คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : BE IN LOVE 4 ♥ - Pocky
Pocky #ฟิคซรบอล
BE IN LOVE 4 ♥
‘ถ้าหิวต้องกินป๊อกกี้ ถ้าอยากได้เบอร์พี่เอาไลน์น้องมา’
ข้อความน่ารักๆบนโพสอิทสีเหลืองที่แปะอยู่บนกล่องป๊อกกี้รสช็อคโกแลตที่จูฮยอนสองเตรียมไว้คงต้องกลายเป็นหมัน การกระทำต่างๆที่มักถูกจูฮยอนหนึ่งเรียกว่า ‘การเต๊าะเด็ก’ นั้นถูกพับโครงการไปอย่างไม่มีกำหนดจะสานต่อ ก็ตอนนี้น่ะ.. หัวใจของเบจูฮยอนเจ็บจะตายแล้วนี่หน่า..
“จากที่แกเล่ามาเค้าก็แค่เดินไปซื้อขนมด้วยกันป้ะ ไม่เห็นมีไรเลย” จูฮยอนหนึ่งถอนหายใจอย่างปลงๆพลางตักเค้กรูปหมีน้อย(ที่จูฮยอนสองสั่งมาให้)ในจานเข้าปากระหว่างฟังเรื่องราวที่เพื่อนรักของตัวเองพบเจอมา ภาพบาดตาบาดใจ(ที่จูฮยอนสองเล่า) ท่าทางซึมๆเหมือนลูกแมวที่อดกินปลาทู ทำให้เธอได้แต่พูดคำปลอบใจออกไป ก็ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าวันหนึ่งจะได้มาสวมบทบาทเป็นพี่อ้อยพี่ฉอดที่แสนโด่งดั่งในประเทศไทยแบบนี้ ธูธ
“แต่เค้าควงแขนกันด้วยนะ..” จูฮยอนสองพูดอย่างหงอยๆแล้วก้มหน้ามองสตรอเบอร์รี่ปั่นในแก้วที่เริ่มละลายจนจืดชืด ขนาดของโปรดอันดับสิบสองตอนนี้เธอยังกินไม่ลงเลย.. คิดดูสิ เบจูฮยอนผู้รักการกินยิ่งกว่าอะไรกลับกินอะไรไม่ลงแบบนี้นี่มันเรื่องใหญ่ระดับหมู่บ้านเลยนะ จิตใจของเบจูฮยอนห่อเหี่ยวจนเหมือนหญ้าแห้งๆไปหมดแล้ว..
“คนสนิทกันมันก็เรื่องธรรมดาไก่กาอ่ะ แค่ควงแขน แหม ทีแกยังแทบจะสิงร่างฉันเวลาไปเที่ยวไหนเลยป้ะ แบบนั้นคนอื่นไม่คิดว่าได้กันแล้วหรอ” จูฮยองหนึ่งอยากจะเอาส้อมในมือทิ่มเค้กหน้าหมีน้อย(ที่ต้องมารับกรรมแทนคังซึลกิ)ในจานให้แหลกเป็นจุล หมั่นไส้เหลือเกิ๊น!
“จูฮยอนหนึ่งไม่เข้าใจเค้าอ่ะ.. เค้ากำลังเสียใจมากๆอยู่นะ” เห็นจูฮยอนสองเบาะปากทำท่าจะร้องไห้กลางร้านเค้กแบบนี้จูฮยอนหนึ่งอย่างเธอก็ได้แต่สูดลมหายใจลึกๆด้วยความใจเย็นและบอกว่า..
