คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ▽The Challenge ☆ Chap 11 (100%)
The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง
Mark x Bambam
-11-
“…”
ผมวิ่งลงมาอยู่หน้าคอนโด
เงยหน้าขึ้นฟ้าหวังว่าจะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ แต่ไม่เลย
มันไม่ได้ช่วยอะไรเพราะตอนนี้ผมร้องไห้ออกมาเยอะมาก
ผมกลายเป็นคนอ่อนแอและร้องไห้บ่อยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..
ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมพยายามไม่รับโทรศัพท์ไม่ตอบข้อความและพยายามหลบหน้าไอมาร์คมาตลอดจนบางทีก็คิดว่า
สรุปแล้วกูมาเรียนหรือมาเล่นวิ่งไล่จับกับไอมาร์คกันแน่ พอเจอมันผมก็วิ่งหนีและแน่นอนมาร์คพยายามวิ่งตามผมแต่ก็ตามผมไม่ทันสักที
“แกจะหลบหน้ามาร์คแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน”
ฟานี่ขมวดคิ้วถามผมอย่างจริงจัง ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปอยู่ที่คอนโดฟานี่
มาตลอด จริงๆก็รู้สึกเกรงใจมากเพราะทั้งเสื้อผ้ารองเท้าผมก็ใช้ของฟานี่แทบทุกอย่างเลย
“ไม่รู้สิ
ฉันยังไม่พร้อมจะเจอมันอ่ะ”
“ฉันว่า..ไม่ทันละ”
ผมมองหน้าฟานี่อย่างไม่เข้าใจเพราะเธอเอาแต่พยักพเยิดให้ผมหันไปมองข้างหลังตัวเอง
อย่าบอกนะว่า..
“มาร์ค!” ผมร้องเสียงดังเตรียมจะลุกออกจากที่นั่งแต่กูถูกแจ็คสันดักเอาไว้จะหนีไปอีกทางก็ถูกจูเนียร์กับเจบีดักไว้เช่นกันและยังไม่ทันได้หายตกใจมือผมก็ถูกไอมาร์คลากออกมาจากใต้ถุนอาคารมายังลานจอดรถก่อนที่มาร์คจะดันผมเข้าไปในรถแล้วก็ล็อคประตู
“ปล่อยกูลงไป!”
“ไม่ มึงต้องคุยกับกูให้รู้เรื่อง”
“กูไม่อยากคุย”
“แต่กูจะคุย”
เชี่ยแม่งจะอะไรนักหนาแค่นี้ชีวิตกูก็แย่มากพอละ
จะคุยเรื่องเหี้ยไรนักหนาอีกล่ะ ผมกรอกตาไปมาอย่างเหลืออด
ก็ยังไม่อยากคุยตอนนี้อ่ะ กูยังทำใจไม่ได้!!
“มึงหลบหน้ากูทำไม”
ควาย..กูด่ามึงได้แค่นี้เลย กูหลบหน้ามึงเพราะกูอายที่มึงเคยเห็นกูใส่ผ้าอนามัยในห้องน้ำมั้งไอสัสถามมาได้
นี่ไม่รู้จริงๆหรือมึงแกล้งไม่รู้
“มึงมันก็เป็นแบบนี้อ่ะ
ไม่เคยรู้อะไรเลย”
“มึงไม่บอกกูจะรู้ได้ยังไง
มึงโกรธอะไร?”
“กูไม่ได้โกรธอะไร”
“ถ้าไม่แล้วทำไมไม่กลับห้อง?”
โง่กว่ากูก็มาร์คต้วนนี่แหละ
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมาร์คชอบถามคำถามที่ฟังดูโง่เหลือเกินคือเวนดี้อยู่มั้ยมึง?
จะให้กูกลับไปนั่งดูพวกมึงสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียงแล้วให้กูไปนอนอยู่บนโซฟาหรอ
ดูสนุกดีนะบางทีกูหน้าจะลองดู
ถุ้ย!!
“มึงก็รู้อยู่แก่ใจ”
“เวนดี้หาคอนโดได้แล้ว”
“แล้วยังไง?”
