ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KNOCK KNOCK! เป็นผีห้ามเคาะประตู

    ลำดับตอนที่ #8 : 08 : Trust Me

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 64



     

     

     

     

     

     

    เด็กหนุ่มวิ่งโดยไม่คิดชีวิต ไม่แม้แต่จะหันหลังกลับ

    ในวินาทีนี้ มีสิ่งเดียวเท่านั้นที่สำคัญ คือเอาตัวเองให้รอด

    คอนเนอร์ไม่เคยจะฟังคำสั่งใครง่ายๆ เขารู้จักพี่ชายของตนดี

    หรือเพราะความกลัวเกาะกินจิตใจของเขาอยู่

    มือใหญ่ที่ทะลุผ่านตัวเด็กคนนั้นก็ชี้ชัดอยู่แล้วว่าร่างใต้ผ้าคลุมสีขาวไม่ใช่คน

    “ผมต้องการเขา” เสียงจากร่างนั้นพูดในยามที่เบนจามินเลือกจะปิดตา “คุณต้องให้เขากับผม”

    เด็กหนุ่มไม่รู้ว่าผีตนนั้นต้องการสิ่งใด คนใดคนหนึ่งในกลุ่มของคอนเนอร์ หรือจะเป็นตัวเขากันแน่ ไม่มีทางรู้ได้เลย แต่เบนจามินไม่คิดจะย้อนกลับไปถาม

    ไม่มีคนดีๆ ที่ไหนเขาอยากเข้าไปคุยกับผีหรอกนะ!

    ในตอนที่เขารู้ว่าไม่ใช่แค่เขาคนเดียวที่กำลังวิ่งอยู่ ขาที่อ่อนล้ากลับมีแรงขึ้นมาราวกับมีมนต์เสกร่ายให้เขาทรงพลัง แหกปากร้องด้วยความหวาดกลัว

    “หยุด!” เสียงที่ไล่ตามกำลังคำราม “ฉันบอกให้หยุดก่อน!”

    “ไว้ชีวิตผมด้วย!!” เบนจามินร้องไห้โฮ น้ำตาเปอะใบหน้าแทบมองไม่เห็นทางที่ก้าวเดิน ไร้ความรู้สึกเจ็บอีกต่อไปแม้จะโดนกิ่งไม้แหลมหรือขวกหนามทิ่มแทงขาหรือแม้แต่ใบหน้า “ผมยังไม่อยากตาย! อ..อ๊ากกก!!!”

    เด็กหนุ่มเซถลา เมื่อดวงจันทร์อวดแสงเปิดให้สายตาของเบนจามินได้เห็นสิ่งที่รออยู่เบื้องหน้า

    ความมืดของหุบเหวลึกไม่ต่างจากปากทางแห่งความตาย

    เขาไม่อาจหยุดความเร็วของตัวเองได้ไวพอ เด็กหนุ่มหกล้ม ใช้มือปัดป่ายไปทั่วและคว้าเอารากไม้ใหญ่ไว้ได้ น้ำหนักตัวฉุดเขาลงไปหาความมืด เบนจามินกลืนน้ำลายไม่กล้าหันไปมองเบื้องล่าง เศษดินร่วงเข้าตาจนแสบไปหมด ก้อนเนื้อในอกเต้นระรัว มืออีกข้างพยายามจะพาตัวเองขึ้นไปบนดินแต่ก็ขึ้นไม่ไหว

    นี่เขา ต้องถึงคราวตายแล้วจริงๆ น่ะหรือ

    “อึก..” เบนจามินพยายามอีกครั้ง เหวี่ยงตัวด้วยแรงที่เหลือเพื่อจะคว้ารากไม้ใกล้ๆ กัน แต่มันอยู่ไกลเกินกว่าจะเอื้อมถึง และเขาก็พลาดอีกหน

