คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 02 : Soul cake
ห้วงทำนองเสนาะหูดังกังวานไปทั่วเนิน ทะลุไปถึงชายป่า ท่ามกลางสายลมที่พัดคลอในยามค่ำคืน มันเบาบาง อ่อนช้อยชวนฝัน เฉกเช่นนกน้อยที่กำลังขยับปีก
ไคเลอร์หลับตา ปล่อยให้บทเพลงของโมสาร์ทขับกล่อมตัวเองขณะจ้องกล่องดนตรีไขลานในมือ ดูเผินๆแล้วอาจไม่มีเสียงใดๆที่จะทัดเทียมกับมันได้ เสียงเพลงเริ่มกระตุก คิ้วเข้มขมวดเป็นปมคว้าแว่นขยายมาส่องดู
ส่วนประกอบทุกชิ้นบนฐานเองก็ดูปกติดี กระทั่งพบว่ามีเส้นผมดึงรั้งฟั่นเฟืองไม่ให้ขยับ ยิ่งเสียงเพลงบรรเลงต่อ มันก็ยิ่งดึงแน่นขึ้น เป็นสาเหตุที่เจ้าของต้องส่งกล่องนี้มาให้นักซ่อมกล่องดนตรีอย่างเขา
แม้จะสงสัยว่าต้องทำกระบวนการใดเส้นผมงามๆนี้ถึงไปติดอยู่ในนั้น แต่ชายหนุ่มมีงานที่สำคัญกว่าต้องนึกถึง และตอนนี้เขาควรรีบทำมันก่อนนาฬิกาจะเดินไปถึงเลขสิบสอง
เขาลองหมุนกุญแจเครื่องอีกครั้ง คราวนี้มันทำงานได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ความเปี่ยมสุขจากงานที่หลายคนอาจไม่มีมันส่งผ่านความสุขของเขาออกมาผ่านแววตาและรอยยิ้มเล็กๆที่มุมปาก
“เพราะจัง”
ไคเลอร์สะดุ้ง นั่นไม่ใช่เสียงของเขา เกือบทำกล่องดนตรีหลุดจากมือเมื่อพบร่างที่ปกคลุมด้วยผ้าสีขาว ยืนชิดริมหน้าต่างนอกบ้าน ยิ่งจ้องก็ยิ่งเหมือนโดนสะกดให้หันไปมองทางอื่นไม่ได้
ชายหนุ่มลูบผ้าพันแผลรอบศีรษะเบาๆ
“มาตั้งแต่เมื่อไหร่”
“ผมอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แรกแล้ว”
อยู่มาตั้งแต่แรกก็น่าจะเห็นสิ อยากจะแย้งกลับไปแบบนั้นแต่ไคเลอร์กลับเก็บงำคำพูดไว้ท่ามกลางเสียงเข็มนาฬิกาและเพลงที่ค่อยๆ เบาลงจนหยุด ผู้ที่อยู่ด้านนอกชะโงกใบหน้าแนบอิงติดกระจก ส่งเสียง 'ฮูว' เหมือนเด็กที่ทึ่งกับของเล่นใหม่
“เธอต้องการอะไรกันแน่" ชายหนุ่มเปรยขึ้น และได้รับคำตอบด้วยน้ำเสียงมั่นอกมั่นใจกลับมา
“ส่งเค้กในครัวมา มันควรจะเป็นของผม”
ไคเลอร์เลิกคิ้ว เมื่อกลางวันเขาได้รับเค้กวานิลลาหอมกรุ่นเป็นการต้อนรับจากเพื่อนบ้านคนใหม่ที่อยู่ห่างจากบ้านเขาไปเกือบสองไมล์ เนื่องจากเป็นพื้นที่ชนบทห่างไกลความเจริญและเต็มไปด้วยทุ่งหญ้าสำหรับเลี้ยงสัตว์ ถ้าจะให้เดา เจ้าเด็กจอมตะกละข้างนอกคงจะเห็นขณะที่ยกมันไปไว้ในบ้าน
"แล้วเธอเป็นใคร"
“ผมเป็นผี”
คราวนี้ สายตาของไคเลอร์ที่มองร่างใต้ผ้าคลุมเตียงของเขาด้วยสายตาที่บ่งบอกว่า
เนี่ยน่ะเหรอผี
ร่างเล็กด้านนอกพยักหน้าหงึกหงัก เมื่อสังเกตแล้ว เด็กหนุ่มมิได้ตัวโปร่งใสหรือเปรอะเปื้อนเลือดเลยสักนิด ดูยังไงก็เหมือนคนธรรมดาๆ นั่นทำให้ไคเลอร์รู้สึกผ่อนคลายเหมือนกับได้คุยกับเด็กคนหนึ่ง
“มีเหตุผลดีๆ ที่ฉันควรจะให้มันกับเธอหรือเปล่า”
“ผมหิว”
“เป็นผีต้องกินอาหารเหมือนกับคนด้วยงั้นสิ?”
