ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บ้านนิยายดอง

    ลำดับตอนที่ #1 : ดินแดนแห่งพรหมลิขิต (บทนำ)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 73
      0
      22 ต.ค. 57

    บทนำกำเนิดเรื่องราว

     

                             พี่ท่าน !!ข้าเบื่อ เบื่อเหลือเกิน ดวงตาฟ้าอมเขียวอ่อนกลมโต ส่งสายตาอ้อนวอนต่อผู้เป็นพี่ชายที่ยังคงนอนอย่าสงบนิ่งไม่สนใจสิ่งใดใต้ต้นไม้สีทองต้นใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านกว้างใหญ่เป็นร่มเงาให้เด็กหนุ่มทั้งสองนอกจากต้นไม้ต้นใหญ่แห่งนี้ กลับไม่มีสิ่งใดอีกเลย นอกจากพื้นที่วางเปล่าไกลสุดสายตา


     

                             พี่ท่าน พี่ท่าน สนใจข้าบ้างมั้ย!!’ เด็กหนุ่มลุกขึ้นโวยวายอย่างอดไม่อยู่ สายตาจับจ้องร่างที่เหมือนกับเขาทุกอย่าง ริมฝีปากเม้มแน่นขึ้น ก่อนตัดสินใจเดินวนหนีไปนั่งอีกฝั่งของต้นไม้ กอดเข่าแล้วเริ่มต้นปล่อยน้ำตาให้ร่วงเผาะ




                             ซาส์ พอเถอะ น้ำท่วมหมดแล้ว อากาศก็แปรปรวนหมดแล้ว ดูสิ ใบไม้ปลิวจนเต็มพื้นไปหมดร่างที่นอนนิ่งในตอนแรกตอนนี้เดินมาหาน้องชายที่แสนดื้อรั้นของเขามือบางวางบนผมที่นุ่มลื่นอย่างเบามือ





                             ข้าเหงา พี่ท่าน ที่นี่ไม่มีอะไร นอกเสียจากความว่างเปล่า จนตอนนี้ข้าไม่รู้แล้วว่าแท้ที่จริง ตัวข้าก่อเกิดเพื่ออะไร?ทาซ์ มองน้องชายที่ยังคงนั่งกอดเข่าร้องไห้ ไม่หยุด...ก่อนทอดสายตามองไปพื้นที่ ที่เคยว่างเปล่าแต่บัดนี้เต็มไปด้วยน้ำ กับใบไม้สีเหลืองเรืองรองปลิวลอยทั่วผิวน้ำ ก่อนที่เขาจะเพียงโบกมือทุกๆอย่างก็กลับมาวางเปล่าเช่นเดิม ใบไม้ที่เคยปลิวกลับคืนสู่ต้นเฉกเช่นไม่เคยร่วงหล่น





                             เห้อ!! มาเถอะ ซาส์ลุกขึ้นทาซ์ส่งมือให้น้องชายจอมดื้อของเขา ก่อนฉุดให้ลุกขึ้นมา เด็กหนุ่มจอมดื้อก็ได้แต่มองหน้าพี่ชายใบหน้าเปรอะเปื้อนคราบน้ำตา จนดูน่าสงสาร อดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปเช็ดให้เสียไม่ได้





                             พี่ท่าน ...ซาส์ ได้แต่มองหน้าพี่ชายที่ตอนนี้หลับตาลงอีกครั้งแต่คราวนี้ไม่เหมือนตอนแรกเมื่อร่างของคนตรงหน้าเรืองรองด้วยแสงสีทองที่แสบตาเพียงแค่เสี้ยววินาที พื้นด้านล่างบริเวณโดยรอบที่เคยมีแต่สีขาวก่อกำเนิดภาพมากมาย อย่างที่ไม่เคยมี ดินแดนสวยงามมีสีสันมากมายดั่งที่เขาต้องการ






                             ไม่ว่างเปล่าอีกแล้วพอใจรึยัง เจ้าตัวร้าย ไม่พูดเปล่า มือที่เช็ดคราบน้ำตาตอนนี้เปลี่ยนเป็นบีบจมูกจนขึ้นสี พรางส่ายหน้า ของคนตรงหน้า หันซ้ายที่ขวาที






