คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1
เอ่อ... ทำความเข้าใจกันหน่อยนะ ประมาณว่าเราไม่อยากให้เรื่องนี้มันดูหดหู่อ่ะ ขอเปลี่ยนให้ซิเรียสไม่ใช่นักโทษแหกคุกล่ะกัน...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
Chapter 1
“อย่า ๆ อย่าทำเขา!”
“ไม่!!”
“ไม่นะ เซทดริก!!”
แสงสีเขียวพุ่งกระจายไปทั่วภายในจิตใต้สำนึก เขาจำได้เพียงลำแสงสีเขียวที่สว่างพร้อมกับนัยน์ตาของเพื่อนคนหนึ่งที่ค้างอยู่!! ก่อนที่ร่างของเซทดริก ดิกกอรี่จะหยุดนิ่งตลอดการ แล้วทุกอย่างก็ดับวูบ...
“เซทดริก!”
“รอน ๆ ตื่นเร็ว!!” เสียงเด็กหนุ่มอายุประมาณ 15 ปี ร้องเรียกเพื่อนชายที่นอนหลับสนิทอยู่บนเตียง
“รอน!” เมื่อเห็นว่ายังไงเพื่อนขี้เซ้าคงไม่ตื่น มือเล็กๆ จึงเลิกผ้าห่มคลุมกายเพื่อนรักออก
“โอ้ย!! อะไรแฮร์รี่!? เกิดอะไรขึ้น!?” รอนลืมตาขึ้นแต่ไม่ได้ลุกจากที่นอน
“ฉันฝันร้าย...” แฮร์รี่พูดพลางทำหน้าเศร้าสร้อย นัยน์ตาสีมรกตคลอไปด้วยน้ำตา
“เฮ้ย!! นายฝันถึงคนที่รู้ว่าใครงั้นเหรอ!?” รอนถามแฮร์รี่ไม่ตอบได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ เด็กหนุ่มเองก็ดูจะตกใจมากเหมือนกัน แต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง
“ฉันนอนไม่หลับแล้ว บางที่เราน่าจะลงไปข้างล่างกัน... เอ่อ มันเช้าแล้วนี้”
“เช้าบ้านนายนะสิ! นี้มันพึ่งจะเทียงคืนเองนะ! มันเป็นเวลาที่เด็กวัยกำลังโตต้องการพักผ่อนไม่ใช่เหรอ!?”
“น่านะ.......” เด็กหนุ่มอ้อน ถ้าเป็นเวลาปกติคงจะใช้ดี แต่ในขณะที่ รอน วีสลีย์ ผู้นี้ยังอยู่ในอาการครึ่งหลับครึ่งตื่น อย่างนี้ จะเกลี่ยกล่อม คงยากหน่อย
“ไปคนเดียวเถอะ ฉันง่วงจะแย่” ไม่ทันขาดคำ เด็กหนุ่มก็ทิ้งตัวลงนอนอย่างเดิมโดยไม่สนใจว่าแฮร์รี่จะพยายามเขย่าตัว หรือจะดึงผ้าห่มเขาออก สุดท้ายคนที่ต้องหยุดก็คือแฮร์รี่เพราะดูเหมือนรอนจะหลับไปจริงๆ อีกรอบแล้ว
“โถ่ รอนบ้า!!” เด็กหนุ่มตะโกนเสียงดังใส่หูเพื่อนสนิทแล้วก็รีบวิ่งลงไปด้านล่างเมื่อเห็นว่ารอนกำลังจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไหร่ที่จะเผชิญหน้ากับเพื่อนขี้ขี้เซ้าในเวลานี้
“เชอะ! ไปคนเดียวก็ได้” แฮร์รี่พูดกับตัวเองเด็กหนุ่มเดินลงบันไดด้วยความระมัดระวังเนื่องจากทางมันมืดเสียเหลือเกิน ‘คอแห้งจังหาไรกินดีกว่า’ คิดแล้วก็รีบไปที่ตู้เย็นทันที
เขามาอยู่ที่กริมโมสเพลส์ได้ซักอาทิตย์กว่าแล้วเนื่องจากดัมเบิลดอร์ให้คนจากภาคีไปรีบเขาเพราะเกิดเรื่องที่ผู้คุ้มวิญญาณโจมตีที่ลิตเติ้ลวิงจิ้ง เหตุการณ์ในคืนนั้นเขายังไม่ลืมเลย แต่ว่ามันก็ไม่อาจน่ากลัวเท่ากับเรื่องในคืนที่เซทดริกตาย...
