ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KNOCK KNOCK! เป็นผีห้ามเคาะประตู

    ลำดับตอนที่ #21 : [UP] special : hang dry the clothes & music box

    • อัปเดตล่าสุด 16 มี.ค. 64


    special #1 : hang dry the clothes

     

    สายลมปลายฤดูใบไม้ร่วงพัดใบไม้จากยอดไม้ป่าลอยขึ้นไปเหนือฟ้า ก่อนจะพร้อมใจกันปลิวลงบนสวนและสนามหญ้าตัดใหม่ชวนให้รำคาญใจ ช่วงบ่ายที่แดดแรงเท่าที่ฤดูใบไม้ร่วงจะให้ได้ ไคเลอร์สะบัดผ้าปูที่นอนสองสามครั้ง แล้วแขวนเอาไว้บนราว มีเสียงครางฮือๆ มาจากตะกร้าผ้าใบใหญ่ แต่เขากำลังขะมักเขม้นกับงานตรงหน้าจึงไม่ได้ใส่ใจนัก 

    ตะกร้าสานหกคะเมนลงกับพื้น มีมือเล็กๆ ยื่นออกมายันตะกร้าให้กลับไปตั้งตรงอีกหน

    "เมื่อไหร่จะแห้ง" ผีผ้าคลุมบ่นงึมงำ เฝ้ามองผืนผ้าที่พลิ้วไหวไปตามแรงลมเบาๆ วันนี้เป็นวันทำความสะอาดครั้งใหญ่ ไคเลอร์ทำความสะอาดและซักผ้าทุกชิ้นตั้งแแต่เช้า แต่เพราะว่าทำคนเดียวเวลาถึงได้ล่วงเลยมาเกือบเย็น

    "ไม่ใช่ในวันนี้แน่"

    "งั้นผมจะใส่อะไร"

    "เสื้อผ้าที่เตรียมไว้ไง" ไคเลอร์ถอนหายใจ พลางเหลือบไปมองกองเสื้อผ้าที่เขาตั้งใจเลือกมาจากในเมือง ตอนนี้ถูกผีเด็กเตะกระจายต่างใบไม้ที่กวาดกองไว้เมื่อเช้า เขาได้ยินเจ้าตัวปัญหาส่งเสียงหึเบาๆ อย่างกับว่ากำลังสมเพชกันอยู่

    "ชุดอัปลักษณ์แบบนั้น ไม่เอาด้วยหรอก"

    ก็ได้คำตอบกลับมาแบบนั้นแหละ

    ช่วงหลังลูกค้าที่เคยจ้างงานเริ่มเงียบหายตั้งแต่ย้ายมาอยู่ไกลเมือง ตอนนี้ถึงได้มีเวลามาใส่ใจดูแลผีที่ไหนไม่รู้แต่บังเอิญติดมากับบ้านด้วย ตอนนี้ชายหนุ่มได้แต่โอดครวญต่อโชคชะตา ช่างเลือกมอบหมายบทบาทให้เขากลายเป็นคนโชคร้ายไม่ได้หยุดหย่อน

    "แล้วจะอยู่ในกองผ้าแบบนั้นไปตลอดหรือไง" ชายหนุ่มบ่น "ชื้นแบบนั้นเดี๋ยวก็ได้เป็นหวัดหรอก ตัวขึ้นราฉันไม่ให้เข้าบ้านนะ"

    ไคเลอร์เอี้ยวตัวกลับหลัง แต่ในตะกร้าไม่มีผีแอบซ่อนตัวอยู่อีกแล้ว เขาหยิบผ้าขึ้นมา จ้องก้นตะกร้าจนทะลุราวกับว่าผีตนนั้นตัวเล็กเท่าห่อลูกกวาด และอาจซุกซ่อนอยู่ตรงมุมไหนก็ได้

    "ทีโอดอร์"

    ถ้าเดินเปลือยโทงๆ ไปรอบบ้านแล้วมีใครมาเห็นเข้า คงคิดว่าเป็นแม่มดมาทำพิธีสาปแช่งแน่ๆ ยิ่งในแถบนี้มีตำนานพื้นบ้านประหลาดๆ เยอะเสียด้วย ทีโอดอร์มีเรื่องมาเล่าให้เขาขนลุกเล่นๆ ได้ทุกวัน โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับแม่มด  

