ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KNOCK KNOCK! เป็นผีห้ามเคาะประตู

    ลำดับตอนที่ #17 : 16 : Countess

    • อัปเดตล่าสุด 10 ก.พ. 64


    เคาท์เตสดอริสคือหญิงผู้เลอโฉม ริมฝีปากอวบอิ่ม ผมยาวสลวย แม้จะผ่ายผอมไม่สมกับคนเป็นแม่คนไปมากก็ตาม มารดาของเธอเคี่ยวเข็ญให้เด็กสาวงามพร้อมทั้งกิริยา มารยาท และบางครั้งก็เคร่งครัดกับเธอมากจนเกินเหตุ

    เธอให้กำเนิดบุตรในเมืองเล็กๆ ริมทะเลสาบขณะที่เคาท์เตสดอริสและสามีของเธอเดินทางกลับคฤหาสน์ ท้องฟ้าแดงชาด อีกาบินโดยรอบท้องฟ้า ทารกน้อยตัวผ่ายผอม สุขภาพไม่แข็งแรงนักแต่มีใบหน้าน่ารักและรอยยิ้มประดับใบหน้า แม้จะซีดเซียวมากก็ตาม 

    ท่านเคาท์ผู้เป็นน้องชายและเป็นสามีเธอยินดียิ่ง ทั้งคู่แต่งงานในตระกูลเพื่อรักษาทรัพย์สมบัติเอาไว้ ช่างน่าประหลาด แต่ด้วยความเป็นสตรีในยุคสมัยเจ้าหล่อน เธอไม่มีอำนาจพอจะขัดขืนบิดาของตนได้อย่างแน่นอน แม้เขาจะถูกฝังอยู่ใต้ดินไปแล้ว ก็ต้องมารับใช้ตามประสงค์ของสามี และถ้าหากสามีสิ้นใจ เธอต้องให้กำเนิดลูกชายและรับใช้เขาไปจนสิ้นลม

    ท่านเคาท์หนุ่มมีลูกชายสมกับที่ปรารถนา ดีใจจนแทบจะขาดใจ เมื่อทีโอดอร์อายุได้เพียงสามขวบ บิดาของเขาก็สิ้นลมในวันคล้ายเกิดของเด็กน้อยพอดี

    นับแต่นั้น เคาท์เตสดอริสก็ไม่ใส่ชุดสีอื่นใดนอกจากสีดำอีกเลย ผืนผ้านุ่มที่เธอจงใจแสดงให้เห็นถึงความเศร้าโศก และความดำมืดภายในจิตใจ

    ท่าทางเจ้าหล่อนเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดนับแต่นั้น สาวใช้ในคฤหาสน์ผลัดเปลี่ยนกันเข้าและออกอย่างสม่ำเสมอ ไม่มีใครรองรับอารมณ์ที่แปรผันไวกว่าคืนวันของนายหญิงแห่งคฤหาสน์อิฐแดงได้อีก

    บางครั้งสาวใช้ผู้ออกมาจากที่นั่น น้อยคนนักที่จะเปิดปากเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่าอะไรเป็นต้นเหตุให้พวกเธอจากมา แต่มีเสียงเล่าลือกันว่าเคาท์เตสดอริสนั้นชอบเดินเปลือยกายและเต้นรำในยามราตรี

    กล่าวบทสวดที่ไม่ได้มีไว้เพื่อพระเจ้า

    ทีโอดอร์ไม่เหมือนเด็กทั่วไป เขาเป็นมากกว่านั้น เคาท์เตสดอริสรู้ เธอมองออกตั้งแต่วันแรกที่เขาเกิดในวันที่ท้องฟ้าสีชาด

    วันหนึ่งเขากลับมาจากเที่ยวเล่นพร้อมกับที่เนื้อตัวมีร่องรอยของเลือดเปรอะจนแทบจะจำไม่ได้

    “เกิดอะไรขึ้น” เคาท์เตสสาวพลิกตัวบุตรชายเพื่อมองหาบาดแผล แต่ก็ไม่มี ก่อนที่เด็กน้อยจะฉายรอยยิ้มไร้เดียงสา

