ตอนที่ 9 : [SF] Series Loving Season - Summer
Summer : Hot!!
ฤดูร้อน...จะคิดถึงอะไรได้บ้าง วันหยุด? ทะเล? หาดทราย? ปาร์ตี้ริมหาด? หรือช่วงเวลาดีๆกับคนรัก? มันก็แล้วแต่ว่าความคิดของใครจะสร้างสรรค์ได้มากแค่ไหนเท่านั้น
ลมร้อนแห่งฤดูคิมหันต์นำพาหลายๆสิ่งหลายอย่างเข้ามา ถึงแม้จะไม่ใช่ฤดูที่เป็นจุดเริ่มต้นของปี แต่ก็มีอะไรที่ดีๆเกิดขึ้นมากมาย สุดท้ายแล้วมันก็อยู่ที่เราว่าเราจะเลือกให้มันเป็นแบบไหน เล่นบทบาทอะไร มันอยู่ที่จิตใจ ที่เป็นตัวแปล....
ร่างสูงภูมิฐานในชุดลำลองอย่างที่ใส่ประจำก้าวเดินเข้าตึกบริหารใหญ่ของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่มั่นคงที่สุดในเกาหลีในเช้าวันอาทิตย์ ที่ถ้าให้พูดกันตามตรง วันนี้คือวันหยุดของบริษัทเอกชนทั่วไป แต่ในเมื่อหวานใจมาอยู่ที่นี่ แล้วเขาจะไม่มาได้ยังไง
เมื่อคืนที่ผ่านมา....
/ซีวอน ฉันจะกลับห้องไปนอนแล้วนะ ง่วงจะตายอยู่แล้ว เดี๋ยววันหลังค่อยดูใหม่ก็ได้ ไม่ไหวแล้ว พรุ่งนี้ฉันต้องไปเคลียร์งานที่บริษัทอีก เดี๋ยวไม่ตื่น/
เสียงหวานงัวเงียอยู่กับอกแกร่งหลังจากที่พยายามนั่งถ่างตาดูหนังที่เนื้อหาไม่ได้เข้าหัวเลยแม้แต่นิดเพราะความง่วงในห้องของซีวอนมาได้ครึ่งชั่วโมง ในที่สุดก็ทนไม่ไหว
/ก็หลับไปสิ เดี๋ยวอุ้มไปส่งที่ห้องนายเอง จะจบแล้ว อีกนิดเดียว/
ซีวอนพูดเสียงเบาพลางแขนแกร่งก็กระชับร่างบางเข้าหาตัวมากขึ้น โอบกอดร่างนุ่มนิ่มไว้ทั้งตัว กลิ่นหอมอ่อนๆจากกลุ่มผมนุ่มทำให้ร่างสูงไม่อยากจะผละออกจากร่างเล็กๆนี้จริงๆ
/ก็แล้วนายจะมารั้งฉันไว้ทำไมเนี่ย นายก็ดูไปสิ ฉันจะไปนอนแล้ว/
เสียงเล็กยังคงส่งเสียงงุ้งงิ๊งอยู่กับอกแกร่ง ปากบอกจะไปนอนแต่ตัวกลับยังไม่ยอมลุกออกไป ปากเรียวยกยิ้มขำคนตัวเล็กที่ทำตัวเป็นเด็กๆ ก้มลงประทับจุมพิตแผ่วเบากับกลุ่มผมนุ่ม ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมาทำตาปรือใส่ ยิ้มให้น้อยๆ เอื้อนเอ่ยประโยคแสนเบา
/ฝันดีนะ/
/ฝันดีครับ/
ซีวอนก้มลงมอบจุมพิตแผ่วเบากับกลีบปากบางของคนขี้อ้อน หยอกเอินกลีบอิ่มเชื่องช้าเนิ่นนาน เคล้าคลอให้ร่างบางเคลิ้มไปกับความอ่อนโยน ก่อนผละออกและมอบจุมพิตนุ่มนวลที่เปลือกตาสองข้าง เป็นจูบราตรีสวัสดิ์ที่แสนหวานยามค่ำคืน....
ร่างน้อยขยับตัวแผ่วเบาออกจากอ้อมกอดอุ่น ไม่อยากปลุกให้ร่างสูงต้องตื่นแต่เช้าในวันที่สมควรจะได้หยุดแบบนี้ มือนุ่มลูบแก้มสากแผ่วเบา ก้มลงแตะปากบางเป็นการบอกลาคนที่ยังหลับสนิท ก่อนจะกลับมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่ออกไปเคลียร์งานที่บริษัทที่ทำค้างไว้กับพี่อีทึก
/แล้วเจอกันนะ ซีวอนของฉัน.../
น่าแปลกใจที่แม้จะเป็นวันอาทิตย์แต่ก็เห็นมีพนักงานจำนวนไม่น้อยนักที่เข้ามาที่บริษัทในวันนี้ ซีวอนเดินตรงไปที่ห้องทำงานของฮยอกแจ อีทึกก็เดินสวนทางออกมาพอดี
“อ้าวซีวอน มาหาฮยอกแจหรอ”
“ครับพี่ ว่าแต่ทำไมวันนี้คนเยอะจัง นี่วันอาทิตย์นะเนี่ย”
“อ๋อ พอดีบริษัทกำลังจะปิดโปรเจคใหญ่น่ะ เลยต้องรีบเคลียร์กันหน่อย นี่ก็หลายแผนกเลย ที่ต้องปิดโปรเจค พี่ไปก่อนนะ”
“ครับพี่”
ซีวอนก้มหัวให้รุ่นพี่น้อยๆ ก่อนจะสาวท้าวตรงเข้าไปที่ห้องทำงานของฮยอกแจ
ประตูไม้บานใหญ่โดนผลักเข้ามาอีกครั้งหลังจากที่ปิดสนิทไปได้ไม่นานทำให้ฮยอกแจคิดว่าเป็นอีทึกที่ลืมของ เลยไม่ได้เงยหน้าขึ้นมอง เพียงแค่ส่งเสียงถามไปเท่านั้น
“พี่อีทึกลืมอะไรหรอครับ”
“พี่อีทึกน่ะไม่ได้ลืมหรอก แต่นายนั่นแหละที่ลืม ลืมไปแล้วว่าตอนกลางวันต้องกินข้าว นี่มันเที่ยงกว่าแล้วนะครับ จะไม่ออกไปกินข้าวกินปลาหน่อยหรือไง นี่ถ้าผมไม่แวะเข้ามาจะออกไปกินไหมเนี่ย”
ฮยอกแจเงยหน้าขึ้นมองเจ้าของเสียงเข้มที่ทำตัวขี้บ่นทุกครั้งที่เขาเอาแต่ทำงาน ส่งยิ้มแหยๆไปให้ ก่อนจะดันตัวลุกจากเก้าอี้เดินอ้อมมากอดแขนร่างสูงอย่างเอาใจ
“ขอโทษ ก็ฉันกำลังติดพันนี่นา กำลังจะต้องปิดโปรเจคใหญ่ เลยเร่งกันสุดฤทธิ์เลย”
ซีวอนโอบร่างบาง ยกมืออีกข้างขึ้นไล้แก้มขาวเบาๆ