“ฮ้า~ ชุ้มคอดีจัง” เขาพูดพรางดื่มน้ำเย็นๆ เข้าไป อากาศในยามนี้หนาวมาก็จริง แต่สำหรับแฮร์รี่เขาปรารถนาน้ำเย็นมากกว่าน้ำอุ่นไม่ว่าจะฤดูใดก็ตาม เพราะนอกจจะเย็นชื่นใจแล้วยังรู้สึกดีอีกต่างหาก
เด็กหนุ่มนั่งลงบนบนเก้าอี้ก่อนจะว่างแก้วน้ำเปล่าไว้บนโต๊ะ ดวงหน้ามนหงอยลงอีกครั้ง เมื่อถึงความฝันที่ตามหลอกหลอนเขามาตลอดตั้งแต่ปีที่แล้ว
ใช่... เขาฝัน......อีกแล้ว... ฝันถึงคืนที่เซดดริกถูกฆ่า ถูกฆ่าตายต่อหน้าต่อตาเขาโดยที่เขาไม่สามารถช่วยอะไรได้เลย ถูกฆ่าตายโดยชายที่เขาเกลียดมากที่สุด... คนที่ทำลายทุกอย่าง ทั้งครอบครัว คนรัก อย่างเลือดเย็น... นับวันความฝันนั้นมันก็ยิ่งเหมือนจริงขึ้นมาทุกทีราวกับว่ามันกำลังตอกย้ำความทรงจำอยู่... ไม่ว่าจะพยายามลืมเท่าใดก็ไม่เคยสำเร็จ ไม่ใช่แค่มันทำให้เขารู้สึกแย่ หรือกลัว แต่มันทำให้เขารู้สึกผิดด้วย ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยให้อภัยตัวเองเลย...
... เขากลัว... มาก... ความรู้สึกนี้เขาไม่เคยบอกรอน หรือเฮอร์ไมโอนี่เลย... ทั้งสองคนคงหัวเราะเยาะแน่ มันเป็นเรื่องนายอายสำหรับแฮร์รี่ เด็กหนุ่มจึงได้แต่เก็บความคิดไว้คนเดียว...
แฮร์รี่มั่วแต่นั่งใจลอยคิดเรื่องความฝันอยู่โดยไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังจับตามองเขาทุกอิริยาบทอาจจะตั้งแต่ตอนที่เขาเข้ามาในครัวแล้วได้มั้ง?
“เฮ้ย~ เมื่อไหร่จะลืมซะทีน่า........”
“ลืมอะไรเหรอ?” แฮร์รี่รีบหันควับไปทานต้นเสียงทันที ใบหน้าคมเข้มแสนคุ้นเคยคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยน ก่อนจะดื่มของเหลวสีเหลืองทองในแก้วใสในมือ
“ซิเรียส!” เด็กหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มจะมาอยู่ข้างหลังเขา
“ตกใจขนาดนั้นเชียว... ฉันไม่ใช่ผีซะหน่อย” ชายหนุ่มเอ่ยกลั้วหัวเราะเมื่อเห็นลูกทูนหัวของเขาตัวสั้นระริกราวกับกำลังเจอผีอยู่
“
“ แฮร์รี่ไม่ได้พูดอะไร แต่เขารู้สึกอายซะมากกว่า ก็โผล่มาแบบเงียบๆ เป็นใครก็ต้องกลัวล่ะน้า...
“เปล่าซะหน่อยครับ!”
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี้” ซิเรียสยิ้มก่อนจะเดินเข้ามาหาแฮร์รี่ ร่างสูงนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับร่างบาง นัยน์ตาคมสีอำพันจ้องมองคนตรงหน้าอย่างนิ่งสงบผิดกับแฮร์รี่ที่พยายามหลบสายตาคู่นั้นอย่างไม่ให้มีพิรุธที่สุดเท่าที่จะทำได้
จริงๆ แล้วไม่ใช่ว่าเขารังเกียจหรืออะไรหรอก แต่ไม่กล้าต่างหาก พอสบกับนัยน์ตาคู่นั้นทีไรมันรู้สึกโหวงๆ ยังไงไม่รู้ แถมหน้ามันดันร้อนแปลกๆ ด้วย ไม่ชอบเลยที่เป็นแบบนี้ เพราะงั้นถ้าไม่จำเป็นแฮร์รี่จึงไม่ค่อยอยากจะสบตากับชายหนุ่มเท่าไหร่?
