คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : ▽The Challenge ☆ Chap 6 (100%)
The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง
Mark x Bambam
-6-
“แบมแต่งตัวเร็วๆหน่อย สายแล้ว”
“เออๆ จะเสร็จแล้ว”
วันนี้ผมมีเรียนเช้า แต่ดันตื่นสายซะงั้น ไอมาร์คนี่ก็เร่งจริง ถามว่าใครสาย? ก็ผมไง แล้วมาร์คนี่จะเร่งอะไรนักหนา เร่งอย่างกับว่ามันเป็นคนสายเองอย่างนั้นแหละ อีกอย่างตอนนี้เป็นผู้หญิงกว่าผมจะแห้งไหนจะทากันแดดเอยโลชั่นอีก..
ถามว่าหลังจากเหตุการณ์ที่ไอมาร์คมันจูบผมมันเป็นยังไง ก็ไม่มีอะไรครับ ไอเชี่ยมาร์คมันชิงหลับไปก่อนเลย ผมรู้สึกร้อนไปทั้งหน้าเลยลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาแล้วกลับมานอนต่อ เอาจริงๆก็แอบหลบหน้ามันด้วย แต่ก็ทำได้ไม่นาน ส่วนไอมาร์คก็ทำตัวปกติมาก เหมือนว่าคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไอผมก็อยากจะถามมันอยู่หรอกว่าตกลงคืนนั้นมันจูบผมทำไม แต่แบบ..คือก็อายไง
นั่นจูบแรกเลยนะ!
“เสร็จแล้ว ไปกัน”
ผมเดินออกมาจากห้องนอนก็เห็นไอมาร์คยืนควงกุญแจรถอยู่หน้าประตู มันทำหน้าเอือมใส่ผม อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะมาร์คว่ามึงกำลังนินทากูในใจ
ไอมาร์คขับรถมาส่งผมที่มหาลัยเหมือนอย่างทุกวัน ผมรีบลงจากรถแล้วโบกมาลาไอมาร์ค ก่อนวิ่งเข้าตึกไปแต่เหมือนผมจะวิ่งเร็วไปจนไม่ทันระวังทำให้วิ่งไปชนใครสักคนเข้า..
“คังจุน!”
ไม่เคยเจอหน้ามันแล้วไม่ตกใจเลยครับ รู้สึกเหมือนว่าเจอคังจุนทีไรชีวิตกูมีอะไรให้เล่นสนุกตลอดเวลา หรอ? สนุกหรอ โผล่มาได้ตลอดเวลาจริงๆอ่ะ แล้วนี่คังจุนก็ไม่ได้เรียนที่นี่ไงครับ มาทำอะไร? ผมคิดว่ามันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอกที่เจอกับคังจุนบ่อยๆ
“ชีวิตดูมีความสุขดีนะ”
“ก็ดีอะ”
“หึ..”
อยากจะกระโจนเข้าไปต่อยหน้ามันตอนนี้เลยครับถ้าไม่คิดว่าตัวเองเป็นผู้หญิงแล้วก็กูกระโดดคร่อมมันแล้วจิกหัว ตบๆ ไปนานแล้วละ..เกลียดจริงๆนะไอรอยยิ้มที่ดูร้ายยิ่งกว่าตัวร้ายในละครแบบนั้น
“มีความสุขต่อไปนะแบมแบม”
จบ จบเลย พูดแค่นั้นแล้วก็เดินไปเลย ปล่อยให้กูยืนโง่อย่างเช่นเคย
ผมไม่อยากสนใจคังจุนมาก ไม่อยากจะคิดให้ปวดหัวเล่น บางทีการที่ผมคิดว่าคังจุนไม่ใช่คนมันอาจจะไม่แปลกก็ได้เพราะขนาดเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมมันยังเป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นได้เลยด้วยซ้ำ
ผมเดินเข้าห้องเรียนแล้วก็เจอกับสายตาที่เคยเจอตอนเข้าเรียนครั้งแรก..ยังไม่ชินอีกหรือไงกับการที่ผมมาเรียนสายแทบจะทุกคาบเนี่ย เฮ้อ ผมเห็นฟานี่เธอโบกมือให้แล้วชี้ที่นั่งๆข้างๆตัวเองเป็นเชิงบอกให้ไปนั่งผมเลยรีบเดินไปนั่งกับเธอทันที
“แกมาสายอีกแล้วนะ” เป็นคำทักทายที่ดีนะ..
“ชินได้แล้วเหอะ”
“อ่อ แบมแบมเย็นนี้ว่างมั้ย?”
