คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ▽The Challenge ☆ Chap 7
The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง
Mark x Bambam
-7-
ตื่นเช้ามาวันนี้ผมยังไม่ได้คุยกับมาร์คเลยสักคำ อย่าว่าแต่พูดเลยดีกว่าครับ..หน้ามันผมยังไม่กล้ามองเลยด้วยซ้ำ ก็แน่ละ ใครจะไปกล้ามองหน้าคนที่นั่งเล่นว่าวในห้องน้ำแล้วเรียกชื่อตัวเองล่ะ
“วันนี้วันหยุดนะ มึงแต่งตัวจะไปไหน”
ชิบหาย..
ผมโทรไปชวนฟานี่ไปซื้อของตั้งแต่เช้าแล้ว อุตสาห์ตื่นมาอาบน้ำตั้งแต่อาทิตย์ยังไม่ขึ้นและเดินให้เบาที่สุดเท่าที่ทำได้เพราะไม่อยากให้มาร์คมันตื่น..สุดท้ายความพยายามก็กลายเป็นศูนย์เพราะมันกำลังนั่งจ้องผมอยู่บนเตียงอย่างสบายอารมณ์ ถามจริงๆนะ เมื่อคืนที่มึงนั่งโลกสวยด้วยมือตัวเองนี่มึงไม่รู้หรอว่าตัวเองเสียงดังจนกูได้ยินอ่ะ?
“เอ่อ..กูจะออกไปซื้อของกับเพื่อน”
“คนไหน?”
“ก็ฟานี่ไง ทิฟฟานี่”
มาร์คพยักหน้ารับแล้วลุกขึ้นจากเตียงเดินตรงมาที่ผม อย่าเข้ามาใกล้กูนะได้โปรด กูขอเวลาทำใจก่อนไม่ได้หรือไงล่ะ!?
“กูไปก่อนนะ บาย”
ผมรีบพูดแล้วรีบเดินออกมาจากคอนโด เฮ้อ เหนื่อยอ่ะ ใจเต้นแรงเกินไป รู้สึกเหมือนร่างกายสูบฉีดเลือดไม่ทันเลยเวลาไอมาร์คมองหน้า..
ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ตัว ผมไม่ได้โง่ถึงขั้นที่ว่าไม่รู้ว่า ไออาการใจเต้นแรงเวลาอยู่ใกล้หรือเวลาสบตาไอมาร์คมันคืออะไร ผมรู้ว่าตัวเองกำลังแอบชอบเพื่อนสนิทเข้าแล้ว แต่ผมแสดงออกไม่ได้ ผมทำอะไรไม่ได้ เพราะเราเป็นเพื่อนกัน อยากจะขยับเข้าไปให้มันมากกว่าเพื่อน..แต่ผมกลัว
กลัวต้องเสียมาร์คไป..
“แกเป็นอะไรป่ะ หน้าแดงๆนะ”
นี่คือคำทักทายของฟานี่เมื่อผมลงมาถึงหน้าคอนโด นี่ผมยังไม่หายเขินไอมาร์คอีกหรอเนี่ย อาการหนักขึ้นทุกวันแบบนี้จะทำยังไงดีวะ!
“ก็อากาศมันร้อน หน้าแดงเป็นธรรมดาแหละ”
“นึกว่าเขินเพื่อนร่วมห้อง”
“แก..แกรู้หรอ?”
ฟานี่พูดแบบนี้แสดงว่าเธอรู้อย่างนั้นหรอว่าผมอยู่กับใคร อ่า..รู้สึกผิดนิดหน่อยนะเนี่ย เธออาจจะผิดหวังหรือเปล่า ที่ผมไม่ได้บอกเธอตั้งแต่แรก
“แน่นอน ฉันเป็นเพื่อนแกนะ คนอื่นยังรู้เลยทำไมฉันจะไม่รู้”
“แต่คนอื่นไม่รู้ว่าฉันเป็นรูมเมทมาร์ค”
“ฉันสืบเองได้ ไม่ใช่เรื่องยาก ก็ฉันสงสัยนี่ มาส่งทีไร แกไม่เคยให้ฉันขึ้นไปบนห้องเลย”
“ขอโทษนะ..” รู้สึกผิดเข้าไปใหญ่อีกอีห่า
ผมคงลืมคิดไปว่า คนที่มหา’ลัยเค้าก็เห็นผมขึ้นรถกลับกับมาร์ค แล้วทำไมฟานี่ที่อยู่กับผมตลอดจะไม่รู้ล่ะ โง่กว่ากูไม่มีอีกแล้วครับ ฟานี่เธอส่งยิ้มอ่อนๆให้ผมแล้วส่ายหัวไปมาเป็นเชิงบอกว่า ไม่เป็นไร โล่งใจขึ้นมาหน่อยนึงที่ฟานี่ไม่ได้โกรธผมที่ปิดบังเรื่องนี้
“วันนี้ไปซื้อเสื้อที่ห้างกันนะ”
“อืม ว่าจะชวนไปซื้อเสื้อพอดีเลย”
แล้วผมกับฟานี่ก็พากันมาถึงห้างสรรพสินค้าใกล้ๆคอนโดผม ไม่อยากจะไปไกลมากเนื่องด้วยสภาพการจารจรแม่งไม่อำนวยให้พวกเราไปไกลได้เลยครับ
“เออแบม ก็รู้เรื่องงานเลี้ยงที่มหา’ลัยยัง?”
