ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KNOCK KNOCK! เป็นผีห้ามเคาะประตู

    ลำดับตอนที่ #5 : Hum a song

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 64


    ‘ดั่งฤทัยถูกแสงไฟแผดเผา

    ยามที่สองเราห่างหายกันไปแสนไกล

    หากว่าความรักนั้นได้มาง่ายดาย

    ผมคงไม่ยอม—โอ้ คงไม่ยอม

    แลกเลือดและวิญญาณเพื่อเคียงคู่เธอ’

     เสียงแซ็กโซโฟนดังขึ้นหลังจากเสียงนักร้องชายผิวสีเลือนหาย ดนตรีแจ๊สครอบคลุมหัวใจคนในพื้นที่ร้านเหล้าในค่ำคืนนี้ไปเกินครึ่งแล้ว ไคเลอร์ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มเป็นแก้วที่สอง เคาะนิ้วกับโต๊ะเฝ้ารออย่างใจจดใจจ่อ

     

    เช้าวันนี้มีจดหมายสอดเข้ามาใต้ประตู ไคเลอร์ทันได้เห็นแผ่นหลังแคบๆ ของเด็กชายไปรษณีย์กับหมวกเบเร่ต์สีแดงปั่นจักรยานออกไปเท่านั้น ที่อยู่ผู้ส่งมาจากร้านหนังสือในเมืองที่เขาแวะเวียนไปคราวก่อน ผีผ้าคลุมวิ่งเสียงตึงตังมาชนหลัง แต่กลับเป็นร่างผอมจ้อยนั่นเองที่โซเซล้มลง

    “ให้ผมอ่านให้ฟังนะ” ทีโอดอร์เขย่าแขนชายหนุ่มรบเร้าทันทีที่ลุกขึ้นได้ ผีผ้าคลุมฝึกอ่านมาได้หลายวันแล้ว ดีเหลือเกินที่ทีโอดอร์เรียนรู้ได้ไวจากนิทานที่ไคเลอร์อ่านให้ฟังบนเตียง

    และทุกๆ คืน เจ้าผีจะสัปหงกคล้ายเข้าใจก่อนฟุ่บหลับกับอกเขาไปทุกครั้ง

    ชายหนุ่มผู้ปวดคอจากการนั่งหลับเอนศีรษะพิงหัวเตียงเพื่อเป็นหมอนให้ผีนอน ได้แต่พยายามเอามือนวดคอตัวเองแก้เมื่อย ก่อนจะยื่นจดหมายให้ผีตนนั้นอ่านโดยง่าย

    “ถึงนายวู๊ด ไคเลอร์ ไคเลอร์ วู๊ด” ทีโอดอร์อ่านกลับไปกลับมา

    “สวัสดีเพื่อนยาก เราเพิ่งเจอกันเมื่อสองสัปดาห์ก่อนที่ร้านหนังสือของกัน ทั้งแปลกใจทั้งยินดีที่เห็นแกหยิบจับหนังสือ ขอบใจที่ช่วยหาคนมาช่วยดูแลร้านให้ กันอาจจะมีเวลาน้อยแต่แกยังจำนัดของเราได้ใช่ไหม กันส่งจดหมายฉบับนี้มาเตือนเท่านั้น หวังว่าจะได้เจอ วิลลิซี่ เพื่อนรักของแก” ผีผ้าคลุมอ่านอย่างชัดถ้อยชัดคำ ไม่รู้ว่าผิดจริงหรือแกล้ง ไคเลอร์หยิบจดหมายมาดูชื่อผู้ส่งอีกครั้ง ก่อนจะอ่าน

    “วิลลิส? คืนนี้หรือ”

    “ใช่ ก็เขาเขียนวันที่วันนี้ ดูสิ”

    “ฉันจำได้น่า”

    วิลลิส เพื่อนเก่าเมื่อครั้งคราวเป็นทหาร เนื่องจากทั้งสองมีความชอบในด้านดนตรีเหมือนกัน ผ่านร้อนผ่านหนาวมาด้วยกันมานานหลายปีก่อนแยกย้ายกันเดินไปตามเส้นทางของใครของมันเมื่อหมดหน้าที่ ในขณะนี้เป็นเจ้าของร้านหนังสือเล็กๆ และทำธุรกิจเกี่ยวกับข่าวหนังสือพิมพ์ในเมือง เมื่อมองหาเวลาว่างของกันและกันได้จึงนัดเจอกันที่ร้านเหล้าเพื่อพูดคุยตามประสา

