คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Chapter 11
Chapter 11
พื้นเตียงนุ่มยุบลงด้วยน้ำหนักแรงที่ถูกทิ้งลงมาของเด็กหนุ่มร่างบางเจ้าของดวงตาสีมรกต... เด็กหนุ่มฟุบหน้าลงที่หมอนใบใหญ่อย่างไร้เรี่ยวแรง วันนี้ทั้งวันก็ไม่ต่างอะไรกับเมื่อวาน มีแต่เรื่องวุ่นวายได้ทุกวี่ทุกวัน แฮร์รี่อยากจะรู้นักว่าคนอื่นจะเป็นอย่างเขาไหมนะ?
นัยน์ตากลมกรอกไปรอบห้อง ยังไม่มีใครกลับเข้ามาแสดงว่าคงทานข้าวกันอยู่ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ต้องเป็นห่วงเขาอยู่แน่ แต่จะทำยังไงได้ ตอนนี้แฮร์รี่ไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะตอบคำถามใคร เพราะตัวเขาเองยังหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้เลย เด็กหนุ่มนึกทบทวนเรื่องราวที่ผ่านมา แล้วเรื่องที่สะดุดใจเขามากที่สุดก็คือเรื่อง...
แฮร์รี่สะบัดหัวไล่ความคิด ใบหน้านวลแดงก่ำเมื่อนึกถึงใบหน้าของใครบางคนที่ลอยเข้ามาในห้วงความทรงจำ รสสัมผัสที่แสนอ่อนโยน แผ่วเบายังคงตราตรึงอยู่ในใจ นิ้วมือเรียวยกขึ้นสัมผัสที่เรียวปาก...
“ร้อน...”
เกิดอะไรขึ้นกับเขากันแน่นะ... ความรู้สึกนี้มันอะไรกัน เขาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน แค่คิดถึงใบหน้าของซิเรียสก็ทำให้ใจเขาเต้นแรงขนาดนี้เชียวหรือ...
รู้สึก... ไม่ดีเอาเสียเลย...
เสียงเอะอะตะโกนโหวกเหวกทำให้แฮร์รี่รู้ว่ามีคำกำลังเดินเข้ามา... พวกรอนคงทานอาหารเสร็จแล้ว... จริงด้วยสินะ งั้นก็แปลว่านี้คงจะเลย 6 โมงเย็นมาแล้ว แฮร์รี่ไม่ได้ลืมเรื่องที่ถูกสเนปกักบริเวณ ตรงกันข้าม เขาจำได้ดีเลย ดีพอๆ กับรอยนิ้วมือที่ปรากฏอยู่บนข้อมือเขา โชคดีที่ตอนนั้นซิเรียสไม่เห็น ไม่งั้นคงเกิดเรื่องใหญ่แน่ เขาเจ็บใจที่ไม่สามารถตอบโต้อะไรได้เลย หรือบางทีการที่เขาไม่ไปตามคำสั่งของสเนปอาจจะเป็นการตอบโต้อย่างหนึ่ง แฮร์รี่ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาทำแบบนี้ ทั้งๆ ที่มันไม่ช่วยอะไรเลย นอกจากทำให้เรื่องแย่ลง ยิ่งเขาขัดคำสั่งสเนปมากเท่าไหร่ ชายหนุ่มก็ยิ่งทำตัวร้ายกาจกับเขา แต่แฮร์รี่ไม่รู้เลยว่าเขาต้องทำยังไงตอนนี้... ไม่รู้อะไรเลย...
ทั้งความสับสน ความเจ็บปวด ความกังวลใจ ความโกรธ อารมณ์ของเขาในตอนนี้เป็นแบบไหนกันแน่ หรืออาจจะเป็นแบบนั้นทั้งหมดกันแน่นะ
แฮร์รี่พลิกกายนอนตะแคง ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาห่มตัว เด็กหนุ่มได้ยินเสียงรอนคุยกับเนวิลล์สองสามคำก่อนที่ทั้งสองจะแยกกันไปนอน แฮร์รี่ไม่ได้ง่วงจนไม่สามารถกล่าวราตรีสวัสดิ์เพื่อนๆ เขา แต่เขาไม่อยากตอบคำถามกับเรื่องทั้งหมด เขาจึงแกล้งทำเป็นหลับ ทั้งๆ ที่เขายังไม่ได้อาบน้ำด้วยซ้ำ
ไฟในห้องดับลง ความมืดจากภายนอกคืบคานเข้ามาอย่างรวดเร็วโดยที่แฮร์รี่ไม่ทันตั้งตัว เด็กหนุ่มไม่รู้เลยว่าเวลาผ่านไปนานเท่าใดหลังจากที่เขาล้มตัวลงนอนบนเตียง และเสียงผ่อนลมหายใจอย่างสม่ำเสมอของเพื่อนร่วมห้องซึ่งบ่งบอกว่าทุกคนต่างก็เข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว เหลือเพียงเขาคนเดียวที่ยังถูกขังอยู่ในห้วงความคิดของตัวเอง...
ชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าที่เด็กหนุ่มพยายามฝืนหลับตาลง ซึ่งมันก็ไม่ต่างอะไรกันมากในเมื่อเขานอนไม่หลับเสียที เพราะไม่ว่าจะลืมตาหรือหลับตา เขาก็เจอแต่ความมืดไม่ต่างกัน
ตุบ!
เสียงแรงกระแทกหนักๆ ของสิ่งของบางอย่างทำให้เด็กหนุ่มร่างสูงเรือนผมสีแดงสะดุ้งตื่น รอน วีสลีย์ลุกขึ้นนั่งบนเตียงก่อนจะหันซ้ายหันขวามองต้นเสียง และพบว่ามันอยู่ตรงหน้าเขานี้เอง
“อะไรของนาย เนวิลล์!” เด็กหนุ่มพูดอย่างหัวเสีย เมื่อเห็นเนวิลล์กำลังก้มเก็บหนังสือเล่มใหญ่มหึมาอยู่ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครเป็นคนทำให้เกิดเสียง
“โทษที ฉันกำลังจัดของอยู่น่ะ มันรกจนฉันแทบไม่มีที่นอน แล้วก็เลยซุ่มซ่ามทำหนังสือตก....”
“เอ่อ... เห็นกันอยู่จะๆ” รอนบ่น ไม่ได้กล่าวโทษเนวิลล์อีกเพราะดูจากสีหน้าสำนึกผิดของเนวิลล์แล้วขืนเขาพูดอีกมีหวังคงได้ร้องไห้แน่
“นี้ แล้วดีนกับเชมัคไปไหนแล้วล่ะ?” เด็กหนุ่มผมแดงถามเมื่อไม่เห็นร่างของเพื่อนสนิทซึ่งปกติเห็นหลับเป็นตาย
“อ้อ! ไปที่ห้องอาหารก่อนนายตื่นสักพักแล้วล่ะ เห็นบอกว่าหิวเพราะเมื่อวานมัวแต่ทำรายงานจนไม่มีเวลาไปกินข้าวเย็นน่ะ”
“เหรอ... เฮ้ย! จริงด้วยสินะ ฉันเองก็ยังทำรายงานไม่เสร็จเลยหนิน่า!” รอนร้องเมื่อนึกขึ้นได้ว่ารายงานของเขายังทำไม่ถึงครึ่งเลยด้วยซ้ำ
“เอาน่า นายไม่เสร็จคนเดียวที่ไหน” เนวิลล์ปลอบ ซึ่งก็ไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นสำหรับรอน
“เฮ้ย~” รอน วีสลีย์ถอนหายใจ พลางนึกปลงกับความไม่ฉลาดของตัวเอง
เด็กหนุ่มยอมรับว่าเขามันคนขี้เกียจ เขาก็พยายามแล้ว แต่มันก็ไม่มีทางเสร็จทันแน่ถ้าไม่มีเฮอร์ไมโอนี่คอยช่วย ใช่แล้ว... เรื่องมันไม่ได้ซับซ้อนอะไรมากนัก เขาก็แค่หลงรักเพื่อนสนิทสุดฉลาดเข้าเสียแล้ว และก็เป็นธรรมดาของผู้ชายที่จะทำตัวเป็นที่พึ่งมากกว่าพึ่งคนอื่นให้ผู้หญิงที่รักเห็น
นี้สินะที่เขาว่าความรักมันไม่เข้าใครออกใคร... ทั้งๆ ที่เป็นเพื่อนกันมาก็หลายปี ที่คอยทำตัวขวางหูขวางตา ที่ทำตาขวางใส่บรรดาหนุ่มๆ ที่มารุมตอบเฮอร์ไมโอนี่ ไม่ใช่เพราะความเป็นเพื่อน... เขาพึ่งมารู้ตัวเอาปานนี้... น่าเจ็บใจเป็นบ้า!
