คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : 04 : Alphabet Boy
“หนังสือมือสองคุณภาพชั้นเยี่ยมครับท่านสุภาพบุรุษ!” เด็กหนุ่มผมสีอ่อนร่างผอมกระร่องตะโกนพร้อมกับโบกหนังสือที่มีในมือด้วยท่าทีแข็งขัน ดวงตาเรียวเล็กสอดส่ายไปทั่ว มองหาบุคคลที่น่าจะมีเงินสักแดงมาจ่ายให้เขาในวันนี้
เบนจามินพ่นลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับการรอคอยที่ไร้หวัง ก้มลงปัดเสื้อโค้ตสีน้ำตาลตุ่นๆ เขรอะฝุ่นของตัวเองและพยายามยืนให้ตรงเมื่อมีสุภาพสตรีเดินผ่าน เขายังมีรูปร่างไม่โตสมชายนัก แถมในวัยเดียวกันก็ค่อนข้างผอมและตัวเล็กอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากพยายามให้ตัวเองดูดีที่สุด
เขาตะโกนจนเสียงแหบแต่ก็ยังขายไม่ได้เลยสักเล่ม กระนั้นไม่ว่าจะเหนื่อยยากแสนลำบากเพียงใด เขาต้องได้สักเหรียญกลับบ้าน การคิดว่าจะต้องโดนทารุณก่อนมื้ออาหารจากพี่ชายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากทำ
เบนจามินลูบรอยช้ำในร่มผ้าบริเวณไหล่ มันเกิดจากการที่เขาพยายามล้วงกระเป๋าชายคนหนึ่งแล้วพลาด เขาหนีจากการถูกจับกุมได้ แต่เขาหนีจากบ้านไม่ได้ คอนเนอร์ตีเขาด้วยท่อนเหล็กที่คว้ามาได้ทันทีที่ไม่เห็นเงินสักแดงเดียวตอนที่เขากลับบ้าน
เขาสัญญากับตัวเองหน้ากระจกทุกวัน ว่าจะไม่มีอะไรแย่ไปมากกว่านี้อีก
ขอเถอะ วันนี้อย่าให้ฉันต้องขโมยใครเขาเลย
ณ ตอนนี้ตะวันแอบอยู่หลังม่านเมฆ ครึ้มราวกับส่งสัญญาณบอกว่าฝนใกล้จะตก แม้จะมาผิดฤดูแต่มันก็เตรียมพร้อมไล่เด็กหนุ่มและผู้คนในบริเวณโดยรอบให้กลับบ้านโดยไว ก่อนที่เบนจามินจะหมดหวังไปมากกว่านี้ สุภาพบุรุษผิวสีน้ำผึ้งในชุดสูทดูดีกำลังจับหนังสือของเขาพลิกอ่านดูเงียบๆ อยู่ตรงหน้า
มาตั้งแต่เมื่อไหร่!?
“สวัสดีครับท่าน สนใจเล่มนี้หรือครับ” ดวงตาของเบนจามินเป็นประกาย ไคเลอร์เหลือบมองสักพักก่อนจะพลิกดูสภาพหนังสือในมือ เด็กหนุ่มรีบพูดจ้อไม่รอให้เสียโอกาส “ถือว่ายังใหม่อยู่เลยนะครับ นิทานที่รวบรวมโดยสองพี่น้องกริมม์ที่กำลังโด่งดัง เป็นฉบับหายากทีเดียว แต่ผมจะขายให้ท่านได้ในราคาพิเศษ รับรองว่าคุ้มค่าเกินจำนวนเงินที่จ่ายจริงๆ ครับ”
เบนจามินพูดอย่างกระตือรือร้น ให้ดูมีการศึกษา สมองประมวลความคิดด้วยไหวพริบอย่างรวดเร็ว
เขายื่นข้อเสนอให้ชายตรงหน้าสองทางในหัว
หนึ่ง ซื้อหนังสือเขาไป
สอง ให้ขโมยเงินในกระเป๋าเงียบๆ
เหงื่อผุดที่ขมับด้วยความกังวลแต่เขาก็ยังยิ้มให้ร่างสูง ขณะสอดสายตามองไปทั่วร่าง มองหาตำแหน่งที่ซ่อนของเงิน ชายคนนี้รูปร่างเข้ากันได้ดีกับสูทดำเลยทีเดียว หากเดินท่ามกลางผู้คนก็คงจะเป็นจุดเด่นได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับผิวสีน้ำผึ้งท่ามกลางกลุ่มคนขาว น่าแปลกที่เขาไม่สะดุดตาตั้งแต่แรก
แถมในอ้อมแขนก็มีหนังสือเล่มบางๆ อยู่แล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังแวะมาดูหนังสือจากแผงลอยของเขาอีก
“ถ้าเธอจะจ้องฉันทั้งตัวขนาดนั้น..”