“มึงก็ย้ายกลับไปได้แล้ว..กูคิดถึง”
“มาร์ค..กูจะบอกอะไรให้นะ”
“…”
“กูชอบมึง”
“แต่ตอนนี้มึงคบกับเวนดี้แล้ว..เพราะงั้นเลิกพูดอะไรแบบนี้เหอะ มันเหมือนเป็นการให้ความหวังกูอ่ะ
กูรู้ว่ากูคิดไปเอง แต่พอเหอะ เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว กูขอโทษที่ชอบมึง กูจะพยายามตัดใจ”
ผมร่ายยาวแล้วส่งยิ้มที่แม่งฝืนที่สุดตั้งแต่เคยยิ้มมาให้มาร์ค
บอกไปแล้ว..ผมบอกชอบมาร์คไปแล้วยิ่งเห็นท่าทางนิ่งๆของมาร์คตอนผมบอกชอบก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ
มันเหมือนผมเป็นฝ่ายเดียวที่หวั่นไหวไปกับคำพูดและการกระทำของมาร์คทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยสักนิด
“เจอกันที่คอนโด เดี๋ยวกูกลับไป..”
พูดจบผมก็กดปลดล็อครถแล้วเดินลงไปทันที
อยากจะร้องไห้แต่ก็รู้สึกว่าร้องมาเยอะเกินไปแล้วที่สำคัญน้ำตาที่เสียไปก็เสียให้กับเรื่องเดิมๆทั้งนั้น
ผมเดินมานั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าตึกคณะ
หลับตาลงเพื่อหวังว่าถ้าลืมตาขึ้นมาแล้วความสัมพันธ์ของผมกับมาร์คมันจะไม่แย่ไปกว่านี้
เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมกับมาร์คเริ่มห่างไกลกันมากขึ้น ไกลจนรู้สึกว่า
ถ้าไม่รีบขยับเข้าไปเราอาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน
ซึ่งมันไม่ดีแน่..
-มัคคึ’s Part-
หลังจากวันที่แบมแบมตบหน้าผมแล้วเดินออกไปทำให้ผมรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง
มันดูว่างเปล่าเวลาที่ไม่มีใครโทรมาบอกให้ไปรับไปส่ง และผมก็ไม่ชอบที่จะมีใครมาดูแลแบมแบมมากกว่าผม
ผมตัดสินใจกลับไปคบกับเวนดี้..หลายๆคนอาจจะคิดว่าผมโง่ที่ยอมกลับไปหาเค้าทั้งที่สิ่งที่เค้าทำกับผมมันทำให้ผมรู้สึกแย่และทำให้ผมเป็นเหมือนตัวอะไรสักอย่างในตอนนั้น
ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมยอมกลับไปคบกับเธอได้ง่ายดายขนาดนั้น
ผมไม่รู้จริงๆ..
“เฮ้อ..”
“เป็นเชี่ยไรของมึง
นั่งถอนหายใจมารอบล้านแปดแล้วนะ”
จริงอย่างที่เจบีพูดจะไม่จริงก็ตรงที่รอบที่ล้านแปดนี่แหละเพราะยังไม่ถึงขนาดนั้น
ผมนั่งถอนหายใจอยู่นานแล้วตั้งแต่พวกเรานัดกันมาทำรายงานที่มหา’ลัย
“แบมแบมหลบหน้ากูมาอาทิตย์นึงละ”
“มึงแม่งต้องทำอะไรผิดมาแน่ๆ...”
จูเนียร์ว่าแล้วมองผมด้วยห่างตา ขอโทษนะ
มึงจะมองกูด้วยสายตาแบบนั้นหาอะไรไม่ทราบ คือมองปกติก็ได้มั้ย?
“เออต้องใช่แน่”
ตามด้วยเสียงของคนที่ไม่เคยเงียบปากอย่างแจ็คสันที่เห็นด้วยกับจูเนียร์
หลังจากนั้นพวกมันสามคนก็พยายามคาดคั้นเรื่องของแบมแบมกับผมจนผมตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกมันฟัง
ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่ผมรู้สึกว่าตัวเองพูดมากกับพวกมัน..
