ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KNOCK KNOCK! เป็นผีห้ามเคาะประตู

    ลำดับตอนที่ #4 : 04 : Alphabet Boy

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 64



     


     


    “หนังสือมือสองคุณภาพชั้นเยี่ยมครับท่านสุภาพบุรุษ!” เด็กหนุ่มผมสีอ่อนร่างผอมกระร่องตะโกนพร้อมกับโบกหนังสือที่มีในมือด้วยท่าทีแข็งขัน ดวงตาเรียวเล็กสอดส่ายไปทั่ว มองหาบุคคลที่น่าจะมีเงินสักแดงมาจ่ายให้เขาในวันนี้

    เบนจามินพ่นลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายกับการรอคอยที่ไร้หวัง ก้มลงปัดเสื้อโค้ตสีน้ำตาลตุ่นๆ เขรอะฝุ่นของตัวเองและพยายามยืนให้ตรงเมื่อมีสุภาพสตรีเดินผ่าน เขายังมีรูปร่างไม่โตสมชายนัก แถมในวัยเดียวกันก็ค่อนข้างผอมและตัวเล็กอยู่บ้าง แต่ถึงอย่างนั้นก็อยากพยายามให้ตัวเองดูดีที่สุด

    เขาตะโกนจนเสียงแหบแต่ก็ยังขายไม่ได้เลยสักเล่ม กระนั้นไม่ว่าจะเหนื่อยยากแสนลำบากเพียงใด เขาต้องได้สักเหรียญกลับบ้าน การคิดว่าจะต้องโดนทารุณก่อนมื้ออาหารจากพี่ชายเป็นสิ่งสุดท้ายที่เขาอยากทำ

    เบนจามินลูบรอยช้ำในร่มผ้าบริเวณไหล่ มันเกิดจากการที่เขาพยายามล้วงกระเป๋าชายคนหนึ่งแล้วพลาด เขาหนีจากการถูกจับกุมได้ แต่เขาหนีจากบ้านไม่ได้ คอนเนอร์ตีเขาด้วยท่อนเหล็กที่คว้ามาได้ทันทีที่ไม่เห็นเงินสักแดงเดียวตอนที่เขากลับบ้าน

    เขาสัญญากับตัวเองหน้ากระจกทุกวัน ว่าจะไม่มีอะไรแย่ไปมากกว่านี้อีก

    ขอเถอะ วันนี้อย่าให้ฉันต้องขโมยใครเขาเลย

    ณ ตอนนี้ตะวันแอบอยู่หลังม่านเมฆ ครึ้มราวกับส่งสัญญาณบอกว่าฝนใกล้จะตก แม้จะมาผิดฤดูแต่มันก็เตรียมพร้อมไล่เด็กหนุ่มและผู้คนในบริเวณโดยรอบให้กลับบ้านโดยไว ก่อนที่เบนจามินจะหมดหวังไปมากกว่านี้ สุภาพบุรุษผิวสีน้ำผึ้งในชุดสูทดูดีกำลังจับหนังสือของเขาพลิกอ่านดูเงียบๆ อยู่ตรงหน้า

    มาตั้งแต่เมื่อไหร่!?

    “สวัสดีครับท่าน สนใจเล่มนี้หรือครับ” ดวงตาของเบนจามินเป็นประกาย ไคเลอร์เหลือบมองสักพักก่อนจะพลิกดูสภาพหนังสือในมือ เด็กหนุ่มรีบพูดจ้อไม่รอให้เสียโอกาส “ถือว่ายังใหม่อยู่เลยนะครับ นิทานที่รวบรวมโดยสองพี่น้องกริมม์ที่กำลังโด่งดัง เป็นฉบับหายากทีเดียว แต่ผมจะขายให้ท่านได้ในราคาพิเศษ รับรองว่าคุ้มค่าเกินจำนวนเงินที่จ่ายจริงๆ ครับ”

    เบนจามินพูดอย่างกระตือรือร้น ให้ดูมีการศึกษา สมองประมวลความคิดด้วยไหวพริบอย่างรวดเร็ว

    เขายื่นข้อเสนอให้ชายตรงหน้าสองทางในหัว

    หนึ่ง ซื้อหนังสือเขาไป

    สอง ให้ขโมยเงินในกระเป๋าเงียบๆ

    เหงื่อผุดที่ขมับด้วยความกังวลแต่เขาก็ยังยิ้มให้ร่างสูง ขณะสอดสายตามองไปทั่วร่าง มองหาตำแหน่งที่ซ่อนของเงิน ชายคนนี้รูปร่างเข้ากันได้ดีกับสูทดำเลยทีเดียว หากเดินท่ามกลางผู้คนก็คงจะเป็นจุดเด่นได้อย่างง่ายดายเช่นเดียวกับผิวสีน้ำผึ้งท่ามกลางกลุ่มคนขาว น่าแปลกที่เขาไม่สะดุดตาตั้งแต่แรก

    แถมในอ้อมแขนก็มีหนังสือเล่มบางๆ อยู่แล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังแวะมาดูหนังสือจากแผงลอยของเขาอีก

    “ถ้าเธอจะจ้องฉันทั้งตัวขนาดนั้น..”

