ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    KNOCK KNOCK! เป็นผีห้ามเคาะประตู

    ลำดับตอนที่ #2 : 02 : Soul cake

    • อัปเดตล่าสุด 7 ก.พ. 64


     

     

     

    ห้วงทำนองเสนาะหูดังกังวานไปทั่วเนิน ทะลุไปถึงชายป่า ท่ามกลางสายลมที่พัดคลอในยามค่ำคืน มันเบาบาง อ่อนช้อยชวนฝัน เฉกเช่นนกน้อยที่กำลังขยับปีก

    ไคเลอร์หลับตา ปล่อยให้บทเพลงของโมสาร์ทขับกล่อมตัวเองขณะจ้องกล่องดนตรีไขลานในมือ ดูเผินๆแล้วอาจไม่มีเสียงใดๆที่จะทัดเทียมกับมันได้ เสียงเพลงเริ่มกระตุก คิ้วเข้มขมวดเป็นปมคว้าแว่นขยายมาส่องดู

     

    ส่วนประกอบทุกชิ้นบนฐานเองก็ดูปกติดี กระทั่งพบว่ามีเส้นผมดึงรั้งฟั่นเฟืองไม่ให้ขยับ ยิ่งเสียงเพลงบรรเลงต่อ มันก็ยิ่งดึงแน่นขึ้น เป็นสาเหตุที่เจ้าของต้องส่งกล่องนี้มาให้นักซ่อมกล่องดนตรีอย่างเขา

     

    แม้จะสงสัยว่าต้องทำกระบวนการใดเส้นผมงามๆนี้ถึงไปติดอยู่ในนั้น แต่ชายหนุ่มมีงานที่สำคัญกว่าต้องนึกถึง และตอนนี้เขาควรรีบทำมันก่อนนาฬิกาจะเดินไปถึงเลขสิบสอง

    เขาลองหมุนกุญแจเครื่องอีกครั้ง คราวนี้มันทำงานได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ความเปี่ยมสุขจากงานที่หลายคนอาจไม่มีมันส่งผ่านความสุขของเขาออกมาผ่านแววตาและรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก

     

    “เพราะจัง”

     

    ไคเลอร์สะดุ้ง นั่นไม่ใช่เสียงของเขา เกือบทำกล่องดนตรีหลุดจากมือเมื่อพบร่างที่ปกคลุมด้วยผ้าสีขาว ยืนชิดริมหน้าต่างนอกบ้าน ยิ่งจ้องก็ยิ่งเหมือนโดนสะกดให้หันไปมองทางอื่นไม่ได้

    ชายหนุ่มลูบผ้าพันแผลรอบศีรษะเบาๆ

     

    “มาตั้งแต่เมื่อไหร่”

     

    “ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว”

     

    อยู่มาตั้งแต่แรกก็น่าจะเห็นสิ อยากจะแย้งกลับไปแบบนั้นแต่ไคเลอร์กลับเก็บงำคำพูดไว้ท่ามกลางเสียงเข็มนาฬิกาและเพลงที่ค่อยๆ เบาลงจนหยุด ผู้ที่อยู่ด้านนอกชะโงกใบหน้าแนบอิงติดกระจก  ส่งเสียง 'ฮูว' เหมือนเด็กที่ทึ่งกับของเล่นใหม่

     

    “เธอต้องการอะไรกันแน่" ชายหนุ่มเปรยขึ้น และได้รับคำตอบด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจกลับมา

     

    “ส่งเค้กในครัวมา มันควรจะเป็นของผม”

     

    ไคเลอร์เลิกคิ้ว เมื่อกลางวันเขาได้รับเค้กวานิลลาหอมกรุ่นเป็นการต้อนรับจากเพื่อนบ้านคนใหม่ที่อยู่ห่างจากบ้านเขาไปเกือบสองไมล์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ชนบทห่างไกลความเจริญและเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ ถ้าจะให้เดา เจ้าเด็กจอมตะกละข้างนอกคงจะเห็นขณะที่ยกมันไปไว้ในบ้าน

     

    "แล้วเธอเป็นใคร"

     

    “ผมเป็นผี”

     