เบนจามินขนลุกวาบกับสายตาที่ถูกจ้องกลับมา
ดำสนิท ไร้ประกาย
มันทำให้เขานึกถึงความตาย
“ค..ครับท่า—”
“ขอดูเล่มอื่นหน่อย ภาษาอ่านง่ายกว่านี้”
เบนจามินยื่นหนังสือที่มีในครอบครองอีกเล่มให้โดยดี ไคเลอร์พิจารณามันทั้งสองเล่ม นึกถึงผีที่น่าจะเล่นซนอยู่ในบ้าน
เมื่อสองสามวันก่อนนี้เอง ขณะที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อติดตามข่าวสาร นั่นเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับแรกที่เขาเปิดอ่านเมื่อมาถึงบ้านแสนสุขซึ่งแถมผีให้เขาหนึ่งตน เสียงฝีเท้าเดินย่องมาจากด้านหลังโซฟาและหยุด เขาอ่านต่อโดยไม่ติดใจอะไร เมินเฉยกับการผลุบๆ โผล่ๆ ของผีตนนี้ไป
“นะ..นัก..ทอ..โอ..ดอ..นักโทษ..จอ..อา....จาก อ๊ะ! ไม่ๆ จำสิ นักโทษจำคุกสิบสี่หนึ่งร้อยปี” เสียงพึมพำดังอยู่ข้างหูทำเอาไคเลอร์นิ่งอึ้ง จากความพยายามแม้จะสะกดผิดจนมั่วนั่นอีก
“เธอ..”
ชายหนุ่มเรียก ทีโอดอร์กระโดดถอยหลังพลันนำสองมือขึ้นมาปิดปากราวกับกระต่ายตื่นตูม
“อ่านออกด้วยหรือ?”
“ผมเคยเรียนกับบาทหลวงที่โบสถ์ แต่ตอนนี้ไม่ถูกกัน เลยไม่แตะหนังสืออีก” ทีโอดอร์พูดเสียงอู้อี้ และต้องโดนไคเลอร์ดุให้เอามือออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมฟังอยู่ดี
“อ้อ แล้วเธอเขียนได้หรือเปล่า”
“เอ่อ ก็ได้ละมัง” ทีโอดอร์เอามือออกจากใต้ผ้าคลุมมาวาดระบำบนอากาศเป็นอักษร “อย่างคำว่า มอ-แอ-ดอ แมว”
ไคเลอร์ส่ายหน้า “ฉันอยากรู้จริงๆ มีอะไรน่าปวดหัวน้อยกว่าเธออีกไหม”
“การทำพายฟักทองไง”
“นั่นน่าปวดหัวกว่าอีก”
“งั้นผมก็ดีกว่าพายฟักทอง”
“แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุด รู้ใช่ไหม”
“ฮึ”
“มานี่มา”
ไคเลอร์ยกมือขึ้นนวดขมับ แทบคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับผีตนนี้ดี เขาเว้นที่ว่างไว้ให้ ทีโอดอร์เดินอ้อมโซฟา ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งบนตักไคเลอร์แทน
“จะนั่งนี่”
ชายหนุ่มคิดจะเถียงแต่สมองดันว่างเปล่า กลิ่นหอมเย็นๆ ลอยมาแตะจมูก ประกายในดวงตาของเขาวูบไหว “กลิ่นอะไรน่ะ หอมจัง”
“ดอกไม้กระมัง วันนี้ผมไปข้างนอกมา” ทีโอดอร์พลิกหน้ากระดาษบางๆ มองดูรูปถ่ายขาวดำทีละรูป “แต่ผมไม่จำเป็นต้องดีที่สุดหรอกใช่ไหม”
“สำหรับการรักใครสักคนก็เป็นแบบนั้น” ไคเลอร์ยังคงติดใจกลิ่นหอมเย็นในอากาศที่ลอยมาจากตัวผีบนตัก มันดูคล้ายน้ำหอมราคาแพงเวลาเดินผ่านสตรีหรือบุรุษผู้ร่ำรวย ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เด็กคนนี้เป็นแค่ผีจรจัดไม่ใช่ดอกหรือ “เขาก็คงรักไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง”
ไคเลอร์ทำจมูกฟุดฟิดราวกับสุนัขก่อนจะควบคุมสติได้ตอนที่ทีโอดอร์พยายามอ่านเอง ก้มมองตัวหนังสือเล็กๆ บนคอลัมน์ข้ามไหล่เด็กหนุ่มไป ชี้ไปทีละตัวแล้วอ่านออกเสียงให้ผีผ้าคลุมฟังอย่างช้าๆ