    เบนจามินขนลุกวาบกับสายตาที่ถูกจ้องกลับมา

    ดำสนิท ไร้ประกาย

    มันทำให้เขานึกถึงความตาย

    “ค..ครับท่า—”

    “ขอดูเล่มอื่นหน่อย ภาษาอ่านง่ายกว่านี้”

    เบนจามินยื่นหนังสือที่มีในครอบครองอีกเล่มให้โดยดี ไคเลอร์พิจารณามันทั้งสองเล่ม นึกถึงผีที่น่าจะเล่นซนอยู่ในบ้าน

     

    เมื่อสองสามวันก่อนนี้เอง ขณะที่เขากำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เพื่อติดตามข่าวสาร นั่นเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับแรกที่เขาเปิดอ่านเมื่อมาถึงบ้านแสนสุขซึ่งแถมผีให้เขาหนึ่งตน เสียงฝีเท้าเดินย่องมาจากด้านหลังโซฟาและหยุด เขาอ่านต่อโดยไม่ติดใจอะไร เมินเฉยกับการผลุบๆ โผล่ๆ ของผีตนนี้ไป

    “นะ..นัก..ทอ..โอ..ดอ..นักโทษ..จอ..อา....จาก อ๊ะ! ไม่ๆ จำสิ นักโทษจำคุกสิบสี่หนึ่งร้อยปี” เสียงพึมพำดังอยู่ข้างหูทำเอาไคเลอร์นิ่งอึ้ง จากความพยายามแม้จะสะกดผิดจนมั่วนั่นอีก

    “เธอ..”

    ชายหนุ่มเรียก ทีโอดอร์กระโดดถอยหลังพลันนำสองมือขึ้นมาปิดปากราวกับกระต่ายตื่นตูม

    “อ่านออกด้วยหรือ?”

    “ผมเคยเรียนกับบาทหลวงที่โบสถ์ แต่ตอนนี้ไม่ถูกกัน เลยไม่แตะหนังสืออีก” ทีโอดอร์พูดเสียงอู้อี้ และต้องโดนไคเลอร์ดุให้เอามือออก แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ยอมฟังอยู่ดี

    “อ้อ แล้วเธอเขียนได้หรือเปล่า”

    “เอ่อ ก็ได้ละมัง” ทีโอดอร์เอามือออกจากใต้ผ้าคลุมมาวาดระบำบนอากาศเป็นอักษร “อย่างคำว่า มอ-แอ-ดอ แมว”

    ไคเลอร์ส่ายหน้า “ฉันอยากรู้จริงๆ มีอะไรน่าปวดหัวน้อยกว่าเธออีกไหม”

    “การทำพายฟักทองไง”

    “นั่นน่าปวดหัวกว่าอีก”

    “งั้นผมก็ดีกว่าพายฟักทอง”

    “แต่ก็ไม่ได้ดีที่สุด รู้ใช่ไหม”

    “ฮึ”

    “มานี่มา”

    ไคเลอร์ยกมือขึ้นนวดขมับ แทบคิดไม่ตกว่าจะทำยังไงกับผีตนนี้ดี เขาเว้นที่ว่างไว้ให้ ทีโอดอร์เดินอ้อมโซฟา ก่อนจะกระแทกตัวลงนั่งบนตักไคเลอร์แทน

    “จะนั่งนี่”

    ชายหนุ่มคิดจะเถียงแต่สมองดันว่างเปล่า กลิ่นหอมเย็นๆ ลอยมาแตะจมูก ประกายในดวงตาของเขาวูบไหว “กลิ่นอะไรน่ะ หอมจัง”

    “ดอกไม้กระมัง วันนี้ผมไปข้างนอกมา” ทีโอดอร์พลิกหน้ากระดาษบางๆ มองดูรูปถ่ายขาวดำทีละรูป “แต่ผมไม่จำเป็นต้องดีที่สุดหรอกใช่ไหม”

    “สำหรับการรักใครสักคนก็เป็นแบบนั้น” ไคเลอร์ยังคงติดใจกลิ่นหอมเย็นในอากาศที่ลอยมาจากตัวผีบนตัก มันดูคล้ายน้ำหอมราคาแพงเวลาเดินผ่านสตรีหรือบุรุษผู้ร่ำรวย ซึ่งไม่น่าเป็นไปได้ เด็กคนนี้เป็นแค่ผีจรจัดไม่ใช่ดอกหรือ “เขาก็คงรักไม่ว่าเธอจะเป็นยังไง”