“ควาย..” จูเนียร์
“โง่กว่านี้ไม่มีแล้ว!!” ไอบี..
“ควายยังฉลาดกว่ามึงเลย!!” แจ็คสันมึงแรงมาก!!
ผมไม่ได้ตอบอะไรพวกมัน ก็ยอมรับครับว่าตัวเองโง่
ผมรู้ตัวดี..
“มาร์ค..กูจะบอกอะไรให้นะ”
แจ็คสันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบของทุกคนหลังจากที่ด่าผมเสร็จ
ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองนี่ถือเป็นครั้งแรกเช่นกันที่ผมเห็นสีหน้าและท่าทางของแจ็คสันดูจริงจังมากขนาดนี้
“อย่าทิ้งคนที่ขาดมึงไม่ได้..เพื่อไปหาคนที่มึงอยากได้”
หลังจากจบคำพูดของแจ็คสันทั้งโต๊ะเงียบกริบไม่มีเสียงตอบรับ
ทุกคนดูจริงจังกับคำพูดของแจ็คสันกันหมด เจบี จูเนียร์รวมถึงแจ็คสันทุกคนต่างจ้องผมนิ่งราวกับผมกระทำผิดอะไรร้ายแรงสักอย่าง..มันจริงอย่างที่แจ็คสันพูดว่าผมอยากได้เวนดี้
แต่แบมแบมขาดผมไม่ได้จริงๆหรอ?
“กูเลือกไปแล้ว..”
ถึงผมจะเลือกกลับไปคบเวนดี้แต่ผมก็ยังอยากให้ทุกอย่างของผมกับแบมแบมเหมือนเดิมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้
เพราะบางที..อาจจะไม่ใช่แค่แบมแบมที่ขาดผมไม่ได้
ผมเองก็ขาดแบมแบมไม่ได้เช่นกัน..
“เลิกพูดเหอะ ช่วยกูง้อแบมหน่อยดิ”
ผมบอกให้พวกมันช่วย
จริงๆก็อยากจะง้อคนเดียวนะครับแต่แบมแบมเอาแต่วิ่งหนีผม
ถึงจะไม่ได้วิ่งเร็วแต่แบมแบมซ่อนตัวเก่ง และแน่นอนว่าผมเองก็หาไม่เจอ เลยต้องขอให้พวกมันช่วย
พวกมันไม่ได้ปฏิเสธหนำซ้ำยังรีบลุกขึ้นแล้วดันหลังผมแล้วพากันขับรถไปที่ใต้ตึกคณะแบมแบมอีก
“เดี๋ยวพวกกูล้อมแบมแบมไว้แล้วมึงก็ลากแบมแบมไปขึ้นรถเลยนะ”
จูเนียร์พูดจบพวกเราทุกคนก็พยักหน้าแล้วพวกมันสามคนก็เริ่มเดินไปล้อมโต๊ะที่แบมแบมกับทิฟฟานี่นั่งอยู่
เหมือนว่าทิฟฟานี่จะเห็นพวกผมแล้วพยายามบอกกับแบมแบมว่าผมยืนอยู่ข้างหลัง
ทันทีที่แบมแบมหันมาแล้วเจอกับผม เค้ารีบลุกขึ้นพยายามจะหนีแต่ก็ถูกเพื่อนๆผมล้อมไว้ก่อน
ไม่รอช้าผมรีบเดินไปลากแบมแบมไปขึ้นรถทันที
“ปล่อยกูลงไป!”
ทันทีที่ลากแบมแบมขึ้นมาบนรถได้สำเร็จแบมแบมก็เอาแต่โวยวายให้ผมปล่อยตัวเองลงไปให้ได้
ทั้งดิ้นทั้งเคาะกระจกอยู่แบบนั้น
“ไม่ มึงต้องคุยกับกูให้รู้เรื่อง”
ผมอยากจะคุยกับแบมแบมให้รู้เรื่อง
ว่าทำไมต้องหลบหน้ากันขนาดนี้..