“งานเลี้ยงสานสัมพันธ์อะไรนั่นป่ะ?”
“ใช่ นอกจากถาปัตกับนิเทศยังมีวิศวะด้วยนะ”
ห้ะ!! นอกจากสถาปัตย์กับนิเทศนี่ยังมีวิศวะมาร่วมด้วยอีกหรอ? โอโห้ คือลองนึกสภาพห้องประชุมที่ไม่ใหญ่มากเต็มไปด้วยนักศึกษาสามคณะมารวมกัน ถึงจะไม่เยอะมากแต่มันก็ดูน่าอึดอัดป่าววะ
“คนเยอะแน่ๆเลยอะ T0T”
“ดูทำหน้าเข้า ฮ่าๆ” ฟานี่ว่าแล้วหยิกแก้มผม
หยิกได้ทุกวันอะ หยิกจนแก้มจะย้วยไปถึงหัวเข่าอยู่ละ ถ้าไม่เกรงใจกันก็เอาแก้มกูไปเล่นที่บ้านเลยก็ได้นะฟานี่ แค่นี้เอง คนกันเองไม่ถืออยู่แล้ว ถุ้ย
“เดี๋ยวฉันเลือกเสื้อให้แกนะ วันงานจะได้สวยๆ”
ฟานี่ว่าแล้วเดินนำผมเข้าๆออกๆร้านเสื้อผ้าหลายร้านมากๆตั้งแต่มาถึงห้าง ผมเองก็ไม่ได้ขัดอะไรเพราะคิดว่า คงจะดีกว่าถ้าให้ฟานี่ช่วยเลือก เลือกเองผมก็คงใส่ชุดกะโปโลกระโปกๆไปงานให้ขายขี้หน้าเล่นอยู่คนเดียวแน่ๆ
“ชุดนี้สวยนะแบม”
“อืม ก็ดูดีนะ”
ชุดที่ทิฟฟานี่หยิบให้ผมเป็นชุดสีส้มยาวประมาณหัวเข่า เป็นชุดเรียบๆแต่ก็ดูหรูพอควร ไม่หวือหวามากใส่แล้วคงดูเหมือนลูกคุณหนูปรมาณนั้น..
ไอมาร์คน่าจะชอบ
ผมตัดสินใจลองชุดนี้ให้ฟานี่ดู ซึ่งฟานี่ก็คิดว่ามันโอเคและผมเองก็คงจะสบายใจและโอเคมากกว่านี้ถ้ามันไม่ติดที่ว่า..
กูต้องใส่ส้นสูง!!
