คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 10 : It's you
แสงสีอ่อนของดวงตะวันส่องแสงรำไรขึ้นบนฟ้า พร้อมกับสรรพเสียงของโลกกำลังตื่นขึ้นต้อนรับวันใหม่ นกกลุ่มหนึ่งบินข้ามหัวชายหนุ่มไปเพื่อออกหาอาหารในตอนที่ไคเลอร์ยอมแพ้
หลังจากที่กลับไปหาผีผ้าคลุมในจุดที่เขาทิ้งเด็กคนนั้นไว้แต่ไม่พบแม้แต่เงา แม้แต่ตอนที่มุ่งหน้ากลับบ้านแล้วก็ยังไม่พบแม้แต่เงาของทีโอดอร์
เขายอมรับอย่างง่ายดายว่าตนนั้นโง่เง่าที่ปล่อยให้เด็กคนหนึ่งต้องอยู่กลางป่าคนเดียว จนถึงตอนนี้ชายหนุ่มก็ยังโทษตัวเองไม่หยุด ในหัวภาวนาของให้ผีน้อยตนนั้นปลอดภัย
นี่ก็เช้าแล้ว อาจจะไม่อยากเจอหน้าเขาแล้วก็ได้
เมื่อหมดหวัง ไคเลอร์จึงได้เดินทางกลับมายังคฤหาสน์ของวิลลิสอีกครั้ง สองขาแทบจะลากติดดินจากความเหน็ดเหนื่อย ไม่คิดว่าวันๆ หนึ่งจะยาวนานอย่างนี้
แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อจากนี้ เมื่อปล่อยให้ทีโอดอร์เดินตามทางแล้ว เขาจะไม่มัวแต่โทษตัวเองจนไม่ยอมไปเกิดเลยหรือ
มีเสียงจอแจอยู่ในสวนแบบฝรั่งเศสของวิลลิส ดูท่าว่าเพื่อนจะมีแขก แต่เสียงหัวเราะแปลกๆ ที่ได้ยินทำให้ไคเลอร์สติหลุด รีบจ้ำอ้าวไปที่นั่นด้วยพลังเฮือกสุดท้ายทันทีแม้สองขาจะอ่อนล้าเพียงใดก็ตาม
ชายผ้าคลุมสีขาวสะบัดพลิ้วจากการกระโดดไปมาของผู้สวมใส่ ผีผ้าคลุมหมุนตัวหนึ่งรอบ สองรอบ สามรอบ นับได้เจ็ดรอบแต่ก็ยังทรงตัวได้ดี วิลลิสและพ่อบ้านยืนดูเด็กน้อยเต้นระบำเป็นวงกลม แต่สายตาของไคเลอร์ยังจับจ้องอยู่ที่ร่างใต้ผ้าคลุมแต่เพียงผู้เดียว เมื่อเด็กหนุ่มสังเกตเห็นผู้มาใหม่ ทุกอย่างจึงได้หยุดชะงัก
ไคเลอร์จำดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นได้ เขาไม่มีทางลืม
นี่ไงล่ะทีโอดอร์
เขาเข้าไปคว้าตัวอีกคนมากอดแนบอก ผีน้อยของเขาไม่ดิ้นรนออกจากอ้อมกอด ทำให้ไคเลอร์รู้สึกดีทีเดียว
“อุ่นจัง” ทีโอดอร์พึมพำ ทิ้งหัวซุกกับคอของชายผิวน้ำผึ้ง “ผมคิดถึงคุณนะ”
“รู้ไหมว่าฉันตามหาเธอทั้งคืน เด็กน้อย”
“คุณทิ้งผม”
“ฉันอยากจะบอกขอโทษ ที่ทำแบบนั้น” อ้อมกอดของชายหนุ่มกระชับแน่นขึ้นเพื่อยืนยันคำพูดนั้นอีกครั้ง “ฉันไม่น่าปล่อยเธอไปตอนที่เธอขอให้ฉันอยู่”
“ผมไม่โกรธหรอก”
“แต่ฉันโกรธตัวเอง” ไคเลอร์จูบขมับผีน้อยของเขาเบาๆ ทีโอดอร์ชะงัก “ฉันสัญญาว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก”
“คุณหายโกรธผมแล้วหรือ” เด็กหนุ่มจ้องตาเขาตรงๆ นึกถึงเมื่อคืนตอนที่ไคเลอร์ไล่เขาออกจากห้อง “คุณ..ไม่โกรธที่ผมไม่ทำสิ่งที่ควรทำสำหรับคุณหรือครับ..”