    “ลูกพบแกะตัวนึงในทุ่งหญ้า คุณแม่ครับ ลูกได้ดื่มเลือดมันด้วยริมฝีปากของลูก” ทีโอดอร์เลียริมฝีปากราวกับติดใจรสเลือด “หวานเหลือเกิน”

    “แล้วลูกจับมันได้อย่างไร ลูกรัก”

    “ด้วยสองมือของผมเองครับ”

    เขามีอายุเพียงหกขวบ

    ในตอนนั้นเองที่เคาท์เตสดอริสพบหนทางสว่างของเธอ ใช่แล้ว เขานั่นเอง เด็กชายผู้ที่ซาตานเลือก เขาดื่มเลือดลูกแกะเพื่อเยาะเย้ยพระผู้เป็นเจ้าหรือเปล่า?

    ในโอกาสพิเศษทุกครั้ง เธอจะสั่งให้สาวใช้เชือดแกะเพื่อเป็นเครื่องบรรณาการแก่ปีศาจในร่างเด็กชาย

    ทีโอดอร์ช่างไร้เดียงสา สมกับความเป็นเด็กที่เขาเป็น เมื่ออายุได้เก้าขวบ บุตรชายของเธอกระซิบข้างหูหลานสาวของข้ารับใช้คนหนึ่งในขณะที่พวกเขากำลังเล่นตามประสาเด็ก (แน่นอน ใบไม้ ดิน และผีเสื้อที่ไล่จับได้) บังเอิญถูกเด็กหญิงสะบัดเศษดินแห้งๆ บนพื้นเข้าสู่ดวงตาสีดำสนิท ทีโอดอร์ผลักเธอออกห่าง

    “ก็อบลินจะจับตัวเธอ ผูกคอเธอไว้กับต้นหลิวให้ตายอย่างน่าอัปยศ!”

    วันต่อมาทุกคนต่างพบเด็กหญิงแขวนคออยู่ใต้ต้นวิลโลว์ซึ่งมีอายุมากกว่าร้อยปี แขนทั้งสองข้างถูกตรึงด้วยไม้ ดูไม่ต่างจากสัญลักษณ์ไม้กางเขน ข้ารับใช้ต่างหวาดกลัวไปตามๆ กัน ในขณะที่ทีโอดอร์มีสีหน้าสลด เคาท์เตสดอริสเข้าไปปลอบขวัญเขาทันที

    “ลูกไม่น่าบอกกับเธอแบบนั้นเลยคุณแม่” ทีโอดอร์เม้มปาก “เธอดู..ทรมานจัง”

    “ไม่! ไม่! ไม่! ลูกรักโปรดฟังแม่ อย่ากล่าวโทษตัวเองเช่นนั้น เด็กคนนั้นเป็นเพียงคนไร้ค่านะทูนหัว เธอสมควรจะรู้ที่ต่ำที่สูง” ปลายนิ้วเรียวลูบไล้แก้มนุ่มเบาๆ “รู้ไหมว่าแม่อัศจรรย์ใจแค่ไหนที่ได้มีลูกชายผู้แสนวิเศษขนาดนี้ โอ้ลูกรัก”

    เคาท์เตสดอริสจุมพิตขมับทีโอดอร์ก่อนจะจูงมือพาเขาไปทานอาหาร

    แต่แล้ววันหนึ่งยามที่ทีโอดอร์อายุครบสิบสองปี เขาเข้านอน และไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย

    เขาจากไปอย่างง่ายดาย

    เคาท์เตสดอริสร่ำไห้ทุกวันคืน บาเรค ข้ารับใช้ผู้ภักดีเป็นคนดูแลเธอตลอดช่วงเวลาอันแสนยาวนาน

    หรือบุตรชายของเธอจะไม่ใช่ผู้ที่ถูกกำหนดไว้ตั้งแต่แรก ความคิดนั้นแทบทำให้เธอล้มป่วย