อีเหี้ยมมมม ตั้งแต่เกิดมาไม่เคยใส่เลยนะคะ เกิดเดินๆอยู่แล้วล้มหัวทิ่มกลางงานขึ้นมากูจะทำยังไง จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนช่วยตอบด้วย.. ผมรีบปฏิเสธฟานี่ไปยกใหญ่ว่าไม่ถนัดใส่ส้นสูง แต่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องยากมากพอสมควร เพราะเธอเอาแต่บอกว่าคู่ที่ตัวเองเลือกให้สวยอย่างนู้นอย่างนี้ เข้ากับชุดด้วย และเหตุผลอีกล้านแปดที่ยกขึ้นมาพูด เพียงเพราะต้องการให้ผมใส่ส้นสูง..เช่น
“แบมชุดแบบนี้ต้องใส่กับส้นสูงนะแก”
“ถ้าแกใส่กับรองเท้าไม่มีส้นแกจะกลายเป็นยัยป้าไปเลย”
“ฉันอุตสาห์จะซื้อให้แกเลยนะ สามพันเลยนะ”
และเหตุผลอีกมากมายที่ฟานี่เอาแต่พูดกรอกหูผม แล้วถามว่าสุดท้ายยอมมั้ย อืม ยอม..ก็ถ้าไม่ยอมวันนี้ผมคงไม่ได้กลับคอนโดแน่ๆ อีกอย่างพนักงานในร้านก็เริ่มมองด้วยสายตาแปลกๆคงอยากจะมาไล่ผมกับเพื่อนตัวดีออกจากร้านเต็มทีแล้วสินะ
แต่แล้วสุดท้ายแล้วผมก็เป็นคนจ่ายค่าเสื้อและรองเท้าเอง ไม่ได้เกรงใจฟานี่หรอกครับแต่เงินในบัตรฟานี่มันไม่มีเลย..สักบาท โถ่ หาเรื่องเสียตังค์ได้ตลอดอ่ะ
หลังจากที่ซื้อของมากมายเสร็จเรียบร้อยแล้วเราทั้งคู่ก็ตัดสินใจว่าจะทานข้าวเที่ยงกันก่อนแล้วค่อยกลับ จริงๆผมอยากจะดูหนังสักเรื่องแต่ตอนนี้ก็เที่ยงแล้วคิดว่ากลับห้องไปนอนคงดีกว่า
“มาร์คจ๋า~”
เปิดประตูห้องเข้ามาผมก็รีบวิ่งถลาเข้าไปหามาร์คที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่ที่โซฟา จะว่าไปวันๆมันไม่เคยทำอะไรเลยหรือไงนอกจากนั่งดูทีวีกับหาของให้ผมกิน..
“ไปซื้ออะไรมา”
“ซื้อเสื้อที่จะใส่วันงานเลี้ยงอ่ะ”
“จะไปทำไม คนเยอะ ไม่ชอบไม่ใช่หรือไง”
“มึงก็ไม่ชอบ แต่ก็ยังไป”
และแน่นอนครับ ไม่มีคำพูดโต้ตอบหลุดออกมาจากผู้ชายที่มีนามว่ามาร์คต้วน มันไม่สนใจผมและหันไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์ต่อ ผมเลยลุกขึ้นไปเก็บของที่ซื้อมาแล้วจัดการอาบน้ำอีกสักรอบเพราะอากาศที่ร้อนจัด ถึงจะไม่ร้อนเท่าเมืองไทยแต่แม่งก็ร้อนอยู่ดี
อาบน้ำเสร็จผมก็เดินออกมาหยิบไอศกรีมในตู้เย็นมานั่งกินอยู่ข้างๆมาร์ค ไม่เข้าใจว่ามาร์คจะจริงจังกับการดูทีวีไปหรือเปล่า คือกูมานั่งดูด้วยนี่ยังไม่เข้าใจเลยว่าสิ่งที่มันดูนี่สนุกตรงไหนกับอีแค่..
โฆษณาเครื่องดูดฝุ่น
คือมาร์คมึงจริงจังเกินไปหรือเปล่า แค่โฆษณาเครื่องดูดฝุ่นนี่จำเป็นต้องเครียดขนาดนั้นมั้ยมึง ไม่สนุกก็เปลี่ยนช่องไปดิ หรือว่ามันอยากซื้อมาใช้ที่คอนโด? อันนี้ก็น่าคิด
“คิ้วติดกันเป็นโบว์ละห่า” ผมว่าแล้วเอื้อมมือไปคลึงๆที่หว่างคิ้วมัน
“ดูแค่โฆษณามึงจำเป็นต้องเครียดขนาดนี้มั้ย?”