ไคเลอร์ชะงักก่อนจะพูดเสียงเศร้าๆ “ฉันโกรธ ยอมรับว่าตอนนี้ยังทำใจกับมันไม่ไหว แต่ฉันเข้าใจ เราแค่มีความเห็นต่างกัน สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือเธอไม่ต้องโทษตัวเองอีกแล้วนะ”
ดวงตาของทีโอดอร์ยิ้มยี
เสียงกระแอมดังขึ้นแทรกบทสนทนาของทั้งสอง ชายหนุ่มหันไปเห็นรอยยิ้มอย่างมีเลศนัยของเพื่อนอย่างงงงวย
“วิลลิส ฉันมีเรื่องต้องขอให้แกช่วย”
ทีโอดอร์กระโดดโลดเต้นไปรอบๆ สวน ขณะที่ไคเลอร์กับวิลลิสปรึกษาหารือกัน
“นั่นใช่ท่านชายทีโอดอร์จริงๆ หรือ” เจ้าของคฤหาสน์เปรย ไคเลอร์พยักหน้ารับ
“นั่นแหละเขา หนึ่งเดียวผู้นั้น ไม่ผิดแน่”
“ดูท่าเด็กคนนี้จะชอบดนตรีนะ” วิลลิสยกชาขึ้นจิบ “หลังจากที่ตื่นนอนก็ตื่นมาเล่นไม่ยอมหยุดเลย”
“นั่นอาจเป็นสาเหตุที่เขามาพบกับฉันก็ได้” ไคเลอร์เอนกายพิงกับพนักเก้าอี้ด้วยท่าทีอ่อนล้า “ฉันต้องพาเขากลับไปหาครอบครัว เขายังเด็ก มีโอกาสอีกมากที่จะเติบโต”
“แกแน่ใจนะว่าจะไปหาแม่เด็กจริงๆ หลังจากเผชิญเรื่องที่เล่าให้กันฟังทั้งหมด ไหนบอกกันว่าไม่ไว้ใจเด็กคนนี้ไงล่ะ”
“ฉันแน่ใจว่าฉันสามารถรับมือเขาไหว” สายตามุ่งมั่นของไคเลอร์ทอประกาย แวบนึงเหมือนกับเขายังมีชีวิต “และคิดว่าจะพาเบนจามินไปด้วย”
“เบนจามินเขาสามารถอยู่กับกันที่นี่ได้นะ”
“ฉันคิดว่าเขาควรอยู่ให้ไกลจากที่นี่ จากพี่ชายของเขาเอง บางทีเขาอาจจะมีชีวิตใหม่ได้ด้วยซ้ำ อีกอย่าง พวกเราตายกันหมดแล้ว ใครจะไปพูดคุยกับเคานท์เตสดอริสเพื่อให้เราเข้าไปได้ล่ะ”
“บางทีแกกับเด็กคนนี้อาจจะไม่ต้องพูดคุยกับเธอก็ได้ ก็แค่พาเด็กไปเข้าร่างนี่”
“แล้วเขาจะเข้าร่างอย่างไร”
“วิญญาณพวกนี้รู้หนทางของพวกเขาเองเมื่อพร้อม” วิลลิสยิ้ม “แกไม่ต้องห่วงหรอก”
“ท่านชายทีโอดอร์ นั่นเป็นชื่อของผมหรือ” ทีโอดอร์ถาม ตอนนี้เขาทิ้งตัวนั่งลงบนตักของไคเลอร์อย่างที่เคยทำที่บ้าน ซึ่งชายหนุ่มก็ไม่ว่าอะไร จะมีแต่เพียงสายตาประหลาดใจจากเพื่อนก็เท่านั้น
“เธอรู้ได้อย่างไร”
“คุณพ่อบ้านบอกมาครับ”
“ใช่แล้วทีโอดอร์--ท่านชายทีโอดอร์ ชอบไหม”
“นั่นดูไม่ใช่ผมเลย” ทีโอดอร์มีท่าทีกังวล สังเกตได้จากการที่เขาก้มมองพื้น ไล่สายตาไล่หาบางอย่างบนพื้น ความกังวลในใจเขากระมัง
“บางทีถ้าเธอได้ฟังสิ่งที่ฉันจะพูดต่อไปนี้ เธออาจจะหายกังวลก็ได้นะ” ชายหนุ่มกุมมือผีผ้าคลุมเอาไว้ บีบมันเบาๆ เด็กหนุ่มรอคอยให้ไคเลอร์พูด
“ฉันจะพาเธอไปหามะ..”