“รอน นายจะอาบน้ำก่อนไหม?” เสียงของเนวิลล์เรียกสติของเด็กหนุ่มผมแดง รอนสะดุ้งเฮือกใหญ่ ก่อนจะรีบสายหัวเป็นพัลวัน
“อา... นายอาบก่อนสิ ฉันจะปลุกแฮร์รี่ก่อน” รอนตอบ
เนวิลล์พยักหน้ารับก่อนจะหยิบผ้าเช็ดตัวเด็กเข้าไปในห้องน้ำพลางนึกสงสัยกับอาการแปลกๆ ของเพื่อนสนิทผมแดง
คิดเล็กคิดน้อยแล้วมันจะได้อะไรขึ้นมาว่ะรอน! ให้ตายสิ! ทำไมฉันต้องไปชอบยัยผมฟูนั้นด้วยนะ เรื่องนี้จะให้แฮร์รี่รู้ไม่ได้เด็ดขาด เสียฟอร์มแย่!!
รอนตบหัวตัวเองเบาๆ ก่อนจะกระเด้งตัวลุกจากเตียงเพื่อนไปปลุกแฮร์รี่
“เฮ้! แฮร์รี่ตื่นได้แล้ว” เด็กหนุ่มพูดพลางเขย่าตัวร่างเล็กบางของเพื่อนสนิท ซึ่งก็ไม่มีทีท่าว่าจะตื่น
“แฮร์รี่!” รอนเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นกว่าเดิม แต่แฮร์รี่ไม่ได้กระดิกตัวสักนิด
เด็กหนุ่มย่นจมูกอย่างไม่พอใจ ปกติคนที่ปลุกเขาคือแฮร์รี่ไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมวันนี้เจ้าเพื่อนตัวดีนี้ถึงหลับเป็นตาย ขนาดตะโกนเรียกแล้วก็ยังไม่ตื่นอีก
“ตื่นเซ่! พ่อคุณชายขี้เซ้า!!” รอนตะโกนพร้อมกับเลิกผ้าห่มออกจากร่างของแฮร์รี่ แต่กระนั้นการกระทำดังกล่าวก็ไม่อาจปลุกคนที่หลับอยู่ให้ตื่นขึ้น ไม่สิ จะพูดว่าไม่ได้ยินเลยก็ว่าได้
“อะไรจะปานนี้ว่ะ!” เด็กหนุ่มพึมพำ แต่เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าของแฮร์รี่ดีๆ แล้วก็เริ่มใจไม่ได้ ปกติแล้วเจ้าเพื่อนตัวเล็กของเขาจะหน้าขาวแทบจะเรียกได้ว่าซีด แต่ตอนนี้กลับแดงก่ำ แถมลมหายใจที่ควรจะผ่อนคลายกลับหนักหน่วงราวกับคนวิ่งออกกำลังกายมาหมาดๆ ไหนจะเหงื่อไหล่เป็นเม็ดๆ และสีหน้าที่แสดงถึงความเจ็บปวด “เฮ้... หรือว่า!”
มือใหญ่ของเด็กหนุ่มแนบลงบนหน้าผากของเพื่อนสนิท ความร้อนแล่นผ่านทำให้เขาต้องชักมือกลับทันที “ซวยแล้วไง แบบนี้จะบอกซิเรียสยังไงดี...”
“อะไรน่ะ! แฮร์รี่ไม่สบาย ทำไมเธอพึ่งบอกฉันเอาตอนนี้!!” เฮอร์ไมโอนี่ตะโกนเสียงดังเมื่อทันทีที่รอนพูดจบ
“เธอจะบ้ารึไงกัน ฉันต้องพาแฮร์รี่ไปส่งห้องพยาบาลนะ จะเอาเวลาไหนไปบอกเธอกัน”
“อ๊ะ! จริงด้วยสินะ”
รอนได้แต่ส่ายหน้ากับพฤติกรรมน็อตหลุดของเฮอร์ไมโอนี่ เธอมักจะเป็นแบบนี้เสมอเมื่อรู้ว่าเพื่อนของเธอคนใดคนหนึ่งกำลังมีอันตราย
“แล้ว... ตอนนี้แฮร์รี่เป็นยังไงบ้าง?” เด็กสาวถาม
“อยู่ห้องพยาบาล มาดามพรอมฟรีย์ไม่ยอมให้ฉันอยู่ด้วย หล่อนบอกว่าแฮร์รี่เป็นไข้หวัดใหญ่ มันติดต่อง่าย หล่อนแยกแฮร์รี่ไปที่เตียงพิเศษด้วยล่ะ แถมยังสั่งอีกว่าระหว่างสามวันนี้ห้ามใครเข้าเยี่ยมแฮร์รี่เด็กขาด”
“โธ่... แบบนั้นแฮร์รี่ต้องบ้าแน่ๆ” เฮอร์ไมโอนี่พูดติดตลก เธอรู้ดีว่าเพื่อนของเธอไม่ใช่คนที่จะนอนอยู่บนเตียงในห้องโล่งๆ ไร้ซึ่งสิ่งบันเทิงใจได้เกินครึ่งวันหรอก แต่ถ้ามาดามพรอมฟรีย์พูดแบบนั้นแล้ว อยู่ไม่ได้ก็ต้องอยู่ล่ะน้า...