“ถ้าแกร้องไห้ฉันจะอัดคลิปไปลงโซเชี่ยลแคม ลงvine ลงยูทูป ลงอินสตาแกรม ฉันจะลงทั้งภาพนิ่งและภาพเคลื่อนไหว ฉันจะทำไฟล์ gif ฉันจะเอาลงซีดีแจกคนทั้งคณะ ทำโปสเตอร์เป็นหน้าแกที่แสนมู่ทู่ตอนร้องไห้ติดตามบอร์ดด้วย เอาซี่ อยากร้องไห้มากก็เอาเลย” พูดเสร็จแล้วต้องทำหน้าเชิ่ดอย่างเหนือกว่าแล้วผสมน้ำเสียงเยาะเย้ยเข้าไปอีก 25 เปอร์เซ็นเพื่อความสมบูรณ์แบบ
ได้ผล.. จูฮยอนสองที่กำลังจะแผลงฤทธิ์เมื่อตะกี้กลายสภาพกลับมาเป็นลูกแมวตัวน้อยที่ได้แต่ทำหน้างอแงเฉยๆแล้ว ฮิ
“ถ้าจูฮยอนหนึ่งทำนะ เค้าจะโกรธจริงๆด้วย” จูฮยอนสองไม่ได้พูดเล่นนะ จะโกรธจริงๆแบบจริงจังที่สุดเลย ต่อให้เอาคังซึลกิผูกโบว์มาง้อก็ไม่ใจอ่อนให้หรอก แบร่
“จ่ะ..” ความรู้สึกเหมือนกำลังคุยกับเด็กประถมเลยเนอะ.. บางทีจูฮยอนหนึ่งก็คิดนะว่าจูฮยอนสองปัญญาอ่อนรึเปล่า แม่ก็ถามเพื่อนเป็นอะไรหรอ จูฮยอนหนึ่งก็คิดนะ จูฮยอนสองก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว จะสงสัยอะไรอีก #เดี๋ยวๆ
“คิดถึงซึลกิจัง..” คุณเคยอยู่ในสถานการณ์ที่เรากับเพื่อนก็เงียบเหมือนไม่รู้จะพูดอะไรต่อแล้วอยู่ๆเพื่อนก็พูดถึงคนที่ชอบขึ้นมาทั้งๆที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนดราม่าเหมือนจะขาดใจตายมั้ยคะ.. นี่แหละค่ะ สถานการณ์ตอนนี้เลย
“………” จูฮยอนหนึ่งก็ไม่อยากจะปล่อยให้เพื่อนพูดคนเดียวหรอกนะแต่เธอเองก็ไม่รู้จะต่อประเด็นนี้ยังไงเหมือนกันเลยได้แต่เท้าคางมองเพื่อนที่นั่งหน้าเศร้าอยู่ฝั่งตรงข้าม
“ไม่เอา ไม่คิดถึงแล้ว คนใจร้ายแบบนั้นน่ะ..” น้ำตาหยดเล็กๆหยดแปะลงในแก้วสตรอเบอร์รี่ปั่น.. เบจูฮยอนไม่ได้อยากร้องไห้ซักหน่อยแต่จู่ๆน้ำตาก็ไหลออกมาเฉยเลย.. ฮื่อ ความรู้สึก 99 เปอร์เซ็นบวกน้ำ 1 เปอร์เซ็นเลยนะ
“……….” ซอจูฮยอนยังคงนิ่งเงียบ ไอ้อยากจะปลอบมันก็อยากล่ะนะ แต่บางทีก่อนจะปลอบก็คงต้อง ‘ปล่อย’ ซะก่อน ปล่อยให้เพื่อนระบายทุกสิ่งทุกอย่างออกมา ความในใจที่ว้าวุ่นยิ่งกว่าคนบนบีทีเอสช่วงเช้าๆ ปล่อยให้เพื่อนอยู่กับตัวเองไปซักพักแล้วค่อยเข้าไปถามไถ่ตอนที่เบจูฮยอนพร้อมจะรับฟัง ไม่ใช่ตอนที่นั่งร้องไห้หน้าเหยเกแบบนี้
“ฮึก.. ไม่ชอบเลย ไม่อยากรักแล้ว” จากน้ำตาไม่กี่หยดในตอนแรกก็แปรเปลี่ยนเป็นไหลเป็นสาย จมูกแดงก่ำเหมือนกวางเรนเดียร์ แถมเบะปากเหมือนเด็กๆอีกต่างหาก ถ้าจูฮยอนหนึ่งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปจูฮยอนสองร้องไห้ตอนนี้จะดูเป็นเพื่อนที่ไม่ดีไปรึเปล่า? ก็มันตลกอ่ะ!
“……….” ซอจูฮยอนก็ยังไม่หลุดคอนเซ็ปผู้รับฟังที่แสนดี จนกระทั่งเบจูฮยอนเงยหน้าขึ้นมามองนั่นแหละ..