“นอนดึกมาก็หลายคืนแล้วเนี่ย เมื่อวานก็ไม่บอกว่าต้องปิดโปรเจค ไม่อย่างนั้นก็ไม่ชวนดูหนังหรอก”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า เหลืออีกนิดหน่อยเอง เราออกไปกินข้าวกันเถอะ หิวจะตายอยู่แล้ว”
ทำมือลูบท้องป้อยๆกับหน้าตาแบบว่า ‘หิวจริงๆนะ’ ก่อนจะจูงมือร่างสูงให้ออกไปด้วยกัน
บรรยากาศสบายๆของร้านอาหารอิตาเลี่ยนที่ถึงแม้จะมีลูกค้ามาใช้บริการเต็ม แต่เพราะเขื่อนไขของทางร้านที่ต้องมีการจองล่วงหน้าด้วยจำนวนโต๊ะที่มีจำกัด ทำให้ร้านยังคงความเงียบสงบสบายๆได้อย่างดี ระยะห่างของแต่ละโต๊ะช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวให้ลูกค้าแต่ละคน
“ซีวอน ฉันว่าจะบอกนาย ว่าที่เราตกลงกันว่าจะไปเซจูวันจันทร์นี้ มันตรงกับวันที่ฉันต้องไปดูงานของลูกค้าสำคัญพอดี เขากำลังจะขยายโรงแรมใหม่ที่เซจู จะเป็นอะไรหรือเปล่า เพราะเวลาเที่ยวของเราอาจจะน้อยลง”
ฮยอกแจเอ่ยเสียงเบากับร่างสูงข้างกาย ซีวอนจะเป็นแบบนี้เสมอ เลือกที่จะนั่งข้างๆกัน แทนที่จะเป็นตรงข้าม และเหตุผลที่เคยถามว่าทำไมก็คือ “ก็ฉันอยากอยู่ใกล้นายตลอดเวลา” และร่างสูงก็ทำเสมอมา จนกลายเป็นเรื่องคุ้นชิน
“ไม่เห็นเป็นไรนี่นา ยังไงเราก็จะไปกันอยู่แล้วนี่ ยืดเวลาออกไปหลังทำงานเสร็จก็ได้”
“แต่ว่านายตั้งใจจะไปเที่ยวนี่นา กลับมาเจอเรื่องงานซะได้”
ฮยอกแจเอนหัวพิงไหล่หนานิดๆ ถอนหายใจอย่างกับมีอะไรมาหนักอกหนักใจ มือหนายกขึ้นยีหัวคนคิดมากกับเรื่องไม่เป็นเรื่องเบาๆ โอบกระชับร่างบางเข้าหาตัวแน่นขึ้น รู้สึกอิ่มเอมในหัวใจอย่างบอกไม่ถูก
“อย่าคิดมากน่า ใช่ว่านายจะไปทำงานทั้งวันทั้งคืนเสียเมื่อไหร่”
“อืม เรากลับเข้าบริษัทกันเถอะ ฉันจะได้ไปช่วยพี่อีทึกเคลียร์ให้เสร็จภายในวันนี้ พรุ่งนี้ก็เดินทางแล้ว”
เสียงรับคำน้อยๆพร้อมกับมือบางที่เอื้อมมาสอดประสานกับมือหนา ดึงร่างสูงให้เดินไปด้วยกัน
เวลาผ่านไปครึ่งค่อนวัน ซีวอนที่แม้จะโดนไล่ครั้งแล้วครั้งเล่าให้กลับคอนโดไปก่อน แต่ร่างสูงก็ยังคงดื้อจะคอยฮยอกแจให้ทำงานให้เสร็จจนได้ โซฟาตัวยาวภายในห้องทำงานจึงเป็นเตียงนอนชั่วคราวของร่างสูงไปแล้ว
“เฮ้ออออ เสร็จสักที”
เวลาผ่านไปร่วมหกชั่วโมง ฮยอกแจปิดแฟ้มงานแฟ้มสุดท้ายลงอย่างโล่งกายสบายใจ ในที่สุดก็เคลียร์โปรเจคเสร็จ ร่างบางยืนขึ้นสลัดความเมื่อยขบของร่างกายจากการนั่งทำงานมาทั้งวัน แล้วเดินไปนั่งลงที่ริมโซฟาข้างๆร่างหนาที่นอนเหยียดยาว มือบางเขย่าปลุกเบาๆ
“ซีวอน....ตื่นได้แล้ว บอกให้กลับไปก่อนก็ไม่เชื่อ มานอนให้ไม่สบายตัวอยู่แบบนี้ทำไมก็ไม่รู้” เสียงหวานบ่นคนที่พูดไม่รู้ฟัง เป็นห่วงกลัวว่าจะนอนไม่สบายก็ไม่เชื่อกันบ้าง
“ไม่เห็นปลุกเหมือนที่ฉันปลุกนาย
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ถูกส่งมาทั้งที่ตาทั้งสองข้างยังไม่เปิด ฮยอกแจยิ้มขำ อยากจะเอานิ้วจิ้มเจ้าลักยิ้มกวนๆข้างแก้มนั้นสักสองสามทีข้อหาหมั่นไส้ แต่ร่างบางก็ก้มลงแนบริมฝีปากนุ่มลงไปแผ่วเบา
“ทีนี้ก็ตื่นได้แล้วครับเจ้าชาย จะได้กลับบ้านกัน”
ซีวอนยิ้มรับ ดันตัวลุกขึ้นนั่งแต่แล้วก็รั้งร่างบางให้ลงมานั่งบนตักตนก่อนแขนแกร่งจะกระหวัดกอดกระชับ จมูกโด่งซุกลงกับซอกคอขาวหอมกรุ่น ฮยอกแจอมยิ้มน้อยๆ แขนเรียวยกขึ้นโอบรอบคอแกร่ง กอดตอบคนที่ทำตัวขี้อ้อนจนเกินตัว
“อย่ามาขโมยเคล็ดลับกันนี้สิ มาแข่งกันอ้อนแบบนี้แล้วฉันจะเล่นมุขไหนได้เนี่ย ไปเร็ว กลับบ้านกัน”
ฮยอกแจทำท่าจะผละออก แต่เพราะคนตัวใหญ่ไม่ยอมปล่อย ร่างบางเลยยังถูกกอดอยู่แบบนั้นแถมปากอุ่นยังสร้างความปั่นป่วนให้อีกต่างหากเมื่อซีวอนเริ่มจะขบเม้มเนื้ออ่อนที่ซอกคอหอมกรุ่นอย่างอยากแกล้งพร้อมกับพึมพำอยู่กับความหวานนุ่มของเนื้อแท้
“อย่าเพิ่งสิ กำลังหอมๆสบายๆเลย”
มือบางฟาดลงไปที่ไหล่หนาไม่เบานักให้คนเจ้าเล่ห์ต้องผละออกมายู่หน้าใส่
“มือหนักจัง ต่อไปถ้า มากกว่านี้ ฉันจะน่วมมั้ยเนี่ย”
อะไรที่มากกว่านี้ทุถูกเน้นคำทำให้แก้มขาวซับสีอ่อนๆ ขึ้นทันที
“บ้า! กลับบ้านกัน”
ซีวอนยิ้มขำ ฟัดแก้มขาวนวลไปอีกฟอดใหญ่ก่อนจะโอบกอดเอวบางให้เดินเคียงข้างไปด้วยกัน
“ป๊าว่าอะไรนะ!”