ยามเมื่อตะวันทอแสงอ่อนยามเช้า ไคเลอร์ลุกจากเตียงก่อนผีที่เปรียบเสมือนนาฬิกาปลุกของเขาจะตื่นจากนิทรารมณ์ ไม่รู้ว่าเพราะวิ่งเล่นมาจนเหนื่อยหรืออ่อนล้าจากการอ่าน
แต่มันทำให้เช้านี้ของไคเลอร์..สงบสุข
ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเบิกบาน รับยามเช้าไร้เสียงก่อกวน แม้กระทั่งเมื่อคืนทีโอดอร์ก็เงียบและจดจ่อกับตัวหนังสือเล็กๆ นั่นมากกว่าจะมายุ่งวุ่นวายในขณะที่หันกลับไปทำงานต่อ
หากเป็นอย่างนี้ การจะอยู่บ้านเดียวกับผีได้อย่างสงบสุขก็มีเพียงแค่หนทางเดียว
ไคเลอร์แต่งตัวออกจากบ้าน คว้าสูทดำตัวเก่ง ย่ำรองเท้าหนังกับยอดหญ้าเขียวขจีที่สนามหน้าบ้านไปยังเนินเขา ตรงดิ่งไปที่ถนนสายเล็กๆ เพื่อเดินเข้าเมือง
ไปยังร้านหนังสือ
“เล่มนี้เป็นงานของคริสเตียน แอนเดอร์สันครับท่าน นิทานเงือกน้อยผู้โด่งดังเขาผู้นี้เป็นคนแต่ง รวมทั้งหนูน้อยไม้ขีดไฟ และก็—”
ไคเลอร์ยังมองเขม็งมาไม่หยุด นั่นยิ่งทำให้เบนจามินทำตัวไม่ถูก ทำเสียงในลำคอหายไปเฉยๆ เขากระแอม “ขอโทษครับถ้าผมพูดอะไรมากไปจนรบกวนท่าน”
“ดูท่าเธอน่าจะมีความรู้เกี่ยวกับหนังสือเยอะเชียวนะ” ไคเลอร์ตั้งข้อสังเกต
“แน่นอนครับท่าน การจะค้าขายสิ่งใดต้องมีความรู้เกี่ยวกับมันให้มาก ถือเป็นจารยาบรรณของทุกอาชีพครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยแววตามุ่งมั่นและเป็นทางการ เขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ นั่นยิ่งทำให้ไคเลอร์ถูกใจ
“หึ” ชายหนุ่มปิดหนังสือที่กางเอาไว้ “เธอชื่ออะไร”
“เบนจามินครับ”
“เอาสองเล่มนี้”
หลังตกลงราคากันเสร็จสรรพ ร่างสูงหยิบเงินจำนวนหนึ่งจากในกระเป๋าเสื้อส่งให้พร้อมแผ่นกระดาษ เบนจามินรับมาอย่างแปลกใจ มันคือใบประกาศรับสมัครงานของร้านหนังสือแห่งหนึ่ง
“สิ่งนี้คือ..”
“เพื่อนของฉันกำลังขาดผู้ช่วย ถ้าเผื่อเธอสนใจก็ลองไปที่นั่นดูก็แล้วกัน” ไคเลอร์ยิ้ม ลูบผมที่ยุ่งเหยิงเหมือนลูกหมาให้เรียบ ชายหนุ่มถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างประหลาด หากได้สนับสนุนคงมีอนาคตดีๆ “ตัดผมเผ้ามาให้เรียบร้อยเสียก่อนล่ะ”
“คุณก็ทำงานที่นั่นหรือครับ”
“เปล่า ฉันเป็นช่างทำกล่องดนตรี”
เบนจามินกะพริบตาปริบๆ อ้าปากค้างด้วยความตะลึง จ้องแผ่นกระดาษในมือ
หากนี่ไม่ใช่ความฝันก็เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะเป็นอิสระเสียที
ไคเลอร์เดินจากมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าก่อนจะก้าวเท้าสลับกันไวๆ เพื่อกลับไปให้ถึงบ้านก่อนค่ำ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกสายตาจากรูโหว่เล็กๆ บนผืนผ้าจับตามองจากตึกสูงจนแผ่นหลังกว้างหายลับตาไปกับฝูงชน
ความคิดเห็น