    “เบนจามินไม่ยอมแพ้แม้โชคชะตาจะไม่เข้าข้าง” เขาปลอบใจตัวเองแบบนี้เวลารู้สึกสิ้นหวังตั้งแต่เด็ก และเขาลองอีกครั้ง

     

    พลาดอีกหน

     

    “เบนจามินคนดี แค่นี้เจ้ายังไหว” น้ำเสียงสั่นเครือของตัวเองทำให้เขาเริ่มไม่แน่ใจว่าจะทำได้หรือเปล่า “เบนจามิน..ฮึก..เบนจามิน”

    “จับเอาไว้ให้มั่นล่ะเด็กน้อย” เสียงใครคนหนึ่งบอกกับเขา และก่อนที่จะหมดแรงไปเสียก่อน มือขาวซีดข้างหนึ่งก็ดึงข้อมือเขาเอาไว้ “ฉันจะขอแรงเธอหน่อย”

    “จับมือไว้แล้วอย่าปล่อยมันจนกว่าเธอจะรู้สึกปลอดภัย”

    เขาเป็นเทวดาหรืออย่างไร

    หน้าท้องของเด็กหนุ่มครูดกับหินให้ได้รอยถลกกับเลือดอีกเล็กน้อย แต่เบนจามินก็มองข้ามมันไปและพยายามดึงตัวเองขึ้นเพื่อช่วยชายที่เข้ามาช่วยชีวิต เมื่อรู้ตัวอีกทีก็หงายหน้ามองฟ้าเสียแล้ว

    ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเหลือเกิน

    “ขอบคุณครับ” เบนจามินยกมือเปื้อนดินขึ้นเช็ดดวงตาที่บวมช้ำ เขารู้สึกเหน็ดเหนื่อยเหลือเกิน แต่การที่เขายังรู้สึกถึงทุกๆ สิ่ง ทุกๆ ความเจ็บของบาดแผลนั่นยังยืนยันได้ว่าเขายังไม่ตาย

    เด็กหนุ่มหันไปทางผู้ช่วยชีวิต มองเห็นแค่เพียงปลายผมสีส้มไม่ต่างจากเปลวไฟก่อนที่สติจะดับวูบ

    ไม่ว่าคนหรือผี ก็อยากจะขอบคุณ

     

    ไคเลอร์ไล่ตามเบนจามินไม่ทัน เขาหลงอยู่ในหมู่ไม้ มองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดและเงาของกิ่งไม้ไม่ต่างจากมือผี เขาปลอบตัวเองว่าไม่มีอะไรต้องกลัว อย่างน้อยก็ตายซ้ำสองไม่ได้อีก

    แต่ก็ยังไม่มั่นใจนักในเรื่องนั้น

    เสียงของพุ่มไม้ขยับอยู่เบื้องขวา ชายหนุ่มหันไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่กำลังย่างเข้ามาใกล้ แม้จะตายไปแล้วแต่กลับรู้สึกได้ว่าหัวใจกำลังเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ มองหาอะไรที่น่าจะเป็นอาวุธได้บ้าง กลับมีเพียงก้อนหิน ไคเลอร์หยิบมันขึ้นมา มือชื้นเหงื่อ

    ดีกว่าไม่มีอะไรเลย

    “แสดงตัวซะ ไม่ว่าจะเป็นใคร” ไคเลอร์พูด แทบจะเหมือนกำลังพูดให้ตัวเองได้ฟังคนเดียว

    จังหวะที่เขาเงื้อมือจะโยนหินใส่พุ่มไม้นั้น ก้อนนุ่มสีขาวนวลก็กระโดดออกมา เมื่อขยี้ตามองอีกครั้งจึงได้รู้ว่ามันเป็นแค่กระต่ายขาวตัวหนึ่งเท่านั้น ดวงตาสีแดงก่ำจ้องไคเลอร์อย่างนึกฉงน แต่ก็ไม่เข้าไปใกล้ ก่อนจะกระโดดหนีไปอีกทาง