“ตกลงจะเอาเค้กมาได้หรือยัง” ผู้ที่กล่าวอ้างตัวว่าเป็นผีอยู่ด้านนอกพูดเสียงแข็ง มันไม่น่ารักนักสำหรับการพูดกับผู้ใหญ่แบบนี้ ท่าทางจะไม่ได้ฝึกฝนทางด้านมารยาทมาก่อนตายกระมัง
“เธอไปเอาได้นะ ฉันไม่ชอบขนมหวาน แต่..”
“แต่?”ผีผ้าคลุมเตียงเอียงคอนิดๆอย่างสงสัย
“ทำไมไม่ทะลุผนังเข้ามาเอง มันไม่ง่ายกว่างั้นหรือ”
ชายหนุ่มผิวสีน้ำผึ้งนั่งไขว่ห้างชักชวน ลืมไปเสียสนิทว่าผีตนนี้แอบเข้าห้องและขโมยผ้าปูเตียงไปเมื่อเช้า แม้มองมุมไกลจากตรงนี้ก็ยังเห็นได้ชัดใต้แสงไฟสลัว ท่าทางไร้พิษสงของผีน้อยต่างจากเรื่องเล่าของผีส่วนใหญ่ที่น่าเกลียดน่ากลัวมากซึ่งฤทธิ์เดช เขาจ้องเข้าไปในรูโหว่เล็ก ๆ บนผ้าอย่างท้าทาย
“ผ้าคลุมของผมทะลุผ่านไปไม่ได้” ผีผ้าคลุมทำท่าแบมืออย่างจนปัญญา
“งั้นก็ถอดผ้าคลุมออก”
โดยไม่มีสัญญาณเตือน ลมพัดหวีดอยู่ด้านนอก กิ่งต้นโอ๊คครูดกับผนังบ้านข่มขวัญไคเลอร์ที่ตัวแข็งทื่อด้วยความเย็นเมื่อประตูเปิดอ้าเข้ามาพร้อมกับลม เจ้าผีตะปบมือเข้ากับบานหน้าต่าง
“ห้ามถอดผ้าคลุม”
ผีผ้าคลุมมองไปที่ประตู เมื่อไคเลอร์หันมามองอีกทีก็ไม่เห็นร่างนั้นอยู่ริมหน้าต่างอีกแล้ว แทนที่จะเบาใจ แต่เสียงฝีเท้าอ้อมตัวบ้านทำให้ชายหนุ่มลุกขึ้นวิ่ง แม้แต่คนโง่ก็ยังรู้ว่าผีนั้นจะทำอะไร
แม้จะยอมยกของหวานให้ แต่ไม่ได้รับปากไว้นี่ว่าจะให้ง่ายๆ
“เค้ก!!”