“ฉันว่าดีออก ไม่ต้องมาเรียน อย่างน้อยมันก็มีดีอยู่ล่ะนะ”
“หรือว่าเธออยากไปนอนแบบนั้นบ้างล่ะโรนัลด์”
“เอ่อ... ฉันก็แค่คิดอ่ะนะ...”
“ไงเด็กๆ” เสียงเรียกดังมาแต่ใกล้ของอาจารย์สอนควิดดิชดังขึ้นท่ามกลางเสียงพูดคุยของเด็กๆ ในห้องโถงใหญ่ รอนกับเฮอร์ไมโอนี่ได้แต่มองหน้ากันอย่างอยากลำบาก...
“หวัดดีครับ/ค่ะ” เด็กทั้งสองกล่าวทักเมื่อชายหนุ่มร่างสูงนั่งลงที่เก้าอี้
“อ้าว! แล้วแฮร์รี่ล่ะ?” ซิเรียสถาม ซึ่งมันเป็นคำถามที่ไม่ต้องเดาก็สามารถรู้ได้ว่าชายหนุ่มต้องพูดอย่างนั้นแน่นอน
“เอาไงดีล่ะ?” รอนกระซิบกับเฮอร์ไมโอนี่
“ฉันจะรู้รึไง ขืนบอกไปซิเรียสต้องไปวุ่นวายที่ห้องพยาบาลจนแฮร์รี่ได้พักแน่ แต่ถ้าไม่บอก... เธอน่าจะรู้หนิว่าเขาฉลาดแค่ไหน” เด็กสาวกระซิบตอบ
“หืม....? ตกลงแฮร์รี่อยู่ไหน?” ชายหนุ่มถามซ้ำอีกรอบ พลางจ้องจับผิดเด็กทั้งสองคน พฤติกรรมร้อนรนแบบนี้ สำหรับผู้ที่ผ่านโลกมามากกว่าย่อมเดาโดยอ้างอิงจากข้อเท็จจริงได้
“เอ่อ... คือ แฮร์รี่กำลังอา...”
“ฉันว่าแฮร์รี่ไม่อาบน้ำช้าทั้งสองวันหรอกนะ ว่าไงทั้งสองคน พวกเธอมีอะไรปิดบังฉันอยู่รึเปล่า รีบๆ บอกมาก่อนที่ฉันจะรู้ด้วยตัวเอง แล้วพวกเธอจะแย่นะ...” ชายหนุ่มพูดเรียบด้วยใบหน้าอันอ่อนโยน แต่สายตากลับคนละเรื่อง
รอนกับเฮอร์ไมโอนี่กลืนน้ำลายเอื้อกใหญ่ สมแล้วที่คุณพ่อของแฮร์รี่ตั้งให้ผู้ชายคนนี้เป็นพ่อทูนหัวของแฮร์รี่ สงสัยคงจะรู้อนาคตว่านิสัยของสองคนนี้ใกล้เคียงกันมากแค่ไหน ขนาดตอนขู่คนใบหน้ายังดูราวกับเทพบุตรผู้สุดแสนจะบริสุทธิ์ทั้งภายในและภายนอก
“โอเคๆ ผมรู้ว่ายังไงซะคุณก็คงรู้แน่ งั้นผมจะบอกคุณแล้วกัน”
“เยี่ยม! มันต้องอย่างนี้สิรอน ฉันไม่ผิดหวังจริงๆ แล้ว... เกิดอะไรขึ้นกับแฮร์รี่งั้นเหรอ? อย่าบอกนะว่าโดนเจ้างั่งสเนปมันรังแกอีก!!”
