ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KNOCK KNOCK! เป็นผีห้ามเคาะประตู

    ลำดับตอนที่ #7 : 07 : The Man Who Saw a Ghost

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 64


     

     


     


    ทีโอดอร์เดินเข้ามาในบ้าน เมื่อเห็นว่าไคเลอร์กำลังยืนตกตะลึงอยู่หน้าประตูห้องใต้ดิน จ้องมองไปยังร่างตนที่โดนฝูงหนูกัดแทะ จึงเดินเข้าไปจูงมือเขาไปยังห้องทำงาน ชายหนุ่มผู้กลายเป็นวิญญาณโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวเดินราวกับกำลังลอย ผีผ้าคลุมพาเขานั่งบนโซฟาแสนสบาย ตั้งใจว่าจะไปจุดไฟหน้าเตาผิงแต่มือใหญ่คว้าข้อมือเขาเอาไว้ก่อน

    “ตั้งแต่เมื่อไหร่” ไคเลอร์พูดเสียงอ่อนแรง ความเหนื่อยล้าทำให้เขาดูแก่กว่าวัย

    “ฉัน..ตายตั้งแต่เมื่อไหร่”

    “ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกัน” น้ำตาหยดหนึ่งหล่นจากเบ้า ทีโอดอร์คุกเข่าลงตรงหน้า กุมมือชายหนุ่มเอาไว้ ออกแรงบีบเบาๆ “ผมกลับมาอีกครั้ง คุณก็นอนหมดลมหายใจบนพื้น หัวคุณกระแทกกับตู้บนหัวนอน เลือดไหลนองไปทั่วบริเวณ”

     

    ในคืนเดือนดับคราวนั้น ทีโอดอร์ลากขาไคเลอร์จากห้องนอนไปยังห้องใต้ดินโดยไร้ไฟส่อง แว่วเสียงหมาป่ากู่ร้องมาจากในป่าทึบ เปรียบเหมือนบทเพลงขับกล่อมคนตายให้หลับสบาย

    ไคเลอร์ไม่ใช่ผู้ชายตัวโตเต็มไปด้วยมัดกล้าม แต่ก็ใช่ว่าจะให้ความร่วมมือในการถูกลากจูงไปได้ง่ายๆ ใช้เวลาราวสองชั่วโมงในการลากเขาไปยังห้องใต้ดินและทำความสะอาดคราบเลือดที่เปรอะอยู่บนพื้น เขาเฝ้ารอการกลับมาของวิญญาณอย่างใจจดใจจ่อ

    ไคเลอร์จะตื่นขึ้นมา และลืมทุกอย่างไปเหมือนเขาไหมนะ

    ลืมทางกลับบ้าน ใบหน้าของพ่อแม่ ความทรงจำที่เคยมี

    เขา..จะตื่นขึ้นมาพร้อมความว่างเปล่าเหมือนกันไหม

    หนึ่งวัน

    สองวัน

    สี่วัน

    เจ็ดวัน

    และแล้วชายหนุ่มก็กลับมาพร้อมกับเค้ก สิงอยู่ในห้องทำงานกับกล่องดนตรีที่ส่งเสียงไพเราะไปทั่วบริเวณ

    จิตวิญญาณของไคเลอร์ยังคงมีความเป็นมนุษย์มากกว่าผี นั่นอาจเป็นเหตุผลนึงที่ชายหนุ่มไขว่คว้าตัวเขาไม่ได้ในทีแรกราวกับอยู่กันคนละโลก

     

    “โดยปกติแล้วคนไม่สามารถเห็นผีได้ง่ายดายนัก ยกเว้นว่าพวกเขากำลังจะตาย ไม่แปลกเลยที่คุณจะเห็นผม”

    “กฎของผีข้อที่เก้าสิบ ผีไม่สามารถขุดหลุมฝังศพได้ด้วยตัวเองไม่ว่าในกรณีใด ผมจึงเก็บร่างคุณไว้ในห้องใต้ดิน ส่วนที่ใกล้ผืนดินมากที่สุด คนที่คุณได้พบหลังจากวันนั้น ทุกคนได้ตายลงแล้ว”