“นี่แก.. ฮึก ไม่คิดจะพูดอะไรหน่อยหรอ เป็นใบ้ ฮึก ไป ละ.. แล้วรึไง” จูฮยอนสองพูดไปปาดน้ำตาไปไม่ต่างจากเด็กๆ เสียงก็สุดแสนจะสะอึกสะอื้น คือถ้าพูดลำบากขนาดนี้ก็ไม่ต้องพูดก็ได้นะ.. รู้สึกสงสารยังไงไม่รู้ ธูธ
“อ้าว แกนี่..” จูฮยอนหนึ่งอุตส่าห์ทำตัวเป็นผู้รับฟังที่ดีนะ ผู้รับฟังที่ดีก็ต้องเงียบฟังความพร่ำเพ้อเวิ่นเว้ออย่างกับพรรณนาโวหารไม่ใช่รึไง แล้วนี่อะไรอ่ะ? มาว่าเป็นใบ้อีก!
“ฮืออออออออออออออ~” เดี๋ยวก่อนนะ.. นี่เธอยังไม่ทันจะพูดอะไรเลยจูฮยอนสองก็ส่งเสียงคำราม(การร้องไห้ที่หนักหน่วงที่จูฮยอนหนึ่งบัญญัติไว้)อีกแล้วหรอ..
นี่มีเพื่อนหรือเลี้ยงลูก
ตอบ!
“ซึลกิผู้หญิงที่ร้องไห้คนนั้นใช่คนที่แกเคยทักเมื่อคราวก่อนนู้นป้ะ” ความจริงแอมเบอร์ก็คงจะมองไม่เห็นพี่สาวคนนั้นหรอกถ้าไม่ได้ยินเสียงสะอื้นลอยมาเข้าหู หน้าตาก็สวยนะแต่ร้องไห้อย่างกับคนอกหัก
“หืม ร้องไห้?” คังซึลกิทวนคำพูดของเพื่อนตัวเองอีกครั้งก่อนที่สายตาตี่ๆจะหันไปเจอผู้หญิงที่แอมเบอร์พูดถึง พี่จูฮยอนกำลังร้องไห้? ตั้งแต่รู้จักพี่สาวตัวเล็กคนนี้ก็ไม่เคยเห็นว่าพี่เค้าร้องไห้เลยซักครั้ง เบจูฮยอนน่ะเป็นผู้หญิงที่มีรอยยิ้มอยู่ตลอดเวลาเลยต่างหาก
“ร้องไห้แบบนั้นไม่ติดเอฟก็อกหักแหละ” ชเวซอลลี่มองตามไปและพูดอย่างไม่ใส่ใจราวกับเป็นเรื่องธรรมดา เวนดี้พยักหน้าเหมือนเห็นด้วยก่อนจะนึกอะไรขึ้นได้และหันมามองคังซึลกิอย่างจับผิดโดยไม่ให้คนตาขีดเดียวรู้ตัว
“แต่ฉันว่านะ.. สภาพงี้อกหักชัวร์ วางสิบบาท” เวนดี้ยักคิ้วให้แอมเบอร์กับซอลลี่สองที.. เกิดมาซนซึงวานไม่เคยมั่นใจในเดิมพันอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยนะบอกเลย ฮิฮิ
“เห้ยไรอ่ะ ฉันก็อยากลงอกหักนะเว้ย ไม่รู้แหละ ฉันลงอกหักยี่สิบ” แอมเบอร์โวยวายขึ้นมา(ทั้งๆที่ดูเป็นเรื่องที่ไม่มีอะไรให้โวยวายก็ตาม) ซอลลี่มองหน้าเพื่อนอย่างงงๆ อ้าว.. นี่ต้องเล่นด้วยหรอ
“งั้นฉันต้องลงติดเอฟใช่มั้ย” คนตัวสูงท่าทางยังไม่ตื่นดีชี้ตัวเองแบบอับจนหนทาง ธูธ บังคับให้เล่นแล้วยังยัดเยียดความแพ้ให้อีก ซอลลี่จะไม่ทนแล้วนะ!