    ไคเลอร์มองไปรอบๆ ไม่มีวี่แววของผีผ้าคลุมเลยด้วยซ้ำ จังหวะที่จะปล่อยให้เล่นซนไปเรื่อย เขาก็เจอกับขาผอมๆ อยู่ตรงข้ามกับผ้าคลุมที่เขาตากไว้นี่เอง เล็บเท้าสกปรก ประหนึ่งว่าเพิ่งผุดขึ้นมาจากผืนดิน ช่างซ่อมกล่องดนตรีพ่นลมหายใจทิ้งอีกหน มือหนึ่งเท้าสะเอว อีกมือกอดตะกร้า ท่วงท่าประจำเวลาเขาจะสวดบทเรียนอันมีค่าให้ทีโอดอร์ฟัง แต่กลับมีเสียงดังโครมครามมาจากในตัวบ้านขัดจังหวะเสียก่อน 

    "อะไรอีกล่ะเนี่ย" ไคเลอร์วางตะกร้าลง ก่อนจะหันมาพูดกับเจ้าของขาผอมๆ นั่นอีกหน "ถ้าจะเข้าบ้านฉันล่ะก็ หัดล้างเท้าก่อนก็แล้วกัน" 

    ว่าจบเขาก็เดินไปหาบ้านอันแสนอบอุ่นของตัวเอง พลางนึกสงสัยว่าตัวบ้านนี้มันเก่ามากขนาดที่เผลอวางของหนักๆ บนชั้นแล้วมันหักลงมาเองหรือเปล่า หรือทีโอดอร์วางของเอาไว้หมิ่นเหม่ กระปุกน้ำตาล? ไม้กวาด? อะไรกันแน่

    มีเศษดินอยู่บนพื้นเมื่อไคเลอร์เปิดประตูเข้าไป ปัญหาเล็กๆ เวลามีผีไม่ใส่รองเท้าอยู่ในบ้าน เรียกได้ว่ารวบรวมดินจากทุกสถานที่ที่ผีผ้าคลุมไปเยือนมาไว้ที่นี่หมดแล้ว เขายั้งตัวเองไม่ให้ไปหยิบไม้กวาดมาทำความสะอาดมันตอนนี้ เดินตามเศษดินเหล่านั้นไปแทน 

    ในห้องครัว แจกันดอกไม้ทำจากดินเผาตกแตกกระจายเป็นเสี่ยงๆ โต๊ะอาหารเปลือยเปล่า มีร่างใครคนหนึ่งกำลังแกว่งเท้ากอดกระปุกคุกกี้เอาไว้ ร่างคลุมด้วยผ้าปูโต๊ะลายดอกไม้สีเหลือง กลิ่นอายดอกไม้คล้ายน้ำหอมทำให้ไคเลอร์มั่นใจว่าผีตนนี้คือทีโอดอร์ 
     

    "ดูดีไหมครับ"ทีโอดอร์ชูแขนสลับไปมา ให้ดูผ้าปูโต๊ะที่ตัวเองเอาคลุมร่าง 

    "ทำอะไรน่ะ"

    "ผมหนาวนี่นา ไม่สบายใจเวลาถอดผ้าคลุมด้วย" แม้ปากยังเคี้ยวจับๆ แต่ก็ไม่ปล่อยให้เจ้าของบ้านต้องจมอยู่กับความงุนงง "ก็เลยเข้ามาหาอะไรห่อตัว ผมว่าลายนี้ดูดีกว่าผ้าขาวเรียบๆ ตั้งเยอะ มีดอกไม้ทั้งตัว แถมมีคราบซอสพริกด้วยล่ะ"

    ไคเลอร์ก้มมองนิ้วเท้าอีกฝ่าย ปลายนิ้วเท้าสะอาดและแห้งกว่าที่เขาเห็นก่อนหน้าเสียอีก ชายหนุ่มขนลุกเกรียวไปทั้งตัว

    แล้วขาที่เขาเห็นข้างนอกก่อนหน้านี้ล่ะ?

