัวโขกประตูเสียเหลือเกิน เล่นซ่อนแอบ? แม้แต่เด็กหกขวบก็คงไม่มีใครเชื่อหรอก ดันมาซ่อนด้วยกันทั้งสามคนในที่แคบๆ แบบนี้
“ว่างมากซิจ๊ะเนี้ย” นางวีสลีย์พูดพลางยิ้มหวานส่งให้
“ครับ/ค่ะ “
“งั้นดีเลย... ตามมาซิจ๊ะ.....ฉันทำอาหารไว้พวกเธอมาช่วยหน่อยสิ”
และแล้ว.....ความหวังสุดท้ายก็หมดลงเพราะพวกเขาต้องช่วยนางวีสลีย์ทำอาหารซึ่งอยู่ห่างจากห้องประชุมไปตั้งหลายห้อง และที่สำคัญคือนางวีสลีย์ไม่ปล่อยให้พวกเขาคุยกันหรือปรึกษากันเลยหล่อนจะให้งานพวกเขาไปทำซึ่งแต่ละงานจะอยู่คนละฝากกันทั้งนั้น
และแฮร์รี่ก็พึ่งประจักษ์ ใครก็ผิดพลาดได้ทั้งแต่ แต่ไม่ใช่สำหรับนางวีสลีย์ ดูเธอจะรอบคอบเอามากๆ ซะด้วย นี้คงคิดไว้แล้วสิว่าพวกเขาจะมาแอบฟังการประชุด ถึงได้เดินมาพอดิบพอดี ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆ
กว่าอาหารเช้าจะเสร็จก็ปาไปตั้ง 9 โมง แฮร์รี่รู้ดีว่าตอนนี้พวกภาคีคงเลิกประชุมแล้วเพราะว่านางวีสลีย์ยอมปล่อยให้พวกเขาได้นั่งอยู่ใกล้กันตามลำพัง
“นี้ เราเลยไม่รู้เลยว่าพวกเขาพูดเรื่องอะไรกันบ้าง” รอนพูดขึ้นเมื่อนางวีสลีย์ออกจากห้องครัวไปเสียที
“นั้นสิ อาทิตย์หน้าก็ต้องไปโรงเรียนซะแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่พูดพลางทำสีหน้าคับแค้นใจเพราะเธออุตสานั่งวางแผนเพื่อรอการนี้ แต่ก็ยังไม่ได้เริ่มด้วยซ้ำ มันก็พังซะแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอกน่าฉันว่าพอถึงเวลาพวกเขาก็บอกเราเองแหละ” แฮร์รี่พูดปลอบใจเพื่อนทั้งสองก่อนที่ทั้งสามจะถอนหายใจเฮือกใหญ่พร้อม ๆ กัน
“นี้พวกนาย เคยคิดไหมว่าซิเรียสเค้าจะอยากเป็นพ่อทูนหัวของฉันจริง ๆ รึเปล่า?”
ทั้งรอนและเฮอร์ไมโอนี่มองหน้ากันและมองหน้าแฮร์รี่สลับไปมาเป็นไปตามที่เด็กหนุ่มคิดทั้งสองคนจะต้องสงสัยที่ทำไมจู่ ๆ เขาถึงถามออกไปแบบนั้น
“ทำไมนายถามแบบนั้นล่ะ?”
“ซิเรียสเขาก็ต้องอยากเป็นพ่อทูนหัวของนายอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ? ฉันว่านะ” รอนพูดขึ้นพลางจ้องหน้าแฮร์รี่ไม่กระพริบ
“ไม่รู้สิ......ฉันรู้สึกว่าบางทีเขาไม่ค่อยชอบเท่าไหร่เวลาฉันบอกว่าเขาเป็นพ่อทูนหัวของฉันนะ แล้วเราก็ไม่ใช่ญาติกันด้วย คือ... ฉันหมายความว่าเขากับฉันแทบจะไม่ได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกันเลย เขาเป็นเพื่อนของพ่อ แต่เขา... ฉันไม่รู้อธิบายยังไง คือมัน... คือมันอธิบายไม่ถูกน่ะ”
“แฮร์รี่... นั้นมันไม่สำคัญหรอก เขาอาจจะไม่ใช่ญาติของเธอเป็นแค่คนรู้จัก แต่นั้นมันเมื่อก่อน ตอนนี้... เธอกับเขาผูกพันธ์กันมากซะยิ่งกว่าที่เธอคิดซะอีก เขารักเธอนะ ไม่งั้นเขาไม่ลงทุนแหกคุกอาซคาบันมาหาเธอหรอกน่า จริงไหม” เฮอร์ไมโอนี่พูด เธอเข้าใจดีว่าแฮร์รี่รู้สึกยังไง
“แต่เฮอร์ไมโอนี่เขาออกมาหาเพตตี้กรูว์ต่างหาก......”