“เออ!!/เออ!!” ทำไมต้องซึงวานกับแอมเบอร์ต้องประสานเสียงกันขนาดนี้อ่ะ ซอลลี่ก็กลัวเป็นนะ ฮึก ซอลลี่เปลี่ยนคำพูดก็ได้.. ซอลลี่จะทนต่อไปเอง ฮื่อ
“อกหัก.. งั้นหรอ” ซึลกิยังคงไม่ละสายตาจากรุ่นพี่ตัวเล็กที่ข้างตัวมีพี่แฝดฮยอนเบอร์หนึ่งคอยปลอบอยู่ คนอย่างเบจูฮยอนจะอกหักได้ยังไง.. วันๆไม่เห็นสนใจใครเลยนี่นา
แก๊งเทเลทับบี้ทั้งสามหน่อ(สามหัวหรือสามคนก็ได้แล้วแต่จะชอบ)หันมองคังซึลกิพร้อมกันอย่างไม่ได้นัดหมาย หรือนี่จะเป็นพี่สาวเจ้าของพายฟักทองต้องสงสัยเมื่อคราวก่อนนู้น? ทำไมเพื่อนคังซึลกิที่แสนน่ารักของพวกเธอถึงได้ดูให้ความสำคัญขนาดนี้ เอ๊ะ แต่ถ้าพี่สาวคนนั้นชอบเจ้าหมีทึ่มนี่จริงๆจะร้องไห้ไปทำไมกัน ในเมื่อซึลกิเองก็ไม่ได้มีแฟนอะไรแถมดูใส่ใจพี่เค้าอีกต่างหาก? หรือสุดท้ายเกมจะพลิกกลายเป็นเจ้าหมีตาขีดเดียวของพวกเธอเป็นฝ่ายอกหักซะเอง? โถ่.. ไม่เป็นไรนะคังซึลกิ *กอด* (นี่คือการปลอบล่วงหน้าจากเพื่อนที่แสนดีทั้งสามเผื่อตอนกิอกหักแล้วเราต้องไปออกอีเว้นท์)
“แก.. ฉันขอเปลี่ยนไปลงอกหักด้วยมั้ยอ่ะ” ไหนๆตอนนี้เพื่อนๆก็หันกลับมาสามัคคีกันแล้ว ซอลลี่ขอเปลี่ยนไปตอบอีกอย่างได้มั้ย ซอลลี่ก็อยากชนะบ้าง ซอลลี่สัญญาว่าซอลลี่จะลงสามสิบบาทเลย เพื่อนๆให้ซอลลี่ได้ใช่มั้ย….
“ไม่ได้!!/ไม่ได้!!”
ฮึก.. ซอลลี่ไม่เปลี่ยนก็ได้! โป้งแล่ว! โป้งให้หมดเล้ย!
หลังจากซอจูฮยอนปล่อยให้เบจูฮยอนร้องไห้จนไม่มีน้ำตารักเราคงไม่คืนย้อนมา.. (เดี๋ยวๆ) เพื่อนตัวเล็กของเธอก็แสดงท่าทีอย่างกับมนุษย์ตายซาก เซื่องซึมไม่พูดไม่จา ซึ่งจูฮยอนหนึ่งอย่างเธอก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ว่าอะไรมันจะดูเจ็บปวดหัวใจขนาดนั้น แต่ในฐานะเพื่อนที่แสนดีแล้ว สถานที่ที่กลายเป็นสิงสถิตของพวกเธอทั้งคู่ในช่วงเย็นนี้ก็คงจะหนีไม่พ้นตู้คาราโอเกะที่เธอสองคนมักจะมาด้วยกันประจำเวลาอยากปลดปล่อยความเครียดเช่นวันนี้..
“อยากเจอคนจริงใจมีมั้ยแถวเนรรรรรรร้ อยากเจอคนๆดีแถวนี้มีมั้ยเอ่ยยยยยยยย วู้วววววว!!!!” เสียงร้องเพลงที่เหมือนการตะโกนโหวกเหวกโวยวายด้วยความอัดอั้นใจมากกว่ายังคงหลุดออกมาจากปากเบจูฮยอนอย่างไม่หยุดหย่อนตั้งแต่มาถึง ซอจูฮยอนนั่งมองดูเพื่อนสนิทที่ยืนเต้นแร้งเต้นกาด้วยความสนุกอยู่กลางห้องแล้วยิ้มออกมา อย่างน้อยตอนนี้เบจูฮยอนก็กลับมายิ้มได้ในครั้งแรกของวันนี้แล้วล่ะนะ.. อ่อ แล้วอย่าพึ่งคิดว่าเธอชอบหรือมีซัมติงอะไรกับยัยนี่ทำนองเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อเชียวล่ะ ก็แค่นานๆจะทำอะไรซึ้งๆทีต่างหาก ก็รู้ๆกันอยู่ใช่มั้ยว่าเธอไม่ใช่พวกสาวหวานแหววมีความรักแบบที่เบจูฮยอนเป็น เวลาเพื่อนตัวเล็กมาขอคำปรึกษาอะไรก็เลยไม่ค่อยเข้าใจหัวอกเพื่อนเท่าไหร่ และมักจะพูดแต่คำทื่อๆที่ดูท่าทางแล้วจะไม่ใช่คำที่เบจูฮยอนอยากฟัง แต่ตอนนี้เธอก็พยายามสุดๆแล้วนะที่จะเป็นผู้รับฟังที่ดีให้เพื่อนสนิทที่เหมือนเด็กไม่ยอมโตแบบนั้น
“แค่ก แค่ก โอ้ย คอแห้งอ่ะ แกมีน้ำป้ะ” นั่งซึ้งคนเดียวได้ไม่เท่าไหร่บรรยากาศก็ถูกขัดขึ้นด้วยเสียงไอค่อกแค่กจากตัวต้นเรื่องที่ยังจับไมค์ไม่ปล่อยแม้หน้าจะดูทรมานเหมือนคนขาดน้ำมาสามชาติเศษก็ตาม ซอจูฮยอนนี่อยากจะเอาสายไมค์รัดคอจริงๆ นังเด็กประถมเบจูฮยอน!