ก่อนที่ไคเลอร์จะไปถึงประตู ผีผ้าคลุมก็กอบชายผ้าเปื้อนดินโคลนวิ่งทะลุผ่านตัวเขาเข้าไปในครัว ความรู้สึกเย็นหวิวปะทะเสียจนเข่าอ่อน ประทับมือไว้กับอกอย่างไม่เชื่อ
"วานิลลาเค้ก วานิลลาเค้ก
บนตู้ ใต้เตียงเรียงหลบซ่อน
วานิลลาเค้ก วานิลลาเค้ก
กลิ่นหอมเย้ายวนชวนคลั่ง
วานิลลาเค้ก วานิลลาเค้ก
เอามาให้ฉันหรือจะยอมให้หลอก"
เสียงหวานแจ๋วอย่างอารมณ์ดีดังสะท้อนก้อง วนซ้ำหนึ่งรอบพร้อมกับเสียงเอะอะในครัว เสียงจานกระทบกัน เสียงลับมีด ก่อนที่ผีน้อยจะถือถาดเค้กก้อนใหญ่ไว้ด้วยมือเดียวตรงมาหาช่างซ่อมกล่องดนตรี ชายหนุ่มเงยมองสบรูโหว่ของผ้าที่มองกลับมาหาเขาเหมือนกัน
"คนโง่"
"อะไรนะ"ไคเลอร์ถาม น้ำเสียงฟังคล้ายกำลังสับสน
"คุณน่ะไม่รู้อะไรเลย"
"งั้นบอกอะไรที่ฉันไม่รู้มาสิ"
"ผมชื่อทีโอดอร์"
ผีผ้าคลุมยื่นมือมาข้างหน้าหวังจะช่วยโดยที่ลืมว่าตนเป็นผี ผิดกับไคเลอร์ที่ยังคงนึกถึงสัมผัสเย็นเมื่อครู่ได้อยู่ แต่กระนั้นก็ยังเผลอไปปัดมือน้อยราวกับกำลังพยายามปัดควัน
ผลลัพธ์ที่ได้ก็คือ มือของเขาปัดไปโดนถาดเค้กในมือของมวลสารตรงหน้า เค้กวนิลาร่วงลงสู่พื้นกลายเป็นซากขนมเละๆไม่น่ารับประทาน ทีโอดอร์กระโดดโหยง
"ผมไม่ได้ทำนะ"
"ผ้าคลุมของเธอเลอะหมดแล้ว"ไคเลอร์พูดเหมือนคนละเมอ จิ้มนิ้วลงไปบนครีมเละๆแล้วส่งนิ้วเข้าปาก ผีผ้าคลุมพยายามสะบัดเศษครีมออก ชายหนุ่มอดคิดไม่ได้ว่าผีตัวนี้ไม่ได้ใส่อะไรไว้ข้างในหรือเปล่า--เสื้อผ้าน่ะ "หยุดเลยนะ ถอดผ้ามาฉันจะเอาไปทำความสะอาด"
" ไม่ ถอด ผ้าคลุม"
ซึ่งข้อสันนิฐานนี้ก็น่าจะเป็นไปได้
"อย่าดื้อได้ไหม ฉันแค่หวังดี"
"อย่าดื้อได้ไหม ผมบอกว่าไม่"
ชายหนุ่มถอนหายใจยกใหญ่ ตั้งแต่ได้พบกับผีตนนี้คิ้วเขายังขมวดไม่เลิก
"ตกลง จะทำยังไงกับตัวเองก็เชิญ"
ทีโอดอร์กอดอก หลุบสายตาลงต่ำ
"เอาล่ะๆ ฉันจะเริ่มทำความสะอาดจะดีกว่า"
"เค้กอร่อยดีไหม"
ช่างซ่อมกล่องดนตรีมีสีหน้างงงวย "แน่นอน อร่อยมาก"
ผีผ้าคลุมนั่งยองๆ มีบางสิ่งอยู่ในเนื้อเค้ก สีแดงอมน้ำตาล ทีโอดอร์ครางในลำคอขณะดึงมันออกมา มันยาวเฟื้อยและเต็มไปด้วยขาสีเหลืองพองกรอบเป็นร้อยๆ
มันคือตะขาบ และครั้งหนึ่งมันเคยมีชีวิต
"อุ้บ.."ไคเลอร์ปิดปากด้วยมือ สเต็กที่กินไปเมื่อเย็นกับครีมเค้กแทบทะลักกลับออกมาจากกระเพาะเสียตอนนั้น
ทีโอดอร์อาสาจับเอาตะขาบออกไปทิ้งนอกบ้านขณะที่ไคเลอร์กำลังยืนมองอย่างนึกขยาด ริมฝีปากของเขาแดงจากการขัดถูด้วยมือ