    “บู” เสียงของผีน้อยดังขึ้น พร้อมลมหายใจที่เป่าเข้ามาในหูชายหนุ่มจนมือไม้อ่อนปล่อยหินก้อนใหญ่ลงพื้น เขารีบยกมือขึ้นปิดหูทันที ไม่รู้ตัวเลยว่าผีตนนี้มาตั้งแต่เมื่อไหร่

    และสิ่งที่มนุษย์ไม่รู้นั่นแหละ ทำให้พวกเขากลัว

    ไคเลอร์ยังทำใจกับการตายของตนไม่ได้สักที

    ผีผ้าคลุมขยับเข้าใกล้ขณะที่ตัวเขานั้นถอยห่าง รู้สึกไม่ไว้วางใจผีที่เคยอยู่ร่วมชายคาเดียวกัน

    “ไม่มีอะไรแล้ว คุณปลอดภัย” ทีโอดอร์ปลอบใจ ไม่ขยับเขยื้อนเมื่อจ้องมองเข้าไปในแววตาของชายหนุ่ม “คุณมีอะไรจะพูดงั้นหรือ”

    ทั้งเรื่องที่ชายคนนั้นคุกเข่าลงต่อหน้าทีโอดอร์ พิธีประหลาด ลัทธิกับกฎบ้าบอ ทุกอย่างมันรุมเร้าที่เดียว และตู้ม ไคเลอร์ไม่รู้จะพูดออกมาอย่างไร เวลาผ่านไปหลายนาทีจนไคเลอร์ต้องยอมเอ่ยปากขับไล่ความอึดอัดใจ แต่ไคเลอร์ก็เลือกสรรคำพูดได้ไม่ดีนัก

    “เธอตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ ปั่นหัวฉันหรือ”

    ทีโอดอร์ยืนเด่นอยู่บนไม้ที่ล้ม สูงพอจะสบตาไคเลอร์ได้โดยที่ไม่ต้องเงยหน้า ดวงตาเขาเศร้าสร้อยที่เห็นไคเลอร์หนีห่าง

    “ผมจะทำอย่างนั้นทำไม”

    “ผู้ชายที่ฉันเห็น คุกเข่าลงต่อหน้าเธอ ไม่รู้เลยหรือว่ามันมีความหมายอย่างไร”

    “เธอเป็นใครกันแน่”

    “ผมขอเพียงให้เวลาผมสักหน่อย เผื่อวันนึงคุณจะเข้าใจเรื่องราวทั้งหมด”

    “และชายคนนั้น ผมไม่ได้สะกดจิตเขา ไคเลอร์ และเขายอมรับข้อเสนอ”

    “ข้อเสนอของเธอ แลกกับอะไร”

     

    ผีผ้าคลุมไม่ตอบ ชายหนุ่มจ้องเขาไม่วางตา ยากจะให้อภัยเด็กตรงหน้า ไม่เคยยอมบอกอะไรเกี่ยวกับตัวเองสักอย่างนอกจากชื่อ ทำให้นึกถึงวันที่ได้พบผีตนนี้ในห้องทำงาน บุกเข้าบ้านเพื่อก่อกวนเขายามดึกดื่น แม้จะอยู่กันมาพักหนึ่ง แต่เขาก็ตระหนักแล้วว่า..

    เขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับทีโอดอร์เลย

    “เธอจะบอกว่าเพราะกฎเลยทำให้เธอไม่สามารถบอกมันกับฉันได้งั้นสิ”

    “ใช่”

    เสียงหวีดร้องดังมาจากทางทิศใต้ ไคเลอร์หันขวับ สองขาก้าวพาตัวเองไปข้างหน้า แต่ถูกแรงจากมือน้อยฉุดรั้งไว้ไม่แรงนัก เขายอมหยุดเพื่อที่จะได้ฟัง

    "คุณรักผมไหม ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้เป็นเด็กดี" น้ำเสียงของทีโอดอร์สั่นไหว "คุณรักผมไม่ว่าผมจะเป็นอย่างไรหรือเปล่า"