“…”
“หยิ่งหรอ ถามไม่ตอบเนี่ย”
มันไม่ตอบแต่หันมามองหน้าผมนิ่งๆ ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไรกับหน้ากูหรือเปล่า มาร์คก็ยังคงนิ่งและไม่พูดอะไร แต่ใบหน้าของมันเริ่มเข้าใกล้ผมมากขึ้น ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นเหมือนถูกฉายซ้ำขึ้นมาในสมองของผมจนทำอะไรไม่ถูก ได้แต่นั่งตัวแข็งอยู่กับที่ในขณะที่ไอมาร์คแลบลิ้นเลียที่รอบๆริมฝีปากของผมจนชุ่มไปหมด
“ไอ’ติมรสนี้อร่อยอย่างที่มึงบอกจริงๆด้วย”
พูดจบมาร์คก็เดินจากไป..ทำตัวเหมือนคังจุนทำไมล่ะ ทำให้กูใจสั่นแล้วเดินออกไป ปล่อยให้กูนั่งทำหน้าโง่คนเดียวทำไม
ไอมาร์ค!!!! ผมอยากจะตะโกนด่าและถีบเข้ากลางหน้าไอมาร์คมันเหลือเกินแต่ตอนนี้หัวใจของผมกำลังทำงานหนักมากและหนักกว่าทุกครั้ง เพราะมันไม่ได้จูบผมแต่มันเลีย เลียรอบปากของผมอ่ะ ฮืออ เปียกเลยครับ โอ้ย น้ำลายเต็มๆเลยแม่ง..
ผิดประเด็นมั้ย?
ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่มาร์คทำมันเป็นสิ่งที่เพื่อนเค้าทำกันทั่วไปหรือเปล่า แต่สำหรับแล้วในตอนนี้ผมกำลังคิดเข้าข้างตัวเองมันคงไม่ผิดใช่มั้ย?
และแล้วก็มาถึงวันงานเลี้ยงที่มหา’ลัย ผมกับมาร์คเราตกลงกันแล้วว่าจะแยกกันไปเพราะแจ็คสันจะมารับมาร์ค ส่วนผมก็ต้องรอฟานี่มาหาที่ห้องเพื่อให้เธอทำผมให้ จริงๆผมแค่ผูกผมไปงานก็ได้แต่ฟานี่บอกว่าอยากจะแต่งหน้าทำผมให้
“มาร์คไปแล้วหรอ?”
“อืม ออกไปตั้งแต่สี่โมงแล้ว เห็นว่าต้องไปช่วยรุ่นพี่ทำอะไรสักอย่าง” ฟานี่พยักหน้าเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดแล้วเอาแต่บ่นว่าทำไมผมยังไม่แต่งตัวอีกจนผมทนฟังคำบ่นที่ฟังดูงุ้งงิ้งๆของเธอไม่ได้เลยต้องรีบไปหยิบเสื้อผ้าที่ซื้อมาวันนั้นมาใส่แทบไม่ทัน
หลังจากที่ผมใส่เสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อยแล้วฟานี่เธอก็หยิบอุปกรณ์แต่งหน้าทำผมที่เตรียมมาออกมาวางเรียงกันแล้วพูดเบาๆว่า คิดถูกแล้วที่เอาของพวกนี้มา เพราะหลังจากที่เธอเข้ามาในห้องนอนแล้วมองไปยังโต๊ะเครื่องแป้งก็ไม่พบกับอุปกรณ์แต่งหน้าเลยสักชิ้น..
“เป็นผู้หญิงหัดมีเครื่องสำอางติดบ้างก็ได้นะแบม”
“แต่งไม่เป็นจะมีไว้ทำไมล่ะ”
“ก็หัดซะบ้างสิ”
บ่นเสร็จเธอก็เริ่มแต่งหน้าให้ผมช้าๆ ไม่รีบร้อนเพราะงานเริ่มตอนสองทุ่มซึ่งตอนนี้ก็เพิ่งจะห้าโมงครึ่ง ยังมีเวลาแต่งตัวอีกเหลือเฟือเลยละ
ใช้เวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงเต็มๆในการแต่งหน้าทำผม แต่งเสร็จฟานี่ก็เอาแต่พูดชมว่าผมสวยไม่ขาดปาก ผมไม่แน่ใจว่าเธอจะชมว่าผมสวยจริงๆหรือกำลังพยายามพูดว่าผมสวยเพราะฝีมือการแต่งหน้าและทำผมของตัวเองอยู่กันแน่
แต่ในความคิดผมหน้าจะเป็นอย่างที่สองมากกว่า
“เดี๋ยวพอแกเดินเข้าไปนะแบมถ้าผู้ชายไม่มองฉันให้ตัดหัวเลย”
“เวอร์ตลอดอ่ะ”
ผมเอ็ดเธอเบาๆ ตอนนี้เราทั้งคู่ยืนอยู่หน้าห้องประชุมแล้ว ความจริงแล้วที่ผมยอมแต่งสวยและเดินใส่ส้นสูงที่โคตรจะฝืนตัวเองเวลาเดินขนาดนี้มันไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมก็แค่อยากให้คนสนใจ อย่าเข้าใจผิดว่าผมเรียกร้องความสนใจคนอื่นนะ คนที่ผมอยากให้เค้าสนใจมีแค่คนเดียวเท่านั้นแหละ
มาร์คต้วน..