    ไคเลอร์ทำจมูกฟุดฟิดราวกับสุนัขก่อนจะควบคุมสติได้ตอนที่ทีโอดอร์พยายามอ่านเอง ก้มมองตัวหนังสือเล็กๆ บนคอลัมน์ข้ามไหล่เด็กหนุ่มไป ชี้ไปทีละตัวแล้วอ่านออกเสียงให้ผีผ้าคลุมฟังอย่างช้าๆ

    ยามเมื่อตะวันทอแสงอ่อนยามเช้า ไคเลอร์ลุกจากเตียงก่อนผีที่เปรียบเสมือนนาฬิกาปลุกของเขาจะตื่นจากนิทรารมณ์ ไม่รู้ว่าเพราะวิ่งเล่นมาจนเหนื่อยหรืออ่อนล้าจากการอ่าน

    แต่มันทำให้เช้านี้ของไคเลอร์..สงบสุข

    ชายหนุ่มคลี่ยิ้มเบิกบาน รับยามเช้าไร้เสียงก่อกวน แม้กระทั่งเมื่อคืนทีโอดอร์ก็เงียบและจดจ่อกับตัวหนังสือเล็กๆ นั่นมากกว่าจะมายุ่งวุ่นวายในขณะที่หันกลับไปทำงานต่อ

    หากเป็นอย่างนี้ การจะอยู่บ้านเดียวกับผีได้อย่างสงบสุขก็มีเพียงแค่หนทางเดียว

    ไคเลอร์แต่งตัวออกจากบ้าน คว้าสูทดำตัวเก่ง ย่ำรองเท้าหนังกับยอดหญ้าเขียวขจีที่สนามหน้าบ้านไปยังเนินเขา ตรงดิ่งไปที่ถนนสายเล็กๆ เพื่อเดินเข้าเมือง

    ไปยังร้านหนังสือ

     

    “เล่มนี้เป็นงานของคริสเตียน แอนเดอร์สันครับท่าน นิทานเงือกน้อยผู้โด่งดังเขาผู้นี้เป็นคนแต่ง รวมทั้งหนูน้อยไม้ขีดไฟ และก็—”

    ไคเลอร์ยังมองเขม็งมาไม่หยุด นั่นยิ่งทำให้เบนจามินทำตัวไม่ถูก ทำเสียงในลำคอหายไปเฉยๆ เขากระแอม “ขอโทษครับถ้าผมพูดอะไรมากไปจนรบกวนท่าน”

    “ดูท่าเธอน่าจะมีความรู้เกี่ยวกับหนังสือเยอะเชียวนะ” ไคเลอร์ตั้งข้อสังเกต

    “แน่นอนครับท่าน การจะค้าขายสิ่งใดต้องมีความรู้เกี่ยวกับมันให้มาก ถือเป็นจารยาบรรณของทุกอาชีพครับ” เด็กหนุ่มพูดด้วยแววตามุ่งมั่นและเป็นทางการ เขาเชื่ออย่างนั้นจริงๆ นั่นยิ่งทำให้ไคเลอร์ถูกใจ

    “หึ” ชายหนุ่มปิดหนังสือที่กางเอาไว้ “เธอชื่ออะไร”

    “เบนจามินครับ”

    “เอาสองเล่มนี้”

    หลังตกลงราคากันเสร็จสรรพ ร่างสูงหยิบเงินจำนวนหนึ่งจากในกระเป๋าเสื้อส่งให้พร้อมแผ่นกระดาษ เบนจามินรับมาอย่างแปลกใจ มันคือใบประกาศรับสมัครงานของร้านหนังสือแห่งหนึ่ง

    “สิ่งนี้คือ..”

    “เพื่อนของฉันกำลังขาดผู้ช่วย ถ้าเผื่อเธอสนใจก็ลองไปที่นั่นดูก็แล้วกัน” ไคเลอร์ยิ้ม ลูบผมที่ยุ่งเหยิงเหมือนลูกหมาให้เรียบ ชายหนุ่มถูกชะตากับเด็กคนนี้อย่างประหลาด หากได้สนับสนุนคงมีอนาคตดีๆ “ตัดผมเผ้ามาให้เรียบร้อยเสียก่อนล่ะ”

    “คุณก็ทำงานที่นั่นหรือครับ”

    “เปล่า ฉันเป็นช่างทำกล่องดนตรี”

    เบนจามินกะพริบตาปริบๆ อ้าปากค้างด้วยความตะลึง จ้องแผ่นกระดาษในมือ

    หากนี่ไม่ใช่ความฝันก็เป็นโอกาสเดียวที่เขาจะเป็นอิสระเสียที

     

    ไคเลอร์เดินจากมาด้วยรอยยิ้มเล็กๆ บนใบหน้าก่อนจะก้าวเท้าสลับกันไวๆ เพื่อกลับไปให้ถึงบ้านก่อนค่ำ โดยไม่รู้ตัวเลยว่าถูกสายตาจากรูโหว่เล็กๆ บนผืนผ้าจับตามองจากตึกสูงจนแผ่นหลังกว้างหายลับตาไปกับฝูงชน


     


     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×