                             ซาส์ได้แต่ ใช่มือลูบจมูกที่แดงของเขาก่อนบ่นอุบอิบ ในลำคอ ข้าอยากได้เพื่อนคุย ไม่ก็สัตว์ลี้ยง ต่างหากพี่ท่านไม่ใช่ ดินแดนสวยงามแต่ก็ว่างเปล่า ทาซ์มองน้องชายด้วยความเหนื่อยใจ น้องชายของเขาเอาแต่ใจ  และไร้เหตุผล แต่เขาก็รักน้องเกินกว่าจะขัดใจ แต่ก็ไม่อยากสูญเสียสิ่งสำคัญเช่น ซาส์ซ้ำอีกเป็นครั้งที่สอง......ได้ทางออกที่ดีที่สุด





                             อากาศรอบตัวบิดเบี้ยว ใบไม้ปลิวหล่นลงอีกครั้งแต่คราวนี้มันไม่ได้ตกสู่พื้นแต่มันหล่นลงสู่ดินแดนด้านล่างที่ทาซ์เพิ่งกำเนิดขึ้นมา ใบไม้สีทองที่หล่นไปในดินแดนที่กำเนิดใหม่กลายรูปร่างกลายเป็นสิ่งมีชีวิตงดงามมากมายในดินแดนนั้นแต่ขาดชีวิต ไร้อารมณ์



                            

                             ซาส์มองพี่ชายสลับกับสิ่งมีชีวิตมากมายข้างล่าง อย่างไม่เข้าใจ แต่ไม่ทันพูดอะไร




                             ข้าให้ของขวัญเจ้าแล้วไง ซาส์ แต่ข้ามีกฎ เด็กๆของข้าพวกนี้ เจ้าจะลงไปหายังดินแดนเบื้องล่างมิได้ พูดคุยได้...แต่แค่คนเดียว คนที่เจ้าจะให้กำเนิดเอง ที่เหลือ เจ้าทำได้แต่ดูแล แล้วแกล้งพวกเขาเท่านั้น เมื่อสิ้นอายุขัยของพวกเขาจะกลับคืนสู่ดินแดนแห่งเราเข้าใจไหม…’





                             ขอข้า...เพิ่มกฎสักสองข้อได้ไหม ...เด็กๆของท่านก็เป็นของท่าน ข้าจะสร้างเด็กๆของข้า เหมือนที่มีท่านก็ต้องมีข้า ได้หรือไม่ พี่ท่าน อีกอย่างหาก หนึ่งในเด็กพวกนั้นที่ไม่ได้ยิน มีใครอยากขึ้นมาหาเราทั้งๆที่ยังไม่สิ้นเล่า ควรให้เงื่อนไขแก่พวกเขา เผื่อเขามีเรื่องอยากร้องขอเราล่ะพี่ท่าน….ข้าอยากทำให้ความปรารถนาเป็นจริงแก่ผู้ที่กล้าจะทำตามเงื่อนไขของเรา สัก 5 ข้อ






                             ข้ออื่นข้าไม่มีปัญหา แต่ข้อหลัง 3 ข้อแล้วกัน 5 เยอะไป แล้วเราจะให้พวกนั้นใช้อะไรมาหาเราล่ะซาส์





                             เด็กหนุ่มยิ้มหวานให้พี่ชายก่อนแบมือเผยให้เห็นกุญแจสีทอง 9 ดอก แล้วเด็กชายก็เขวี้ยงกุญแจลงสู่ดินแดนด้านล่าง  กระจายหายไปที่ละทิศละทาง ทาซ์ได้แต่ถอนใจ น้องชายเขาเจ้าแผนการ ตัดสินใจโดยไม่ฟังเขาเลย





     

                              เวลาลวงเลยไปเนินนาน ดินแดนด้านล่างแบ่งออกเป็นสามส่วนมีผู้ปกครองสองคนต่างกันที่ฝ่ายหนึ่งปีกขาว และอีกฝ่ายปีกดำ


     

                             พี่ท่าน ยาลา กับ มีร์ ทะเลาะกันอีกแล้ว พวกเค้ายกพวก ฆ่ากันอีกแล้วซาส์ เขย่าพี่ชายที่นั่งหลับอยู่บนบัลลังก์ทองใต้ต้นไม้ข้างๆเขา





                             ทะเลาะอะไรกันอีก คราวนี้ พูดทั้งยังที่ไม่ลืมตามามองด้วยเสียงเอื้อมระอา





                             พวกเขาเถียงกันว่าระหว่างข้ากับพี่ท่าน .......ใครสง่างามมากกว่ากัน? ซาส์เอ่ยเสียงเบาๆพี่ชายของเขาลืมตาขึ้นดวงตาที่ลืมช่างน่ากลัวมาก มือที่เท้าอยู่ที่หน้าตบลงบนบัลลังก์เสียงดังสนั่นเกิดเป็นคลื่นพลังจนน่ากลัว ซาส์ได้แต่ส่งเสียงบอกให้ยาลาหยุดรบเดี๋ยวนี้ แต่ดูเหมือนยาลาจะติดพัน จนไม่ได้ยินคำสั่งเขา




     

                             ลาก่อนยาลา !!!