มาร์คต้วนนั่นแหละ คนๆเดียวที่ทำให้ผมยอมนั่งนานๆเพื่อแต่งหน้าทำผมขนาดนี้ สำหรับคนอื่นมันคงดูเป็นเรื่องง่ายๆเพราะแค่นั่งนิ่งๆให้คนแต่งหน้าให้ แต่สำหรับผมมันไม่ใช่ไง นอกจากฉลาดน้อยแล้วยังเสือกสมาธิสั้นอยู่นิ่งไม่เป็นอีก นี่ใช้ความอดทนมากนะพูดเลย..
แล้วกว่าผมจะก้าวเข้ามาถึงในงานได้มันต้องใช้ความพยายามมากขนาดไหนฟานี่และทุกๆคนจะรู้บ้างหรือเปล่า? เดินทีนี่กลัวจะล้มหน้าคว่ำลงไปกับพื้นไม่ก็หงายหลังเข้าให้
“แบมแบมนิเทศป่าววะ สวยมากเลย”
“จัดว่าเด็ดมากนะ”
“สวยขนาดนี้ไม่ซิงแน่ๆ”
คำพูดมากมายที่ลอยเข้าหูผมก็พอทำให้ผมดีใจอยู่หรอกครับแต่ก็ต้องหุบยิ้มไปกับคำพูดของไอคนสุดท้ายนี่แหละ หาว่ากูไม่ซิงเดี๋ยวกูฟรีคิกให้ ห่า กูสวยและซิงได้โปรดทำความเข้าใจใหม่ด้วย ไอติ่งเนื้อกิ้งกือ
“แบมแบม”
ไม่ใช่ใครที่ไหนที่เรียกผมแต่เป็น เซฮุนนั้นเอง จะว่าไปแล้วหมอนี่ก็ยังส่งไลน์มาหาผมทุกวันจริงๆนะ ถึงจะไม่ค่อยได้เจอกันที่มหา’ลัยแต่เค้าก็ส่งไลน์มาหาผมทุกวันจนผมต้องยอมตอบไปเพราะเห็นแก่ความพยายามที่มีมากกว่าคนอื่นๆ
“วันนี้สวยมากเลยนะ”
“ขอบคุณนะ นายเองก็หล่อดี” ผมพูดความจริงครับ วันนี้เซฮุนดูหล่อมาก เค้าอยู่ในชุดสูทเรียบๆใส่แล้วดูเหมือนพวกนักธุรกิจเลยแฮะ หลังจากที่ผมพูดชมไปเซฮุนก็ยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอย ผมอมยิ้มขำกับท่าทางที่ดูเขินของหมอนี่
จริงๆแล้วเซฮุนก็น่ารักดี..
-มัคคึ’s Part-
แจ็คสันมารับผมที่คอนโดตั้งแต่สี่โมงเย็นเพราะรุ่นพี่ที่มหา’ลัยอยากจะให้มาช่วยเช็คสถานที่ก่อนงานเริ่มให้เรียบร้อยซึ่งอันนี้ผมก็ไม่เข้าใจว่ารุ่นพี่คิดถูกมั้ยที่เรียกแจ็คสันกับเจบีมาด้วย
“เอากุญแจรถมาดิ”
หลังจากตรวจดูรอบๆงานแล้วทุกอย่างเรียบร้อยดีผมเลยเดินเข้างานว่าจะขอกุญแจรถกับแจ็คสันเนื่องจากตอนมาแจ็คสันมันค่อนข้างรีบผมเลยยังไม่ได้แต่งตัว เลยต้องเอาชุดมาเปลี่ยนที่มหา’ลัยนี่ซะเลย ตอนออกมาผมยังเห็นแบมแบมนอนอืดอยู่บนเตียงอยู่เลยนี่ก็ใกล้ถึงเวลางานเริ่มแล้วไม่รู้ว่าจะลุกจากเตียงแล้วหรือยังนอนอืดอยู่อีก
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่แต่งตัวและเส็ตผมนิดหน่อยให้พอดูดี เข้าไปในงานก็ดูเหมือนว่าคนเริ่มทยอยกันมาบ้างแล้ว
“มาร์ค” ผมหันไปตามเสียงเรียกก็พบกับโอเซฮุน เพื่อนร่วมคณะที่แบมแบมเคยบอกว่าหมอนี่มาจีบ ผมเคยเห็นมันส่งไลน์มาหาแบมแบมด้วย จะว่าผมเสือกก็ได้นะ เพราะผมเคยหยิบโทรศัพท์แบมแบมมาดูตอนแบมแบมเข้าห้องน้ำ..