    "แต่ผมรักคุณนะ ถึงแม้คุณจะเป็นแบบนี้ แต่ได้โปรด ให้ผมไปกับคุณนะ”

    ทีโอดอร์กลั้นหายใจเฝ้ารอคำตอบ สีหน้าไคเลอร์ยากจะอ่านออกยิ่งทำให้เขาเริ่มกังวล

    “ไม่ต้อง”

    และชายหนุ่มก็เดินจากไปในความมืดของป่า

     

    ไคเลอร์วิ่งไปตามเสียง เขาภาวนาขอให้ตัวเองไปทันก่อนที่เบนจามินจะเป็นอะไรไป ใช้เวลาพักหนึ่งกว่าจะเจอต้นตอของเสียง มันดังมาจากหน้าผาแต่แล้วก็เงียบไป ชายหนุ่มร้อนรนไปให้ถึงที่หมายโดยไว

    มีคนสองคนอยู่ที่นั่นก่อนแล้ว คนหนึ่งซึ่งนอนหมดสติอยู่บนพื้นคือเบนจามิน ส่วนคนที่หันมามองทางเขาคือเพื่อนที่เพิ่งจะติดต่อไปหากันเมื่อเช้านี้เอง

    “วิลลิส” ไคเลอร์เอ่ยทักอย่างโล่งใจ แต่ครู่ต่อมาก็ต้องขมวดคิ้ว ความรู้สึกที่แตกต่างระหว่างเบนจามินและเพื่อนรักทำเอาไคเลอร์รู้สึกวิงเวียน แววตาของวิลลิสไม่ทอประกาย ผีที่ซีดอยู่แล้วก็ดูไร้ชีวิตเข้าไปอีก “แกเองก็ตายไปแล้วงั้นหรือ”

    “จำเป็นต้องรู้ถึงขนาดไม่ใยดีเด็กคนนี้ดูสักหน่อยหรือ” วิลลิสถามกลับขณะพยายามช้อนตัวเด็กหนุ่มผอมกระหร่องขึ้นมาไว้ในอ้อมแขน “รถของกันอยู่ที่ถนน เราพาเขาไปจากที่นี่กันเถอะ”

    ชายผิวขาวนำทางกลับไปยังถนน ก้าวผ่านพุ่มไม้หนามอย่างไม่ใส่ใจแต่ระมัดระวังไม่ให้มันโดนตัวเด็กหนุ่มในอ้อมแขน มีเสียงสั่นไหวมาจากพุ่มไม้ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก เมื่อหันไปมอง ไคเลอร์ก็พบกับกระต่ายอีกแล้ว

    “ทำไมถึงรู้ ว่าเขาอยู่ในอันตราย” ไคเลอร์ชวนคุย ทำลายบรรยากาศน่าขนลุกและปัดเรื่องที่ทำให้นึกถึงทีโอดอร์ออกจากหัวพร้อมกับก้าวขาให้เดินทันเพื่อน

    “ลางสังหรณ์ ก่อนหน้ากันตั้งใจจะแวะไปหาแก กันแค่ปล่อยให้ความรู้สึกนำพามาที่นี่ ได้ยินเสียงกรีดร้องเลยลงจากรถ เห็นเจ้าหนูนี่วิ่งผ่านไป กันรู้ว่าหนทางแถวนี้อันตรายจึงตามเขามาถึงนี่ เขาดูหวาดกลัว สับสน ตื่นตระหนกไม่ต่างจากกระต่ายเลย” วิลลิสเขี่ยปลายผมที่กำลังปรกตาเบนจามินออก “เกิดอะไรขึ้น แกทำอะไรให้คนผวาขนหัวลุกขนาดนี้”

    “ฉันจะเล่าให้ฟังหลังออกจากที่นี่” ไคเลอร์พูดเสียงเบาเมื่อต้องเอ่ยประโยคหลัง

     

    “ฉันไม่ไว้ใจป่า”

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×