    ‘นำร่างเขาขึ้นมา’ มันเป็นเสียงจากความมืดในฝันของเธอในคืนหลังจากที่ฝังร่างทีโอดอร์ไปแล้ว ‘และจงเฝ้ารอ’

    “รอสิ่งใดงั้นหรือ” เธอถามอย่างโง่เขลา เสียงหัวเราะทุ้มต่ำปะปนไปกับเสียงเล็กแหลมฟังไปแล้วไพเราะราวกับเสียงกระดิ่งถูกลมพัด เคาท์เตสสาวตัวสั่นระริก สิ่งเดียวที่จะทำได้ก็เพียงแค่รอ วันแล้ววันเล่า แม้ในยามหลับตาตายเด็กชายกลับเติบโตกลายเป็นเด็กหนุ่มตามวันเวลา 

    “ห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ให้ใครรู้เป็นอันขาด” เคาท์เตสดอริสกระชับกับข้ารับใช้ผู้ภักดีของตน ซึ่งไม่แสดงออกใดๆ เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และหัวหน้าแม่บ้านผู้นี้รับใช้หล่อนมาเป็นเวลานานพอที่จะเชื่อใจได้ หญิงรับใช้คนอื่นถูกผันเปลี่ยนเป็นครั้งสุดท้ายสำหรับคฤหาสน์แห่งนี้ แม้แต่ในวันที่ท่านชายทีโอดอร์ ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนของเธอฟื้นคืนชีวิต เธอก็ยังคงใส่ชุดสีดำสำหรับไว้อาลัย

    นิ้วมือของเธอเย็นเฉียบเมื่อพบทีโอดอร์หน้าประตู หลังจากจุมพิตครั้งแล้วครั้งเล่า เธอก็ได้พบว่าเด็กหนุ่มมีแววตาหวาดระแวงอย่างน่าประหลาด

    “ลูกรัก กลัวอะไรอยู่งั้นหรือ”

    “เปล่าครับคุณแม่” ทีโอดอร์บอกปัด ก่อนจะเดินนำเธอเข้าไปในบ้าน ดูลนลานอย่างไม่เป็นธรรมชาติ

    พวกเขาและแขกของเธอ ชายหนุ่มช่างทำกล่องดนตรี ตามที่เขาได้กล่าวอ้างทานอาหารเช้าพร้อมกัน มีเพียงเคาท์เตสดอริสที่ยิ้มแย้มกับการกลับมาของบุตรชาย ด้วยตาของมิสเตอร์ไคเลอร์จับจ้องทีโอดอร์เป็นพักๆ แต่บุตรชายของเธอหมางเมิน ราวกับชายหนุ่มเป็นอากาศธาตุ

    น่าขำ ชายผู้นั้นแนะนำตัวกับเธอว่าเขาเป็นผี

    เคาท์เตสดอริสแทบไม่ได้สนใจผู้มาเยือน หากว่าบุตรชายไม่ตีตัวห่างเหิน เขาขังตัวเองอยู่ในห้อง ไม่พูดไม่จากันสักคำ หัวใจที่กำลังฟูฟ่องถูกเจาะรูให้มันเหี่ยวเฉาไม่ต่างจากลูกโป่ง

    ทำไมลูกรักถึงได้เย็นชากับหัวใจแม้ มีสิ่งใดไม่เหมือนเดิม?

    ในคืนที่สองเธอพบว่ามิสเตอร์ไคเลอร์ถือตะเกียงไฟเดินดุ่มๆ ไปยังสวนวงกตของเธอ หันมองไปโดยรอบ คล้ายกลัวว่าจะมีใครมารู้เห็นเข้า 

    ทุกสิ่งผิดธรรมชาติเกิดขึ้นที่นี่ตั้งแต่ลูกชายเธอตื่นมา

    เธอทนเรื่องนี้ไม่ได้อีกต่อไป

    “จะไม่มีความลับอื่นใดในคฤหาสน์ที่ฉันไม่รู้” เธอกระซิบกับตัวเองก่อนจะดึงม่านปิด

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×