    “ทำไมเธอถึงไม่บอกฉันในทันที หลังจากที่ฉันตาย”

    “มันเป็นกฎอีกเหมือนกันที่คุณต้องรู้ด้วยตัวเองในเรื่องนี้ และมันไม่ใช่หน้าที่ที่ผมจะต้องบอก”

    “ออกไป”

    “ไคเลอร์”

    “ได้โปรด ไปให้พ้น”

    ผีผ้าคลุมสงสารไคเลอร์จับใจ ชายหนุ่มไม่ตะคอกเขาแต่ก็มีแวบนึงที่หัวใจรู้สึกเจ็บปวด ไคเลอร์ผลักไสเขาออกห่าง

    แม้เคยเห็นเจ้าของบ้านโมโหมาหลายรอบ แต่ไม่เคยเห็นเขาเสียใจมาก่อน นั่นทำให้ผีรู้สึกแย่กับกฎห้าร้อยประการของผีเป็นครั้งแรก

    ทีโอดอร์เช็ดน้ำตาที่ไหลอย่างลวกๆ จุดไฟในเตาผิงให้ความอบอุ่นแก่หัวใจที่กำลังหนาวเหน็บ พร้อมกับไขลานกล่องดนตรีให้ไคเลอร์ก่อนจะเดินออกไปให้พ้นสายตา

    ประตูถูกปิดลงตามหลัง ทีโอดอร์ยังยืนอยู่หน้าประตูไม่ไปไหน ซึมซับเสียงสะอื้นสั้นๆ อย่างเศร้าโศก ขณะนี้ความมืดได้กลืนกินบ้านทั้งหลัง เป็นครั้งแรกตั้งแต่ตายที่เขารู้สึกว่าอากาศรอบตัวนั้นเย็นลง

    เสียงนาฬิกาดังก้องอยู่ในหูหลังจากเสียงดนตรีหยุด

    ไม่นานนัก ประตูบานเดิมก็เปิดอีกครั้ง ผีผ้าคลุมเซถลาโดยไม่ทันตั้งตัว โชคยังดีที่ไคเลอร์คว้าตัวเขาเอาไว้ก่อน กลับกลายเป็นว่าต้องไปปะทะกับอกเปลือยเสียเอง

    “เธอบอกว่าคนใกล้ตายจะมองเห็นวิญญาณใช่ไหม”

    “ค..ครับ”

    “แล้วเบนจามินยังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า”

    ไม่แปลกนักที่ไคเลอร์จะแยกไม่ออกระหว่างคนเป็นกับคนตาย ทีโอดอร์ผู้มองเห็นตั้งแต่เบนจามินก้าวขาเข้ามาในบริเวณบ้าน ก็รู้ได้ทันที จากลมหายใจอุ่นๆ และดวงตาฉายแววแห่งชีวิตราวกับดวงตะวัน ผีผ้าคลุมพยักหน้าเร็วๆ ไคเลอร์ผละจากเขาก่อนจะวิ่งไปคว้าแจ๊คเก็ตมาสวมให้ตัวเอง ตรงดิ่งไปยังประตู

    “คุณจะไปไหน” ทีโอดอร์ร้องถาม แต่ชายหนุ่มไม่ตอบ ประตูถูกปิดใส่หน้าผีผ้าคลุมดังปัง!