“กลืนน้ำลายตัวเองไปก่อนไป๊! ให้ขาดน้ำตายไปเลย” ปากก็ขอให้ได้จิกกัดซักนิดซักหน่อยเถอะ แต่มือกลับยื่นขวดน้ำจากกระเป๋าตัวเองให้เด็กประถมจูฮยอนที่ยืนยิ้มแป้นอยู่อย่างไม่รู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น
“ฉันรู้ว่ายังไงแกก็ไม่มีทางปล่อยให้ฉันเป็นอะไรหรอก ฮิ” เบจูฮยอนยื่นน้ำคืนให้เพื่อนตัวสูง คนตัวเล็กกว่าแลบลิ้นใส่ซอจูฮยอนอย่างอารมณ์ดีและหันกลับไปเต้นเพลงที่เปิดค้างไว้ เราทั้งคู่รู้ความหมายของประโยคนั้นดี.. ไม่ว่ายังไงก็คงต้องล่มหัวจมท้ายเป็นเพื่อนกันตลอดไปแหละนะ ก็มีกันอยู่แค่นี้นี่หน่า
สถานการ์ชีวิต(และหัวใจ)ของเบจูฮยอนดูท่าจะดีขึ้นแต่อยู่ๆเจ้าตัวก็นึกครึ้มกดเลือกเพลง 모래시계 - Melody Day ขึ้นมาซะอย่างนั้น.. เสียงเพลงเศร้าค่อยๆดังขึ้นและเล่นไปตามโปรแกรมของมัน ซอจูฮยอนส่ายหัวมองดูเบจูฮยอนคนที่ใบหน้าเต็มไปด้วยความเศร้าอีกครั้ง น้ำเสียงสั่นๆจากปากของเพื่อนตัวเล็กร้องตามเนื้อเพลงที่ปรากฏขึ้นบนจออย่างไม่มีบกพร่อง พอมาถึงตอนนี้ซอจูฮยอนก็แอบสงสัยไม่ได้ว่าเพื่อนเธอเป็นโรคไบโพล่าร์รึเปล่านะ..
‘วันนี้ก็เหมือนทุกวันที่ฉันไม่อาจแสดงความรู้สึกของฉันได้
ฉันได้แต่คิดว่าสิ่งนี้มันคือความรักรึเปล่า’
‘ฉันไม่ชอบเลยกับรอยยิ้มที่ดูสดใสของเธอ
เพราะฉันไม่ใช่คนนั้นที่ยืนอยู่ข้างๆเธอ
ฉันรู้สึกยังไงเธอไม่เคยจะรับรู้เลย’
‘ฉันไม่ชอบที่เธอไม่เคยรู้สึกรู้สาอะไร
แต่ความจริงที่น่าเศร้ายิ่งกว่าก็คือ
สายตาของฉันมันคอยแต่เฝ้ามองหาเธออยู่ตลอด’
“มองหาเธอเพียงคนเดียว..” น้ำตาของเบจูฮยอนหยดลงมาอีกครั้ง.. ร้อนไปถึงซอจูฮยอนที่ต้องเข้ามากดเลื่อนเปลี่ยนเป็นเพลงต่อไปด้วยความเร็วแสง แต่ก็เหมือนแจ็คพอร์ตแตกอีกนั่นแหละ.. เพราะเพลงที่เบจูฮยอนเลือกต่อไว้ดันเป็นเพลงดราม่าทั้งนั้น
바보가슴 - XIA Junsu
‘ฉันรู้ดีทั้งหมดอยู่แล้ว ถ้ารักเธอแล้ว ก็มีแต่ฉันเท่านั้นที่จะยิ่งเจ็บปวด
น้ำตาอันขมขื่นที่ไม่อาจหยุดได้นี้ จะทำอย่างไรดี..