เสียงตะโกนถามที่ดังไปตลอดทั้งโถงทางเดินของคอนโดชั้น 12Aและยังรวมไปถึงดังเข้ามาในห้องของฮยอกแจเพราะเจ้าตัวเล่นมาตะโกนจังหวะที่ยืนอยู่หน้าห้องเขาพอดี มาตะโกนแต่เช้าแบบนี้ เดี๋ยวชาวบ้านเขาได้ลุกขึ้นมาด่ากันพอดี
ฮยอกแจเปิดประตูมาก็เจอร่างสูงกำลังพูดโทรศัพท์ คาดได้ว่าน่าจะเป็นกับบิดาเพราะคำเรียกขานทางปลายสายว่า “ป๊า” นั้น คิ้วเข้มขมวดเข้าด้วยกันชนิดที่ถ้ามันเป็นเชือกก็คงพันกันยุ่งเหยิงไปแล้ว
“โหย....ป๊าให้คนอื่นไปทำแทนผมไม่ได้หรอครับ ผมมีนัดแล้วนะ”
“....”
“ครับป๊า....ครับ เข้าใจครับ สวัสดีครับ”
“มีอะไรหรอซีวอน”
ฮยอกแจเดินมาพร้อมกับกาแฟหอมกรุ่นในมือยื่นมาให้ ซีวอนรับและรั้งร่างบางเข้าสู่อ้อมกอด กดจมูกลงกับกลุ่มผมนุ่ม เป็นการทักทายกันตอนเช้าที่ซีวอนทำมันเป็นประจำ มือหนาคล้องเอวบางให้เดินมานั่งที่เคาท์เตอร์ในครัวด้วยกัน
ที่ว่าเป็นประจำก็เพราะว่าทุกๆเช้าซีวอนจะเดินมาเคาะห้องฮยอกแจเพื่อรอออกไปทำงานพร้อมกัน และก็แน่นอนว่าร่างสูงก็ฝากท้องกับมื้อเช้าง่ายๆที่ห้องนี้เหมือนกัน อ้อมแขนอบอุ่นจะอ้ารอร่างบอบบางให้เข้าไปกอดพร้อมกับแนบจุมพิตเบาๆกับกลุ่มผมนุ่มเป็นการทักทายกันตอนเช้า สิ่งเหล่านี้คืออะไรที่ร่างสูงไม่เคยลืมที่จะทำมัน
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก แต่ว่าป๊าเพิ่งจะโทรมาบอกว่าฉันต้องไปประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทคุณอาที่อเมริกา ซึ่งจะมีในวันพรุ่งนี้ นั่นหมายความว่าฉันจะต้องเดินทางในวันนี้ และไปเตรียมตัวก่อน”
“อ้าวหรอ แย่จัง”
“ก็ใช่น่ะสิ ทั้งที่วางแผนไว้แล้วแท้ๆ แต่ก็มาเจองานจนได้สิน่า นี่ยังโดนบ่นอีกว่าทำตัวเป็นเด็กนักเรียนไปได้ ที่มีหยุดซัมเมอร์ ป๊านะป๊า”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า ฉันก็ต้องทำงานเหมือนกัน เอาไว้เราหาโอกาสได้ใหม่ ค่อยไปก็ได้นี่นา”
“อืม...แต่ฉันคงคิดถึงนาย
เสียงอ้อนแบบเว่อๆของร่างสูงทำให้ฮยอกแจยิ้มขำ จับจมูกโด่งสวยส่ายไปมา
“อย่ามาทำเว่อ เดี๋ยวก็กลับแล้ว ไปเถอะ นี่ก็สายแล้ว เดี๋ยวเข้าบริษัทสาย ฉันไม่ได้เอารถมาด้วย บอกแล้วก็ไม่เชื่อ ว่าเมื่อวานให้เอารถกลับมาคนละคัน นายจะได้ไม่ต้องไปส่งฉันก่อนเพราะนายนั่นแหละที่จะสาย”
ฮยอกแจบ่นนิดๆ ดึงแก้วกาแฟที่ซีวอนยังดื่มได้ไม่ถึงครึ่งไปเก็บก่อนจะดึงมือร่างสูงไปด้วยทันที ซีวอนเลยได้แต่ทำตามคนตัวเล็กอย่างขำๆ เฮ้อ....แฟนใครเนี่ย
Audi Sport คันหรูจอดเทียบที่ด้านหน้าตึกบริหารใหญ่เครือมินซูพรอพเพอร์ตี้ ฮยอกแจกำลังจะเปิดประตูรถออกไปแต่เพราะแรงรั้งจากร่างสูงทำให้ร่างบางหันกลับมาพร้อมๆกับที่ปากบางถูกประกบจูบแนบแน่น ลิ้นร้อนไล้วนกับกลีบปากนุ่มอย่างขอทาง ความอ่อนหวานทำให้ฮยอกแจต้องยอมจำนน เปิดปากให้ร่างสูงเข้าไปลิ้มรสน้ำผึ้งหอมหวาน ซีวอนแนบจูบอ่อนโยนหากแต่ก็รุกเร้าการตอบสนองไปในตัว ร่างบางจูบตอบอย่างเขินอายแล้วก็ตัดใจผละออกในที่สุด
“ อะไรกัน ชักจะเอาใหญ่แล้วนะ”
ฮยอกแจเอ่ยยิ้มๆ มือบางยังวางพะอยู่ที่ไหล่แกร่ง จ้องตาคนรักในระยะที่สัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ซีวอนก้มลงเม้มปากแดงๆมันละเลื่อมเพราะการจูบนั้นอีกครั้ง แล้วเอ่ยเสียงเบาชิดริมฝีปาก
“ก็จะไม่ได้เจอหน้ากันตั้งหลายวันนี่นะ”
“อ้อนมากๆเดี๋ยวก็ไม่ไปซะเลย”
“ถ้าไม่ได้ไปจริงๆ นายนั่นแหละที่จะเดือดร้อน”
แววตาเจ้าเล่ห์ของคนตรงหน้าทำให้แก้มขาวซับสีเลือดขึ้นมาทันตา ฮยอกแจก้มลงกดจมูกกับแก้มสากไปอีกหนึ่งทีก่อนจะออกจากรถ หันมาส่งยิ้มหวานให้อีกทีแล้วร่างเล็กก็ลับตาเข้าตึกไป ซีวอนส่ายหัวน้อยๆกับคนรักตัวเองที่นับวันก็ยิ่งทวีความน่ารักขึ้นทุกที แล้วอย่างนี้เขาจะไปไหนรอด
Lotte Jeju Hotel
โรงแรมหรูระดับห้าดาวแห่งนี้คือที่รองรับแขกผู้มาเยือนอย่างเขาในวันนี้ ฮยอกแจทราบล่วงหน้าว่าตัวเองจะต้องไปพบกับลูกค้าในวันพรุ่งนี้ ร่างบางไม่ได้สนใจความหรูหราที่ได้พบจากห้อง luxury twin ที่เขาได้รับมาในครั้งนี้แม้แต่น้อย ความคิดที่ว่า ‘มาทำงานแค่ไม่กี่วันเดี๋ยวก็กลับ’ ในตอนแรก มันมลายหายไปพร้อมๆกับการย่างก้าวเข้าสู่ที่แห่งนี้แล้ว