     

    เบนจามินกำลังตกอยู่ในอันตราย เรื่องนั้นไคเลอร์มั่นใจ เด็กคนนั้นยังมีอนาคตที่ดีกว่ามาตายในเร็ววันนี้

    ผีผ้าคลุมวิ่งตามเขาออกมาจากตัวบ้าน ตัวติดกันจนแทบจะสิงอยู่รวมร่อ ริมฝีปากก็พร่ำบ่นมาตลอดทาง

    “ให้ผมไปด้วย”

    “อยู่ให้ห่างจากฉัน”

    “ผมจะไปกับคุณ”

    บางครั้งผีตนนี้ก็น่ารำคาญ

    “ขึ้นมา แล้วอย่าสร้างปัญหา”

    ไคเลอร์ลากจักรยานของเบนจามินมาใช้ และปล่อยให้ผีน้อยยืนเกาะบ่าเขาไว้ขณะออกตัว ชายหนุ่มยังไม่แน่ใจนักว่าตัวเองต้องทำอย่างไรกับสภาพของตัวเองที่เป็นอยู่ บางทีการมีอยู่ของทีโอดอร์อาจจะช่วยเขาได้

    ก็เรียกคืนชีวิตกลับมาไม่ได้อยู่แล้ว

    “อย่าคิดว่าฉันให้อภัยกับเรื่องที่เธอทำแล้วล่ะ” ไคเลอร์เตือน ผีผ้าคลุมพยักหน้าแม้เขาจะมองไม่เห็น

    “เจ้าคนผอมกะหร่องแบบนั้น ไปได้ไม่ไกลนักหรอก”

    “คุณอย่าประมาทหัวขโมยนักเลย” ทีโอดอร์โต้ “เจ้าคนนั้นเอานาฬิกาทองคำของคุณติดมือไปด้วยเชียวนะ ผมเห็นในมือเขาตอนที่เขาเปิดประตูห้องใต้ดิน รู้อย่างนี้ยังอยากช่วยอยู่ไหม”

    “ชีวิตคนมีค่ามากกว่านาฬิกาหนึ่งเรือนนะทีโอดอร์” ไคเลอร์ดุ ถีบจักรยานทะยานไปข้างหน้าให้เร็วขึ้น “แต่ถ้าเจอตัวเมื่อไหร่ ขอหลอกให้ขนหัวร่วงก่อนเป็นอันดับแรกแล้วกัน”

     

    ป่ากำลังโหยหวน สองวิญญาณมุ่งหน้าเข้าสู่ความมืด เมฆบดบังดวงจันทร์เสียหมด ไคเลอร์ไม่กลัวป่า ครั้งยังเป็นเด็กเขาเคยอาศัยอยู่ในกระท่อมกลางป่ากับคุณย่าเกือบครึ่งค่อนชีวิต ที่ที่เขาได้เรียนรู้ทุกอย่าง ป่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา

    “ฉันต้องท่องกฎบ้าๆ บอๆ เหมือนเธอไหม” ไคเลอร์ถามผีผ้าคลุม แม้จะรู้ว่าการพูดแบบนั้นมันหยาบคายกับเขาก็ตาม ทีโอดอร์เงียบไปจนเขาคิดว่าคงไม่ตอบกลับ แต่ประโยคถัดมาทำเอาไคเลอร์ไม่อยากจะเอ่ยอะไรอีกเลย

    “ถ้าไม่ศรัทธาก็ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก”

    “ระวัง” ผีผ้าคลุมบีบไหล่คนตัวสูง สองหูได้ยินเสียงดังมาจากด้านหน้า

    “เหตุทะเลาะวิวาทหรือ” ไคเลอร์ขมวดคิ้ว พาจักรยานไปจอดไว้ข้างทาง “ไม่รู้ว่าข้างหน้าเป็นคนหรือผี แต่ระวังเอาไว้ก็ดี”

    “อืม”

    พวกเขาทั้งสองได้ยินเสียงร่ำไห้มาแต่ไกลปะปนไปกับเสียงหัวเราะน่าเกลียด วิญญาณทั้งสองไม่ได้หลบซ่อนตัวเพราะรู้ว่าคงไม่ได้มีใครสังเกต

    เป็นเบนจามินไม่ผิดจริงๆ กำลังกุมมือทั้งสองข้างของตนประสานกัน อ้อนวอนขอให้ชายฉกรรจ์สามคนที่รุมล้อมเขาไว้ชีวิต