“เปล่าๆ ครับ! แฮร์รี่ไม่สบายต่างหาก เขาเป็นไข้หวัดใหญ่ ตอนนี้อยู่ที่ห้องพยาบาลครับ”
“ว่าไงนะ!!!”
เป็นดังคาดไว้... ชายหนุ่มตะโกนเสียงดังสุดเสียงจนคนในห้องโถงซึ่งกำลังทานอาหารเช้ากันอย่างเอร็ดอร่อย สำรักข้าวกันเป็นแถวๆ
“เบาๆ หน่อยสิค่ะ...”
“เธอบอกว่าแฮร์รี่ไม่สบายงั้นเหรอ!! ให้ตายสิ ทำไมไม่รีบบอกนะ ฉันผิดหวังในตัวเธอมากรอน!”
“แต่เมื่อกี้คุณพึ่งบอกว่า ‘ฉันไม่ผิดหวังจริงๆ’ ไม่ชะ...”
เร็วปานสายลม รอนพูดยังไม่ทันจบซิเรียสก็วิ่งออกจากห้องโถงไปแล้ว เด็กหนุ่มได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมๆ
พ่อของเขา... ยังไม่ห่วงเขาเท่านี้เลย...
“ช่างเถอะ ฉันว่ามาดามพรอมฟรีย์คงจับเขาโยนออกมาแน่ หล่อนไม่ยอมให้ใครเข้าไปรบกวนคนไข้ของหล่อนหรอก” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวปลอบ
“ใช่ ถ้าคนๆ นั้นไม่ใช่ซิเรียส แบล็ค ปรมาจารย์ของตัวแสบอย่างเฟร็ดกับจอร์จน่ะนะ เธอคิดว่าเขาจะยอมอยู่เฉยเหรอ...”
เฮ้ย~
แฮร์รี่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ มันไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถอนหายใจเช่นนี้ แต่อาจเป็นครั้งที่นับไม่ถ้วนเลยก็ว่าได้ เด็กหนุ่มไม่เคยรู้สึกเบื่อแค่นี้มาก่อน ถึงแม้ว่าเมื่อก่อนเขาจะเคยเข้าออกห้องพยาบาลเป็นว่าเล่นเพราะบาดแผลจากการเล่นควิดดิช แต่นั้นก็ยังมีเพื่อนๆ มาเยี่ยม ไม่เว้นแต่ละชั่วโมง แต่คราวนี้... ถูกสั่งห้ามออกไปไหน ห้ามใครมาเยี่ยม แถมจะทำอะไรก็ไม่สะดวก เขารู้สึกเหนื่อยง่ายกว่าปกติ เด็กหนุ่มจึงไม่อยากเดินไปไหน ได้แต่นั่งๆ นอนบนเตียง พอคิดว่าจะต้องทำแบบนี้ไปอีกสามวัน เขาก็ชักจะเริ่มคิดถึงการเรียนขึ้นมาทันดล...
ให้ตายสิ! มาลองคิดๆ ดูแล้วตั้งแต่เกิดมาเขาเคยเป็นหวัดเหมือนคนอื่นที่ไหน ถึงแม้เมื่อก่อนแฮร์รี่จะนึกแปลกใจ แต่พอรู้ว่าตัวเองเป็นพ่อมด เด็กหนุ่มก็เลิกสงสัย และคิดว่ามันเป็นอาการปกติของพ่อมดแม่มดกระมัง แต่พอมาตอนนี้... ทำไมจู่ๆ เขาถึงมาเป็นไข้ได้นะ แถมยังหนักมากๆ ซะด้วยสิ... เครียดมากเกินไปงั้นเหรอ...? หรืออาจเป็นเพราะ...
“ว่าไงนะครับ! ขอแค่หนึ่งนาทีก็ไม่ได้เหรอ นะครับมาดามพรอมฟรีย์ ถ้าผมไม่ได้เข้าเยี่ยมผมคงทนมีชีวิตอยู่ต่อไปไม่ได้หรอกนะครับ!”
“นี้! ก็บอกว่าไม่ได้ก็คือไม่ได้สิย่ะ ทำไมเธอถึงหัวดื้อนักนะ ตื้ออยู่นั้นแหละ ไม่ได้ยินรึไงว่าคุณพอตเตอร์ป่วยอยู่ ฉันไม่อยากได้ภาระที่จะต้องมาดูแลคนป่วยอีกคนหรอกนะ เพราะงั้นห้ามเข้าเยี่ยมเด็ดขาด!!”