    "ร้านเหล้าคืออะไรหรือครับ"

    "มันคือที่ที่คนเข้าไปดื่มของมึนเมา พูดคุย เล่นพนัน ฟังบทเพลงดีๆ และมองหาหญิงสาวสักคนไว้ข้างกายสักคืนยังไงล่ะ" ไคเลอร์ลูบน้ำมันเข้ากับมือเพื่อจะใช้มันจัดทรงผมของตนให้เข้าที่เข้าทาง

    “คุณพูดเหมือนผู้หญิงเป็นสิ่งของที่วางอยู่บนชั้นรอให้หยิบมาใช้เลย”

    “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะว่าอย่างงั้น แค่ใครๆ ก็พูดมา ฉันแค่อธิบาย”

    “เหรอครับ” ทีโอดอร์กอดอก “ผมไม่ชอบเลย”

    “งั้นฉันขอโทษนะ”

    “คนที่คุณควรขอโทษไม่ใช่ผมเสียหน่อย”

    ไคเลอร์ขมวดคิ้ว "และไม่ใช่ที่ที่เด็กอย่างเธอจะได้รับอนุญาตให้เข้าไป เขารับแต่ผู้ใหญ่เท่านั้น"

    "ไม่ยุติธรรมเลยที่ผมจะฟังบทเพลงดีๆ ไม่ได้" ผีผ้าคลุมทำเสียงราวกับไม่พอใจ

    "เราสามารถไปฟังเพลงกันที่โรงละครได้นะ ถ้าเธอทำตัวดีๆ "

    "แล้วผมทำตัวไม่ดีตอนไหน"

    "ไก่งวงในครัวหายไป ฉันต้องทำกับข้าวใหม่ให้ตัวเอง ก็คงต้องให้เธอพิจารณาเอาเองแล้วกัน"

    คุณจะไม่กลับมาหรือ

    ทีโอดอร์โกยผ้าที่คลอเคลียขาขึ้นมาระดับเข่า กันไม่ให้ผ้าผืนบางปัดไปโดนอุปกรณ์ทำงานของไคเลอร์เข้า เพียงเพราะไม่อยากถูกดุ  คราวก่อนที่ชายหนุ่มเข้าเมือง เขาซื้อผ้าคลุมโต๊ะลายตารางสีแดงสลับเขียวกลับมาด้วย ตอนนี้มันอยู่บนตัวทีโอดอร์

    เด็กคนนี้แทบจะกลายเป็นต้นคริสต์มาสแคระถ้าพระเจ้าโปรดจะมอบดวงดาวให้เขาสักดวง

    ไคเลอร์จ้องผ่านรูโบ๋บนเนื้อผ้าเข้าไปสบตาผีด้วยความตระหนก

    ผีผู้คลุกคลีกับความตายทักแบบนี้จะให้ยิ้มหน้าระรื่นหรือยังไง

    “ทำไมถึงถามอย่างนั้น”

    “ก็ดูอย่างเด็กชายผ้าคลุมแดงที่เข้าไปในบ้านพ่อมดสิ ไม่เห็นได้กลับบ้านดีๆ เลย” ทีโอดอร์หมายถึงนิทานกล่อมนอนของนักเขียนที่มีชื่อว่าวานิล ผู้มีชื่อประหลาดไร้ความหมาย เกี่ยวกับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ทำสัญญากับพ่อมดเพื่อแลกกับบางสิ่ง จากโครงเรื่องก็รู้กันแล้วว่าเป็นสัญญาปีศาจชัดๆ

    “เหอะ เธอมีแค่เล่มหนึ่งจะไปรู้อะไร” ไคเลอร์เอ็ด “ยายคนเขียนนั่นเขียนจบหรือยังก็ไม่รู้”

    “มันเป็นเรื่องของอนาคตนะ”

    “อนาคตที่ว่ามีอยู่จริงไหม”

    “ฮึ” ทีโอดอร์ทำเสียงขึ้นจมูก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากพูดคำใดๆ ออกมา เขาเองก็ไม่มั่นใจในตัวนักเขียนคนนี้เหมือนกัน

    “ยังไงซะ ฉันจะค้างนอกบ้านคืนนึง เธออยู่ไหวใช่ไหม”

    ชายหนุ่มจ้องฟั่นเฟืองเล็กๆ ในมือขณะพยายามนำมันไปต่อกับชิ้นส่วนอื่นๆ โดยไม่ได้รับรู้ถึงอาการนิ่งเงียบผิดแปลกของผีที่ยืนอยู่ข้างกันเลย