“แต่เขาก็มาหานายเป็นคนแรกเลยไม่ใช่เหรอ.....ที่บ้านญาตินายน่ะ” รอนพูดทบทวนความจำเมื่อครั้งตอน 2 ปีที่แล้ว
“ก็อาจจะ........”
“เธอคิดมากไปแล้วแฮร์รี่........”
“ใช่แฮร์รี่ นายไม่เห็นเหรอเขายอมจับหนูกินเพื่อนายเชียวนะ แค่นี้ยังไม่เรียกว่าพ่ออีกเหรอ? แม้แต่พ่อฉัน ฉันยังไม่คิดว่าพ่อจะทำแบบนั้นเพื่อฉันหรอกนะ”
“แหง่ล่ะ... เว้นแต่เขาจะเป็นหมา...”
ทั้งสามคุ้ยกันกันอยู่นานจนในที่สุดพวกสมาชิคในภาคีต่างก็ทยอยมาทีโต๊ะอาหาร นำโดยนางวีสลีย์.....และที่แฮร์รี่ไม่ชอบมากที่สุดก็คือเขาต้องกล่าวตอบรับคำทักทายจากคนอื่น ๆ เสมอมันทำให้เขารำคาญเพราะต้องพูดคำเดียวในเวลาไล่เลี่ยกัน
“เป็นไงบ้างแฮร์รี่......เธอสบายดีไหม?” ลูปินถามพลางนั่งลงข้าง ๆ เด็กหนุ่ม
“ฮ่ะ....สบายดีอย่างที่สุด” แฮร์รี่ตอบพลางยิ้มกว้าง นาน ๆ ทีเขาจะได้เจอ ศาสตราจารย์รีมัส ลูปินเพราะปกติลูปินมักจะมีงานเสมอเลยไม่ค่อยได้แวะมาที่นี้เท่าไหร่
“เอาล่ะ เชิญเลยทุกคน!!” นางวีสลีย์กล่าวเสียงดังแล้วทุกคนก็รับประทานอาหารเช้าอย่างเอร็ดอร่อย
สำหรับแฮร์รี่แล้วเขาดีใจนิด ๆ ที่สเนปไม่ได้อยู่รับประทานอาหารด้วย เพราะถ้าหากชายหนุ่มอยู่ล่ะก็คงไม่พ้นหาเรื่องที่เขาซุ่มซ่ามเมื่อเช้ามาพูดถากถางเขาแน่
“แม่! ทำไมซิเรียสไม่ลงมาทานข้าวล่ะ”
“รอน!! อย่าพูดตอนที่ข้าวเป็นปากแบบนั้นนะ!!” นางวีสลีย์เอ็ดลูกชายคนเล็กที่ถามไปด้วยในขณะที่เคี้ยวอาหารอยู่
“จริงด้วยสิฮ่ะ ซิเรียสทำไมไม่ลงมาทานข้าวฮ่ะ” แฮร์รี่ถาม พลางมองหาร่างของชายหนุ่ม เขานึกว่าซิเรียสอยู่ในโต๊ะอาหารด้วยซะอีกเลยทำไมไม่สนใจ แต่พอได้ยินรอนพูด จึงลองเหลียวหาดูแต่ก็ไม่พบ
“ใจเย็นจ๊ะแฮร์รี่ เขาว่าไม่หิวน่ะ” นางวีสลีย์ตอบพรางหันไปดุสองแฝดตัวร้ายที่ใช้เวทย์มนต์พร่ำเพื่อ
“หยุดเดี๋ยวนะเฟร็ด แกอยากให้แม่ด่าใช่ไหม!!!”
“นี้! แฮร์รี่มีเรื่องอะไรรึเปล่า” เฮอร์ไมโอนี่ถามกลบเสียงด่ากันของครอบครัววีสลีย์
“เปล่า.......ฉันขอตัวก่อนนะ”
“ไปไหน?”
เด็กหนุ่มไม่ตอบเขารีบเดินออกไปโดยไม่สนใจว่าคนอื่นจะถามอะไร บางทีที่ไม่ตอบอาจเพราะเขาไม่ได้ใส่ใจที่จะฟังเลยไม่ได้ยิน ตอนนี้ในหัวเขามีแต่เรื่องเมื่อเช้าถ้าเขาไม่พูดแบบนั้นออกไปเสียซิเรียสก็คงไม่โกรธ....และที่สำคัญเขาก็ยังไม่ได้ขอโทษชายหนุ่มเลยด้วยซ้ำ!!