“แล้วว่าแต่เมื่อกี้เธอบอกว่าจะลืมอะไรน่ะ?” ซีเรียสถามเมื่อเห็นเด็กหนุ่มเงียบอยู่นาน
“เอ่อ....ก็....” แฮร์รี่กำลังลังเลใจอยู่ว่าเขาควรจะบอกเรื่องนี้กับซิเรียสไหม
“แฮร์รี่.....ฉันเป็นพ่อทูนหัวเธอนะ มีไรก็บอกสิฉันอาจจะช่วยเธอได้” เมื่อสัมผัสถึงสายตาของชายหนุ่มที่จ้องเขม็งมา... เด็กหนุ่มจึงจำใจเล่าให้คนตรงหน้าฟัง
“ฮ่ะ......คือ เมื่อปีก่อนตอนที่แซทดริกถูกโวลเดอมอร์ฆ่า...” แฮร์รี่หยุดเขาไม่แน่ใจว่าถ้าหากบอกไปแล้วซิเรียสจะคิดว่าเขาอ่อนแอ่ไหมนะ? ซิเรียสบอกว่าเขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว และเขาก็รู้สึกดีใจที่ได้ยินชายหนุ่มว่าอย่างนั้น แต่ถ้าหากว่าเขาบอกเรื่องนี้ไป ซิเรียสต้องคิดว่าเขากลัวแน่... และก็คงมีแต่เด็กเท่านั้นแหละที่จะกลัวความฝัน... และแน่นอน เขาโตแล้ว ไม่ใช่เด็กอีกต่อไป เขาไม่ควรกลัวเรื่องงี่เง่านั้น...
“เล่าต่อสิ...”
“คือ... ผมฝันเห็นเรื่องเมื่อคืนนั้นตลอดปิดเทอมหน้าร้อนนี้เลยฮ่ะ.......แม้กระทั้งเมื่อกี้.....มันเหมือนจริงมากเหมือนกับว่าผมได้เข้าไปอยู่ในคืนนั้นอีก......ผม.....” แล้วเขาก็หยุดอีกแฮร์รี่ไม่กล้าพูดว่าเขากลัวออกไป... หยาดน้ำใสไหลรินจากดวงเนตรสีมรกตคู่สวย “เอ๊ะ! ขอโทษฮะ ผมไม่น่าเล่าให้คุณฟังเลย...” เด็กหนุ่มพูดพยายามใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาออกไป เขาไม่อยากให้ซิเรียสเห็นมัน แต่น้ำตาเจ้ากรรมมันก็พาลไหลไม่หยุดเสียที ซ้ำยังหนักกว่าเดิม
“ฮึก... ผมขอโทษนะฮะ! ผมขอตัวก่อน...” พูดพลางลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
“แฮร์รี่...” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกชื่อคนตรงหน้า ก่อนจะลุกขึ้นเดิมอ้อมมาหาร่างบางที่พยายามเช็ดน้ำตาออก ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือกใหญ่ มือแกร่งจับมือเล็กๆ ทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มออกจากใบหน้างามที่บัดนี้ เปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา
“แฮร์รี่ถ้าเธออยากร้องเธอก็ไม่ควรห้ามมันนะ...”
“แต่มันน่าอายหนิฮะ... ผมไม่อยากให้คุณเห็นผมร้องไห้” เด็กหนุ่มพูดก่อนจะหันหน้าหนี
“ทำไมล่ะ? นี้แฮร์รี่... ถ้าฉันยังมีความหมายกับเธอให้ฉันปลอบเธอไม่ได้รึไง? ฉันรู้ว่าฉันไม่ใช่คนที่ดีอะไร แต่ฉันไม่อยากเห็นเธอทุกข์ใจหรอกนะ เพราะฉันเองก็ทุกข์ใจไม่แพ้กัน...”
“แล้วคุณ... ทุกข์ใจเรื่องอะไรฮะ?” เด็กหนุ่มถามขึ้น แต่ก็ยังไม่หันมองชายหนุ่มอยู่ดี กลัวว่านัยน์ตาคู่นั้นจะรู้ความในใจ... ไม่อยากให้รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่ ไม่ต้องการให้ใครรู้ทั้งสิ้น...