                             ดินแดนด้านล่างสั้นสะเทือนอย่างแรงกล้า สงครามย่อยๆของทั้งสองฝ่ายต่างหยุดลง ก่อนเงยมองสู่ดินแดนก่อกำเนิด ตอนนี้ท่านผู้ให้กำเนิดทั้งสองคงพิโรธพวกเขาอีกแล้ว







                             เสียงกังวานใสราวกับระฆังดังขึ้นในสมองของพวกเขาทั้งคู่พร้อมกัน







                             ว่างกันมากนักพลังเยอะเหลือล้ำกันมากใช่ไหม ?งั้นตั้งแต่นี้อย่าได้ว่างกันอีกเลย ข้ามอบหมายเจ้าพวกนั้นให้เจ้าดูแล จะได้รู้ว่ามันน่ารำคาญขนาดไหนที่จะต้องมาคอยห้ามพวกเจ้ารบรากันทุกๆ เวลา จัดการกันให้ดีละ เจ้าพวกนั้นเรียกว่ามนุษย์ ข้าสร้างภพใหม่ให้พวกเจ้าดูแล ห้าสิบช่องมิติ ดูแลให้ดีอย่าให้ล่มสลายซักที่ล่ะ ห้ามติดต่อข้ามาอีกหรือแม้แต่ซาส์ เจ้าก็ห้ามวิงวอนเรียกเด็ดขาดยาลา จำไว้ !พวกข้าจะส่งผ่านรายละเอียดผ่านห้องแห่งโชคชะตาที่ข้าสร้างเท่านั้น สิ่งที่ข้าสร้างห้ามบิดพลิ้วหรือเปลี่ยนแปลง








                             ยาลาและมีร์ก้มลงมองที่พื้นเบื้องล่างของเพวกเขาที่ก่อกำเนิดให้เห็นสิ่งมีชีวิตมากมายหลากหลายที่ไม่เหมือนพวกเขา เหล่าพวกที่ท่านทาซ์เรียกว่ามนุษย์ไม่มีปีกเหมือนพวกเขา ไม่มีพลังเหมือนพวกเขา ไม่งดงาม พวกเขาทั้งคู่มองหน้ากันก่อนลงมือทะเลาะกันอีกครั้งเพื่อตัดสินแต่ยังไม่ทันได้ปะทะพลัง มิติด้านล่างพวกเขาก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง จาก 50 ช่องมิติ ตอนนี้เพิ่มเป็น 1000 ทั้งคู่มองด้านล่างด้วยใบหน้าที่บิดเบี้ยว ตาโตจนแทบหลุดออกมาเสียงมากมายเจื้อแจ้วจนปวดหัวไม่สามารถอยู่ตรงดินแดนระหว่างกลางได้อีกแล้วต่างคนต่างแยกย้ายกลับดินแดนของตนมีเสียงทรงพลังไล่หลังมาเหมือนคำเยาะเย้ย







                             พวกเจ้าไม่ทะเลาะกันต่อแล้วหรือไร ข้ากะว่าจะเพิ่มอีกซัก 2000 เชี่ยวคราวนี้ ฮ่า ฮ่า เสียงหัวเราะดังกังวานไปทั่ว     