ก็อก ๆ~
แฮร์รี่เคาะประตูแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา.......
“ซิเรียสฮ่ะ..........”
“................”
“ซิเรียส!!” จากเสียงที่เบาเริ่มแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“................”
“ผมเข้าไปนะฮ่ะ!! อะโลโฮโมล่า!!” เขากระซิบคาถาปลดล็อกประตูก่อนจะรีบก้าวเข้ามาในห้อง
“ซิเรียส......”
ชายหนุ่มหลับอยู่บนเตียงนั้นเองเขาจึงไม่ได้ยินเสียงของแฮร์รี่
“คุณหลับอยู่หรอกเหรอ”
ให้ตาย! ก็นึกว่าเกิดเรื่องไม่ดีอะไรซะอีก
“ดีล่ะ!! งั้นก็พูดซะตอนนี้แหละ” ใช่ บอกตอนที่ยังหลับอยู่นี้แหละ ไม่ต้องคิดมาก เพราะยังไงซิเรียสก็ไม่ได้ยินอยู่ดี แล้วที่สำคัญเข้าจะได้ไม่ต้องเก็บไว้ บอกไปเสียให้หมด จะได้เลิกอัดอั้นตันใจเสียที ถึงจะหลับแต่ก็ถือว่าบอกไปแล้วล่ะน่า
“ผมขอโทษนะฮ่ะ........เรื่องเมื่อเช้านะ”
“จริงๆ แล้วผมไม่ได้อยากจะพูดแบบนั้นหรอกนะครับ”
“ผมไม่รู้จริง ๆ ว่าทำไมมันรู้สึกไม่ดีทุกครั้งเลยที่อยู่ใกล้คุณ ”
“แต่มันไม่ใช่เพราะผมเกลียดคนหรอกนะ!!” เขารีบพูดเมื่อกลัวว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิด
“แต่ผมรู้สึกลำบากใจมาก ๆ เลย”
“พูดต่อซิ......”
“เอ่อ... ผมดีใจมากที่คุณเป็นพ่อทูนหัว!!”
“.......”
“แต่บางครั้งก็รู้สึกเสียใจเพราะอะไรไม่รู้
”
“.......”
“ให้ตายสิ! ผมคงจะบ้าจริง ๆ ที่พูดเรื่องไร้สาระให้คุณฟัง! ” ใช่!! เขาคงจะบ้ามาก ๆ ที่มานั่งพูดเรื่องไร้สาระให้คนที่หลับสนิทฟัง
“ไม่ไร้สาระสักนิด....”
“หา!! เดี๋ยวก่อนสิ นี้คุณตื่นแล้วเหรอ!!” เด็กหนุ่มตกใจมากที่เห็นว่าเปลือกตาที่เมื่อครู่ปิดอยู่เปิดกว้างออก และรอยยิ้มกวนๆ ตามแบบฉบับของคนหน้าหล่อทำให้แฮร์รี่หน้าแดงก่ำ
“
” ชายหนุ่มไม่ตอบเพียงส่งยิ้มที่กวน ๆ มาให้
“ง้านก็แปลว่า
คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่เนี้ย!!”
“ก็.....ตั้งแต่เธอเรียกครั้งแรกแล้วล่ะ” เวรกรรม! แล้วทำไมคุณท่านไม่บอกล่ะครับ!!
งั้นก็แสดงว่าได้ยินที่เราพูดทั้งหมดเลยนะซี่!
“เอ่อ........” แฮร์รี่พูดไม่ออก ไม่รู้จะสรรหาคำใดออกมาพูดแล้ว รู้สึกถึงใบหน้าที่ร้อนผ่าวยิ่งกว่าตอนเช้าซะอีก
“อะไรเหรอ?”
“ผม.......”
“หืม?”
“เปล่าฮ่ะ!” เขาแทบอยากจะร้องไห้ออกมาเป็นเพลงน่าสมเพศจริง ๆ แค่จะพูดคำว่าขอโทษออกไปยังไม่กล้า!! แล้วทำไมเขาจะต้องอายขนาดนี้ด้วยนะ!!!?
“มานี้สิ.......” พูดแล้วก็ดึงร่างเล็กเข้ามาก่อนที่วงแขนแกร่งจะโอบรอบเอวบางเอาไว้
“ปล่อยครับ!!”