    ผีผ้าคลุมหยุดเคี้ยวเมื่อเห็นว่าจู่ๆ ไคเลอร์ก็ทำหน้าเหวอปากอ้าค้าง "อะไรเหรอฮะ" 

    ชายหนุ่มวิ่งกลับไปที่สนามหน้าบ้าน ทุกสิ่งยังคงเดิม กองเสื้อผ้าใหม่กระจายบนพื้น ผืนผ้าสะบัดตามลม ใบไม้แห้งเสียดสีกันแกรกๆ ยกเว้นแต่ขาคนที่เขาเห็น 

    ไม่มีใครอยู่ตรงนั้น

    ทีโอดอร์ตามเขามาอย่างงุนงง จดจ้องผ้าปูเตียงที่บัดนี้มีรอยเปื้อนสีเลือดเป็นคราบสดใหม่ ก่อนจะจิ๊ปาก ขมวดคิ้วภายใต้ผ้าปูโต๊ะลายดอกไม้เหลืองที่เจาะช่องเอาไว้มองลวกๆ 

    "เมื่อไหร่จะแห้งล่ะเนี่ย"

     

     


    อยากเขียน ได้เขียนสักที

    ตอนนี้เป็นภาคชีวิตประจำวันเล็กๆ น้อยๆ ของผีผ้าคลุมกับไคเลอร์เขาแหละค่ะ ตอนแรกคิดว่าจะเปิดเรื่องใหม่แยกไปเลย แต่เอาไว้รวมกันดีกว่าจะได้ไม่สับสน เพราะมันนิดเดียวเอง เผื่อไว้เวลาไม่เขียนต่อด้วย ภาวนานะคะ

    ฮะฮ่า 

    #เป็นผีห้ามเคาะประตู

     

    ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านที่อยู่ล่มหัวจมท้ายด้วยกันมาจนถึงตอนจบอย่างอดทน (แถมยังทนรอว่าเราจะรีไรท์สองสามฉากเสร็จเมื่อไหร่ เกือบปีแน่ะ) เป็นผีห้ามเคาะประตูถือได้ว่าเป็นเรื่องที่ไม่คิดว่าจะแต่งจบเป็นเรื่องแรกในชีวิตด้วยซ้ำ แต่เพราะมีพวกคุณ เราถึงได้มีวันนี้ ขอบคุณที่ซัพพอร์ตด้วยการอ่าน ช่วยบอกต่อและส่งกำลังใจ (ร่วมถึงโดเนทค่าขนมให้) ขอบคุณมากๆ เลยค่ะ

    นอกจากนี้ต้องขอบคุณบก.เจนนี่ คนที่คอยตามอ่านนิยายเราทุกเรื่องทั้งแต่รู้จักกันมา แรงใจสำคัญที่ทำให้อยากอวดว่าเราเขียนเรื่องยาวจบแล้ว จะบ่นว่าเขียนไม่เคยจบไม่ได้อีกแล้วนะ ฮ่าๆ ถึงยังไงก็อยู่บ่นกันไปนานๆ โอเคไหม

     

    ในเด็กดีพอกดแล้วมันอัพเดตตอนต่อไม่ได้แล้วค่ะ ฮือ ถ้าเกิดจะอัพอีกเราจะลองเพิ่มมาในตอนนี้ดูนะคะ

     

     

     

     

    Special 2 : Music box 

     

     "มันคือถุงมือ"

    "ไม่ใช่ สิ่งนี้เรียกว่าถุงเท้า" 

    "ก็มันสวมอยู่บนมือผมตอนนี้ มันก็ต้องเรียกว่าถุงมือสิ"

    ผีผ้าคลุมชูแขนที่สวมถุงเท้าสีดำไปครึ่งหนึ่งทั้งสองข้าง ส่วนที่เหลือห้อยย้อยโบกไหวๆ เหมือนแมวโกรธ 