“กูไม่อยากคุย”
“แต่กูจะคุย”
เหมือนแบมแบมจะรู้ว่ายังไงผมก็จะคุยให้ได้
มันเลยเริ่มสงบสติอารมณ์และไม่โวยวายออกมาแต่ก็ยังมีบ้างที่ทำเสียงฮึดฮัดเหมือนไม่พอใจอยู่
“มึงหลบหน้ากูทำไม”
“มึงมันก็เป็นแบบนี้อ่ะ
ไม่เคยรู้อะไรเลย”
“มึงไม่บอกกูจะรู้ได้ยังไง
มึงโกรธอะไร?”
“กูไม่ได้โกรธอะไร”
“ถ้าไม่แล้วทำไมไม่กลับห้อง?”
“มึงก็รู้อยู่แก่ใจ”
รู้อยู่แก่ใจ? ที่แบมแบมพูดบางทีก็อาจจะตรงกับที่ผมคิดไว้
แบมแบมคงโกรธมากที่ผมพาเวนดี้ค้างที่คอนโด ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ตบผม..
“เวนดี้หาคอนโดได้แล้ว”
“แล้วยังไง?”
“มึงก็ย้ายกลับไปได้แล้ว..กูคิดถึง”
คิดถึงจริงๆ
ผมรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่โดยไม่มีแบมแบมคอยสร้างปัญหาอะไรให้คอยทำ แค่คิดว่ามีคนอื่นดูแลแบมแบมเหมือนที่ผมทำก็รู้สึกหงุดหงิดจะแย่
“มาร์ค..กูจะบอกอะไรให้นะ”
“…”
“กูชอบมึง”
ผมนิ่งอึ้งกับคำพูดของแบมแบม และพูดอะไรไม่ออก
ผมรู้สึกสับสน ผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วผมชอบแบมแบมหรือมันเป็นแค่ความหลง
หรือความรัก..?
“แต่ตอนนี้มึงคบกับเวนดี้แล้ว..เพราะงั้นเลิกพูดอะไรแบบนี้เหอะ มันเหมือนเป็นการให้ความหวังกูอ่ะ
กูรู้ว่ากูคิดไปเอง แต่พอเหอะ เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว กูขอโทษที่ชอบมึง กูจะพยายามตัดใจ”
แววตาที่ดูเศร้าของแบมแบมทำให้ผมรู้ว่าแบมแบมกำลังเจ็บปวดมากขนาดไหน
แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ร่างกายของผมเหมือนถูกกดสต็อปเอาไว้ชั่วคราว อยากจะกอด
อยากขอโทษสำหรับเรื่องในคืนนั้น อยากขอโทษที่ทำให้แบมแบมเศร้าขนาดนี้แต่เห็นแบบนี้แล้วความรู้สึกผิดก็ตีขึ้นมาจนผมทำอะไรไม่ถูกเลย
“เจอกันที่คอนโด เดี๋ยวกูกลับไป..”
พูดจบก็ลงไปจากรถทันที
ทำไมผมจะไม่รู้ว่าแบมแบมกำลังทำให้ทุกอย่างกลับสู่สถานการณ์ปกติ
ผมอยู่กับแบมแบมมานานแค่ไหนแล้ว..เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะไม่รู้
-End มัคคึ’s Part-
35%
ผมเดินลงจากรถมาร์คแล้วเดินไปหาฟานี่ทันที
เธอมองหน้าผมแล้วทำหน้าเครียด ผมคลายยิ้มเพื่อให้เธอสบายใจแล้วนั่งลงตรงที่เดิม
ฟานี่เอื้อมมือมาจับมือผมแล้วบีบเบาๆเป็นแบบนี้อีกแล้ว ฟานี่รู้ใจผมทุกเรื่องจริงๆ
เหมือนว่าเธอรู้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง
“ไม่เป็นไรหรอก..แค่นี้เอง”
พูดจบผมก็ส่งยิ้มที่กว้างกว่าเดิมไปให้ฟานี่ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนดังมาจากข้างหลังผม
หันหลังไปก็เจอกับรอยยิ้มที่ดูสดใสของเค้าคนนั้น..
“เซฮุน..”