“...เธอไม่สบตากับฉันไง... รู้ไหมฉันเสียใจมากนะ...”
“...”
“เฮ้ย...” ชายหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย เมื่อคนตรงหน้ายังนิ่งและไม่สบตากับเขาอยู่ดี ขืนพูดอะไรออกไปก็คงไม่มีอะไรดีขึ้น นอกจากจะทำให้เด็กหนุ่มร้องไห้มากกว่าเดิม เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ปลอบใครเก่งนักหรอก ประโยคดีๆ ก็ไม่รู้จะพูดยังไง ก็เมื่อก่อนเขาไม่เคยจีบใครเลยซักคน จะมีก็แต่สาวๆ นั้นแหละมาจีบเขา เรื่องพวกนี้เลยไม่ต้องใช้ความสามารถมากนัก
“ขอโทษนะแฮร์รี่ ฉันเป็นพ่อทูนหัวที่ไม่ได้เรื่องเลย แม้แต่เรื่องที่ทำให้เธอสบายใจ ยังทำไม่ได้... ฉันคงทำได้แค่นี้แหละ... ขอโทษนะ...”
“เอ๋...?” ยังไม่ทันที่เด็กหนุ่มจะได้ถามอะไร ร่างสูงก็ดึงเขาเข้ามากอดแนบอก แฮร์รี่ตกใจมาก เขาพยายามพลักร่างสูงออกไป แต่ไม่สำเร็จเพราะแรงของซิเรียสเหนือกว่าเขามาก จากที่ขัดขืนในคราแรก กลายเป็นว่าเขาเองดันกอดตอบไปซะได้ ไม่รู้ว่าทำไม แต่ตอนนี้เขาต้องการที่พึ่ง... ที่เคยบอกตัวเองว่าไม่อยากอ่อนแอให้ใครเห็น... ดันกลายเป็นว่าคนที่ไม่อยากให้เห็นที่สุดดันกลายเป็นคนที่เขาแสดงออกมาเป็นคนแรก
“ถ้า... ถ้าเธออยากร้องไห้ ไม่จำเป็นต้องกลั้นไว้หรอกนะ ร้องไห้ซะพอเถอะ พอเช้าวันใหม่เริ่มต้น น้ำตาของเธอก็เหือดแห้งไปเองนั้นแหละ รู้ไหม... การร้องไห้ไม่ใช่เรื่องผิดหรือเรื่องน่าอายเลยนะ แต่มันเป็นการแสดงความรู้สึก... ความรู้สึกที่แสดงถึงการคงอยู่ของมนุษย์ แล้ว... ก็ ไม่ว่าวันไหนที่เธอรู้สึกท้อแท้ อ่อนแอ หมดหนทาง ฉันจะอยู่เคียงข้างเธอเสมอ ถ้าเธออยากร้องไห้ฉันก็จะให้ยืมเสื้อไว้เช็ดน้ำตาเธอนะ... ถ้าเธอไม่รังเกียจ...”
“เอ๋... คิก” รอยยิ้มกระตุกบนมุมปากของแฮร์รี่
“อะไร? ฉันพูดอะไรผิดเหรอ?” ชายหนุ่มถามเมื่อเห็นคนในอ้อมกอดหัวเราะไปด้วยร้องไห้ไปด้วย
“เปล่าฮะ... ขอบคุณฮะ ผมจะไม่ร้องไห้อีกแล้วล่ะ?”
“แน่ใจเหรอ?”
“แน่สิ!” เด็กหนุ่มขึ้นเสียงดังเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงไม่ได้เชื่อในสิ่งที่เขาพูด ก่อนจะสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมือใหญ่สัมผัสบนใบหน้าของเขา ปาดเอาหยดน้ำตาออกจากใบหน้า... “แล้วคุณจะปล่อยผมได้รึยัง...?” แฮร์รี่พูดเมื่อชายหนุ่มยังกอดเขาไม่ยอมปล่อยเสียที ใบหน้านวลขึ้นสีแดง จนทำให้ชายหนุ่มอดขำไม่ได้
“มะ... ไม่ตลกนะครับ!”