    คราวนี้ สายตาของไคเลอร์ที่มองร่างใต้ผ้าคลุมเตียงของเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า

    เนี่ยน่ะเหรอผี

     

    ร่างเล็กด้านนอกพยักหน้าหงึกหงัก เมื่อสังเกตแล้ว เด็กหนุ่มมิได้ตัวโปร่งใสหรือเปรอะเปื้อนเลือดเลยสักนิด ดูยังไงก็เหมือนคนธรรมดาๆ นั่นทำให้ไคเลอร์รู้สึกผ่อนคลายเหมือนกับได้คุยกับเด็กคนหนึ่ง

     

    “มีเหตุผลดีๆ ที่ฉันควรจะให้มันกับเธอหรือเปล่า”

     

    “ผมหิว”

     

    “เป็นผีต้องกินอาหารเหมือนกับคนด้วยงั้นสิ?”

     

    “ตกลงจะเอาเค้กมาได้หรือยัง” ผู้ที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นผีอยู่ด้านนอกพูดเสียงแข็ง มันไม่น่ารักนักสำหรับการพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ ท่าทางจะไม่ได้ฝึกฝนทางด้านมารยาทมาก่อนตายกระมัง

     

    “เธอไปเอาได้นะ ฉันไม่ชอบขนมหวาน แต่..”

     

    “แต่?”ผีผ้าคลุมเตียงเอียงคอนิดๆอย่างสงสัย

     

    “ทำไมไม่ทะลุผนังเข้ามาเอง มันไม่ง่ายกว่างั้นหรือ”

     

    ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งนั่งไขว่ห้างชักชวน ลืมไปเสียสนิทว่าผีตนนี้แอบเข้าห้องและขโมยผ้าปูเตียงไปเมื่อเช้า แม้มองมุมไกลจากตรงนี้ก็ยังเห็นได้ชัดใต้แสงไฟสลัว ท่าทางไร้พิษสงของผีน้อยต่างจากเรื่องเล่าของผีส่วนใหญ่ที่น่าเกลียดน่ากลัวมากซึ่งฤทธิ์เดช เขาจ้องเข้าไปในรูโหว่เล็ก ๆ บนผ้าอย่างท้าทาย

     

    “ผ้าคลุมของผมทะลุผ่านไปไม่ได้” ผีผ้าคลุมทำท่าแบมืออย่างจนปัญญา

     

    “งั้นก็ถอดผ้าคลุมออก”

     

    โดยไม่มีสัญญาณเตือน  ลมพัดหวีดอยู่ด้านนอก กิ่งต้นโอ๊คครูดกับผนังบ้านข่มขวัญไคเลอร์ที่ตัวแข็งทื่อด้วยความเย็นเมื่อประตูเปิดอ้าเข้ามาพร้อมกับลม  เจ้าผีตะปบมือเข้ากับบานหน้าต่าง

     

    “ห้ามถอดผ้าคลุม”

     

    ผีผ้าคลุมมองไปที่ประตู เมื่อไคเลอร์หันมามองอีกทีก็ไม่เห็นร่างนั้นอยู่ริมหน้าต่างอีกแล้ว แทนที่จะเบาใจ แต่เสียงฝีเท้าอ้อมตัวบ้านทำให้ชายหนุ่มลุกขึ้นวิ่ง แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าผีนั้นจะทำอะไร

    แม้จะยอมยกของหวานให้ แต่ไม่ได้รับปากไว้นี่ว่าจะให้ง่ายๆ

     

    “เค้ก!!”

     

    ก่อนที่ไคเลอร์จะไปถึงประตู ผีผ้าคลุมก็กอบชายผ้าเปื้อนดินโคลนวิ่งทะลุผ่านตัวเขาเข้าไปในครัว ความรู้สึกเย็นหวิวปะทะเสียจนเข่าอ่อน ประทับมือไว้กับอกอย่างไม่เชื่อ

     

    "วานิลลาเค้ก วานิลลาเค้ก

    บนตู้ ใต้เตียงเรียงหลบซ่อน

    วานิลลาเค้ก วานิลลาเค้ก

    กลิ่นหอมเย้ายวนชวนคลั่ง

    วานิลลาเค้ก วานิลลาเค้ก

    เอามาให้ฉันหรือจะยอมให้หลอก"