“โธ่ มาดามครับ...”
“ไม่อนุญาต!!!”
ปัง!
แฮร์รี่มองมาดามพรอมฟรีย์เดินเข้ามาให้ห้องเมื่อปิดประตูเสียงดังโครมใส่หน้าใครบางคน แค่ฟังเสียงก็รู้ว่าใครที่ทำให้หล่อนหัวเสียแค่นี้ แฮร์รี่ยิ้มเจื่อนๆ เมื่อหล่อนเดินถือยามาให้เขา
“คุณพอตเตอร์ เธอช่างมีพ่อทูนหัวที่ดีอะไรอย่างนี้แล้วก็ช่างน่ารำคาญอย่างยิ่งในเวลาเดียวกันด้วย ฉันไม่แปลกใจหรอกนะ เพราะเมื่อก่อนเขาร้ายกว่านี้เยอะ” พยาบาลประจำฮอกวอตส์เอ่ยขึ้น ซึ่งแฮร์รี่ได้แต่หัวเราะแห้งๆ เขารู้ว่าพ่อทูนหัวกับคุณพ่อของเขาแสบมากแค่ไหน
“เอ่อ... คุณรู้จักเขาดีเหรอฮ่ะ?” เด็กหนุ่มถามขณะรับแก้วใส่ยามาจากมาดามพรอมฟรีย์
“อ้อ แน่ล่ะ ทั้งเขาแล้วก็พ่อของเธอทำให้ฉันต้องสั่งยาเพิ่มในปริมาณมากกว่าปกติแทบทุกปี ฉันไม่เคยเห็นใครที่ไหนได้แผลวันละหลายสิบที่เหมือนพวกเขามาก่อน และคิดว่าคงไม่มีอีกแล้วล่ะ”
แฮร์รี่นึกขำในใจ ก่อนจะยกแก้วยาขึ้นดื่ม เด็กหนุ่มรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย...
“เอ่อ... ยา... หวานจังเลยนะครับ” แฮร์รี่พูดขึ้น ปกติแล้วไม่ว่าจะโรคอะไรก็ตามยาของมาดามพรอมฟรีย์จะขมมากๆ แต่ว่าน้ำยานี้หวานเหมือนกับน้ำผลไม้ รสชาติแบบเดียวกับที่เขาชอบซะด้วยซิ...
“ไม่ชอบรึไงคุณพอตเตอร์”
“เปล่านะครับ! ผมชอบมากเลยล่ะ ขอบคุณมากครับ”
“ไม่ๆ ที่เธอต้องขอบคุณน่ะ คือศาสตราจารย์สเนปต่างหาก”
“อะไรนะครับ!!” แฮร์รี่ลุกพรึบขึ้นจากเตียง เสียงตะโกนของเขาทำให้มาดามพรอมฟรีย์สะดุ้งทำแก้วหล่นลงพื้นทันที
“เธอไม่รู้รึไงว่าที่นี้ห้องพยาบาลนะคุณพอตเตอร์ ไม่ใช่สถานที่ที่เธอจะตะโกนได้ตามใจชอบนะ!” หล่อนกล่าวอย่างดุๆ พลางก้มลงเก็บแก้ว
“เอ่อ... ขอโทษครับ แต่เมื่อกี้... ถ้าผมฟังไม่ผิด อาจารย์บอกว่าคนที่ปรุงยาให้คือสะ... เอ่อ ศาสตราจารย์สเนป...”
“ถูกต้อง เธอฟังไม่ผิดหรอก เธอเป็นไข้หวัดแบบพวกมัลเกิ้ล ฉันไม่มีความรู้เกี่ยวกับพวกนี้ซักนิด เลยไปขอให้ศาสตราจารย์สเนปช่วย เธอต้องขอบคุณเขานะ น้ำยานี้ไม่ได้ทำได้ง่ายๆ หรอกนะ พนันได้ว่าเขานั่งทำมันทั้งคืนไม่งั้นเช้านี้เธอคงไม่ได้กินมันหรอก”
“เอ๋?”