                             มีร์เดินกลับเขตแดนเฮมเมเลน (สวรรค์)ที่นี่มีพวกเขามากมาย แบ่งชนชั้นกันที่ปีกมีเพียงเขาที่มี 16 ปีกที่เหลือก็ 14 ปีก 12 ปีก 10 ปีก  8 ปีก 4 ปีก และ 2 ปีก แต่พวก 4 ปีกับ 2 ปีกกลับมีมากมาย คนที่มี 16 ปีกอีกคนก็อยู่อีกดินแดนมอร์กเป็นพวกปีกดำ ถึงพวกเขาจะชอบทะเลาะกัน แต่ก็มีเพียงแค่ท่านทาซ์กับยาลาเท่านั้นที่เขาจะคุยด้วยได้ เพราะพลังของคนอื่นๆด้อยกว่าเขา และปีกก็บ่งบอกถึงอำนาจที่ท่านทาซ์มอบให้ ปกตินานๆทีท่านทาซ์ถึงจะคุยกับเขา แต่นี้กลับบอกว่าจะไม่คุยอีกแล้ว ยาลาเองเจอหน้ากันก็ต้องทะเลาะกันร่ำไป อาจเป็นเพราะอิจฉายาลา ท่านซาส์มักคุยกับ  ยาลาทุกวัน เกือบจะตลอดเวลาด้วยซ้ำ  ตอนนี้แม้แต่หน้ายาลาก็คงไม่มองด้วยล่ะมั่งในเมื่อ เขาเป็นต้นเหตุทำให้หมอนั่นจะไม่ได้คุยกับท่านซาส์อีกเลย







                             มีร์นั่งอยู่รินหน้าต่างชั้นบนของปราสาทแห่งเฮมเมเลนที่ใหญ่โตกลับมีเพียงเขาแค่คนเดียว เหม่อมองด้านบนที่มีสีขาวตลอดจนดินแดน เบื้องบนคือแดนแห่งผู้สร้างว่ากันว่างดงามกว่าดินแดนใดทั้งหมดของแดนล่างอย่างพวกเขาที่นั่นมีพระผู้สร้างสองคนอาศัยกับเหล่าบริวารผู้ที่อยากจะเหยียบขึ้นไปสู่ดินแดนนั้นต้องหากุญแจแห่งประตูทองให้ได้ 9 ดอก เป็นเรื่องเล่าที่ท่านเลจ ผู้ที่มี 16 ปีกคนก่อนเล่าให้ฟัง เขาไม่ใช่ 16 ปีกขาวรุ่นแรก แต่เป็นรุ่นที่ 4 เขาอยากเชื่อในคำเล่า แต่ท่านเลจ บอกว่ามันไม่มีจริง ท่านผู้สร้างไม่มีทางที่เทวาชั้นเบื้องล่างอย่างพวกเขาจะเอื้อมถึง





     

                             มีร์เจ้าเหงางั้นหรือ?





                             เสียงกังวานใสดังขึ้นด้านหลังเมื่อหันกลับไปมองผู้มาใหม่ที่เขาไม่สามารถจับพลังหรือ สัมผัสได้ เห็นร่างที่เรืองรองไปด้วยแสงสว่างจ้าจนไม่สามารถมองเห็นใบหน้าหรือรูปกายได้ เห็นเพียงแต่แสงสว่างที่เป็นรูปร่าง บ่งบอกถึงสถานะให้รับรู้ได้ถึงความสูงส่ง ย่อกายลงคุกเข่าเบื้องหน้าร่างแห่งแสงตรงหน้าก้มหน้าลงมองพื้นโดยไม่ได้เอื้อนเอ่ยอะไรออกไป?






                             เงยหน้าเถอะ มีร์ ถึงเจ้าเงยก็มองไม่เห็นข้าหรอก แต่ข้าอยากเห็นหน้าเจ้า ชัดๆ เสียงใสกังวานดังเข้ามาใกล้ขึ้นก่อนร่างเรืองแสงจะจับใบหน้าเทวาสวรรค์ที่ก้มอยู่ให้เงยขึ้น ดวงตาสีน้ำเงินเข้มมองร่างเรืองแสงที่บัดนี้นั่งลงข้างหน้าเขา






                             ท่านไม่ใช่...พูดไม่ทันจบคนสูงศักดิ์ตรงหน้าก็ใช่นิ้วเรืองแสงปิดปากที่กำลังจะพูด







                             อย่าเอ่ยนามข้า ด้วยปากของเจ้า เดี๋ยวพี่ท่านตื่น จะหาว่าข้าไม่เตือนเจ้าไม่ได้นะเสียงใสเอ่ยป่นเสียงหัวเราะเบาๆ เสียงที่ดูนุ่มนวลใสกังวานเหมือนกัน แต่ต่างกันทีท่านผู้นี้สดใสกว่า ร่างเริงยิ่งกว่าเปรียบเหมือนแสงสว่างที่อบอุ่นกลับน่าขันนักที่ท่านผู้สร้างของพวกปีกดำช่างน่าอิจฉานัก ไม่ใช่ว่าท่านทาซ์ไม่ดีแต่ท่านทาซ์มักไม่ค่อยมีเวลามาหาเขา ยามพูดมักติดน้ำเสียงเย็นชา และไม่ใสใจซัก 3 ส่วนในคำพูดตลอดเวลา น่าอิจฉานัก