     

     เสียงหวานแจ๋วอย่างอารมณ์ดีดังสะท้อนก้อง วนซ้ำหนึ่งรอบพร้อมกับเสียงเอะอะในครัว เสียงจานกระทบกัน เสียงลับมีด ก่อนที่ผีน้อยจะถือถาดเค้กก้อนใหญ่ไว้ด้วยมือเดียวตรงมาหาช่างซ่อมกล่องดนตรี ชายหนุ่มเงยมองสบรูโหว่ของผ้าที่มองกลับมาหาเขาเหมือนกัน

     

    "คนโง่"

     

    "อะไรนะ"ไคเลอร์ถาม น้ำเสียงฟังคล้ายกำลังสับสน

     

    "คุณน่ะไม่รู้อะไรเลย"

     

    "งั้นบอกอะไรที่ฉันไม่รู้มาสิ"

     

    "ผมชื่อทีโอดอร์"

     

    ผีผ้าคลุมยื่นมือมาข้างหน้าหวังจะช่วยโดยที่ลืมว่าตนเป็นผี ผิดกับไคเลอร์ที่ยังคงนึกถึงสัมผัสเย็นเมื่อครู่ได้อยู่ แต่กระนั้นก็ยังเผลอไปปัดมือน้อยราวกับกำลังพยายามปัดควัน

    ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มือของเขาปัดไปโดนถาดเค้กในมือของมวลสารตรงหน้า เค้กวนิลาร่วงลงสู่พื้นกลายเป็นซากขนมเละๆไม่น่ารับประทาน ทีโอดอร์กระโดดโหยง

     

    "ผมไม่ได้ทำนะ"

     

    "ผ้าคลุมของเธอเลอะหมดแล้ว"ไคเลอร์พูดเหมือนคนละเมอ จิ้มนิ้วลงไปบนครีมเละๆแล้วส่งนิ้วเข้าปาก ผีผ้าคลุมพยายามสะบัดเศษครีมออก ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าผีตัวนี้ไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างในหรือเปล่า--เสื้อผ้าน่ะ "หยุดเลยนะ ถอดผ้ามาฉันจะเอาไปทำความสะอาด"

     

    " ไม่ ถอด ผ้าคลุม"

     

    ซึ่งข้อสันนิฐานนี้ก็น่าจะเป็นไปได้

     

    "อย่าดื้อได้ไหม ฉันแค่หวังดี"

     

    "อย่าดื้อได้ไหม ผมบอกว่าไม่"

     

    ชายหนุ่มถอนหายใจยกใหญ่ ตั้งแต่ได้พบกับผีตนนี้คิ้วเขายังขมวดไม่เลิก

     

    "ตกลง จะทำยังไงกับตัวเองก็เชิญ"

     

    ทีโอดอร์กอดอก หลุบสายตาลงต่ำ

     

    "เอาล่ะๆ ฉันจะเริ่มทำความสะอาดจะดีกว่า"

     

    "เค้กอร่อยดีไหม"

     

    ช่างซ่อมกล่องดนตรีมีสีหน้างงงวย "แน่นอน อร่อยมาก"

     

    ผีผ้าคลุมนั่งยองๆ มีบางสิ่งอยู่ในเนื้อเค้ก สีแดงอมน้ำตาล ทีโอดอร์ครางในลำคอขณะดึงมันออกมา มันยาวเฟื้อยและเต็มไปด้วยขาสีเหลืองพองกรอบเป็นร้อยๆ

    มันคือตะขาบ และครั้งหนึ่งมันเคยมีชีวิต

     

    "อุ้บ.."ไคเลอร์ปิดปากด้วยมือ สเต็กที่กินไปเมื่อเย็นกับครีมเค้กแทบทะลักกลับออกมาจากกระเพาะเสียตอนนั้น

     

     

     

    ทีโอดอร์อาสาจับเอาตะขาบออกไปทิ้งนอกบ้านขณะที่ไคเลอร์กำลังยืนมองอย่างนึกขยาด ริมฝีปากของเขาแดงจากการขัดถูด้วยมือ