“แบมแบมมามั้ย”
“ถ้าเห็นก็แสดงว่ามาไม่เห็นก็แสดงว่าไม่มา”
ป่าวครับ ผมไม่ได้อยากจะกวนตีนเลยสักนิด แต่มีที่ไหนที่เดินมาหากูแล้วถามถึงแบมแบมแบบนี้ล่ะ ถ้าเดินมาแล้วบอกว่ากูหล่อนี่จะไม่ว่าเลยจริงๆ
“เห็นแล้วแสดงว่ามาสินะ”
ว่าจบเซฮุนก็เดินผ่านหน้าผมไป ผมรีบหันไปมองบ้างก็เห็นกับผู้หญิงสองคนที่เดินเข้ามาคนนึงชุดชมพูกับอีกคนที่อยู่ในชุดสีส้ม ดูเรียบแต่ก็หรู แบมแบม..
สวยมาก
ยอมรับว่าผมไม่เคยเห็นแบมแบมในมุมนี้เลย จะว่าผมเวอร์ก็ได้ผมไม่ว่า แต่คืนนี้แบมแบมสวยมาก สวยมากจริงๆ และผมก็ชักจะเริ่มไม่ชอบใจขึ้นมาซะแล้วสิ ทุกคนในงานดูสนใจแบมแบมกันหมด ทุกคนเอาแต่พูดถึงแบมแบมและมองกันด้วยสายตาหยาดเยิ้มแบบนั้น
ผมไม่ชอบ!
แล้วอะไรคือการยืนอมยิ้มคิกคักกับไอเซฮุนแบบนั้น!!
“แบมโคตรสวยเลยว่ะ แจ็คอยากได้ T0T”
“เงียบไปเลยเชี่ยแจ็ค”
“เดี๋ยวมาร์คก็กินหัวมึงหรอก”
ผมหันไปมองเจบีกับแจ็คสันและจูเนียร์ที่ไม่รู้มายืนอยู่ข้างๆผมตั้งแต่เมื่อไหร่ด้วยสายตาที่ผมเองก็พอจะรู้ว่ามันค่อนข้างที่จะน่ากลัวนิดหน่อยแต่พวกมันก็คงจะชินกันแล้ว
ผมไม่ได้เดินเข้าไปหาแบมแบมและแบมแบมเองก็คงจะยังไม่เห็นว่าผมยืนอยู่ตรงนี้ วันนี้แบมแบมใส่ส้นสูงและแน่นอนว่ามีแค่ผมเท่านั้นที่รู้ว่าการเดินแต่ละก้าวของแบมแบมมันดูลำบากขนาดไหน ไม่รู้ว่าแบมแบมคิดอะไรอยู่ถึงได้ใส่ส้นสูงมา
ผมยังคงมองแบมแบมอยู่ตลอด กลัวเหลือเกินว่าจะล้มลงกลางงานเอา ผมถอนหายใจออกมาแรงๆเมื่อเห็นว่าเซฮุนยังคงตามติดแบมอยู่ และแบมเองก็ไม่ได้มีท่าทีที่จะปฏิเสธมันเลยสักนิด
ภายในงานมีการดื่มแอลกอฮอล์กันนิดหน่อย และผมมั่นใจว่าแบมแบมคงไม่ได้ฉลาดน้อยจนโดนใครต่อใครที่เข้ามาคุยด้วยมอมเหล้าแล้วลากออกไป และในที่สุดผมก็ทนเห็นภาพที่มีใครต่อใครมากมายเดินเข้ามาทำตัวรุ่มร่ามใส่แบมแบมเลยต้องเดินไปยืนอยู่ข้างๆ
“กลับมั้ย?”แบมแบมดูตกใจนิดหน่อยที่เห็นผมโผล่มา แต่ก็ส่ายหน้าตอบผมมา
“เดี๋ยวงานก็จบแล้ว”
“อืม เดี๋ยวกลับกับกูนะ” ผมว่าแล้วหันไปมองแรงใส่เซฮุนที่เอาแต่ยืนอยู่ใกล้แบมแบมจนผมเริ่มรำคาญมันขึ้นมาแล้วลากแบมแบมให้เดินออกมาจากวงสนทนาที่มีเซฮุนและเพื่อนในคณะอีกสามสี่คนอยู่
“มึงอย่าลากดิ กูเดินไม่ถนัดเนี่ย”
แบมแบมเอาแต่บ่นตลอดทางที่ผมลากออกมา ผมเลยหยุดลากแล้วหันกลับมาจ้องหน้ามันนิ่งๆ จนแบมแบมหยุดบ่นไป