“หน้าเธอแดงเชียว.......ร้อนด้วย!! ใจก็เต้นแรง.......”
“ก็แหง่สิ!!! ใครใช้คุณทำแบบนี้ล่ะ! เป็นใครก็ต้องอายทั้งนั้นแหละน่า!!” ถึงจะเป็นพ่อทูนหัวก็เถอะ! แต่ก็ไม่ใช่พ่อจริงๆ ซักหน่อย...
“ไม่หรอก.....” ชายหนุ่มพูดเขากอดร่างเล็กที่ขัดขืนอยู่แน่นกว่าเดิม
“ฉันก็เหมือนกัน........เพียงแค่สัมผัสเธอแค่นี้ฉันก็แทบทนไม่ไหว...”
ทนไม่ไหว!.....อะไร!! หมายความว่าไงกัน?
“ปล่อยได้แล้วฮ่ะ! ผมจะลงข้างล่างแล้ว!” เด็กหนุ่มพูดเขาหยุดดิ้นเพราะยังไงชายหนุ่มคงไม่ปล่อยเขาง่าย ๆ แน่แถมยิ่งดิ้นก็ยิ่งกอดแน่นกว่าเดิมนี้สิ
“ฟังนี้สิ....” พูดก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้น มือซ้ายดันศีรษะของเด็กหนุ่มแนบอก
แฮร์รี่ไม่เข้าใจว่าคนตรงหน้าต้องการอะไรกันแน่... แต่เขาได้ยินเสียงหัวใจของชายหนุ่มที่เต้นแรง จนตอนที่เขาขยับศีรษะออกก็ยังได้ยิน
“มันเต้นเร็วกว่าปกติใช่ไหมล่ะ? เธอได้ยินไหม?”
“ขอร้องล่ะ......อย่าหนีหน้าฉันอีกเลยนะ”
“อย่าหลบหน้าฉันอีกเลย...”
“ผมไม่เข้าใจ.........คุณพูดเรื่องอะไรกัน?” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้น แม้น้ำเสียงจะราบเรียบแต่ในใจกับรู้สึกแปลกๆ กับคำพูดของชายหนุ่ม ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ พิกล นี้เขาคงจะอายจนไข้ขึ้นแล้วกระมัง...
“ก็ไม่หวังให้เธอเข้าใจหรอก....แต่ทำตามที่ฉันบอกได้ไหม?”
“ผมไม่ได้หลบหน้าคุณซักหน่อย!” ถึงจะพูดอย่างนั้นก็เถอะ แต่นัยน์ตากลับเสมองไปทางอื่นเสียนั้น
“เฮ้ย...” ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ ไม่รู้จะพูดยังไงกับคนปากไม่ตรงกับใจตรงหน้านี้ดี
“ถอนหายใจทำไมครับ!!”
“เปล่านี้...”
‘แล้วทำไมต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยล่ะผมไม่สบายใจนะ!!’ แฮร์รี่คิด เมื่อเหลือบมองใบหน้าคมที่แสดงสีหน้าผิดหวังอย่างเปิดเผย เห็นแล้วมันรู้สึกผิดยังไงไม่รู้สิ
“แล้วคุณจะปล่อยผมได้รึยังล่ะฮะ?” แฮร์รี่พูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขากำลังถูกชายหนุ่มกอดอยู่ ใบหน้ามันก็พาลแดงขึ้นมาอีก
“ไม่ชอบเหรอ?”
“ก็ไม่ใช่ไม่ชอบหรอกน่าแต่มัน......” โถ่! ทำไมถึงได้เข้าใจยากนักนะ
“เขินเหรอ?”
“...“ โถ่... ก็ไม่เห็นต้องพูดตรงขนาดนั้นเลยหนิ
“โอเค.......แต่ขออีกแปปนึ่งได้ไหม... สามนาที”
“ไม่เอา...”
“สอง”
“ไม่...”
“สามสิบวินะ...”
“กะ...ก็ได้”
เพล้ง!!
เสียงแก้วกระทบกับพื้นห้องดั่งสนั่น เรียกความสนใจจากคนทั้งสอง
“ขอโทษที พอดีว่าอีตานี้ซุ่มซ่ามไปหน่อย แฮะ ๆ” เฮอร์ไมโอนี่กับรอนนั้นเองทั้งสองได้แต่ยืนแข็งถื่อแถมยังส่งยิ้มที่แฮร์รี่ไม่เข้าใจความหมายมาให้
“เธอนั้นแหละ! บอกว่าอย่าเบียดก็ไม่เชื่อ...” รอนบ่นอุบอิบ โทษเขาคนเดียวได้ไง แอบฟังกันทั้งสองคนก็ต้องรับผิดด้วยกันสิ!