“พี่อีทึก เราจะเริ่มงานพรุ่งนี้ใช่ไหมครับ”
ฮยอกแจส่งเสียงถามขณะที่จัดเสื้อผ้าชุดสุดท้ายเข้าตู้แล้วก็นอนแผ่ลงไปกับเตียงนุ่ม กลิ้งตัวไปกับเตียงแล้วนอนตะแคงเท้าแขนมองรุ่นพี่ที่ยังคงนั่งจัดของอยู่ที่พื้น
“ใช่ พี่ติดต่อกับทางลูกค้าไว้แล้วว่าเราจะเริ่มพรุ่งนี้ตอนเก้าโมงเช้า เราก็แค่ไปเจอเขาที่ด้านหน้าของโรงแรม”
“พี่อีทึกไม่คิดถึงพี่คังอินหรอ มาอย่างนี้น่ะ”
คำถามของฮยอกแจทำให้อีทึกหัวเราะขึ้นเบาๆ หันมามองหน้าน้องชายหน้าหวานที่ทำงานร่วมกันมานาน
“ฮ่าๆ ก็มาทำงานนี่นา แล้วก็มาแค่สี่ห้าวัน เดี๋ยวก็กลับไปเจอกันแล้ว วันอื่นก็เจอกันอยู่ ทำไม? ถามอย่างนี้สงสัยจะคิดถึงพ่อยอดชายนายซีวอน สุดหล่อของเธอหรือยังไง”
ฮยอกแจเพียงแค่ยิ้มนิดๆ ไม่ได้พูดอะไรตอบกลับไป แต่แล้วเสียงเรียกเข้าของเจ้าโทรศัพท์เครื่องจิ๋วก็ดังขึ้น ชื่อที่ปรากฏหน้าจอทำให้ฮยอกแจเด้งตัวจากการนอน ยิ้มแป้นใส่หน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะวิ่งออกไปคุยที่ระเบียงห้องจนอีทึกได้แต่ยิ้มขำรุ่นน้องที่ดูท่าจะอินเลิฟเหลือเกิน
RrrRrrrrRRrrr
“ซีวอน....”
“อืม ถึงแล้วสินะ ทำไมไม่เห็นโทรหาเลยล่ะ หรือว่าไปเจอหนุ่มหล่อที่ไหน เลยลืมกันไปซะแล้ว”
“บ้า...ก็แค่เหนื่อยๆนิดหน่อยเอง นี่....ฉันกลายเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย ทั้งที่ปกติฉันก็ทำงานได้ไม่เคยเกี่ยง แต่พอมาทำที่ไกลๆแบบนี้....โดยไม่เจอนาย มันทำให้ฉันอารมณ์ไม่ดี”
เสียงบ่นเบาๆพูดไม่เต็มปากเต็มคำเพราะตัวเองยอมรับมันออกมาตรงๆว่าคิดถึงร่างสูง ซีวอนยิ้มขำน้อยๆ ตอนแรกยังเป็นคนปลอบเขาอยู่เลยว่าเดี๋ยวก็เจอกัน ตอนนี้กลับกลายเป็นเจ้าตัวเองที่บ่นซะแล้ว
“เอาน่า ไม่กี่วันเองนี่นะ แล้วนี่ต้องไปเริ่มงานเมื่อไหร่”
“พรุ่งนี้....แล้วเครื่องนายออกกี่โมง”
“2 ทุ่มครับ ไปถึงนู่นก็เตรียมงานกันหนึ่งวัน แล้วก็เข้าร่วมประชุมวันต่อไป”
“อืม....ก่อนออกโทรมาด้วยนะ”
เสียงเบาๆอ้อนๆของคนน่ารักทำให้เขาอยากจะบินไปหาแล้วจับร่างบางมาจูบฟัดเสียหลายๆทีจริงๆ อาการขี้อ้อนที่ช่วงหลังมักจะถี่ขึ้นเรื่อยๆของคนปลายสายทำให้ซีวอนแทบจะทนไม่ไหวที่จะ ‘ไม่’ เกินเลยกับร่างบางเสียหลายครั้ง แต่ถึงจะเป็นแบบนั้น เขาก็ชอบที่ฮยอกแจเป็นแบบนี้ ฮยอกแจที่เด็ดเดี่ยวและดูจะเงียบๆเมื่อเจอกันครั้งแรกยอมเปิดเผยอะไรที่เป็นตัวเองออกมา ถึงแม้จะดูหลุดคาแรกเตอร์พูดน้อยไป แต่มันก็น่ารักใช่ย่อยซะนี่ไหนล่ะ
“ครับ ก่อนขึ้นเครื่องจะโทรหา รักนายนะฮยอกแจ ดูแลสุขภาพด้วย แล้วเจอกัน”
“อืม รักนาย
ฮยอกแจกดปิดโทรศัพท์พร้อมรอยยิ้ม อารมณ์ดีขึ้นมาบ้างเมื่อได้ยินเสียงคนรัก เอาน่าลี ฮยอกแจ ก็แค่สามวัน เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว
เช้าวันรุ่งขึ้นคือวันที่ต้องลุยงานของแท้ ทั้งไปดูสถานที่จัดตั้งโรงแรมที่ลูกค้าต้องการขยายกิจการออกไปอีก ติดต่อเรื่องผู้รับเหมาและร้านอุปกรณ์ในเครือของมินซูที่อยู่ใกล้เกาะเซจูมากที่สุด ตัดปัญหาค่าขนส่งที่มากมายเกินความจำเป็น ทั้งสองวิ่งวุ่นกันทั้งวันตั้งแต่เช้าจนค่ำ เพราะลูกค้ารายนี้คือลูกค้ารายใหญ่ที่ทำงานด้วยกันมานานจึงต้องเพิ่มความเอาใจใส่เป็นสองเท่า พอทั้งอีทึกและฮยอกแจถึงห้องเท่านั้นก็แทบจะสลบกันทีเดียว แต่เพราะงานที่ถูกจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยภายในวันนี้เสร็จเรียบร้อย ทำให้ทั้งสองไม่จำเป็นต้องกังวลอะไรอีก
แสงแดดแผดจ้าสร้างอุณหภูมิได้สมกับชื่อของฤดูเป็นที่โปรดปรานของนักท่องเที่ยวที่ชอบการอาบแดดที่จะมานอนผึ่งผิวกายชโลมแสงอาทิตย์ สระว่ายน้ำของโรงแรมไม่มีคนมาใช้บริการมากนักเนื่องจากที่แห่งนี้ใกล้ทะเล คนส่วนมากจึงเลือกที่จะไปทะเลมากกว่า
