ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    LOST IN DARKNESS

    ลำดับตอนที่ #1 : Nightmare Begin

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 47


    “อัตราการตายและหายตัวไปของมนุษย์ถ้าตีเป็น 100% จะมี 20%ที่เป็นการตายและหายตัวไปอย่างลึกลับ ใน20%แบ่งได้อีกเป็น

    13%ถูกฆาตกรรมอำพราง ส่วนอีก7%พบว่าถูกสิ่งลึกลับลากตัวหายเข้าไปในความมืดตลอดกาล...”



                  

                    







    ฝนกำลังโหมกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา สายฟ้าแลบลงมาเป็นทางยาวสีน้ำเงินพาดผ่านท้องฟ้าที่ขมุกขมัวเต็มไปด้วยเมฆสีดำ ความมืดเข้ากลืนกินทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีของพายุฝน ทั้งๆที่มันยังเป็นกลางวันอยู่แท้ๆ รถเก๋งสีดำสนิทคันหนึ่งแล่นอย่าง

    โดดเดี่ยว ฝ่าสายฝนมาด้วยความเร็วสูง และเพราะมันเป็นสีดำสนิท บางทีจึงดูเหมือนกับว่าความมืดกำลังเกาะกินมันอยู่จนแทบจะมองไม่เห็นคันรถ



    ถนนที่รถสีดำกำลังแล่นอยู่นั้นทอดตัวยาวออกไปสุดลูกหูลูกตา ราวกับว่ามันจะไม่มีวันสิ้นสุด สองข้างทางของถนนเป็นพงหญ้าสูงรกชักตลอดสองข้างทาง  ตอนนี้รถยนต์สีดำยังคงเร่งความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ  มันช่างเป็นการเร่งความเร็วที่ไร้ค่าและอาจจะเกิดอันตรายแก่ผู้ขับและโดยสารได้ เพราะว่าภายในรถเป็นกลุ่มวัยรุ่น 4คน ที่กำลังเฮฮากันหลังจากที่เติมแอลกอฮอล์เข้าไปเพิ่มในกระแสเลือดได้พอสมควร จนเกิดอาการขาดสติ



    แต่ดูเหมือนว่าในสี่คนนั้นยังพอมีคนที่มีสติอยู่บ้าง

    “เฮ้ย วิทย์เร็วไปแล้วอย่าขับเร็วนักสิ ฝนก็กำลังตกอยู่แบบนี้” ชายหนุ่มผู้ดูจะมีสติมากที่สุดในหมู่เพื่อนๆบอกเพื่อนให้ขับช้าลง



    “เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอกน่าถนนโล่งๆแบบนี้ ขับเร็วนิดหน่อยเอง”คนขับรถพูดด้วยเสียงที่แทบจะยานคาง กลิ่นเหล้าคละคลุ้งออกมาจากลมหายใจ



    “ไอ้กิตมันกลัว ก็ขับช้าลงให้มันหน่อยสิวะ”ชายอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่เบาะหน้าคู่กับคนขับพูดขึ้นถึงชายคนนี้จะเมาแต่ก็ไม่มากเท่าคนขับ



    “อือๆ อย่างที่ไอ้สันต์มันบอก ขับช้าๆลงหน่อยก็ดีข้าว่ามันอันตราย เพราะมันมืดจนเกินไป มืดจนเหมือนกลางคืนเลยว่ะ” ชายคนสุดท้ายที่นั่งเบาะหลังคู่กับกิตพูดขึ้น



    “เออๆ ไอ้ธานนี่ ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นจะห้ามข้าวันนี้ไหงเห็นด้วยกับพวกมันวะ”

    คนขับตอบแบบขอไปที  



    “วันนี้ข้าสังหรณ์ใจแปลกๆว่ะ รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ”



    “เออไอ้นี่ วันนี้มาแปลกเว้ย ทุกทีเห็นเหล้าเข้าปากก็คึกทุกที” วิทย์พูดแซวๆ



    รถสีดำที่บรรจุด้วยชีวิต 4 ชีวิตกำลังแล่นมาถึงทางโค้ง ทันใดนั้นเอง  

    มีเงาดำเงาหนึ่งวูปตัดหน้ารถไป



    “เพล้ง!!!!”



    ร่างของเงาดำเงานั้นกระแทกเข้ากับกระจกหน้ารถ ถ้ากะขนาดด้วยสายตามันมีขนาดใหญ่พอๆกับลูกบาสเลยทีเดียว คงเป็นสัตว์อะไรสักชนิดที่ตัดหน้ารถ

    เพราะรถวิ่งมาด้วยความเร็วสูงทำให้คนขับรถเกิดการเสียหลัก  วิทย์หักพวงมาลัยรถออกด้านข้าง ทำให้รถไถลตกลงไปข้างๆทางที่เต็มไปด้วยพงหญ้า  



    โครมมมมมม!!!!!



    รถชนเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นอยู่ริมทางอย่างจัง หน้ารถยู่เข้าไปกับต้นไม้กระจกหน้าแตกละเอียด สภาพรถโดยรวมเสียหายยับเยินส่วนผู้โดยสาร.....



    “เวรเอ๊ย!!!!” เสียงวิทย์ซึ่งเป็นคนขับสบถขึ้นดังๆ พร้อมกับเอากำปั้นทุบลงไปหน้ารถ

    “มีใครเป็นอะไรบ้างรึเปล่าวะ วิทย์หันมาถาม”



    แต่ก่อนที่จะได้คำตอบนั่นเอง



    “บอกแล้ว ให้ขับช้าๆ” กิตบอก



    “เฮ้ย ข้าลดความเร็วแล้วนะโว้ย แต่เพราะไอ้บ้าเนี่ย” วิทย์ชี้ไปที่วัตถุบางอย่างที่ติดอยู่กับกระจกหน้ารถที่แตกร้าว



    “ซวยฉิ-บหายเลย” วิทย์สบถ



    “เออๆเถียงกันไปก็ไร้ประโยชน์ ลงไปดูดีกว่าว่ารถเป็นยังไงบ้าง”

    ธานเสนอความคิดเห็นเพราะขืนปล่อยให้เพื่อนสองคนเถียงกันต่อไป คงอาจจะมีมวยขึ้นกลางทุ่งหญ้าข้างทางแน่



    “เออ เดี๋ยวข้าขอลงไปดูก่อนนะเพื่อมีรถผ่านมาจะได้ขอความช่วยเหลือ” สันต์บอก

    พร้อมกับเอามือคลำหัวดูเขาพบว่ามันโนนิดหน่อย  เพราะตอนรถกระแทกมันทำให้หัวของเขากระแทกเข้ากับเบาะหน้า



    ชายทั้ง 4 คนเดินลงมาดูรอบๆรถของตนเอง สายฝนที่ยังคงกระหน่ำลงมาทำให้ตัวของเขาทั้ง 4 คนเปียกปอนไปด้วยน้ำฝน แต่ชายทั้ง 4 คนคงไม่รู้สึกถึงความเยียบเย็นของน้ำฝนหรอก เพราะว่า สติของพวกเขาทั้ง 4 คนกำลังจดจ้องไปยังสิ่งๆหนึ่ง



    สิ่งที่เคยคิดว่าเป็นสัตว์กลับกลายเป็นอะไรบางอย่างที่พวกเขาไม่เคยเห็นไม่รู้จักมาก่อน  สิ่งนั้นนอนสงบนิ่งอยู่หน้ารถของพวกเขา เลือดสีแดงที่ไหลออกมาปนกับน้ำฝน บ่งบอกว่ามันเป็นสิ่งมีชีวิต



    แต่มันไม่ใช่นกอย่างแน่นอนเพราะว่าไม่มีปีก ซากร่างของมันนอนสงบนิ่งอยู่หน้ารถ

    ดวงตาสีเขียวทั้งคู่ของมันเบิกกว้าง ปากที่อ้าค้างอยู่มีเขี้ยวแหลมคมเรียงอยู่เป็นซี่ๆ ส่วนลำตัวผอมแห้งมองดูแล้วเหมือนกับมนุษย์ แต่เป็นแบบมนุษย์แคระหรือคนที่พิกลพิการ เพราะตัวของมันมีขนาดพอๆกับเด็กอายุยังไม่ถึงปี ผิวหนังของมันเป็นสีเขียวคล้ำ

    ไม่มีขนปรกคลุมตามร่างกายแขนขาของมันยาวออกมาเก้งก้าง



    “ตัวบ้าอะไรวะเนี่ย” ธานเป็นคนแรกที่พูดขึ้นมาลอยๆ แล้วค่อยๆเอื้อมมือไปจับมัน

    แต่กิตได้ดึงมือของเพื่อนไว้ได้ก่อนที่จะสัมผัสกับตัวของสัตว์ประหลาด



    “ไปจับมันได้ยังไง เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันเป็นตัวอะไรกันแน่”เขาปรามเพื่อน



    “ข้าว่ารีบหารถกลับให้ได้ก่อนดีกว่า สถานการณ์ชักจะไม่ค่อยน่าไว้ใจแล้ว” สันต์บอก





    “แล้วจะมีรถที่ไหนผ่านมาบ้างเนี่ย ทางสายเปลี่ยวแบบนี้” กิตบ่นขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจ



    “แกจะบ่นให้ได้อะไรขึ้นมาวะ ช่วยๆกันหารถกลับก็พอแล้ว” วิทย์บอก



    กิตแบะหน้าเชิงช่วยไม่ได้ ในใจของเขาตอนนี้คิดว่าถ้าวิทย์ไม่ขับรถเร็วก็คงจะไม่ชนกับไอ้ตัวประหลาดนี่เข้า

    ฝนตกหนักขึ้นทุกทีๆ ความเยียบเย็นของน้ำฝนซึมเข้าไปตามเสื้อผ้าและร่างกายของชายทั้ง 4 คนจนถึงกับต้องเอามือมากอดอกไว้



    “โอ๊ววววววววววววววววววว  อือออออออออออ” เสียงโหยหวนดังขึ้นมาเบาๆ



    “เฮ้ย ใครพิเรนท์ทำเสียงอะไรวะ” ธานหันหน้ามาถามเพื่อนทั้ง 3 คน



    ชายหนุ่มที่เหลืออยู่ทั้ง 3 คนได้แต่ส่ายหน้าเหลอหรา

    “ไม่มีใครทำอะไรนี่ เพ้อไปรึเปล่าไอ้ธาน เหล้ามันดีกรีแรงไปรึไงวะ” สันต์ถามแล้วยังไม่วายแหย่เพื่อน



    “เฮ้ย ข้าได้ยินจริงๆมันดังว่า....”แต่ยังไม่ทันจะสิ้นเสียงของชายหนุ่ม



    “โอ๊ววววววววววววววว โอ๊ววววววววววววววว อืออออออออออออออ”



    เสียงลึกลับดังขึ้นมาอีกครั้งคราวนี้ชัดเจนกว่าเดิม มันเป็นเสียงที่แหบห้าวและทุ้มต่ำ

    ที่สำคัญเขาทั้ง 4 คนได้ยินเหมือนกันทั้งหมด



    “นั่นไงๆข้าบอกแล้ว” ธานพูด



    “เฮ้ย เสียงอะไรวะ” วิทย์พูดพร้อมกับหันไปมองรอบๆตัว แต่ก็ไม่น่าจะมีอะไรที่ร้องได้อยู่ในบริเวณ 30 เมตรนับจากที่พวกเขายืนอยู่  ที่รายล้อมอยู่รอบๆตัวของพวกเขาตอนนี้ก็มีเพียงแค่ความมืดและสายฝนเท่านั้น



    วิทย์ซึ่งเป็นเจ้าของรถลองเดินลึกตรงเข้าไปในพงหญ้าข้างๆทาง เขาคิดว่าเสียงลึกลับที่ได้ยินต้องดังมาจากทางนั้นแน่ๆ



    “เฮ้ยจะไปไหนวะ บ้ารึเปล่า” สันต์ตะโกนปรามเพื่อน  



    “เออน่า ดีกว่ายืนอยู่เฉยๆข้าอยากรู้ว่ามันเสียงอะไร ข้าแน่ใจว่าได้ยินมันดังแว่วๆมาจาก

    ทางนี้”



    แต่ทว่ายังไม่ทันสิ้นคำเตือนของเพื่อน เงาดำขนาดยักษ์ได้ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า

    เสียงร้องดังโหยหวนดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง    



    “โอ๊ววววววววววววววว โอ๊ววววววววววววววว อืออออออออออออออ”



    เงาร่างนั้นโฉบลงมาใส่วิทย์อย่างรวดเร็วจนชายหนุ่มหลบไม่ทัน  ร่างของวิทย์ถูกเงายักษ์

    จับเอาไว้ด้วยกรงเล็บรึอะไรสักอย่าง ตอนนี้เพื่อนที่เหลืออยู่ของวิทย์ทั้งสามคนได้แต่มองตาค้างด้วยความตกใจ เพราะรูปร่างของเงาดำร่างนั้นเหมือนกับนก หากแต่ปีกของมันลักษณะเหมือนกับค้างคาว หัวและดวงตาของมันเหมือนกับคน ปากที่เต็มไปด้วยเขี้ยวแสยะยิ้มให้ชายหนุ่มสามคนที่ยืนมองตาค้าง มันจับวิทย์ไว้ด้วยกรงเล็บที่ดูเหมือนกับนกอินทรีย์ แล้วยกเขาลอยขึ้นไปในอากาศ



    “เฮ้ยๆ ปล่อยๆไอ้บ้า เอ๊ย เฮ้ยๆๆๆ” วิทย์พยายามดิ้นรนแต่ไม่รอด

    และแล้วมันก็บินขึ้น พาร่างของวิทย์หายกลืนเข้าไปในความมืดของพายุฝน

    ต่อหน้าต่อตาเพื่อนทั้งสามคนของชายหนุ่ม



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×