     

    "ไม่กลัวบ้างหรือไง"

     

    "อะไรนะครับ"ผีผู้ได้รับหน้าที่กำจัดซากสิ่งมีชีวิตด้วยความเต็มใจราวกับเป็นอัศวินปกป้องเจ้าชายปล่อยซากสัตว์มีพิษลงบนหญ้า

     

    "คุณกลัวเหรอ"

     

    "แค่ขยะแขยงเหมือนแมลงสาบมุดเข้ากางเกง "

     

    ทีโอดอร์ส่งเสียงแปลกๆ ใช้เวลาสักพักกว่าไคเลอร์จะรู้ว่าผีผ้าคลุมกำลังหัวเราะ

     

    "ขอบใจนะสำหรับวันนี้"ชายหนุ่มกระแอมและพูดมันเบาๆ ลมเย็นทำให้คอแหบ "ฉันจะไม่ไปซื้ออาหารจากที่นั่นอีกเลยให้ตายสิ"

     

    "เลี้ยงผมแทนคำขอบคุณได้ไหม"ทีโอดอร์หันกลับมาทันประตูที่ปิดลง  "เฮ้ คุณลืมผมไว้ข้างนอกแน่ะ"

     

    เมื่อไร้เสียงตอบรับ ผีผ้าคลุมเตียงเกาประตูด้วยเล็บของตัวเองแทนการเคาะประตู

    กฎของผีข้อที่ห้า ห้ามผีเคาะประตูบ้าน

    มันเป็นกฎที่ผีอย่างเขาจำเป็นต้องปฎิบัติไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้จะไม่เห็นด้วยนัก

     

    "ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!!" ทีโอดอร์ตะโกน

     

    ผ่านไปสามนาทีราวกับห้วงเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ ร่างของเด็กชายย่อตัวลงนั่งข้างธรณีประตู เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ก่อนที่ประตูจะแง้มเปิดและปิดลงในเวลาไม่กี่อึดใจ ทีโอดอร์ไม่ได้หันไปมอง ลมจากทิศเหนือทำให้กลิ่นหวานๆลอยมาแตะจมูกเรียกความสนใจของผีอย่างตน ข้างประตูมีจานแพนเค้กราดด้วยเมเปิ้ลไซรัปเย็นชืด ทีโอดอร์มองอย่างสงสัย

     

    "คุณเอาแพนเค้กมาให้น้ำค้างชิมงั้นเหรอ"เขาตะโกน"ผมกินมันได้ใช่ไหม"

     

    "แล้วแต่เธอ"

     

    ทีโอดอร์ยิ้มแฉ่ง โค้งตัวคำนับ ก่อนจะพูดบางอย่างเป็นภาษาฝรั่งเศสซึ่งไคเลอร์ได้ค้นหามันในภายหลัง แปลออกมาได้ว่า

     

    "ขอบคุณเป็นพันเท่า"

     

    "อย่าก่อความวุ่นวายอีก เข้าใจหรือเปล่า"

     

    ไคเลอร์อมยิ้มและทำหน้าเฉยเมยทันทีที่รู้ตัว เขาจัดการทำความสะอาดพื้นที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเค้ก ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวเก่งด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่กี่นาทีต่อมาจึงผล่อยหลับไป

     

     

     

    ยามค่ำคืนส่งเสียงร้องหวีดหวิว กิ่งไม้ผ่ายผอมราวกับโครงกระดูกทาบทับเงาลงบนตัวของผีน้อยที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงจ้องมองแพนเค้กตรงหน้าตัก ผ้าขาวพริ้วไหวตามแรงลม ตัวเขาฮัมเพลงเป็นทำนองอีกครั้ง เป็นเพลงที่ผู้คนรู้จักกันดีเมื่อต้องใช้ในงานวันเกิด และบทเพลงนั้นขับกล่อมให้เจ้าของบ้านผู้หลับใหลไม่ได้สติหลีกหนีจากฝันร้ายไปได้สำเร็จ

     

     

    "สุขสันต์วันเกิด ทีโอดอร์"ผีน้อยพึมพำกับตัวเองเบาๆ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×