เธอผู้ไม่อาจได้ครอบครอง เธอผู้ไม่รู้อะไรเลย’
‘อยากจะยิ้มแล้วมองเธอได้อย่างสบายใจ
เพราะว่ารัก เพราะว่าสำคัญ..
หัวใจอันขลาดเขลานี้แม้แต่จะขยับเข้าไปใกล้ยังทำไม่ได้เลย’
‘เธอจะรักคนอื่นอยู่มั้ย
ฉันไม่เคยได้อยู่ในใจเธอแม้แต่วินาทีเดียวเลยใช่มั้ย’
น้ำตาจะไหลซอจูฮยอนขอกดปิดเพลงนะคะ..
ติ๊ด..
“แกปิดทำไมเนี้ยฟีลลิ่งกำลังมาเลยนะเว้ย!” แหม.. ยังมีหน้ามาบอกฟีลลิ่งกำลังมา นี่ไม่ใช่มาจนไปหมดแล้วเรอะ ร้องไห้อย่างกับซ่อนถังน้ำตาไว้เป็นแกลลอน บอกเลยค่ะว่าซอจูฮยอนเห็นละเพลียแทน
“ใครจ่ายค่าห้อง?” น้ำเสียงเรียบกริบของจูฮยอนหนึ่งเปลี่ยนคนที่ฟึดฟัดเมื่อกี้กลายเป็นลูกแมวตัวน้อยตาแป๋วจมูกแดงทำหน้าซื่อๆได้ชั่วพริบตา
“งืม เปลี่ยนเพลงแหละดีแล้ว เนอะๆ” เบจูฮยอนพนักหน้าหงึกหงักราวกับเห็นด้วยนักหนาทั้งที่ตอนแรกเป็นฝ่ายโวยวายแท้ๆ.. งกกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว! มันน่าหมั่นไส้จริงๆ!
“จูฮยอนหนึ่ง เค้าไปเข้าห้องน้ำก่อนน้า ตัวเองเลือกเพลงให้เค้าด้วย เค้าเชื่อเซ้นส์ตัวเองนะ รสนิยมการฟังเพลงของตัวเองเยี่ยมที่สุดเลยยยยย ซอจูฮยอนจังงงงงงง” เบจูฮยอนเกาะประตูเหมือนจิ้งจกน้อยแล้วชูมือขึ้นด้วยท่าทางมุ่งมั่น ก็โอเคนะมีเพื่อนแบบนี้.. โอเคจริงๆ..
ว่าแต่.. รสนิยมการฟังเพลงหรอ..
หึ
‘Keroro Afro Gunso Song’
(ลองไปเสิร์ชฟังตามรอยจูฮยอนหนึ่งได้นะคะ XD)
“เกือบราดแล้วมั้ยล่ะจูฮยอน ฟู่วว” เบจูฮยอนถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ห้องน้ำคนเยอะมากจนเธอเกือบอั้นไว้ไม่ไหว ดีนะที่ได้เข้าพอดี ไม่งั้นล่ะก็แย่แน่ คนตัวเล็กล้างมือและจัดผมอย่างไม่รีบร้อน ระหว่างส่องกระจกก็คิดไปพลางๆ คนอะไรทำไมสวยจัง อ้าว นั่นมันตัวเธอเองนี่หน่า คริ~
จู่ๆคิ้วของเด็กประถมจูฮยอนก็ขมวดเข้าหากัน.. เธอควรจะรู้สึกยังไงกับสถานการณ์ในตอนนี้ดีนะ? อยากจะทำหน้านิ่งๆหยิ่งๆแล้วเดินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อาการปากไม่รักดีที่ยกยิ้มขึ้นมานี่สิจะแก้ปัญหายังไง แถมความรู้สึกที่หัวใจเต้นรัวอย่างกับมีใครมาตีกลองในนี้อีก..