     

    คนหนึ่งเป็นชายมีเคราแดง ไร้เส้นผม ทำให้ทีโอดอร์นึกถึงโจรสลัดในหนังสือนิทาน อีกคนเป็นชายกล้ามโต หน้าตาดุดัน และคนสุดท้าย ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตร ผมสีบลอนด์

    “อย่าพาตัวผมไป อึก..ผมไม่อยากถูกขาย ได้โปรดเถอะพี่ชายของผม” เบนจามินเสียขวัญ หันหน้าไปคุยกับพี่ชาย “ให้..ให้ผมกลับไปรับใช้พี่เถอะ อย่ายกผมให้คนอื่นเลย ผมยังมีประโยชน์นะ น..นี่ นาฬิกาที่ผมขโมยมาได้”

     

    เด็กหนุ่มค้นตัวเองและยื่นนาฬิกาเรือนทองไปให้ คอนเนอร์พยักหน้าให้ชายผู้มีเคราสีแดงรับมันไว้ เบนจามินมองชายหนุ่มอย่างมีความหวัง

    “น้องรักของฉัน” คอนเนอร์แตะมือกับแก้มบอบช้ำของเด็กหนุ่มอีกครั้งหนึ่ง “ฉันเสียใจกับเรื่องที่จะบอก แต่ฉันรับเงินมาแล้วนั่นแปลว่าไม่ว่าอย่างไร แกก็จะต้องถึงมือพ่อค้าไม่ว่าจะช้าหรือเร็ว ลุกขึ้นเสียเถอะ”

    เบนจามินไม่พูดอะไร เพราะรู้ดีว่าไม่อาจสู้กำลังชายทั้งสามได้อยู่แล้ว

    คอนเนอร์เป็นนักธุรกิจ และเบนจามินนั้นเกลียดธุรกิจที่พี่ชายเขาทำเป็นที่สุด เด็กหนุ่มและเด็กสาวมากหน้าหลายตาที่ขึ้นรถเครื่องหายลับไปในยามวิกาลพร้อมกับที่คอนเนอร์เป็นผู้ดูแล นั่นคือภาพที่เบนจามินเห็นจนชินตา สภาพหมดไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ดวงตาล่องลอย

    เบนจามินที่ยังเด็กเกินกว่าจะรับมือไหว ก่อนที่เขาจะบรรลุนิติภาวะพอจะไปช่วยงายพี่ชาย เขาประกาศก้อง ขอหาเงินโดยสุจริต คอนเนอร์ไม่ขัดเจตนารมณ์อันดีงามนั้น เพียงแค่ยืนข้อเสนอเดียว

    หากเขาหาเงินมาไม่ได้ในแต่ละวัน และถ้าวันใดวันหนึ่งพี่ชายตัดสินแล้วว่าเบนจามินนั้นไร้ประโยชน์ที่จะลงมือทำอะไรตามใจ เมื่อนั้นจุดจบก็ไม่ต่างจากหนุ่มสาวที่ขึ้นรถสีดำสนิท

    เพื่อตีตั๋วไปยังดินแดนนรก

    หลังจากที่ไคเลอร์ยื่นมือเข้ามาชี้แนะนำทางให้เขาไปหาเจ้าของร้านหนังสือที่ชื่อวิลลิสแล้ว ถึงป่านนี้ก็ยังไม่เคยได้พบตัวจริง มีเพียงคำสั่งของเขาที่บอกผ่านทางโทรศัพท์และชายวัยกลางคนที่มีรอยยิ้มอบอุ่นนามว่ามิสเตอร์เบนนี่เท่านั้น

    ในความเป็นจริง เขาไม่มีทางหนีไปจากผู้ชายร้ายกาจอย่างคอนเนอร์ได้อยู่แล้ว

    จู่ๆ เบนจามินก็ขนลุกวาบอย่างไม่ทราบสาเหตุ บรรยากาศรอบตัวเย็นจนเริ่มจะหนาวกะทันหัน เด็กหนุ่มมองไปรอบๆ ความรู้สึกบอกเขาเอาไว้ว่ามีบางอย่างไม่ปกติ