ร้านอาหารของโรงแรมในแบบ Tropical Style ถูกแบ่งออกเป็นโซนให้ลูกค้าได้เลือกตามใจชอบ โซนด้านหน้าเปิดโล่งให้มองเห็นชายหาดทรายขาวสะอาดได้ เตียงนอนผ้าฝ้ายอย่างดีสีขาวสองตัวใต้ต้นไม้ใหญ่ตั้งไว้ให้ลูกค้าได้นอนเอนหลังรับลมทะเลอ่อนๆที่พัดเข้ามาเอื่อยๆ
ร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อผ้าฝ้ายแขนยาวสีขาวกับกางเกงสีครีมดูเด่นเป็นสง่าในหมู่นักท่องเที่ยวทั่วไป จมูกที่ดูโด่งเป็นสันรับกับโครงหน้าคมยิ่งขลับให้ทุกสิ่งในคนคนนี้เรียกได้ว่าหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียว แก้วน้ำผลไม้ในมือสองแก้วถูกประคับประคองอย่างดี เป้าหมายคือโซนด้านหน้าของร้านอาหารที่ถูกจับจองโดยสองลูกค้าที่รู้มาว่าเป็นแขกของทางเจ้าของโรงแรม
แก้วน้ำผลไม่สองแก้วถูกวางลงบนโต๊ะเล็กๆตรงกลางระหว่างสองเตียง และดูท่าว่าลูกค้าเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยังตื่นอยู่ อีทึกถอดแว่นกันแดดและเสยมันไว้ด้านบนศีรษะ มองผู้มาใหม่อย่างประหลาดใจแต่ก็ยิ้มให้และทำเป็นไม่สนใจ นอนอ่านหนังสือต่อ
ร่างแกร่งนั่งลงที่พื้นที่ริมเตียงของร่างเล็ก ตาคมมองอย่างไม่ถูกใจนักเพราะร่างบางนอนชิดริมด้านหนึ่งมากๆ ชนิดที่พลิกนิดเดียวก็ตกเตียงแล้ว ไม่รู้ว่าจะเหลือที่อีกด้านไว้เยอะแยะทำไม ใบหน้าคมก้มลงไปจนเกือบชิด แตะริมฝีปากลงไปนิดๆและย้ายไปกระซิบที่ริมหู
“ตื่นได้แล้วครับ ลีฮยอกแจ”
ฮยอกแจสะดุ้งขึ้นมาน้อยๆ ดวงตาปรือขึ้นมองเล็กน้อย ภาพที่เห็นคืออะไรที่เลือนราง ตาคู่เล็กปิดลงอีกครั้ง ถ้านี่คือความฝัน ก็อยากจะฝันแบบนี้ต่อไป
“ถ้าทางจะหลับลึก ไว้คอยเขาตื่นแล้วพี่จะบอกให้”
“ไม่ต้องหรอกครับพี่ ยังไม่ได้บอกเขาไว้ว่าจะแวะมาหา เอาไว้เซอร์ไพรซ์เล่นซะหน่อย”
ลักยิ้มหยักลึกปรากฏที่ข้างแก้ม แววตาอบอุ่นทอดมองร่างน้อยที่หลับสนิทอย่างรักใคร่ ร่างโปร่งนักเล่นกับอีทึกอยู่สักพักก็ทำท่าจะผละไป
“ผมไปก่อนแล้วกันนะครับว่าจะไปคุยกับเพื่อนหน่อย เพิ่งจะเจอกันตอนมาถึง เดี๋ยวมืดๆคงแวะมาหาเขาอีกครั้ง ยังไม่ต้องบอกเขาหรอกนะครับ ว่าผมมา”
ร่างสูงก้มหัวให้อีทึกนิดๆ ก่อนทำท่าจะเดินจากไปแต่แล้วเสียงพูดเนิบๆของอีทึกที่ดังตามหลังมาก็ทำให้เจ้าของร่างโปร่งหยุดชะงัก
“วันนี้แฟนพี่จะตามมา พี่คงออกไปกะเขาทั้งคืนแหละ”
ไม่จำเป็นต้องพูดขยายความว่านั่นหมายความว่าอะไร รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฏที่มุมปากของร่างสูงโปร่ง แล้วเดินจากไป อีกไม่กี่ชั่วโมง จะได้ชื่นใจคนน่ารักแล้วสินะ
แขนบางยกขึ้นบิดขี้เกียจ สลัดความเมื่อยล้าออก ลืมตาลุกขึ้นมานั่งก่อนจะหันไปยิ้มสดใสให้พี่ชายร่วมงานที่ยังคงอ่านหนังนอนอ่านหนังสืออยู่เหมือนเดิม
“ว่าไงเรา หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวเลย ถ้าพี่ไม่นั่งอยู่ตรงนี้ใครมาอุ้มไปจะรู้ไหมเนี่ย”
“ฮ้าว.....ก็มันสบายนี่ครับ นานๆจะได้พักสักทีนี่นา”
ฮยอกแจจัดเผ้าจัดผมเล็กน้อย ก่อนที่จะนึกบางอย่างขึ้นมาได้ นี่เราคิดถึงเขาขนาดฝันถึงเลยหรอเนี่ย แววตาวาวใสหมองลงเล็กน้อย อยากให้ซีวอนมาอยู่ด้วยจังแฮะ แล้วเสียงหวานของพี่ชายร่วมงานก็เรียกความสนใจจากคนใจลอยได้อีกครั้ง
“เป็นอะไรอีกล่ะเรา”
“เปล่าหรอกครับ ก็แค่....ฝันถึงซีวอนน่ะ เหมือนจริงชะมัด ถ้านายนั่นมาได้คงดี”
“ทำไมไม่ลองโทรถามดูล่ะ เผื่อเขาเสร็จงานแล้ว เอ้อ พี่ว่าจะบอกว่าวันนี้คังอินจะมาน่ะ เจ้านั่นเพิ่งจะโทรบอกพี่เมื่อบ่ายนี่เอง เจ้านั่นคงต้องลากพี่ออกไปเที่ยวคืนนี้แน่ๆ นายอยู่ห้องคนเดียวเป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ พี่ไปเถอะ แหม น่าอิจฉาจริงจริ๊งงง”
ฮยอกแจยกเสียงสูงแหย่ผู้ที่มีสักเป็นพี่ อีทึกหัวเราะเสียงใส ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ลมเย็นพัดมาเป็นระยะ เสียงคลื่นทะเลสาดกระทบฝั่ง เสียงต้นไม้กิ่งไม้โดนพัดกระทบกัน สัพสำเนียงต่างๆยามค่ำคืน แม้ว่ามันจะเป็นบรรยากาศที่เรียกได้ว่าแสนโรแมนติก หากแต่มันจะเป็นแบบนั้นได้อย่างไร ถ้ามีเพียงแค่คนคนเดียวที่รู้สึกถึงมัน