-End มาร์คคึ’s Part-
ไอมาร์คลากผมออกมานอกงานอย่างเร็วจนผมเดินตามแทบไม่ทัน คือมึงช่วยสงสารกูด้วย กูใส่ส้นสูงจะให้รีบเดินเกินไปก็คงได้เอาหน้าไปแนบกับพื้นแน่ๆ
“มึงอย่าลากดิกูเดินไม่ถนัดเนี่ย”
แล้วผมก็เริ่มบ่น บ่นนู้นบ่นนี่จนไอมาร์คหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าผมนิ่งๆจนผมต้องหยุดบ่นไปเลยเพราะเดาสายตาของไอมาร์คไม่ถูกว่า มันต้องการอะไร
“ไม่ถนัดแล้วใส่ส้นสูงมาทำไม?”
ก็ฟานี่บอกว่าใส่แล้วสวย..กูเลยอยากใส่ให้มึงเห็น
ตอบไปแบบนี้คงไม่ดีแน่ๆ ผมเลยเลือกที่จะเงียบแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น แต่จู่ๆไอมาร์คก็ก้มลงไปถอดรองเท้าที่ผมใส่มาออก ผมสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็ยอมให้มันถอด อย่าบอกนะว่ามันจะให้ผมเดินตีนเปล่าไปขึ้นรถแท็กซี่เนี่ย
“ขึ้นมา”
แต่เหมือนว่าผมจะคิดผิด..ไอมาร์คกำลังนั่งยองๆหันหลังให้ผมเพื่อจะให้ผมขี่หลังมัน ผมพยายามบอกกับมันว่าไม่ต้อง จะให้ขึ้นหลังมันผมยอมเดินก็ได้ ไม่ใช่ไม่อยากขี่หลังมันแต่ผมกลัวหัวใจผมจะเต้นแรงจนมันรู้สึกได้ต่างหากล่ะ
“กูเดินไปเองได้”
“กูบอกให้ขึ้นมา” มาร์คว่าแล้วหันหน้ามามองหน้าผมดุๆ เออ!! ขึ้นก็ได้โว้ย ใครเจอสายตาดุๆของมึงแล้วไม่ยอมทำตามนี่คงใจกล้ามากจริงๆ
“หนักเหมือนกันนะเนี่ย”
“ก็บอกว่าเดินเองได้ไงสัด”
“ก็แค่คิดว่าตัวจะเบากว่านี้..”
มาร์คแบกผมมายืนโบกแท็กซี่อยู่ข้างถนน ผมบอกให้มันวางผมลงแต่มันก็ไม่ยอม เอ้า แล้วแต่เลย แบกกูจนปวดหลังไปเลยนะมึง แท็กซี่แม่งก็ไม่โผล่มาสักคันเลย เฮ้อ
“วันนี้มึงสวยนะ”
“…”
“คนสนใจมึงเยอะ กูไม่ชอบ”
พูดอะไรเหี้ยๆออกมาอีกละ ผมคิดว่าตอนนี้ไอมาร์คมันต้องรับรู้ได้ถึงหัวใจของผมที่เต้นแรงๆมากๆอยู่แน่ๆเลย โอ้ย อยากจะลงจากหลังมันเต็มทีแล้วเนี่ย เกลียดจริงๆเลย ไอหน้านิ่งๆแต่ชอบพูดให้คนฟังใจเต้นแรงเนี่ย
“ใจมึงเต้นแรงมากเลย”
“กูก็แค่เหนื่อย”
“แต่กูแบกมึงอยู่นะ”
“เอ่อ..นู้น แท็กซี่มานู้นละมึงรีบขึ้นไปดิ”
ขอบคุณพี่แท็กซี่มากครับ พี่มาถูกเวลาแล้ว ผมรักพี่เหลือเกิน บุญคุณครั้งนี้ผมจะไม่มีวันลืมเลย เจอผมที่ไหนถ้าพี่เดินเข้ามาขอตังค์ผมไม่ลังเลเลยที่จะหยิบออกมาให้พี่
ใช่ประเด็นมั้ยมึง?