    “แน่อยู่แล้ว”

    เสียงแผ่วเบาตอบกลับมาในที่สุด ก่อนที่ร่างของผีเด็กหนุ่มจะเดินออกประตูบ้านไปยังสวนดอกไม้ที่รกไปด้วยหญ้าคา ไร้การดูแลมาตั้งแต่ที่ไคเลอร์มาถึงบ้านหลังนี้ ใช้ผ้าคลุมที่นอนรองพื้นไม่ให้หญ้ามาระคายผิวก่อนจะนั่งครุ่นคิด ท่องบัญญัติผีห้าร้อยประการคล้ายจะร้องเพลง

     

    เขาไม่ได้ดื่มมานาน ไคเลอร์ไม่ชอบร้านเหล้ากับเพลงแจ๊สหวานหยดอย่างนี้ ไม่ชอบเอาเสียเลย เขาเข้าใจภาษาอังกฤษดี แต่กลับไม่เข้าใจถึงความหมายของรักในบทเพลง

    อย่างว่า ถ้ารักมันง่าย

    ไคเลอร์ทำท่าราวกับกำลังจะสำรอกของเก่าที่เพิ่งกินไปเมื่อเย็นออกมา

    “ทำอะไรอยู่ สหายเก่า” เสียงทักดังแหวกกับดนตรี ชายหนุ่มรีบเงยหน้ามอง สายตาเรียบนิ่งเย็นชาจับจ้องมองมาที่เขา ไร้ประกายราวกับท้องฟ้าไร้ดาว

    “วิลลิส”

    “เป็นไง”

    วิลลิสใช้คำรวบรัดขณะหย่อนก้นลงนั่งข้างกัน สะบัดผมสีส้มไปด้านหลัง สหายของเขาเป็นคนร่างผอมสูง ท่าทีสำอางละม้ายคล้ายเจ้าชายผู้สูงศักดิ์จนไคเลอร์ต้องนึกทบทวนดูอีกครั้งว่าพวกเขาไปพบเจอกันได้ยังไง

    “กันเพิ่งซื้อบ้านให้ตัวเองได้เมื่อไม่นานนี้เอง ของถูกขนย้ายจากบ้านเก่าใกล้จะหมดแล้ว”

    “น่ายินดี” น้ำเสียงของวิลลิสไม่ยินดียินร้ายอย่างที่พูด “แต่แปลกใจที่เรามาเจอกันเร็วขนาดนี้”

    “นี่ก็ผ่านมาเจ็ดปีแล้ว จะเร็วได้ยังไง” ไคเลอร์หัวเราะก่อนที่เสียงจะเบาลง “แกเถอะเป็นยังไงบ้าง”

    “กิจการช่วงนี้กำลังไปได้สวย ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางหมดแล้ว แต่ดูท่าเศรษฐกิจปีหน้าคงไม่ค่อยจะดีนัก ไอสงครามปะทุอยู่ในอากาศจนทำให้ขนลุกซู่ไปหมด”

    “อา งั้นหรือ” ไคเลอร์ที่ไม่ค่อยได้ติดต่อกับโลกภายนอกบ่อยนักได้เพียงเลิกคิ้วก่อนจะเลี่ยงด้วยการคุยเรื่องอื่น

    "อีกสักสองสามอาทิตย์ไฟฟ้าคงจะได้ไปถึงบ้านกันบ้างแล้ว"

    "นี่แกจุดเทียนใช้หรือยังไง? "

    "อย่างที่พูดนั่นแหละ" ไคเลอร์ยกวิสกี้ขึ้นจรดริมฝีปากอีกครั้ง นึกถึงเรื่องที่อยากจะเล่าในวันนี้ก่อนจะเรียบเรียงมันไว้ในหัว กล่อมเกลี่ยด้วยคำถามอื่น "แต่งเมียบ้างหรือยัง”

    วิลลิสนิ่งเงียบจนน่าใจหาย ชั่วอึดใจเขาคิดว่าสหายเก่าคงจะไม่พูด แต่สุดท้ายก็เอ่ยปาก “เมียกันเพิ่งจะหนีตามชายชู้ไปเมื่อสามอาทิตย์ก่อน”

    ชายหนุ่มกำแก้วเหล้าเอาไว้ในมือ “กันกำลังตามหาตัวมันอยู่ ไอ้ชาติชั่วกับผู้หญิงเลว ระยำไม่แพ้กันนัก กันจะไม่ยอมไปผุดไปเกิดจนกว่าจะได้รู้ว่ามันเป็นใคร”

    หยิบแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มแทนการต้องพูดต่อ เท่านั้นก็เหมือนว่าสหายเก่าของเขาจะเข้าใจได้อย่างดีและปล่อยให้ความเงียบเยียวยาความโกรธแค้นของวิลลิส

    “หน้าตาแกก็ดี สาวสวยในเมืองมีเป็นร้อยพัน ไม่มีเลยสักคนหรือ” วิลลิสถามกลับบ้างหลังจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้แล้ว

    “มันช่วยไม่ได้นี่ กันอยากมีใครสักที่ไหน”

    “ยังลืมคริสติน่าไม่ได้หรือ”

    “เปล่า”

    “สนุกกับชีวิตบ้างเถอะไอ้เสือ หญิงโต๊ะนั้นก็มองแกอยู่” วิลลิสสะบัดนิ้วผอมๆ ของตัวเองไปทางอีกฝั่งของร้าน ไคเลอร์หันไปมองตาม หญิงสาวแต่งเครื่องประเทิดโฉมอย่างหนักกำลังมองจ้องมาทางเขาจริงๆ พร้อมรอยยิ้มพราวเสน่ห์ ไคเลอร์สะบัดหน้าหนี

    “ให้กันแต่งกับหญิงนางโลมหรือยังไงเพื่อนเอ๋ย”

    “แกก็รู้กันหมายความว่ายังไง ไม่ใช่หรือ”

    “ไว้ก่อนเถอะ” ชายหนุ่มปล่อยให้รสชาติน้ำเมาคลุ้งในปาก ผ้าม่านสีขาวสะบัดพลิ้วเมื่อลมพัดผ่าน คิ้วเข้มขมวดเป็นปมเมื่อมันทำให้นึกถึงใครบางคน ไคเลอร์ถอนหายใจยาว ก่อนจะหลุดปากพูดเรื่องในใจออกมา

    “วิล แกเคยโดนผีตามรังควานไหม”

     

    ไคเลอร์เดินเท้าเปลือยเปล่าทะลุผ่านเส้นทางเล็กๆ ในป่า มุ่งหน้ากลับบ้าน มีเสียงร้องโหยหวนของป่าเป็นเพื่อนร่วมทาง

    ชายหนุ่มเมาหัวราน้ำ หลังจากถูกเพื่อนเก่าหัวเราะเยาะใส่ให้งามหน้าหลังพูดเรื่องผีซึ่งเข้ามาอาศัยในบ้านหลังเดียวกันกับเขา (ซึ่งในที่นี้หมายถึงทีโอดอร์ แน่ละว่าไม่มีผีตนอื่นอีก) ขึ้นมา

    ‘แกล้อกันเล่นแน่ๆ ไม่เคยคิดว่าจะได้ยินอะไรตลกเท่านี้มาก่อน’ แล้วก็หัวเราะ เสียงแห่งความหฤหรรษ์ถูกส่งต่อกันเป็นผลพวง เมื่อรู้สาเหตุต่างก็หันมาจ้องไคเลอร์เป็นตาเดียวและระเบิดเสียงหัวเราะดังสนั่น

    ‘ผีตามรังควานหรือกำลังเลี้ยงผีอยู่กันแน่’

    นั่นแหละเสียงจากใครสักคนในร้าน

    ไคเลอร์ละจากโต๊ะด้วยใบหน้าฉายความสับสนและบูดบึ้งไปพร้อมกัน ถอยห่างจากสถานที่แห่งนั้น ไปยังอีกร้าน ดื่มจนเมามาย นัวเนียกับผู้หญิงในตรอกอย่างไร้อารมณ์ก่อนจะเดินหนีออกมาเอง ปล่อยให้สาวเจ้าโวยวายตามหลังแต่ชายหนุ่มไม่ใส่ใจนัก เขาลากขากลับมาถึงบ้านได้สำเร็จ

    ดวงจันทร์สีเงินส่องสว่างนำทางให้จนกระทั่งมองเห็นรั้วบ้านสีขาว ด้วยความเหน็ดเหนื่อย ไคเลอร์เดินไปนั่งใต้ต้นโอ๊คต้นใหญ่บริเวณรั้วบ้านในสภาพราวกับคลาน งีบหลับไปกลางเสียงกล่อมจากธรรมชาติ