ร่างเพรียวบางยืนกอดอกทอดสายตาออกไปกับความมืดของท้องทะเลยามค่ำคืนที่ระเบียงของห้องซึ่งอยู่ชั้นล่างสุดหากแต่เป็นที่ดีที่สุดติดชายหาด และเป็นมุมที่มีเป็นส่วนตัวไม่น้อย ด้านล่างเป็นสนามหญ้ากว้างออกไป หากต้องการจะเดินไปที่หาด ก็แค่ออกจากระเบียงของห้องไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น ฮยอกแจยิ้มรับมิตรภาพที่ธรรมชาติหยิบยื่นให้ หลับตาผ่อนคลายไปกับมันเงียบๆ
“เฮ้อ.....ป่านนี้นายจะทำอะไรอยู่นะซีวอน ถ้านายมาด้วย มันคงจะดีกว่านี้สินะ”
แววตาคู่ใสจ้องมองออกไปบนท้องฟ้า ราวกับต้องการฝากความคิดถึงไปหาใครอีกคนหนึ่งที่อยู่ไกลออกครึ่งโลก แต่แล้วประกายวิบวับก็ปรากฏขึ้นในตาคู่เล็ก ฮยอกแจเหลียวซ้ายแลขวา ดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ในละแวกแถวนั้น ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอดป้องปากตะโกนออกไปสู่ท้องทะเลที่กว้างใหญ่
“สุดหล่อของฉัน!!! ป่านนี้นายทำอะไรอยู่นะ ฉันคิดถึงนายนะรู้ไหม กลับไปจะกอดให้หายคิดถึงเลย รักนายนะ!!!!”
ข้อความกลืนหายไปกับเสียงคลื่นที่ซัดกระทบฝั่ง ฮยอกแจยิ้มเขิน หัวเราะในความคิดตลกๆของตัวเอง เรานี่ก็บ้า ทำอะไรไปก็ไม่รู้
“ฉันคิดถึงนายจริงๆนะ!!! รักนายมากๆด้วยล่ะ!!! ได้ยินฉันไหมสุดหล่อของฉัน!!!”
พูดแล้วก็ยกมือขึ้นปิดปาก คิดกับตัวเองว่าดีนะที่ไม่มีใครเข้ามาได้ยิน ไม่อย่างนั้นเขาคงโดนหาว่าเป็นบ้าแน่ๆ แต่ใครจะไปรู้ ว่าในมุมมืดของพุ่มไม้ภายในสวน ร่างสูงโปร่งของใครบางคนกำลังกลั้นหัวเราะจนท้องแข็ง แต่สุดท้ายแล้วก็ทนไม่ไหว ปล่อยพรืดออกมาจนได้
“อุ๊บ....ฮ่ะ...ฮ่ะ”
ฮยอกแจหันซ้ายหันขวา มองไปในสวนอย่างระแวดระวัง หน้าตาแตกตื่นยิ่งทำให้เสียงหัวเราะยิ่งดังเข้าไปใหญ่ ฮยอกแจ ตะโกนออกไปตรงจุดที่คิดว่าเจ้าของเสียงหัวเราะคงจะยืนอยู่
“ใครน่ะ ออกมานะ ออกมาเดี๋ยวนี้นะ”
เงียบเสียงของร่างบางยังไม่ถึงอึดใจ ร่างสูงโปร่งของใครบางคนก็ก้าวพ้นพุ่มไม้ออกมา ความคุ้นเคยทำเดาออกได้ไม่ยากว่าคนคนนั้นคือใครและไม่รู้ว่าตอนไหนที่ร่างโปร่งมายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว
“ซีวอน!!”
“คิดอย่างที่พูดจริงๆหรือเปล่า....ไหนล่ะที่ว่าจะกอดให้หายคิดถึงน่ะ ขอแบบแน่นๆเลยได้ไหม”
ฮยอกแจได้แต่ครึ่งยิ้มครึ่งบึ้งไปแบบนั้น ไม่รู้จะพูดอะไรดี แต่มารู้ตัวอีกทีก็โถมเข้ากอดร่างสูงเต็มแรงเข้าไปแล้ว แขนเรียวโอบรอบเอวหนาไว้ทั้งสองข้างขณะที่อ้อมแขนแกร่งก็กอดตอบร่างเล็ก โอบร่างบอบบางเอาไว้ทั้งตัว โยกตัวไปมาน้อยๆอย่างอารมณ์ดี
“ไหนว่าจะกอดแน่นๆให้หายคิดถึงไงล่ะ แน่นได้แค่นี้เองหรอ”
เสียงทุ้มพึมพำอยู่ข้างหูก่อนจะเลยมาฝังจมูกกับกลุ่มผมนุ่มเบาๆ ฮยอกแจรัดอ้อมแขนเข้าแน่นขึ้นเงยหน้าขึ้นมาหัวเราะเสียงใสให้คนตัวสูง
“นี่ไง แน่นแล้ว”
ใบหน้าคมก้มลงไปเอาจมูกโด่งปัดเบาๆกับจมูกเล็ก กระชิบชิดริมฝีปากบางน่าจูบนั้น
“ยังไม่เห็นหายคิดถึงเลย สงสัยต้องทำอย่างอื่นด้วย”
จบคำ ปากบางก็โดนจู่โจมทันที ริมฝีปากอุ่นร้อนคลอเคลียกับกลีบนุ่ม ดูดดุนริมผีปากบนล่างช้าๆสลับกันไป ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้าไปตักตวงความหอมหวานภายใน อ้อมแขนแกร่งรั้งร่างบอบบางให้แนบกับตัวมากยิ่งขึ้น ยิ่งสัมผัสก็ยิ่งคิดถึงทำให้รสจูบที่อ่อนโยนกลายเป็นเรียกร้องการตอบสนอง มือหนาแนบแก้มใสปรับมุมองศาให้จูบที่หอมหวานยิ่งแนบแน่น
แขนเรียวเปลี่ยนมาโอบรอบคอแกร่ง มือหนาลูบไล้เบาๆที่สะโพกนุ่มก่อนจะออกแรงอุ้มร่างบางขึ้นให้ฮยอกแจเกี่ยวขากับเอวหนาเอาไว้ ซีวอนใช้มือช้อนรองที่บั้นท้ายงามกันตก ฮยอกแจลืมตาผละจูบออก หากแต่ระยะห่างนั้นก็ยังคงอยู่ใกล้แค่ลมหายใจเป่ารด ปากนุ่มที่แดงช้ำเพราะการจูบที่หนักหน่วงเมื่อครู่ขยับถามแผ่วเบา
“ไปไหน..”