เซฮุนโบกมือแล้ววิ่งเข้ามานั่งข้างๆผมอย่างรวดเร็ว
ผมยิ้มขำๆให้กับท่าทางของเซฮุน
เพราะมันรีบวิ่งเกินไปจนทำให้เกือบสะดุดล้มเข้าให้แล้ว
“ไปเที่ยวกันมั้ย?” จะไปก็รีบไป
ถุ้ย!
“ไปซิ กำลังอยากไปเลย”
“จริงนะ”
เซฮุนถามด้วยสีหน้าที่โคตรตื่นเต้น
จนผมรู้สึกเอือม จะเวอร์ไปไหน นี่บอกว่าจะไปก็ไปไง เดี๋ยวไม่ไปซะเลยไอหมอนี่
“อืม จริง”
ความจริงแล้วผมอยากให้ฟานี่ไปกับพวกเราด้วย
แต่เธอก็เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียวแล้วบอกว่ามีธุระสำคัญต้องไปทำ
ผมเลยต้องมาเที่ยวกับเซฮุนแค่สองคน
“ไปไหนกันดี”
เซฮุนถามผม
จริงๆก็อยากจะบอกไปว่าพาไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่การพากูไปขับรถเล่นทั่วเมืองจนหาทางกลับไม่เจออ่ะ
จะว่าไปแล้วเซฮุนถึงจะดูนิ่งๆแต่ก็มีมุมตลกกับคนอื่นเค้าเหมือนกันนะ
แต่ที่ขับรถแล้วไม่รู้จักซ้ายขวาอันนี้ไม่ตลกนะ..
“นายอยากพาฉันไปไหนล่ะ?”
“ก็..ไม่บอกดีกว่า
เซอร์ไพรส์”
แหม่..
หลังจากตกลงกันแล้วว่าเซฮุนจะพาผมไปที่ไหนสักที
เราสองคนก็ขึ้นรถกันไป
รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะหลังจากที่พอขึ้นรถมาแล้วเซฮุนก็ชวนคุยตลอดทาง
ถึงผมจะไม่ค่อยตอบเค้าเท่าไหร่แต่เซฮุนก็ยังยิงคำถามใส่ผมไม่หยุด
ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะพูดมากขนาดนี้..
ใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีเซฮุนก็พาผมมาถึงที่
สวนสาธารณะ..
ดีออก มันมีอะไรให้เที่ยวครับ? นี่ทำไมไม่บอกว่าจะชวนมาเดินเล่น
จากที่เบื่อนี่คือเบื่อกว่าเดิมมั้ย คิดว่าจะพาไปสวนสนุกอะไรแบบนี้
แม่งพามาสวนสาธารณะ
“นี่นายพามาเที่ยวที่สวนสาธารณะเนี่ยนะ? มันมีอะไรให้สนุกเล่า!!”
ผมว่าแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น แหม่..กระแดะกว่ากูนี่ไม่มีแล้ว
“มีสิ เธอไม่เคยมาจะไปรู้ได้ยังไง?”
แล้วที่นี่แม่งจะมีอะไรนอกจากที่ให้เดินเล่นแล้วก็เครื่องออกกำลังกายเล่า!!
ดูรอบๆก็รู้แล้วว่ามันไม่มีอะไรให้สนุกเลยสักอย่างอ่ะ
“ตามมาเถอะหน่า”
เซฮุนพูดจบก็ลากมือผมเดินไปไหนซักที
ผมก็ทำได้แค่เดินตามไปเงียบๆ บรรยากาศที่นี่ดีมากครับ มีต้นไม้รอบๆเต็มไปหมด เซฮุนลากผมมาจนถึงที่ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่เช่าจักรยาน
“ปั่นจักรยานกัน”
ไม่ทันให้ผมได้ตอบอะไรเซฮุนก็เดินไปเลือกจักรยานแล้วจ่ายเงินให้ผู้ชายที่ยืนเฝ้าจักรยานคนนั้นก่อนจะเดินลากจักรยานมาหาผมที่ยืนรออยู่
ผมขึ้นไปนั่งคร่อมจักรยานทันที จะว่าไปแล้ว
นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้มาทำอะไรเด็กๆแบบนี้
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มาปั่นจักรยานเล่น..