“อ้ากก!!” เสียงกรีดร้องของเบนจามินดังมาจากคฤหาสน์ นกกาที่เกาะอยู่บนต้นสนริมหน้าต่างแตกตื่นและพากันบินหนีกระเจิงขึ้นฟ้าทุกคนสะดุ้ง แม้แต่ทีโอดอร์ยังสะดุดขาตัวเองล้มขณะที่กระเด้งตัวลุก ไคเลอร์เข้าไปดูผีน้อยขณะที่วิลลิสวิ่งผ่านบันไดหิน สับขาวิ่งตรงไปยังห้องนอน
เบนจามินซ่อนตัวอยู่หลังม่าน ชายหนุ่มเห็นเพียงปลายเท้าน้อยๆ และปลายมีดทำครัวยื่นออกมา ดูราวกับว่าเด็กผ้าม่านคือโล่ที่ดีที่สุดที่เขามีในตอนนี้สำหรับการปกป้องเขาจากภูติผีในคฤหาสน์
“เธอไม่เป็นไรนะ” วิลลิสใช้น้ำเย็นเข้าลูบ แต่ไม่เป็นผลเมื่อคนที่อยู่ตรงหน้าไม่ยอมฟัง ใบมีดสะบัดตัวเป็นกากบาท
“เขาบ้าไปแล้วค่ะคุณท่าน” แม่บ้านวัยชราเดินออกจากตู้เสื้อผ้าไปหลบอยู่ด้านหลังเจ้านาย “ตื่นมาเห็นอิฉันก็ตะโกนแล้วยังคว้ามีดของอันไปด้วย”
“อย่าเข้ามาใกล้ผมขอเตือน” เบนจามินขู่ฟ่อ ตัวเขาตื่นขึ้นมาพบพานกับสถานที่ที่ไม่รู้จัก กับผีที่ตนไม่รู้จักที่เผลอเก็บมีดแล้วดันแทงเข้าที่ท้องตัวเอง ไส้ไหลไปต่อหน้าต่อตา เป็นใครก็ทนไม่ไหวหรอก
“พวกคุณต้องการอะไร!”