    ร่างในผ้าคลุมสีขาวสะอาดคือสิ่งที่เบนจามินเห็นกลางถนน เขาตอบสนองต่อร่างนั้นจนคอนเนอร์อดที่จะสงสัยไม่ได้ เมื่อมองกลับไปก็พบสิ่งเดียวกับน้องชาย ร่างนั้นยืนนิ่ง ไม่ไหวติง

    คอนเนอร์ลุกขึ้นช้าๆ ยกมือปรามสหายชายทั้งสองที่อยู่ด้วยกันไม่ให้ทำตัวผิดสังเกตุ จากการประเมินด้วยสายตาแล้ว ก็ไม่ต่างจากเด็กวัยรุ่นสักคนหนึ่ง ดูไม่ออกแน่ชัดว่าเป็นชายหรือหญิง เพราะส่วนที่เห็นโผล่พ้นผ้าคลุมมาก็มีเพียงเรียวขาขาวดุจน้ำนมกับเท้าเปลือยเปล่าเปรอะคราบดินก็เท่านั้น

    คอนเนอร์เดินเข้าไปใกล้ร่างนั้น พร้อมกับส่งยิ้มทักทาย อย่างที่เขารู้ดีว่ามันคือรอยยิ้มจอมปลอมที่ได้ผลดีที่สุด ในการหลอกล่อเด็กไร้เดียงสา

    “สวัสดีเด็กน้อย มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คนเดียวค่ำๆ”

    “...”

    “เธอชื่ออะไร หืม”

    ร่างใต้ผ้าคลุมส่งเสียงแปลกๆ ใช้เวลาสักพักจึงรู้ว่ามันคือเสียงหัวเราะ

    “นายกำลังคุยกับใครน่ะ” และแล้วชายเคราแดงก็พูดขึ้นมา เขามองเห็นเพียงแค่พื้นที่ว่างเปล่า พร้อมกับหันไปสบตากับเพื่อนอีกคน ขอความเห็น “นายเห็นอะไรไหม”

     

    “ก็มีเด็กคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น นายไม่เห็นหรือ”

     

    “ไหนล่ะ”

    เบนจามินเขยิบถอยห่างความไม่ชอบมาพากลนั้น แต่ก็หนีไม่พ้นการจับกุมตัวจากเพื่อนพี่ชายที่ไม่เห็นสิ่งที่เขากำลังเห็น เด็กหนุ่มพบดวงตาอีกคู่จับจ้องอยู่เบื้องหลังต้นไม้ใหญ่ไม่ไกล ร่างนั้นส่งยิ้มจางๆ ให้เขา

    คุณไคเลอร์!

    “ร..เราไปจากที่นี่กันเถอะ” เบนจามินหันไปกระซิบกระซาบกับชายเคราแดงอย่างร้อนรน ความหวาดกลัวในดวงตาของเด็กหนุ่มทำเอาคนฟังรู้สึกขนหัวลุกไปด้วยอีกคน

    “เราจะไม่ไปไหนทั้งนั้น” คอนเนอร์ประกาศก้อง หันไปสบตากับร่างกลางถนน “เขาก็แค่เด็กคนหนึ่ง”

    “แต่คอนเนอร์...”