เซฮุนขับจักรยานไปรอบๆสวนสาธารณะ
จริงๆได้มานั่งจักรยานรับลมเย็นๆแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ รู้สึกสบายใจดี
แต่มันก็ยังมีอะไรให้คิดอยู่ดี
“ผู้หญิงมีความรู้สึกอ่อนไหวกันทุกคนหรือเปล่านะ?”
ไม่รู้อะไรทำให้ผมถามเซฮุนออกมาแบบนั้น
เซฮุนเอียวตัวหันมามองผมยิ้มๆแล้วหันกลับไปใหม่ ผมถอนหายใจออกมาแรงๆแล้วกอดเอวเซฮุนแน่น
ก่อนจะแนบหน้าตัวเองลงไปกับแผ่นหลังของเซฮุน
“เป็นผู้หญิงเนี่ยเหนื่อยหรอ?”
“เหนื่อย..เหนื่อยมาก”
เหนื่อยสิ เป็นผู้หญิง
เมื่อก่อนผมไม่ใช่คนที่ร้องไห้บ่อย ไม่ใช่คนที่อ่อนไหวเวลามีเรื่องอะไรมาสะกิดใจ
ไม่ใช่คนคิดมากเหมือนอย่างตอนนี้..ผมรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นยังไง พยายามจะไม่คิดมากแต่มันทำไม่ได้
“เป็นผู้ชายก็เหนื่อยนะ”
“…”
“เวลาชอบใครมากๆ แล้วเค้าไม่ชอบเรานี่ก็เจ็บดีนะ”
พูดจบเซฮุนก็หันมายิ้มให้ผม
ผมจ้องหน้าเซฮุนกลับแล้วยิ้มตอบ..
“ผู้หญิงเวลาชอบใครแล้วเค้าไม่ชอบกลับ
ก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหละ..”
หลังจากที่ขับจักรยานเล่นกันแล้วเซฮุนก็พาผมไปนั่งกินไอศกรีมกันใต้ต้นไม้ก่อนจะพากันไปเล่นจักรยานน้ำ
เล่นกันจนกล้ามขาขึ้นแล้วมั้ง..
“ขอบคุณมากนะที่มาด้วยวันนี้..”
ความจริงแล้วเซฮุนเคยชวนผมไปเที่ยวหลายครั้งมากแล้ว
แต่ทุกครั้งผมก็ปฏิเสธไปตลอด ที่ผมไม่อยากไปด้วยหรือที่พยายามไม่คุยกับเซฮุนเพราะผมไม่อยากให้ความหวังเค้า
ผมเข้าใจว่าการถูกให้ความหวังมันเจ็บหากมารู้ที่หลังว่าทุกอย่างที่เราคิดมันเป็นแค่สิ่งที่เราคิดไปเองฝ่ายเดียว
ระหว่างทางที่จะไปส่งผมกลับคอนโดผมกับเซฮุนเราเงียบกันมากเพราะก่อนหน้านี้แม่งพูดกันจนไม่มีอะไรจะพูดแล้วครับ
แต่จู่ๆเซฮุนก็พูดขึ้นมา
“แปลกเนอะคนเรา..”
“…”
“คนที่มาชอบตัวเองก็มีตั้งเยอะ..ดันไปชอบคนที่เค้าไม่ชอบตัวเอง”
นั่นสินะ..
“อืม..แปลกดี”
พอเซฮุนขับรถมาถึงคอนโดผมก็บอกลาแล้วยืนโบกมือรอจนเซฮุนขับออกไปจึงเดินเข้าคอนโดไป
เอาจริงๆตอนนี้ผมกำลังรู้สึกกลัวที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ไม่ได้กลัวมาร์ค
กลัวมีเวนดี้อยู่ต่างหาก..