“ฉันหรือ” เจ้าของคฤหาสน์ทาบมือกับอก “ด้วยความสัตย์จริง ฉันเพียงต้องการให้เธอปลอดภัย และรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่กับเรา”
รองเท้าหนังก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าว ในตอนนั้นเขาอยู่ไม่ห่างจากจุดที่เด็กหนุ่มยืนอยู่นัก ใบมีดพุ่งแหวกทะลุอากาศบาดแก้มชายผู้งามราวกับรูปปั้น เสียงมีดกระทบพื้นดังพร้อมกับเลือดที่ไหลลงพื้น
“ถ้าคุณเข้ามาอีกก้าวเดียว” เบนจามินหยิบเชือกที่ใช้สำหรับดึงม่านให้ปิดเปิดผูกไว้รอบคอพร้อมกับถอยหลัง แผ่นหลังเปลือยเปล่าแนบเข้ากับบานกระจก เขาขบฟันไม่ให้พวกมันดังกระทบกัน “ผมจะตายเดียวนี้”
“เอาสิ” เสียงไคเลอร์ดังแหวกความเงียบเข้ามาในห้องหลังจากที่วิ่งตามมา ชายผู้ซึ่งอ่อนล้าเพลียแรงชักจะทนไม่ไหวกับเรื่องวุ่นวายที่จะทำให้เขาต้องเหนื่อยเพิ่ม “ถ้าเธอตาย เธอก็ต้องมาอยู่กับพวกเรา ถึงตอนนั้นแล้วเธอจะไปไหนอีกล่ะ กลั้นหายใจตายอีกรอบนึงหรืออย่างไร”
แม้จะเป็นคำพูดที่ไม่อ่อนโยน แต่กลับทำให้เบนจามินชะงักได้ทันตา วิลลิสใช้โอกาสนี้ในการลูบน้ำเย็นไปอีกระลอก
“ฉันเพิ่งช่วยชีวิตเธอมา ไม่มีเหตุผลอะไรที่ฉันจะทำร้ายเธอเลยนะ”
“คุณจะทำให้ผมตกอยู่ในวังวนแห่งความกลัวแทนใช่ไหมล่ะ!”
“ฟังนะ” เจ้าของคฤหาสน์พูดเสียงเข้ม ดังฟังชัดไปทั่วบริเวณ “แม้เราจะตายก็ยังมีจริยธรรม ความคิดเป็นของเราเองเหมือนกับเธอ มีดีร้ายเหมือนกับเธอ แค่เพียงผ่านความตายที่มนุษย์ทุกคนกลัวทำไมถึงต้องแบ่งแยกให้เราเป็นผู้ร้ายในโลกของเธอเสียล่ะ พวกเราเลือกสิ่งนี้เองหรือเปล่า เธอตอบกับฉันได้ไหมเบนจามิน”
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบเมื่อสติเริ่มเข้าที่เข้าทางและยอมฟังมากขึ้นอีกหน่อย เบนจามินแหวกผ้าม่านที่ห่อตัวของเขาไว้เพื่อแอบมองผู้พูดให้เต็มตาอีกครั้ง กลุ่มผมสีส้ม น้ำเสียงแบบนั้น
ใช่จริงๆ เขาคนนี้ที่ช่วยเหลือเขาเอาไว้
วิลลิสโบกสะบัดมือเพื่อให้คนด้านนอกออกไปก่อน แม่บ้านชราได้แรงไคเลอร์ประคับประคองออกไปจากห้อง สายตาเบนจามินสบเข้ากับร่างใต้ผ้าคลุมที่จ้องมองเขาด้วยดวงตาดำสนิทก่อนจะหายลับตาไป
ผีตนนั้นทำให้เขากลัวได้ไม่หยุดเลย
“เธอปลอดภัยที่นี่นะ”
“ผม..ผมยังไม่ตายหรือครับ”
“ใช่ เธอยังไม่ตาย”
เบนจามินถอนหายใจอย่างโล่งอก
“แต่ฉันตายแล้วนะ เธอยังกลัวฉันอยู่ไหม” วิลลิสขัด
“คุณดูไม่เหมือนคนตายเลย คุณไคเลอร์ก็ด้วย ยกเว้น..คุณแม่บ้าน ไส้ของคุณไหล--”
“ทุกคนก็พูดอย่างนั้น จนกว่าจะได้เห็นสภาพศพจริงๆ ฉันน่ะ หล่อเหลาไม่เบาเลยใช่ไหมล่ะ”
เบนจามินยิ้มเจื่อนๆ แม้ขาจะสั่นก็ใช้ความพยายามที่มีก้าวขาไปข้างหน้า ให้อ้อมกอดอุ่นและเวลาปลอบโยนเขาจากเรื่องร้ายที่ตนเจอ
เป็นอ้อมกอดจากคนแปลกหน้าที่อบอุ่นที่สุดในฤดู
ความคิดเห็น