    กิ่งใบเสียดสีเป็นทำนองเมื่อลมพัดผ่าน สัมผัสนุ่มคลอเคลียอยู่ที่แขนทำเอาชายหนุ่มสะดุ้งจากนิทรา กระต่ายขนสีขาวนวลที่แอบเข้ามาสำรวจมนุษย์รูปงามกระโดดหนีออกมาในระยะปลอดภัย จมูกมันสั่นระริกจนน่าขัน ไคเลอร์สะบัดมือไล่มันไปทีนึง

    ในตอนนั้นเองที่เขาได้ยินมัน

    เสียงฮัมเพลงดั่งบทสวดภาวนาคลอกับเสียงเสียดสีของหญ้าคาต้องลม ไคเลอร์ขยี้ตา เขาไม่รู้ว่าอยู่ตรงนี้มานานแค่ไหน ทั้งลำตัวเย็นเฉียบเพราะลมต้นฤดูหนาว แต่เขาไม่ได้ใส่ใจ เขาสนเสียงฮัมเพลงใกล้กับลำธารนั่นต่างหาก

    "Stella by starlight งั้นหรือ" ไคเลอร์พึมพำบทเพลงนั้นกับตัวเอง คลอไปกับเสียงนุ่มหวานในสายลม

    เงาร่างหนึ่งอยู่กลางสายน้ำ ชายหนุ่มเริ่มขยับตัว คืบคลานเข้าไปใกล้มันอย่างช้าๆ หัวใจเต้นโครมคราม สิ่งที่เห็นเป็นเด็กชายคนหนึ่ง ร่างนั้นตวัดน้ำเย็นขึ้นลูบแขนอย่างใจเย็น ผิวสีน้ำนมสะท้อนกับแสงจันทร์สีเงิน หยดน้ำเกาะพราวบนเรือนร่างไม่ต่างจากภูติพราย เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนตัดสั้นสะบัดไปด้านหลัง

     

    ร่างขาวทำท่าจะเดินขึ้นจากน้ำ ไคเลอร์กวาดสายตาไปโดยรอบ พลันหางตาก็ได้สะดุดกับชายผ้าขาวหลังต้นไม้ต้นหนึ่งตรงข้ามลำธารสายนี้ มันยืนนิ่ง ชายผ้ายังสะบัดเอื่อยๆ กับลม อย่างที่เรียกให้ติดปากว่าผีผ้าคลุม

    เหมือนกับทีโอดอร์ แต่กลับไม่ใช่ ไม่ใช่อย่างแน่นอน

    เจ้าผีตนนี้ จากสายตาคิมไคเลอร์มันสูงกว่าผีน้อยของเขามากทีเดียว คล้ายกับผู้ใหญ่ตัวเต็มไว

    ผีของเขางั้นหรือ ไคเลอร์พิจารณาความคิดนั้นก่อนที่จะสะบัดไล่มันไป

    ไคเลอร์รู้สึกได้ถึงการคุกคามจากมัน ต่างจากผีผ้าคลุมอย่างทีโอดอร์โดยสิ้นเชิง ร่างเปลือยเดินไปหามันทั้งที่ยังล่อนจ้อนอยู่อย่างนั้น ทั้งสองยืนพูดกันอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเดินไปที่ตอไม้ หันหน้าเข้าหากันโดยมีตอไม้คั่นกลาง และด้วยแสงสว่างของดวงจันทร์ ทำให้ไคเลอร์เห็นบางสิ่ง

    "แบะ.."

    มันคือแพะ

    สิ่งมีชีวิตที่ถูกผูกติดอยู่กับตอไม้นั้นเริ่มดิ้นขลุกขลัก เด็กชายลูบไล้มันอย่างเบามือ ในขณะที่ร่างที่ถูกคลุมทับด้วยผ้าขาวนั้นหยิบวัตถุแวววาวกระชับแน่นในมือ

    ไคเลอร์ไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดคุยอะไรบ้าง เด็กชายกอดคอแพะดำราวกับจะปกป้อง ส่ายหน้าปฎิเสธ ร่างในผ้าคลุมหันปลายมีดไปที่ร่างเปลือยแทน เด็กชายนิ่งเงียบ ผีตนนั้นจึงได้จ่อมีดมาที่คอของตัวเอง ร่างขาวจึงได้ยอมปล่อยแพะให้เป็นอิสระจากอ้อมแขน