    “เขาโชคดีนะ” ทีโอดอร์ขัดจังหวะ พยักเพยิดไปทางชายเคราแดง “ดูท่าว่าจะยังมีชีวิตอยู่ได้ยาวกว่าพวกคุณ”

    “เธอหมายความว่าอย่างไร” คอนเนอร์ถาม ใบหน้าไม่แสดงความรู้สึกใดๆ นอกจากความเป็นมิตรที่ปั้นแต่งเอาไว้

    “ก็พวกคุณน่ะ”

    “ถึงคราวตายกันหมดเลยนี่นา”

    ทีโอดอร์หัวเราะ ไคเลอร์ที่มองอยู่ถึงกับขนลุกไปกับประโยคจากน้ำเสียงสดใสของผีผ้าคลุม

    “ใครส่งเธอมา” คอนเนอร์เดินเข้าไปใกล้กว่าเก่า พร้อมกับเอื้อมมือไปข้างหลังเพื่อหยิบมีดพกประจำตัวขึ้นมา หากเด็กคนนี้เล่นตุกติก เขาคงไม่ปรานี “ต้องการอะไร”

    “ผมต้องการเขา” ผีน้อยหันไปมองเบนจามินที่กำลังหลับตาปี๋ ไม่รับรู้สิ่งใด “คุณต้องให้เขากับผม”

    ชายหนุ่มหัวเราะ ขณะที่ทีโอดอร์หันไปมองทางไคเลอร์ ชายหนุ่มกระสับกระส่าย เขาเพียงปรายตามองให้รู้ว่าเขารับมือไหว

    “ได้สิ” คอนเนอร์รับปาก “แต่เธอต้องมากับฉันนะ”

    แขนกำยำยื่นไปคว้าตัวเด็กหนุ่ม แต่กลับสัมผัสได้เพียงความว่างเปล่า

    ท่ามกลางสายตาตกตะลึง ทีโอดอร์ไม่รอช้าที่จะใช้โอกาสนี้กระซิบบางอย่างเบาๆ กับชายหนุ่มให้พอได้ยินกันแค่สองคน

     

    ไคเลอร์หลบซ่อนอยู่หลังต้นไม้ เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดอย่างฉงน หลังจากวางแผนการช่วยเหลือเบนจามินอย่างปัจจุบันทันด่วนแล้ว กลับกลายเป็นเขาที่ต้องแอบอยู่ตรงนี้ และมีหน้าที่ออกมาช่วย หากทีโอดอร์เจรจาล้มเหลว

    แต่ว่าก็ว่าเถอะ เจรจาอะไรกัน

    ไคเลอร์เชื่อใจผีของเขาและรอคอย ถึงคราวที่ชายรูปหล่อซ่อนมีดเอาไว้ข้างหลังเขาถึงได้เริ่มกระสับกระส่าย แต่ทีโอดอร์หันมาสบตาเขาครั้งนึง เหมือนจะบอกว่าไม่เป็นไร

    ฝ่ามือใหญ่ทะลุผ่านร่างกายของผีผ้าคลุมไป ตอนนั้นเองที่การเจรจาเกิดขึ้น ใช้เวลาเพียงไม่นาน ชายตัวใหญ่ก็สั่งการให้เพื่อนของเขาปล่อยตัวเบนจามินเสียเฉยๆ เด็กหนุ่มมึนงงเล็กน้อย แต่อาศัยจังหวะนี้วิ่งหนีเข้าไปในป่าโดยไม่เหลียวหลัง ไม่มีใครไล่ตามเขา แม้ชายเคราแดงจะมึนงงกับพฤติกรรมแปลกกๆ ของเพื่อนผู้เป็นนายก็ตาม

    ไคเลอร์ตั้งท่าจะวิ่งตามเบนจามินเข้าไปในป่าแต่ก็หยุดชะงัก เพราะผีตัวดียังยืนอยู่ตรงหน้าชายผมบลอนด์ไม่ห่าง

    อดห่วงทีโอดอร์ไม่ได้

    ชายหนุ่มลังเล มองผีน้อยสลับกับเบนจามินที่เริ่มจะวิ่งหายลับตาเข้าป่า คราวที่หันกลับมาจึงได้พบกับเหตุการณ์ไม่คาดฝัน

     

    คอนเนอร์ก้มหัวลงต่อหน้าทีโอดอร์ ไม่ต่างจากทาสรับใช้ผู้ภักดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×