                             หว้าๆๆ อย่าเป็นแบบนี้สิ มีร์เจ้ากำลังดำดิ่งลงสู่ความมืดแห่งข้านะ ซาส์ เอื้อมมือออกจับใบหน้าที่ไม่ยอมสบตากับเขาให้หันกลับมา ถ้าพี่ท่านรู้เจ้าจะโดนสาปติดลงบนจิตของเจ้านะ ไม่ว่ากี่ภพชาติที่ถือกำเนิดเจ้าจะมีตราบาป     






                             ถ้าความมืด อบอุ่นเช่นท่าน ข้าน้อยก็ยินยอมที่จะดำดิ่งลงไป แสงสว่าง ณ ที่แห่งนี้หนาวเหน็บเกินไปสำหรับข้าน้อยมีร์ทำเรื่องไม่น่าให้อภัยเกิดขึ้นเมื่อ มือเอื้อมไปสัมผัสมือที่จับใบหน้าของร่างคนสูงศักดิ์ ให้แนบกับหน้าของเขาให้เนินนานที่สุดซาส์ทนเห็นมีร์เศร้าไม่ได้ จึงคว้าร่างตรงหน้าเข้ามาในอ้อมกอด






                             แค่ครั้งนี้เท่านั้นนะ ขืนข้าปลอบเจ้าบ่อยๆเจ้าตายแน่ พี่ท่านไม่ค่อยสนพวกเจ้าขนาดนั้นเลยหรอ?เสียงใสเอ่ยถามพร้อมทั้งลูบหัวเขาอย่างแผ่วเบา   เงยมองร่างที่บัดนี้ไม่ได้เรืองรองไปด้วยแสงสว่าง อีกต่อไป ผมสีดำราวกับราตรีกาลยามไร้แสงใดๆ ดวงตาสีฟ้าอมเขียวอ่อนที่ดูกระจางใสราวกับหยดน้ำที่งดงามผิวที่เรืองรองไปด้วยประกายต่างจากผิวที่ขาวซีดของเขานัก รอยยิ้มอ่อนโยนต่างจากจิตนาการ อบอุ่น อ่อนโยน หากความมืดที่ต่างจากตัวเขากลับอ่อนโยนถึงเพียงนี้ ต่อให้ต้องหันหลังให้แสงสว่างก็ช่างเถอะ






                             หากเจ้า ละทิ้งพี่ท่าน ครานี้เห็นที่เจ้าจักต้องสลายไปทันทีในภพชาตินี้ มีร์เจ้าจักยอมรับไหม ...มีร์มองหน้าผู้พูดอย่างเต็มใจก่อนพยักหน้ายอมรับอย่างแน่วแน่ แสงสว่างพลันเจิดจ้าไปทั่วดินแดนปีกที่ขาวสะอาดแปรเปลี่ยนเป็นดำสนิทราวกับราตรีกาล ดวงตาสีน้ำเงินเข้มก็เปลี่ยนเป็นม่วงอมเทา ผมที่ทองสว่างไสวค่อยเปลี่ยนจากโคนจนถึงปลายกลายเป็นสีเทาเข้ม ใบหน้าที่เคยงดงามอย่างรูปสลัก เพิ่มความเย้ายวนจนน่าหลงใหลซาส์มองความเปลี่ยนแปลงจากผลพันธะที่เกิดขึ้นยิ้มจนตาหยี ข้าว่าแล้วเจ้ารึ ไม่เหมาะจะเกิดภายใต้แสงสว่างหรอก ก่อนลูบใบหน้าของเทวาสวรรค์ตรงหน้าที่กำลังค่อยๆเจือจางสลายไปด้วยรอยยิ้มที่แทบไม่เคยมีให้เขาเห็นตลอดเวลาที่จ้องมองลงมาหลายพันปี







                             บาปที่เจ้าหลงใหลข้า มันหนักหนาหนัก มีร์ ไม่เป็นไรข้าจะไม่ให้เจ้าโดดเดี่ยวอย่างที่พี่ท่านทำหรอก ข้าสัญญา ข้าจะแก้ตราบาปนั่นให้เจ้า คำพูดแผ่วเบากระซิบก่อนร่างตรงหน้าจะหายไปทั้งหมด รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏบ่นหน้าของซาส์






                             จะแก้เกมพี่ท่านเยี่ยงไรดีหนา






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×