“ว่างดิ ก็ไม่มีเรียนแล้วนี่”
ฟานี่ยิ้มกว้าง แนะ..มันต้องมีเรื่องให้ช่วยแน่นอน ดูยิ้มดิ ถึงจะเป็นเพื่อนกันได้ไม่นานแต่ผมก็พอจะดูออกนะ ว่าเวลาฟานี่อยากได้หรืออยากให้ช่วยอะไรก็ชอบส่งยิ้มหวานๆแบบนี้มาตลอด
“คือว่าแบบ..คนที่ฉันรู้จักเค้ามีเรื่องให้แกช่วยอ่ะแบม”
“ก็ช่วยได้ ถ้ามันไม่หนักหนาอะไร”
“โอเค งั้นเย็นนี้เดี๋ยวพาไปหาเค้าแล้วกัน”
ผมพยักหน้าให้ฟานี่ทีสองทีแล้วหันกลับไปสนใจอาจารย์ที่ยืนสอนอยู่ อยากจะหลับแต่ก็เสือกมาอยู่ข้างหน้าอีกเลยต้องแหกตานั่งมองอาจารย์แล้วพยักหน้าเหมือนเข้าใจสิ่งที่อาจารย์พูดทั้งที่ความจริงแล้วคำพูดทั้งหมดนั้น..
เข้าหูซ้ายทะลุหูขวา..
หลังจากเลิกเรียนผมกับฟานี่เราก็เดินไปทานข้าวที่โรงอาหารอย่างเคยก่อนที่ฟานี่จะลากตัวผมมาที่ตึกไหนซักตึกในมหา’ลัย แล้วตัวเองก็เดินไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้ผมมายืนคุยอยู่กับใครก็ไม่รู้ที่ยืนแนะนำตัวเองอยู่ตรงหน้าผม
“สวัสดีแบมแบม เราคิมฮันบิน มีเดียปีสาม”
“อ่า สวัสดี แล้วนี่จะให้เราช่วยอะไรหรอ?” นี่อย่าบอกนะว่าให้ฟานี่พามาเพื่อจีบ..
“อ่าว ฟานี่ยังไม่ได้บอกแบมแบมหรอ?” ผมส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบให้บีไอ บอกอะไรล่ะ เรียนเสร็จก็ลากมาที่นี่เลยเนี่ย..
“คือเรากำลังหาคนมาเป็นแบบให้ถ่ายรูปน่ะ แล้วพอดีเราเคยเห็นแบมบ่อยๆ..” ตึกคณะอยู่ห่างไกลกันราวกับกรุงเทพกับยะลาแม่งเห็นบ่อยได้ยังไงวะ?
“…”
“คิดว่าแบมตรงคอนเซ็ปดีอะเลยบอกฟานี่ให้พาแบมมา”
“จะให้เรามาเป็นนางแบบให้ว่างั้น?”
“อืม แบมแบมช่วยเราได้หรือเปล่า?”
ผมคิดว่ามันก็ไม่ได้อยากอะไรนะ แค่ยืนเปลี่ยนท่านู้นท่านี้ อีกอย่างผมก็ไม่ได้ใจร้ายขนาดที่ว่าเค้าอุตสาห์ขอให้ช่วยแล้วยังปฏิเสธซะหน่อย
“ช่วยได้อยู่แล้ว น่าจะสนุกดี”
“ขอบคุณมากนะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เราเต็มใจ”
แล้วเราทั้งคู่ก็คุยกันอยู่สักพักใหญ่เลยครับ ก่อนที่ฮันบินจะพาผมไปดูชุดที่จะใช้ถ่าย แนะนำคนนู้นคนนี้ให้ผมรู้จัก ถึงจะมีบางคนที่มองผมด้วยสายตาไม่ค่อยเป็นมิตรก็เถอะ ผมก็พอได้ยินมาบ้างว่ามีคนไม่ค่อยชอบผมเพราะว่าผมสนิทกับมาร์คและด้วยคำพูดของหลายๆคนที่พูดต่อๆกันไปว่าผมหยิ่ง ปากเสียอย่างนู้นอย่างนี้ด้วยแล้วละก็ยิ่งทำให้ผมถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นมากขึ้นไปอีก แล้วยังไงล่ะ..
ผมจำเป็นต้องตอแหลเพื่อให้คนอื่นชอบด้วยหรอ?