“เตียง..”
จากระเบียงห้องด้านนอกสู่ความมืดสลัวของห้องสวีทหรูภายใน มือแกร่งดึงม่านปิดด้วยมือเพียงข้างเดียว ปากเรียวยังคงเคล้าคลอไม่ห่าง ซีวอนวางร่างแบบบางลง หลังบางแนบลงกับเตียงนุ่มพร้อมกับที่ร่างแกร่งคร่อมทับลงมา มือเรียวขึ้นเกลี่ยปรอยผมนุ่มที่ข้างแก้มใส แล้วเลยมาไล้เบาๆที่กลีบปากแดงนุ่ม
“ฉันรักนายนะฮยอกแจ”
เพียงแค่ประโยคเดียวที่เอ่ยออกมาก็เพียงพอแล้วที่จะเติมเต็มที่ว่างทั้งหัวใจ มือบางยกขึ้นจับแก้มสากไว้ทั้งสองข้าง ยิ้มเต็มแก้มอย่างมีความสุข แล้วเอ่ยออกไป
“ฉันก็รักนายเหมือนกัน”
เพียงแค่นั้นก็เพียงพอ เพียงแค่นั้นก็คือคำตอบของทุกสิ่ง ฮยอกแจรู้สึกได้ถึงน้ำหนักที่ทาบทับลงมา ตาคู่เล็กหลับลงพร้อมกับสัมผัสนุ่มที่ริมฝีปาก ลิ้นร้อนแทรกเข้าเก็บเกี่ยวความหอมหวานที่ถ่ายทอดผ่านกลีบปากนุ่มสวย จูบที่นุ่มนวลกลายเป็นลึกล้ำ หยอกล้อให้ร่างบางหลงใหลไปกับท่วงทำนองที่แสนหวาน
click!! วอนกินกาแฟอะไรคะ??
http://www.mediafire.com/?2cw5gn42oxovz9o >> 1
ยัง! ความร้อนแรงของฤดูนี้ จะจบลงเท่านี้ได้อย่างไร!
ไปดูต่อกัน!
แสงแดดแผดจ้ากลางฤดูร้อน หาดทรายขาวสะอาดดารดาษไปด้วยผู้คนมากมาย คลื่นทะเลสาดซัดเข้าสู่ชายฝั่ง เสียงเจี๊ยวจ๊าวของเด็กๆที่วิ่งหนีคลื่นลูกโต นี่สินะ สีสันของฤดูร้อน
“นี่ซีวอน นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย”
เสียงหงุงหงิงที่บ่นมาเบาๆอยู่ข้างหูเป็นของคนตัวเล็กขี่หลังเขาอยู่ตอนนี้ ก่อนออกจากโรงแรมก็บ่นว่าเมื่อยนักเมื่อหนา เลยลงเอยด้วยการแบกคนขี้บ่นขึ้นหลังมาซะเลย ซีวอนก้าวเท้าสม่ำเสมอเดินต่อไป หันหน้ามากดจมูกกับแก้มใส่ของคนที่เกยหน้าอยู่กับไหล่เขาอย่างมันเขี้ยว
“ไปเที่ยวครับ”
และเพียงไม่นาน เมื่อพ้นหัวมุมของโรงแรมมา พาหนะชนิดเดียวที่ขึ้นชื่อว่าสามารถแล่นไปในทะเลได้ก็ปรากฏแก่สายตา เรือยอร์ชขนาดกลางสีขาวจอดเทียบท่าอยู่ที่ท่าเรือของโรงแรม
ซีวอนพาร่างบางไปส่งถึงเรือ ด้านหน้าของเรือคือที่ที่เปรียบเสมือนดาดฟ้า หากแต่ยังคงมีส่วนของชายคาที่ยื่นออกมาเล็กน้อยไว้กันแดดได้หากไม่ต้องการการอาบแดดแต่อยากจะรับลมเย็นๆ เหมาะเอาไว้นั่งพักผ่อนหย่อนใจซึ่งมีทางเชื่อมลงไปกับห้องนอนและโถงนั่งเล่นด้านล่าง ส่วนของห้องโดยสารและส่วนควบคุมเรืออยู่ด้านบนเยื้องไปทางด้านหลังเล็กน้อย แบ่งแยกออกเป็นสัดส่วนได้เหมาะสม สีขาวดำที่ถูกนำมาตัดกันได้ลงตัวกับลูกเล่นของเฟอร์นิเจอร์ทำให้มันดูทันสมัยไปอีกแบบ ฮยอกแจเดินดูนั่นดูนี่ไปเรื่อยๆก่อนจะมาหยุดอยู่ที่ส่วนหน้าของเรือ แขนบางยกขึ้นกอดอก ทอดสายตาออกไปสู่ท้องทะเล
“ชอบหรือเปล่า ฉันตั้งใจว่าจะพานายออกไปค้างข้างนอก ช่วงนี้อากาศกำลังสงบท้องฟ้าแจ่มใสดีนะ”
เสียงนุ่มทุ้มมาพร้อมกับอ้อมกอดอุ่นที่โอบมาจากด้านหลัง ฮยอกแจหมุนตัวในอ้อมกอดอุ่น เงยหน้าขึ้นแล้วจูบที่ปลายคางสากแผ่วเบา แขนเรียวสอดเข้ากับเอวหนา สวมกอดอย่างเต็มอ้อมแขน
“ขอบคุณนะ”
“ครับ อย่าลืมให้รางวัลเป็นค่าตอบแทนความใจดีของผมด้วยนะ”
“ตาบ๊องเอ้ย ออกเรือกันเถอะ”
ฮยอกแจผละออก ก่อนจะออกแรงลากร่างสูงให้ขึ้นไปตรงส่วนควบคุมเรือด้วยกัน ซีวอนเลือกที่จะขับเองเพราะต้องการความเป็นส่วนตัว ฮยอกแจออกมานั่งเล่นอยู่ด้านหน้า ละอองน้ำที่สัมผัสได้จากการกระเซ็นเมื่อเรือกระทบกับคลื่นลูกใหญ่ทำให้รู้สึกสบาย แสงแดดทีไม่แผดจ้าจนเกินไปในตอนนี้ยิ่งทำให้บรรยากาศน่าอภิรมย์ขึ้นไปอีก
เรือยอร์ชขนาดกลางทะยานสู่ท้องทะเลด้วยความเร็วที่ไม่มากนักก่อนจะเลือกทำเลดีๆเพื่อหย่อนสมอ ดับเครื่องเจ้ายานพาหนะท่องน้ำลำใหญ่ลง ข้าวของที่ถูกเตรียมไว้อย่างครบครับถูกนำออกมา ทั้งอุปกรณ์ตกปลา ชูชีพและอื่นๆ และสุดท้ายแล้วถึงแม้จะได้ตกปลามาบ้าง แต่ทั้งคู่ก็ยังฝากท้องกับอาหารที่เตรียมมาบนเรือซะเป็นส่วนใหญ่