    ในห้องนั่งเล่นยามดึกที่มีตะเกียงให้ความสว่าง เจ้าของบ้านและผีผ้าคลุมถกเถียงกันขณะที่ไคเลอร์เอางานมาทำบนโซฟา ฟันเฟืองลั่นเอี๊ยดอ๊าดไปพร้อมกับข้อถกเถียงในวงเล็กๆ ของทั้งสอง ทีโอดอร์นั่งอยู่บนกองผ้าที่ชายหนุ่มเลือกซื้อมา ทั้งผ้าสักหลาด ไหมพรม ฝ้าย แม้แต่หนังหมีอย่างที่เขาสวมอยู่ตอนนี้ มันทำให้ผีผ้าคลุมดูเหมือนไอ้ตีนโต[1]

     แต่ตัวเล็กกว่าเป็นสองเท่าตัว

    ทีโอดอร์เปลี่ยนผ้าคลุมผืนใหม่อีกครั้ง ไคเลอร์หันหน้าหนีให้ความเป็นส่วนตัวกับผีที่ไม่รู้จักความละอาย หนนี้เขาเลือกเป็นผ้าปักลายเถาวัลย์ดอกไม้ มันดูเหมาะกับบ้านนี้และผีผ้าคลุมเสียเหลือเกิน เด็กชายลุกขึ้น พยายามมองลอดผ่านเนื้อผ้าส่องกระจก ก่อนจะเดินมากระตุกแขนเจ้าของบ้าน ขอให้เจาะทำช่องสำหรับดวงตาให้หน่อย 

    เหตุผลที่ไคเลอร์มาอยู่เป็นเพื่อนผีตนนี้ก็เท่านี้เอง 

    "เสร็จ" ไคเลอร์สะบัดผ้าลายเถาวัลย์ข้ามไหล่ไปด้านหลัง ทีโอดอร์สะบัดผ้าคลุมคลุมร่างทันทีและทำท่าจะถอดออก "เดี๋ยวสิ ไม่ชอบแล้วเหรอ"

    "ชอบ ชอบมากๆ เลยอยากเก็บไว้" ผีผ้าคลุมลูบลายเถาวัลย์ที่ถูกถักทอจากเส้นด้ายเป็นร้อยๆ เส้น ไคเลอร์ทำหน้างง ก่อนจะเข้าใจในเวลาไม่นาน ไม่ว่าจะหยิบจับอะไรทีโอดอร์ก็ทำมันพังไปเสียครึ่งนึงเสมอ คงหวาดกลัวว่าจะรักษาของชิ้นโปรดไม่ดีกระมัง "ผมจะเก็บมันเอาไว้อย่างดีเลย"

    "ถ้าอย่างนั้น ก็ใส่มันตอนนี้ให้เต็มที่เสียตอนนี้แล้วค่อยถอด" ไคเลอร์แนะนำ ก่อนจะเอนตัวลงนั่งกึ่งนอนบนโซฟาตัวยาว "ดึกดื่นขนาดนี้ แถมยังมีฉันอยู่ใกล้ คงไม่ทำเรื่องซุ่มซ่ามดอก"

    ทีโอดอร์ส่งเสียงครางฮือๆ ตอบรับอย่างลิงโลด และเริ่มต้นพับผ้าที่กองกันอยู่ตามวิธีที่ไคเลอร์สอนเมื่อไม่นานมานี้ (แน่นอนว่ามันเป็นเพียงไม่กี่วิธีทีชายหนุ่มจะทำให้ผีผ้าคลุมอยู่นิ่งได้นานๆ และไม่มากวนเวลาทำงาน ครั้งนึงผีผ้าคลุมถึงกับรื้อตู้เสื้อผ้าเพื่อจะพับมันทั้งหมดใหม่คนเดียว เจ้าของบ้านแทบจะน้ำตาไหล ในที่สุดผีตัวนี้ก็ทำตัวมีประโยชน์สักที)

    ชายหนุ่มกรีดนิ้วไปรอบกล่องดนตรีขนาดความกว้างเท่าบ่าของเขาไม่ขาดไม่เกิน ดีดแถวเข็มโลหะซึ่งเป็นส่วนที่ทำให้เกิดเสียงสองสามที เขาเพิ่งจะทำเพลงใหม่ที่ลอกเลียนมาจากทีโอดอร์ ทำนองไพเราะถูกเขาจับรรจุใส่จานโลหะขนาดใหญ่ ชายหนุ่มลูบไปบนผิวตะปุ่มตะป่ำในส่วนที่เป็นตัวโน้ต (ซึ่งไม่มีใครจะเข้าใจว่าเขาทำมันออกมาได้อย่างไร นอกจากผู้มีวิชาชีพเดียวกัน) วางมันลงกลางกล่อง 