มาดามพรอมฟรีย์เดินออกจากห้องไปแล้ว เหลือเพียงแฮร์รี่คนเดียว เด็กหนุ่มเหลือบตามองแก้วยาซึ่งเขาทานไปเมื่อครู่ รสชาติ... อร่อย ชุมคอ... อบอุ่น... ไม่คิดว่าคนทำจะเป็นสเนป คนที่เขาเกลียดที่สุด เดี๋ยวสิ!
พนันได้ว่าเขานั่งทำมันทั้งคืนไม่งั้นเช้านี้เธอคงไม่ได้กินมันหรอก
นั้นมัน...
ความจริง... หรือแค่โกหกเท่านั้นนะ
ร่างสูงในชุดสีดำสนิทอันเป็นเอกลักษณ์เอนตัวลงที่พนักพิงเก้าอี้ของเขา หลังจากที่ทำรายงานที่ค้างคืนเสร็จเสียที... ทั้งๆ ที่มันควรจะเสร็จไปตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแต่เพราะ...
ให้ตายสิ! เพราะเจ้าเด็กนั้นคนเดียว เพราะเจ้าเด็กนั้นไม่มาเลยทำให้เขาไม่มีสมาธิ ทั้งหมดก็เพราะเด็กนั้น... แฮร์รี่ พอตเตอร์!!
น่าเจ็บใจที่เขาต้องยอมรับว่าเขารู้สึกอย่างไรกับเจ้าเด็กปากเสียนั้น หลายครั้งที่เขาไม่แน่ใจในความรู้สึกของตัวเอง เขาพยายามหลอกตัวเองเสมอในสิ่งที่เขาทำ แต่มันก็แค่การหลอกลวง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วไม่ว่าเขาจะพยายามหลีกหนีแค่ไหนก็ไม่มีทางพ้นได้เลย สายตาของเขายังคนมองหาแต่เจ้าของเรือนร่างบางนั้น... ที่สำคัญพอคิดถึงเรื่องนี้ทีไรมันพาลทำให้หงุดหงิดทุกที!
จนในที่สุดสเนปก็ไม่อาจทนได้ ชายหนุ่มลุกขึ้นจากเก้าอี้ ก่อนจะเดินไปหยิบขวดแก้วใส ภายในบรรจุของเหลวสีน้ำเงินอ่อนๆ
ยาสำหรับเจ้าเด็กปากดีนั้น... ถ้าไม่ใช่เพราะมาดามพรอมฟรีย์ขอร้องล่ะก็เขาไม่มีทางทำแน่! ถึงจะพูดแบบนั้น แต่ชายหนุ่มรู้ดีว่ามันก็เป็นเพียงแค่ข้ออ้าง...
ร่างสูงสง่าเดินออกจากห้องทำงานอย่างรวดเร็ว
“อรุณสวัสดิ์ครับ มาดามพรอมฟรีย์” เซเวอรัส สเนปกล่าวทักทายหญิงร่างท้วมซึ่งกำลังจัดยาเข้าตู้ให้เป็นระเบียบอยู่
“อ้าว เซเวอรัส อรุณสวัสดิ์”
“ผมเอายามาให้นะครับ คิดว่าอีกไม่นานมันคงหมด” ชายหนุ่มกล่าวก่อนจะยื่นขวดแก้วให้มาดามพรอมฟรีย์
“ขอบใจคุณมากจริงๆ ถ้างั้นอีกไม่กี่วันคุณพอตเตอร์คงได้ออกจากห้องพยาบาล ฉันพึ่งให้ยาเขากินเมื่อกี้นี้เอง”
“เอ่อ... เขาเป็นยังไงบ้างครับ” สเนปพูดด้วยสีหน้าลำบากใจ เขาไม่ได้อยากถาม แต่เขาอยากรู้เท่านั้น
มาดามพรอมฟรีย์คลี่ยิ้มบางๆ “ไปดูเองสิ คุณพอตเตอร์พึ่งหลับไปเมื่อกี้เอง เขาคงไม่ลุกขึ้นมากัดกับคุณได้หรอก”
“ไม่ดีกว่า ผมมีงานต้องทำ” ชายหนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ก่อนจะหมุนตัวเดินกลับออกไป
“เซเวอรัส... คุณแน่ใจเหรอ ว่าคุณไม่อยากเจอคุณพอตเตอร์” เสียงของนางพยาบาลวัยกลางคนทำให้ชายหนุ่มหยุดเดิน
“คุณแน่ใจได้ยังไงว่าผมอยากเจอพอตเตอร์ ผมไม่เคยอยากเจอเขา คุณน่าจะรู้...”