เวลาผ่านไป พระอาทิตย์อำลาหน้าที่ ความงดงามของยามค่ำคืนก็เข้ามาแทนที่ แสงจันทร์ยามค่ำคืนที่แม้จะไม่ได้ส่องสว่างมากนักแต่โคมไฟจากโถงด้านล่างก็ยังช่วยส่องสว่างได้บ้าง ร่างสองร่างนั่งอิงแอบกันอยู่ที่ด้านหน้าของเรือ ซีวอนนั่งพิงอยู่กับเบาะนุ่ม เหยียดขาออกไปโดยที่มีร่างเล็กของฮยอกแจนั่งซ้อนทับอยู่บนตัก หัวเล็กซุกอยู่กับบ่าแกร่ง แขนเรียวโอบรอบคอร่างสูงเอาไว้
“นี่ซีวอน....ทำไมนายถึงมาชอบฉันล่ะ”
อยู่ดีๆฮยอกแจก็พูดขึ้นมือ ผละออกจากนอนหนุนไหลหนา แต่แขนบางก็ยังคงโอบรอบคอร่างสูงเอาไว้
“ก็เพราะนายน่ารักไง ก็เลยรัก”
พูดจบก็ฉกจูบจากปากอิ่มไปเสียหนึ่งที ฮยอกแจหัวเราะเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่จ้องเข้าไปในตาคมคู่นั้น
“นั่นก็เป็นเหตุผลหนึ่งนะ อีกอย่างก็เพราะว่าฉันชอบความเด็ดเดี่ยวของนาย และทุกสิ่งที่นายแสดงออกไม่ใช่การเสแสร้งแกล้งทำ นายเป็นยังไงก็แสดงออกมาแบบนั้น นั่นคือสิ่งที่ฉันสัมผัสได้”
“ใช่ ฉันเป็นแบบไหนก็แสดงออกมาแบบนั้น จะมาเสแสร้งแกล้งทำกันไปทำไม โลกใบนี้มันมีเรื่องแบบนี้มากพอแล้ว ถ้าเราไม่จริงใจต่ออะไรที่เป็นเรา ก็คงจะหาความจริงใจกันไม่ได้เลย และที่ฉันเด็ดเดี่ยวมันก็คือมุมมองในการใช้ชีวิตของฉัน อย่างที่เคยบอก เมื่อมีเรื่องให้ว้าวุ่นใจ จะมาจบปลักอยู่กับมันทำไม สู้ทำอย่างอื่นให้ชีวิตเราดีขึ้นเสียไม่ดีกว่าหรือ”
ซีวอนยกมือขึ้นปัดปอยผมข้างแก้มนวล กระชับอ้อมกอด มือแกร่งยังคงโอบรอบเอวบางเอาไว้
“ใช่ นั่นแหละคือเสน่ห์ของนาย เวลาที่เราโตเป็นผู้ใหญ่ มุมมองของเราก็จะกว้างขึ้น ใส่ใจกับแต่ละก้าวของชีวิตมากขึ้น เพื่อความมั่นคงในวันต่อๆไป และก็ต้องไม่ลืม ที่จะใส่ใจกับเรื่องของหัวใจของเราด้วย เหมือนต้นไม้ที่ถ้าใส่แต่ปุ๋ยไม่รดน้ำให้มันชุ่มชื่นขึ้นมาบ้าง มันก็เติบโตไปไม่ได้ และเพราะนายเปรียบเสมือนน้ำที่เข้ามาหล่อเลี้ยง ให้ฉันได้ชุ่มชื่นหัวใจ และจากนี้ต่อไป ฉันก็คงขาดนายไม่ได้แน่ๆ”
ดวงตาวาวใสเป็นประกายอย่างเต็มตื้นในหัวใจ ฮยอกแจโผเข้ากอดร่างแกร่ง ก่อนจะผละมามองสบตากับร่างสูง มือเรียวจับแนบกับแก้มสากไว้ทั้งสองข้าง
“ขอบคุณนะ ซีวอน ขอบคุณ ที่เข้ามาในชีวิตของฉัน”
click ซีวอนกินกาแฟอะไรคะ??
http://www.mediafire.com/?t84j57b48md48u7 >>2
ฤดูร้อน....เร่าร้อน.... ความรักที่เราเฝ้ารอ ตอนนี้ก็สมบูรณ์แบบ ไม่ใช่ว่ารอส่วนเติมเต็ม เพียงแค่รอส่วนที่เหมาะสมที่จะมาอยู่คู่กันตลอดไป
ชีวิตคนเรา ตึงไปก็ไม่ดี หย่อนไปก็ไม่ดีอีกนั่นแหละ ความพอดีคือสิ่งที่ดีที่สุด มองโลกให้กว้าง ใช้ชีวิตให้คุ้มค่ากับช่วงเวลาที่มี หลีกหนีความวุ่นวาย ปลดปล่อยมันไปกับกาลเวลา.....
สี่ฤดู สี่ความรู้สึก สี่ความสัมพันธ์ที่ถักทอขึ้นมาช้าๆ ความรู้สึกแบบที่ค่อยๆพัฒนาขึ้นมา จนมันกลายเป็นปึกแผ่นครบรอบในหนึ่งปี แล้วคุณล่ะ สี่ฤดู เปรียบมันได้กับอะไรในชีวิตบ้าง ลองคิดกันดูเล่นๆ มองมันให้เป็นประโยชน์ แล้วชีวิตบนโลกเบี้ยวๆใบนี้ของคุณ อาจจะมีอะไรที่น่าสนใจขึ้นเยอะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ทะเลคงกลายเป็นทะเลน้ำเชื่อมแล้วแน่นๆ
เพราะคู่นี้แหละ
สวีทสุดๆอ่า อ่านไปเขิลไปกรี๊ดไป
อิอิอิ >"<
หนุกมากๆเลยคะไรท์เตอร์ แถมตอนนี้ยังแฝงความร้อนแรงไว้ด้วย ฮ่าๆ
น้ำทะเลที่ว่าเค็ม กลายเป็นน้ำตาล น้ำเชื่อมไปหมดแล้ว
วอนฮยอกหวานกันซะมากมาย
แถมแอบมีร้อนแรง สมกะเป็นฤดู Summer ด้วยอ่ะ
จะหวานกันให้หมดกินน้ำตาลจนท้องแตกแน่เลย
อิจฉานะ =_=
รักวอนฮยอกจริงจัง หวานขนาดนี้ก็ให้อภัยได้อยู่
แต่ขอน้ำด่วน ตาร้อนมากจะลุกเป็นไฟอยู่แล้ว ^_________^
Happy to read this fic
I'll support you always
Write suc a lovely story like this again~
writer so great !!!!
very nice story
THX for the best story
love wonhyuk ^ ^
><