“ก็ได้ๆ” ว่าแล้วก็ปล่อยร่างบางออก แม้จะเสียดายอยู่มากๆ ก็เถอะ แต่ขืนไม่ปล่อย คงได้โกรธกันอีก และเขาก็ไม่เก่งเรื่องง้อใครซะด้วยสิ
“เอาล่ะสบายใจแล้วก็รีบไปนอนซะเถอะ นี้พึ่งจะเทียงคืนเองนะ ” ชายหนุ่มพูดขึ้นเมื่อเหลือบมองนาฬิกาแขวนบนฝาผนัง “ฉันก็เริ่มง่วงแล้วล่ะ งั้นฉันไปนอนก่อนนะ”
“หา! เดี๋ยวสิฮ่ะ!” เด็กหนุ่มพูดพลางดึงชายเสื้อของชายหนุ่มเอาไว้ คนตัวสูงหันมามองคนตัวเล็กอย่างงงๆ
“หืม?”
“เอ่อ....คือว่า....”
“ฮ่ะ ๆ เธอนี้... กลัวล่ะสิ”
“ห่ะ! เปล่านะ ผมก็แค่ไม่ง่วงเท่านั้นเอง คุณบอกเองว่าจะอยู่... เคียงข้างผม... ใช่ไหมล่ะ...“
“ฮ่ะๆ ก็ได้ ฉันจะอยู่จนกว่าเธออยากจะง่วงแล้วกัน” ชายหนุ่มบอก
“จริงนะฮะ!” ชายหนุ่มพยักหน้าก่อนจะเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเดิม แฮร์รี่เองก็นั่งลงที่เก้าอี้ตัวเดิมเช่นกัน...
ผ่านไป 1 ชั่วโมง....
“อืมมม~ งืม ๆ” เสียงครางปนเสียงขบฟังดังขึ้นเบา ๆ ทำเอาคนตรงหน้าเริ่มจะออกอาการขำขันกับคนไม่ง่วงนอน...
“ให้ตายซี่ ไหนว่าไม่ง่วงนอนไง” ชายหนุ่มพึมพำคนเดียวก่อนจะลุกขึ้นเดินอ้อมโต๊ะ ร่างสูงช้อนตัวเด็กหนุ่มขึ้นมา... รู้สึกแปลกๆ ยังไงไม่รู้สิ... คนที่ง่วงอย่างเขาดันไม่ได้นอน แต่คนที่ไม่ง่วงอย่างคนตัวเล็กในอ้อมกอดดันนอนหลับพริบ
ซิเรียสอุ้มแฮร์รี่ขึ้นมาถึงห้องนอนของเด็กหนุ่ม แต่พอคิดไปคิดมา ถ้าหากว่าแฮร์รี่เกิดฝันร้ายขึ้นมาอีกล่ะ? ในฐานะพ่อทูนหัวเขาก็ต้องดูแลลูกชายสุดที่รักให้ดีเสียหน่อยไม่ใช่หรือ? คิดได้ดังนั้นมือที่จะหมุดลูกบิดก็หยุดกึก เขาเดินหน้าผ่านห้องสามสี่ห้องก่อนจะเปิดประตูห้องเขาไป... บางที่ถ้าให้แฮร์รี่นอนกับเขาอาจจะดีกว่าก็ได้... ซึ่งนั้นก็เป็นเพียงข้ออ้างที่เขาหลอกตัวเองทั้งนั้น....
“อือ~” ร่างบางส่งเสียงร้องอย่างรำคาญเมื่อรู้สึกได้ว่าการนอนหลับของเขากำลังถูกรบกวนแต่เปลือกตานั้นมันหนักอึ้งจนเขาไม่อยากลืมตาขึ้นมา ชายหนุ่มว่างคนตัวเล็กลงอย่างเบาที่สุดด้วยเกรงว่าจะตื่นเสียก่อน ก่อนจะห่มผ้าให้
“ให้ตายสิ นี้กินอะไรบ้างรึเปล่าเนี้ย ทำไมเบายังกะขนนก“ ชายหนุ่มพูดหลังจากที่ว่าร่างบางลงบนเตียงนุ่มแล้ว เขาได้ยินเด็กหนุ่มส่งเสียงประท้วงในลำคอ แต่ก็จับไม่ได้ว่าพูดว่าอะไร... ก่อนที่เปลือกตาเริ่มจะปิดเข้าหากัน เขาล้มตัวลงนอนข้างๆ ร่างบางและเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด...
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สั้นไปหน่อย ตอนหน้าจะพยายามให้ยาวกว่านี้นะ
ความคิดเห็น