ยืนทำใจอยู่นานผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้อง
มองเห็นไอมาร์คนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา
ผมไม่ได้ทักทายมันอย่างปกติแต่กลับเดินผ่านไปกำลังจะเปิดประตูห้องนอนแต่ก็ต้องชะงักไปซะก่อน
“ไปไหนมา..กลับซะเย็น”
“ไปเที่ยวกับเพื่อนมาอ่ะ”
ผมพูดแล้วหันไปมองหน้าไอมาร์คซึ่งตอนนี้มันก็มองหน้าผมอยู่เหมือนกัน
ทำไมกูกลัวแบบนี้วะ ไอสายตามองกูเหมือนโกรธแบบนั้นมันมาอีกแล้ว
“เพื่อนคนไหน”
อีชิบหาย..ถ้าบอกว่าไปกับเซฮุนแม่งต้องโกรธกูแน่ๆ
“ก็..ฟานี่ไง”
“หรอ แล้วกินข้าวมาแล้วยัง?”
“ยังอ่ะ”
“งั้นไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวพาไปกินข้าวข้างนอก”
ผมพยักหน้ารัวๆไปให้มาร์คแล้ววิ่งเข้าห้องนอนไป
เฮ้อ นึกว่าจะโดนซะแล้ว..แต่ว่านะ ทำไมกูต้องโกหกมันด้วยวะเนี่ย
ก็แค่บอกไปว่าไปเที่ยวกับเซฮุนมา มันคงไม่โกรธอะไรมาก
นี่ถ้ามันรู้ทีหลังแย่แน่ๆเลยกู
ผมเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวตามที่มาร์คบอก
จริงๆเซฮุนก็ชวนกินข้าวแล้วแต่ด้วยความเล่นตัวของกูนี้ทำให้กูปฏิเสธไป ของฟรีแท้ๆ..แต่ไม่เป็นไรไปกับไอมาร์คก็ฟรีอยู่ดี
“มาร์คกูเสร็จแล้ว”
ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากห้องแล้วตะโกนบอกไอมาร์คว่าแต่งตัวเสร็จแล้วนะ
กูพร้อมจะแดกเต็มที่แล้วนะมาร์คเพื่อน..
“มึงใส่ชุดนอนทำไม?”
“อ่าว ก็เดี๋ยวกลับมานอนเลย”
“กูจะพาไปกินที่ห้าง”
ไอดอกส้มสีทอง..ทำไมมึงไม่บอกตั้งแต่แรก ไอเราก็คิดว่ามันจะพาไปกินข้าวข้างล่างคอนโด
ที่ไหนได้กระแดะอยากไปกินที่ห้างนี่เองสินะไอคุณชาย
สรุปแล้วผมก็ต้องเดินกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่
แล้วเดินออกมาด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด
“ไปได้ยัง”
“อืม”
มาร์คขับรถพาผมมายังห้าง..ก็ห้างเดิมนั่นแหละครับ
ไม่เคยจะไปห้างอื่นกับเค้าหรอก ก็รถแม่งติดชิบหายวายวอด
กว่าจะขับถึงก็คงหิวจนขาดใจตายไปซะก่อน
“มึงอยากกินอะไร?”
มาร์คถามผมในขณะที่ผมกับมันกำลังเดินเลือกร้านกันอยู่
ผมไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีเพราะตอนนี้ความรู้สึกผมอยากจะกินแม่งทุกอย่าง
กูหิว..
“อะไรก็ได้ มึงรีบๆเลือกเหอะกูหิว”
“กินเนื้อนะ”
ผมพยักหน้าแล้วเดินนำมันเข้าไปในร้าน
แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิด เพราะกินเนื้อมันก็ต้องรอให้สุกก่อนอยู่ดีอ่ะ
อยากกินเลยต้องทำยังไง T0T
“มึงเป็นปลวกหรือไง?”
“มึงด่ากูทำไมเนี่ย”
“ก็เห็นนั่งกินตะเกียบ”
ไอบ้า
กูแค่อมตะเกียบไว้เฉยๆไม่ได้แทะเหมือนปลวกโว้ย!!