    ผีผ้าคลุมตนนั้นไม่รีรออีกต่อไป

    เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังทะลุเข้ามาในโซนประสาท ขณะที่ร่างในผ้าคลุมฮัมเพลงคลอกิจเปื้อนเลือดราวกับกำลังทำอาหารไม่ใช่ฆ่า นัยน์ตาไคเลอร์เบิกกว้างกับภาพที่ได้เห็น

    ผีผ้าคลุมเชือดคอแพะตัวนั้นอย่างเชื่องช้าแม้มันจะไม่ได้อยู่นิ่ง แต่แขนอันทรงพลังก็ไม่ยอมปล่อยมันไปง่ายๆ ความทรมานลุกลามไปทั่วร่างสี่ขาก่อนที่หลอดลมจะขาด

    เด็กชายตัวสั่น ได้ยินเสียงสะอื้นไห้ดังลอยมาในอากาศ ผีผ้าคลุมชี้มีดไปที่ชามใบหนึ่งบนพื้นหญ้า เขาปาดน้ำตาก่อนจะหยิบชามกระเบื้องไปรองรับเลือดข้นๆ มันท่วมทะลักชามไปหมดตอนที่แพะสิ้นใจตายไปตรงนั้น

    ร่างในผ้าคลุมกลับมานั่งจ้องอีกฝ่ายนิ่งๆ ผ้าเปื้อนสีแดงเป็นรอยด่าง เด็กชายสั่นสะท้าน ชั่วอึดใจนึง เขาก็ยกชามขึ้นจรดริมฝีปาก

    ดื่มเลือดแพะตัวนั้นทั้งหมด

    ไคเลอร์เหยเกมองภาพตรงหน้าด้วยความสยดสยอง ร่างเปลือยเปล่าอาบเลือดที่หกเลอะเทอะไปเสียหมด

    ปลายคมมีดห่างจากลำคอเด็กชายเพียงแค่คืบ ผีตนนั้นขยับมันจากลำคอผ่านลูกกระเดือกมาถึงไหปลาร้า เด็กชายนั่งกำมือขณะที่มีดสัมผัสกับเนื้อหนังเป็นร่องรอยกากบาทกลางอกซ้าย

    "ฮ..อึก!! "เด็กชายกลั้นเสียงร้องกระทั่งความทรมานจบลง

    อย่างกับโดนผีหลอก

    ไคเลอร์นิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น เฝ้ามองผีใต้ผ้าคลุมเดินจากไปพร้อมกับที่เด็กชายชำระกายที่ลำธารอีกครั้งด้วยความหม่นหมอง ลากตัวเองขึ้นฝั่ง ชายหนุ่มเพิ่งสังเกตเห็นว่ามีผ้าลายตารางเขียวสลับแดงวางรออยู่ไม่ไกลนัก เด็กชายคนนั้นรอจนตัวแห้ง ควักน้ำขึ้นล้างปากอยู่หลายครั้ง ก่อนจะหยิบผ้าคลุมมาคลุมทั้งตัวและใบหน้า กลายเป็นผีตนเดิมเดินกลับไปในบ้านแสนรักของไคเลอร์

    ท่าทางการเดินไม่ต่างจากทีโอดอร์เลยสักนิด

    ชายหนุ่มนิ่งเงียบอยู่อย่างนั้นก่อนจะกลับเข้าบ้านหลังจากเวลาผ่านยามที่สองด้วยสภาพอิดโรยและหนาวเหน็บ ขนลุกซู่ ทวีความสับสน ไม่เข้าใจกับสิ่งที่ได้เห็นมากเพิ่มขึ้นไปอีก เขาก้าวเท้าไวๆ เมื่อได้ยินเสียงกล่องดนตรีจากโซฟาในห้องนั่งเล่น

    เขาไม่กล้าที่จะหันไปมอง และเมื่อถึงหน้าต่างห้องนอน เพดานสีขาวราวกับจะเป็นจอฉายภาพขาวดำที่เคยเห็นเมื่อชั่วโมงก่อนให้ฉายชัด

    "เมาจนเลอะเลือนหรือยังไงกันนะเรา" ไคเลอร์หัวเราะให้ตัวเองทั้งที่ใจไม่ได้อภิรมย์ขณะทิ้งตัวลงนอน เหงื่อไหลท่วมกายก่อนจะผล็อยหลับไปอีกครั้ง

     

    ฝันของเขาคืนนั้น มีภาพเด็กชายผมสีน้ำตาลอ่อน และผีผ้าคลุมกลุ่มใหญ่ที่รายล้อมตลอดทั้งคืน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×