“นี้พวกนาย..........” แฮร์รี่ทั้งเขินทั้งโกรธที่ทั้งสองคนแอบฟัง
“อรุณสวัสดิ์เด็ก ๆ”
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ/ครับ”
แต่ที่แฮร์รี่โกรธที่สุดก็คงจะเป็นคนบ้าที่กอดเขาไม่ยอมปล่อยไม่สนใจว่าใครจะมาเห็นเข้านี้แหละ
“โอ้ย!!” ชายหนุ่มร้องเมื่อถูกกำปั้นน้อยๆ ชกเข้าที่ท้องอย่างจัง!
“สมน้ำหน้า!!”
พูดแล้วก็รีบผลักร่างสูงที่มันแต่กุมท้องตัวเองอยู่ล้มคว้ำไปที่เตียง ก่อนตรงรี่ไปทางเพื่อนรัก (รึเปล่า) ทั้งสองคน
“มาเถอะ เรามีเรื่องต้องคุยกัน!” น้ำเสียงราบเรียบผิดปกติที่ชวนให้เพื่อนสนิททั้งสองขนหัวลุกแต่ก็เดินตามเด็กหนุ่มไปแต่โดยดี...
“ไปก่อนนะครับ” รอนพูดกับชายหนุ่มที่ลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียง ด้วยใบหน้าที่ดูราวกับอดกลั้นไว้ไม่ให้ปล่อยก๊ากออกมาซะก่อน ก่อนจะว่างจานข้าวไว้ที่โต๊ะหน้าประตูแล้วรีบออกจากห้องทันที
“ฮ่ะ ๆ เชิญเลย.....”
“ขอโทษนะแฮร์รี่” เฮอร์ไมโอนี่พูดขณะที่พวกเขากำลังเดินลงบันไดด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด
“เราไม่ได้ตั้งใจจะขัดพวกนายหรอก....เพียงแต่แม่ให้เอาข้าวไปให้ซิเรียสน่ะ”
“ฉันไม่สนเรื่องนั้น!! แต่บอกไว้ก่อนนะถ้าพวกนายคิดอกุศลล่ะก็ฉันไม่ให้อภัยแน่!!”
“เปล่านะเราไม่เคยคิดแบบนั้นเลยจริง ๆ”
“เชื่อตายแหละ!!” เพราะใบหน้าของพวกนาย ไม่ว่าจะมองอย่างไงมันก็ไม่พ้นเรื่องพวกนั้น!
“พรุ่งนี้แม่จะไปที่ตรอกไดแอกอน.....นายจะไปกับเราไหม?” รอนถามเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ขืนพูดเรื่องนี้ต่อไปสามวันก็ไม่จบ
“พวกนายจะไปไหมล่ะ?” เด็กหนุ่มถาม
“ฉันต้องไปซื้อชุดน่ะมันคับแล้ว” รอนตอบเพราะเท่าที่แฮร์รี่ดูก็จริงอย่างที่รอนว่า รอนตัวโตกว่าเขามากจริง ๆ เหมาะจะเป็นกีฬาควิดดิชมากว่าเขาซะอีกผิดกับเขาที่ตัวก็เล็กอยู่แบบนี้ตั้งแต่ปีที่แล้วรู้สึกว่าส่วนสูงคงจะไม่เพิ่มอีกแล้วล่ะมั้ง? ขนาดเฮอร์ไมโอนี่ที่เป็นผู้หญิงแท้ ๆ ยังสูงกว่าเขาแต่ก็เพียงแค่ 2 เซนเท่านั้น
“ส่วนฉันจะไปซื้อหนังสือน่ะ เกี่ยวกับเวทย์มนต์ใหม่” เฮอร์ไมโอนี่ตอบเธอดูเหมือนผู้ใหญ่มากกว่าพวกเขาทั้งสองคนและยังฉลาดมากกว่าอีกต่างหาก...
“อืม.....ฉันแวะไปเลือกตำราเรียนเองดีกว่า” เด็กหนุ่มบอกเพื่อนทั้งสองคน ตั้งแต่ปีสองมาแล้วคนที่ไปซื้อตำราเรียนให้ก็คือนางวีสลีย์เขาไม่ค่อยได้เข้าร้านหนังสือเท่าไหร่
“งั้นก็ดีไปกันทั้งหมดเลย........”
ความคิดเห็น