“ก็กูหิว”
“รออีกแปปนึง ใกล้สุกแล้ว”
รอไปสักพักไอมาร์คก็ตักเนื้อที่สุกแล้วใส่จานให้ผม
และด้วยความหิวที่มีอยู่เยอะก็ทำให้ความโง่พุ่งทะยานให้กูนีบเนื้อแล้วเอาเข้าปากทันทีโดยไม่คิดเลยว่ามันร้อน!!
“โอ้ย!! เหี้ยร้อน”
“กินไม่ระวังเลยนะมึง!”
มาร์คส่งน้ำมาให้ผมดื่มแล้วเอาทิชชู่มาเช็ดปากให้ผม
อย่านะมึง..อย่า
“บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้ากินเนื้อให้เป่าก่อน”
“…”
“เป็นยังไงล่ะ ลวกปากเลย”
ไม่ทันแล้ว..ไหนใครบอกไอมาร์คไม่พูดมาก
ผมตอบได้เลยว่าไอมาร์คจะพูดมากที่สุดก็ตอนบ่นผมนี่แหละ คือเป็นแบบนี้บ่อยมาก
เวลาที่ผมกินเนื้อกับมันผมก็จะไม่ค่อยระวังแบบนี้แหละ
เอาจริงๆกินกับใครกูก็ไม่เคยระวังหรอก แต่คนอื่นไม่บ่นไง..
ทำตัวเป็นพ่อไปได้..
“เออมึงหยุดบ่นได้แล้ว”
“ก็ถ้าไม่บ่นมึงก็เป็นแบบนี้ไปตลอด”
“ตักเนื้อมาเร็วๆ กูหิว”
พูดอยู่นั่นแหละ กูหิวจะจะขาดละ
ผมเป็นคนนิสัยไม่ดีครับเวลากินเนื้อนี่จะกลายเป็นง่อย
ตักใส่จานเองไม่เป็นต้องให้คนอื่นตักให้แล้วค่อยเอาเข้าปากเอง ประเด็นคือเวลากินกับคนอื่นใครเค้าจะทำให้ผมล่ะ
มันก็มีแต่ไอมาร์คเนี่ยแหละที่ทำให้ทุกอย่าง
กินกันเสร็จเรียบร้อยก็พากันไปเดินห้างต่ออีกสักหน่อยเพราะไม่ได้อยู่พลาญเงินมาร์คมันตั้งนานแล้วหรือเพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมเดินเข้าร้านนู้นร้านนี้ไม่หยุด
“กูจะหมดตัวแล้วนะ”
ไอมาร์คที่ยืนมองผมเลือกซื้อของพูดขึ้นเบาๆ
ผมหันไปมองหน้ามันแล้วยิ้มให้เป็นเชิงบอกว่า อีกชิ้นเดียวนะ..แต่ก็ทำมาตั้งแต่เข้าร้านที่สองจนตอนนี้ก็ปาไปร้านที่ห้าแล้วก็ยังไม่ยอมกลับ
“แบมแบมห้างจะปิดแล้ว พอสักที”
“บ่นมากอ่ะ กลับก็ได้วะ”
บ่นมากชิบหายเลย คนจะซื้อของก็ขัดอยู่นั่นอ่ะ
แต่ก็นะครับ ไม่ใช่เงินผมอ่ะ เงินไอมาร์คมัน มันคงยังไม่อยากหมดตัวตอนนี้
พอกลับมาถึงคอนโดผมก็นั่งเปิดดูของที่ซื้อมาด้วยรอยยิ้มที่ผมคิดว่ากว้างที่สุดในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา
ผมนั่งอยู่บนพื้นข้างๆโซฟาที่มีไอมาร์คนั่งดูทีวีอยู่ นึกๆแล้วก็อยากจะให้มันเลิกกับเวนดี้เนอะ
อยากจะให้มันทำแบบนี้ให้ผมแค่คนเดียว ซื้อของให้ผมแค่คนเดียว ดูแลแค่ผมคนเดียว
ผมแม่งโคคตรเห็นแก่ตัว..
TBC..
เค้ากลับมาดีกันแล้ว
แต่เดี๋ยวเซฮุนกำลังจะเข้ามามีบทบาท
เวนดี้เองก็เช่นกัน..
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ความคิดเห็น