เบจูฮยอนควรทำตัวแบบไหนดีนะ
ในเมื่อตอนนี้น่ะ..
‘คังซึลกิกับเพื่อนๆมาร้องคาราโอเกะห้องข้างๆเธอเนี้ย!’
แต่ไม่ทันที่เบจูฮยอนจะเดินไปถึงห้อง ซอจูฮยอนก็เปิดประตูพรวดออกมาตะโกนเรียกเธอดังลั่นพร้อมๆกับตอนที่คังซึลกิกำลังจะผลักประตูเข้าห้องของเค้าไปพอดี..
“ย๊า! เบจูฮยอน เดินให้มันเร็วๆหน่อยมั้ย อีกห้านาทีจะหมดเวลาที่จองไว้แล้วนะ!”
ให้ตายเถอะ เด็กบ้านั่นหามามองเธอแล้ว ชั่ววูบนึงในความคิดของเบจูฮยอนนั้นอดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมช่วงนี้เราถึงเจอกันบ่อยขนาดนี้นะ? หรือคังซึลกิจะแอบชอบเธอแล้วทำตัวเป็นสตอล์คเกอร์? แต่ก็นะ เธอก็เพ้อเจ้อไปอย่างนั้นแหละ เพราะในความเป็นจริงแล้วเธอกับซึลกิแทบไม่ได้คุยกันเลยด้วยซ้ำ
ซึลกิมองหน้าซอจูฮยอนแล้วหันกลับมามองหน้าเธอสลับไปมา เห็นมั้ยล่ะ เด็กนี่ไม่ได้ตั้งใจจะตามเธอหรอก ตอนนี้เค้าก็คงแปลกใจไม่ต่างกันที่ต้องเจอพี่สาวแฝดสยามซ้ำไปซ้ำมาหลายๆวัน
“ห้องพี่จะหมดเวลาแล้วหรอคะ” ซึลกิถามเธอพร้อมรอยยิ้มหมีๆประจำตัว แก้มกลมๆของทำให้เบจูฮยอนรู้สึกอยากบีบให้หายหมั่นเขี้ยวชะมัด
“คะ? อ๋อ ใช่ค่ะ” เบจูฮยอนพยักหน้าน้อยๆ ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงจางๆอย่างห้ามไม่ได้ เห็นรอยยิ้มคังซึลกิทีไรเธอต้องเป็นแบบนี้ทุกทีเลย..
อีกแล้ว.. คังซึลกิยิ้มตาหยีมาให้เธออีกแล้ว ทำไมถึงชอบเล่นกับหัวใจของพี่สาวแบบนี้นะเด็กบ้า..
“งั้น.. พี่พอจะมีเวลาว่างซักชั่วโมงนึงมานั่งข้างๆฉันมั้ยคะ?”
นั่นมันประโยคที่เธอเคยพูดกับเค้าไม่ใช่หรอ.. ซึลกิจำมันได้?
กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ตอนที่เธอและจูฮยอนหนึ่งเข้ามานั่งในห้องคาราโอเกะขนาดใหญ่พร้อมกับกลุ่มของคังซึลกิซะแล้ว.. แอมเบอร์และซอลลี่กำลังวุ่นกับการแย่งรีโมตเพื่อกดเลือกเพลงและเถียงกันเป็นเด็กๆ ในขณะที่ซึงวานดูเข้าได้ดีกับซอจูฮยอน ส่วนเธอน่ะหรอ.. นั่งนิ่งๆอยู่ข้างซึลกิยังไงล่ะ เด็กบ้านั่นล็อคตัวไม่ให้เธอลุกไปไหนด้วยเหตุผลว่า ‘ไม่มีเพื่อนคุยด้วย’ พี่เคยบอกแล้วใช่มั้ยคังซึลกิ..
ว่ามุขแบบนี้น่ะ
‘เก่ามาก’
ปล.ส่วนเรื่องตัดใจที่เคยพูดไปน่ะ.. ไว้ทีหลังแล้วกันนะ XD
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
แท็กในทวิตเตอร์ #ฟิคซรบอล นะคะ<3
คิดถึงฟิคเรื่องนี้มั้ยคะ? LOLLLLL
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ มันเป็นกำลังใจให้เราได้จริงๆ (:
◊ SQWEEZ
ความคิดเห็น