    "เป็นเกียรติไขลานเพลงนี้ให้ฉันฟังหน่อยซี" ไคเลอร์หันไปถามทีโอดอร์ที่กำลังหมกมุ่นกับตัวเองอยู่หน้ากระจก ผีผ้าคลุมหันขวับอย่างไม่เชื่อหูตัวเอง ก่อนจะเดินมาหา

    "แต่คุณไม่เคยให้ผมจับมันเลยนะ"

    "เพราะเธอมีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น ฉันเลยถือว่ามันเป็นโอกาสพิเศษ" ชายหนุ่มยิ้ม แววตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้น อยากจะอวดฝีมือตัวเองเต็มแก่ "เอาสิ เพลงนี้เพื่อเธอเลยนะ"

    ผีผ้าคลุมกะพริบตาปริบๆ ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นไคเลอร์ยิ้ม เด็กชายพยักหน้า ทำตามคำชี้นำที่อีกฝ่ายบอกให้ไขลานกล่องดนตรีไปสามรอบ

    "ว้าว"

    ดวงตากลมเบิกโพลง ไคเลอร์ยิ้มกว้างเข้าไปอีกเมื่อสุ้มเสียงกริ๊งๆ เกิดเป็นทำนองที่คล้ายกับกำลังต้อนรับทูตสวรรค์มาสู่บ้านไกลปืนเที่ยงแห่งนี้ ทั้งคู่หลงไปกับห้วงดนตรี แม้แต่จังหวะหัวใจก็เหมือนจะเต้นเป็นจังหวะของบทเพลงนั้นไปด้วย 

    "ว้าว" ไคเลอร์ตอบรับ คำอุทานเดียวอธิบายทุกสิ่ง หลับตาปล่อยตัวเองให้ไหลไปตามเสียง ทีโอดอร์เมื่อเห็นแบบนั้นถึงได้ทำตามผู้ใหญ่ เอียงหัวไปซ้ายที ขวาทีอย่างมีความสุข 

    "จอมปีศาจน้อยสิ้น ฤทธิ์หลับใหล

    ปล่อยโยนใจไปตามลมสมร่างผี

    เจ้าผีน้อย ตัวจ้อยฤทธิ์มากมี

    พบอีกทีหลับปุ๋ยข้างโรงนา"

    ไคเลอร์หัวเราะกับเนื้อเพลงประหลาดที่ผุดขึ้นมาในหัว ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเพราะเวลาได้ยินเพลงในฉบับดนตรีแบบนี้ ชายหนุ่มเคลิบเคลิ้ม หัวเอนคอพับ ไม่รู้เลยว่าทีโอดอร์ย่อตัวลงนั่งพิงโซฟามานานแค่ไหน แต่พอเพลงจบลง ชายหนุ่มก็ได้ยินเสียงลมหายใจดังสม่ำเสมอมาแทนที่เสียงกล่องดนตรีแล้ว  

    "ฝันดีผีผ้าคลุม"

     

     


    มีคนกระซิบบอกให้อ่อนโยนกับไคเลอร์ที วันนี้ผีดื้อเลยยอมเป็นเด็กดีกับเค้าบ้างสักวัน ประกอบกับที่อยากอวดด้านงานฝีมือพี่แกสักหน่อย ในเนื้อเรื่องหลักแทบไม่ได้เขียนถึงจนสงสัยว่าจะพูดถึง+มีไปทำไม ฮ่าาาาาาาาาาาาาา

    ซี้กันได้สักที หลังจากตีกันทุกวัน

    เผื่อใครนึกหน้าตากล่องดนตรีไม่ออก ช่วงท้ายของลิ้งค์นี้เลยค่ะ มันเจ๋งมาก

    https://youtu.be/FJ-HbfV2pq8

    เชิงอรรถ

    1. ^ บิ๊กฟุต สิ่งมีชีวิตคล้ายมนุษย์ที่มีขนตามตัวดอกหนา เท้าใหญ่ตามชื่อ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×