“ไม่ คุณต่างหากที่น่าจะรู้... ฉันไม่ใช่คนโง่นะเซเวอรัส ถ้าหากเป็นนักเรียนคนอื่นคุณคงไม่เสียเวลาปรุงยาที่ยากแสนยากให้ทั้งคืน แถมยังเอามาให้ด้วยตัวเองแบบนี้ ไม่ใช่เพราะเป็นคุณพอตเตอร์หรอกเหรอ... เขาไปหาเขาสักหน่อยสิ....”
ชายหนุ่มยักไหล่ “ผมมีงาน...”
“งั้นก็ตามใจคุณแล้วกัน ฉันจะออกไปซื้อของข้างนอก จะเป็นไรไหมถ้าจะขอให้คุณอยู่เฝ้าห้องพบาบาลในระหว่างที่ฉันไม่อยู่ ถ้าไม่รบกวนเกินไป”
“ก็ได้... ผมจะอยู่เฝ้าให้”
มาดามพรอมฟรีย์ยิ้มให้ ก่อนจะเดินออกจากห้องพยาบาลไป
เซเวอรัส สเนปมองไปรอบๆ ห้องก่อนจะหยุดอยู่ที่บานประตูแห่งหนึ่ง เขารู้ว่าข้างในนั้น... เด็กนั้นต้องนอนอยู่ในนั้นแน่... ใช่ เข้ารู้... แต่เขาไม่รู้ว่าเขาควรทำยังไง...
ชายหนุ่มนั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง มือทั้งสองข้างยกขึ้นกอดอก พลางนึกเสียใจที่เขาตกปากรับคำ และต้องมานั่งข่มใจตัวเองอยู่ตรงนี้...
หงุดหงิด!
หงุดหงิดเป็นที่สุด!
“โธ่เว้ย! ให้ตายสิ! เจ้าเด็กบ้าเอ้ย!!” สเนปสบถก่อนจะลุกพรึบจากเก้าอี้ เดินตรงไปยังห้องที่เขาจ้องอยู่นานสองนาน เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ขณะจับลูกบิดประตู ในที่สุดเขาก็เปิดมันออก...
ชายหนุ่มเคลื่อนตัวผ่านช่องว่างซึ่งเขาเปิดเอาไว้เพียงนิดเดียวอย่างเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้... เขายืนนิ่งจ้องมองไปยังร่างที่นอนเหยียดยาว ซึ่งสร้างความรำคาญใจให้เขาตลอดเวลา...
สเนปเดินอย่างเชื่องช้ามายังเตียงที่อยู่สุดปลายห้อง เขาจ้องมองใบหน้ายามหลับใหลของเด็กหนุ่มอย่างไม่ละว่าง ใบหน้าเล็กๆ นั้นช่างชวนหลงใหล ขนตางอนยาวพริมไม่ต่างจากผู้หญิงสักนิด ปอยผมที่หล่นปรกหน้าทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะใช้มืดเกลี่ยมันออก นิ้วมือเย็นเฉียบสัมผัสที่ผิวแก้มเนียนใสอย่างแผ่วเบา ความรู้สึกต่างๆ ที่รุมเร้าเข้ามา... ทำให้ชายหนุ่มยิ่งแน่ใจมากขึ้นไปอีก...
ไม่มีทางที่เขาจะเกลียดแฮร์รี่... ไม่ใช่ความเกลียด ไม่ใช่ทุกอย่างที่เขาทำ ทุกอย่างที่บ่งบอกถึงความเกลียดชัง... ไม่ใช่...
ตัวตนภายนอกที่เขาแสดงออก... ขัดกับตัวตนภายใน...
ความรู้สึกที่ปิดกลั้นเอาไว้ กำลังเผยออกมา...
ความรู้สึกที่เรียกว่า...
“อือ...” เสียงครางเรียกสติจากชายหนุ่ม เขารีบชักมือกลับทันที ก่อนที่ดวงตาสีมรกตจะเปิดออก...
แฮร์รี่แม้จะงุนง่วงอยู่แต่เขาก็ยังพอมีสติ พอที่จะรู้ว่าคนที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่เป็นใคร...
“....คุณ...ทำไม?”
เฮ้ย~ กว่าจะจบได้ตอนนี้ แต่งไปแต่งมา รู้สึกว่าสเนปเป็นพระเอกซะงั้น หรือจะเปลี่ยนมันซะเลยดี อิอิ
ความคิดเห็น