"ไม่กลัวบ้างหรือไง"
"อะไรนะครับ"ผีผู้ได้รับหน้าที่กำจัดซากสิ่งมีชีวิตด้วยความเต็มใจราวกับเป็นอัศวินปกป้องเจ้าชายปล่อยซากสัตว์มีพิษลงบนหญ้า
"คุณกลัวเหรอ"
"แค่ขยะแขยงเหมือนแมลงสาบมุดเข้ากางเกง "
ทีโอดอร์ส่งเสียงแปลกๆ ใช้เวลาสักพักกว่าไคเลอร์จะรู้ว่าผีผ้าคลุมกำลังหัวเราะ
"ขอบใจนะสำหรับวันนี้"ชายหนุ่มกระแอมและพูดมันเบาๆ ลมเย็นทำให้คอแหบ "ฉันจะไม่ไปซื้ออาหารจากที่นั่นอีกเลยให้ตายสิ"
"เลี้ยงผมแทนคำขอบคุณได้ไหม"ทีโอดอร์หันกลับมาทันประตูที่ปิดลง "เฮ้ คุณลืมผมไว้ข้างนอกแน่ะ"
เมื่อไร้เสียงตอบรับ ผีผ้าคลุมเตียงเกาประตูด้วยเล็บของตัวเองแทนการเคาะประตู
กฎของผีข้อที่ห้า ห้ามผีเคาะประตูบ้าน
มันเป็นกฎที่ผีอย่างเขาจำเป็นต้องปฎิบัติไม่ให้ขาดตกบกพร่องแม้จะไม่เห็นด้วยนัก
"ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!!" ทีโอดอร์ตะโกน
ผ่านไปสามนาทีราวกับห้วงเวลาชั่วกัปชั่วกัลป์ ร่างของเด็กชายย่อตัวลงนั่งข้างธรณีประตู เสียงฝีเท้าดังเข้ามาใกล้ก่อนที่ประตูจะแง้มเปิดและปิดลงในเวลาไม่กี่อึดใจ ทีโอดอร์ไม่ได้หันไปมอง ลมจากทิศเหนือทำให้กลิ่นหวานๆลอยมาแตะจมูกเรียกความสนใจของผีอย่างตน ข้างประตูมีจานแพนเค้กราดด้วยเมเปิ้ลไซรัปเย็นชืด ทีโอดอร์มองอย่างสงสัย
"คุณเอาแพนเค้กมาให้น้ำค้างชิมงั้นเหรอ"เขาตะโกน"ผมกินมันได้ใช่ไหม"
"แล้วแต่เธอ"
ทีโอดอร์ยิ้มแฉ่ง โค้งตัวคำนับ ก่อนจะพูดบางอย่างเป็นภาษาฝรั่งเศสซึ่งไคเลอร์ได้ค้นหามันในภายหลัง แปลออกมาได้ว่า
"ขอบคุณเป็นพันเท่า"
"อย่าก่อความวุ่นวายอีก เข้าใจหรือเปล่า"
ไคเลอร์อมยิ้มและทำหน้าเฉยเมยทันทีที่รู้ตัว เขาจัดการทำความสะอาดพื้นที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเค้ก ก่อนจะนั่งลงบนโซฟาตัวเก่งด้วยความเหนื่อยอ่อน ไม่กี่นาทีต่อมาจึงผล่อยหลับไป
ยามค่ำคืนส่งเสียงร้องหวีดหวิว กิ่งไม้ผ่ายผอมราวกับโครงกระดูกทาบทับเงาลงบนตัวของผีน้อยที่นั่งนิ่งไม่ไหวติงจ้องมองแพนเค้กตรงหน้าตัก ผ้าขาวพริ้วไหวตามแรงลม ตัวเขาฮัมเพลงเป็นทำนองอีกครั้ง เป็นเพลงที่ผู้คนรู้จักกันดีเมื่อต้องใช้ในงานวันเกิด และบทเพลงนั้นขับกล่อมให้เจ้าของบ้านผู้หลับใหลไม่ได้สติหลีกหนีจากฝันร้ายไปได้สำเร็จ
"สุขสันต์วันเกิด ทีโอดอร์"ผีน้อยพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ความคิดเห็น