ไอมาร์ควงผมลงแล้วเปิดประตูรถให้ผมขึ้นไปก่อนที่ตัวเองจะขึ้นตามมา ระหว่างทางกลับ บรรยากาศรอบขข้างผมเงียบมาก ได้ยินแต่เสียงของพี่แท็กซี่ที่ร้องเพลงลูกทุ่งอย่างสบายใจอยู่ข้างหน้าโดยไม่สนใจบรรยากาศข้างหลังเลยสักนิด แนะนำให้พี่ไปเป็นนักร้องเลยครับ เสียงเพราะมาก..
“เงียบกันจังเลยนะ เพิ่งมาเดทกันครั้งแรกหรือไง”
จู่ๆพี่แท็กซี่ก็พูดขึ้นทำเอาผมสะดุ้งแรงเลยทีเดียวเชียว พี่ช่วยกรุณากลับไปร้องเพลงตามเดิมด้วยครับไม่ต้องสนใจพวกผมหรอก
“เอ่อ คือไม่ชะ..”
“ไม่ต้องอายหรอก ตอนพี่กับเมียพี่เดทกันครั้งแรกก็เป็นงี้แหละ มันอาย ฮ่าๆ”
และทันทีที่ผมพยายามจะปฏิเสธพี่แกก็พูดเพ้อถึงสมัยก่อนทันที ผมเลยทำได้แค่ยิ้มแห้งๆให้พี่แกแล้วหันไปมองไอมาร์คที่เอาแต่ทำหน้านิ่งๆ ชีวิตเศร้ามากหรอมาร์ค
หลังจากนั่งรถแท็กซี่ที่เต็มไปด้วยเสียงแซวของพี่แท็กซี่โดยที่ผมและมาร์คนั่งเงียบกริบได้ประมาณยี่สิบนาทีเราสองคนก็มาถึงคอนโด ผมคว้ารองเท้าที่มาร์คมันวางไว้ข้างตัวแล้วเปิดประตูลงไปทันที แต่จู่ๆไอมาร์คก็คว้าตัวผมซะก่อน
“คอนโดไม่หนีไปไหนหรอก รีบทำไม”
“กูง่วงแล้ว! อยากขึ้นไปนะ เห้ยๆ”
ผมร้องออกมาเมื่อจู่ๆไอมาร์คก็อุ้มผมขึ้นในท่าเจ้าสาว ผมดิ้นแรงๆเพื่อให้ไอมาร์คปล่อยผมลงแต่ก็ต้องเงียบลงเมื่อมันพูดบางคำออกมา
“ถ้ามึงดิ้นกูปล้ำมึงจริงๆด้วย”
ดิ้นหาอะไรอีกละครับ นิ่งเลยดิ ผมกระพิบตามองหน้าไอมาร์คอ้อนๆ คือกูง่วงจริงๆนะไม่ได้โกหกอยากขึ้นไปอาบน้ำนอนใจจะขาดแล้วโว้ย
ไอมาร์คอุ้มผมขึ้นห้องไป ผมคิดว่ามันอาจจะไม่อยากให้เท้าผมสกปรก แต่พอมาถึงบนห้องมันก็ยังไม่ปล่อยผมลงสักที แต่กลับพาผมเข้าไปในห้องนอนแล้ววางผมลงบนเตียงแล้วขึ้นคร่อมผมเฉยเลย ไอเหี้ย ท่าแบบนี้จะให้กูคิดอะไรอีกละครับ
“ไม่ต้องแต่งสวยแบบนี้บ่อยๆนะ”
“ไม่เสือกนะ”
“กูไม่ชอบให้คนมองมึง”
“…”
“ให้กูเห็นคนเดียวก็พอ”
TBC..
ยังคงดำเนินไปอย่างเรื่อยเปื่อย..
และเหมือนเดิม ยากกว่าแต่งเอนซีก็แต่งรูปแบมให้เป็นหญิงนี่แหละค่ะ
สำหรับคนที่อยากให้เค้าได้กัน นี่ก็อยากให้เค้าได้กันเหมือนกันค่ะ
ประเด็นคือแต่งเอนซีชายหญิงไม่เป็น T0T
กำลังพยายามแต่งให้อยู่ค่ะ รออีกนิดนะคะ55555
ความคิดเห็น