หลังจากที่ทิฟฟานี่หายไปเข้าห้องน้ำเกือบชั่วโมงเธอก็เดินออกมาด้วยสีหน้ายิ้มแย้มสุดๆ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมฮันบินถึงไม่เลือกฟานี่ทั้งที่จริงๆแล้วฟานี่เธอสวยกว่าผมด้วยซ้ำ แต่ก็เอาเถอะ ผมก็อยากจะลองถ่ายดูบ้างหน้าจะสนุก แต่ที่ผมเคยหวังไว้คือต้องใส่ชุดสูทเท่ๆถ่ายไงแล้วนี่อะไร ถ่ายชุดเซ็กซี่แทน โอเค ทำใจ..
ผมเดินตามผู้หญิงคนที่บอกว่าจะพาผมมาแต่งหน้าทำผมโดยข้างๆก็มีฟานี่เดินตามมาติดๆ เธอคนนั้นแต่งหน้าทำผมให้ไม่นานนักก็เสร็จเรียบร้อย
“แต่งหน้าแล้วสวยกว่าเดิมอีกนะแบม”
“ขนาดนั้นเลยหรอ ฮ่าๆ”
“จริงๆนะ ฮือ ยอมแพ้เลยอะ” ผมไม่รู้ว่าฟานี่เวอร์ไปหรือเปล่า แต่ผมหันไปมองตัวเองในกระจกแล้วก็แปลกดี มันต่างกันกับตอนไม่แต่งหน้ามากๆ
รู้เลยครับว่าผู้หญิงแต่งหน้าทำไม..
“สวยมากเลยแบมแบม”
แต่งหน้าเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จผมก็เดินออกมาข้างนอกด้วยชุดเอวลอยสีน้ำเงินเข้ม กางเกงขาสั้นสีเดียวกับเสื้อสวมทับด้วยเสื้อโค้ทยาวสีขาวเตรียมตัวจะถ่ายรูป พอมาถึงฮันบินก็ชมผมไม่ขาดปากเลยครับ..แหม่ นี่ก็เขินเป็นนะเว้ย
พอผมมายืนอยู่ตรงฉากที่จะถ่ายฮันบินเริ่มรัวชัตเตอร์ใส่ผม คือมึงช่วยแนะนำอะไรกูนิดนึงได้มั้ยล่ะ นี่ยืนโง่ทำหน้าเอ๋ออยู่ช่วยสนใจนิดนึงครับมาถึงก็รัวชัตเตอร์ใส่นี่งงมากนะ ไม่เคยถ่ายไง จะแอคท่าแมนๆก็ทำให้ได้ แต่นี่เซ็กซี่ไงต้องทำยังไงครับ ใครก็ได้เดินมาบอกกูที..
“แบมแกดูนี่”
ขอบคุณนางฟ้าของกู..
ทิฟฟานี่เดินมายืนอยู่แถวๆฮันบินทื่ยืนถ่ายรูปรัวๆอยู่แล้วบอกให้ผมทำตามที่เธอทำ ผมเอามือเท้าสะเอว มืออีกข้างก็จับปลายผมเอียงหน้านิดๆตามที่ฟานี่ทำให้ดู พร้อมจิกตาใส่กล้อง และเริ่มเปลี่ยนท่ามากขึ้นโดยที่ฟานี่ไม่ต้องทำให้ดูแล้ว
แม่ง..ฟิลลิ่งมากูเต็มมาก
ผมเดินเข้าออกจากห้องแต่งตัวประมาณสามรอบเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและถ่ายรูปในแต่ละเซ็ตจนในที่สุดเราก็ถ่ายกันเสร็จสักทีครับ ผมเลยเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกรอบแต่ยังไม่ลบเครื่องสำอางค์ออกเพราะฟานี่บอกว่าให้มาถ่ายรูปกับเธอก่อนอย่าเพิ่งลบออก
และแล้วก็เป็นฟานี่ที่อาสามาส่งผมที่คอนโด ผมอยากจะชวนเธอขึ้นไปดื่มน้ำบนห้องก่อนแต่ก็นึกขึ้นมาได้ว่ากูไม่ได้อยู่คนเดียว..
“ขอบใจนะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไร แกขึ้นห้องไปเถอะ”
“โอเค แล้วเจอกัน”
ผมโบกไม้โบกมือให้ฟานี่แล้วเดินขึ้นห้องไป ก่อนจะถึงคอนโดผมบอกฟานี่ไปว่าไม่เคยแต่งหน้ามาก่อนเลยครั้งนี้เป็นครั้งแรก ผมเลยถามเธอไปว่า ล้างออกกับโฟมธรรมดาได้ใช่มั้ย มันคงดูเป็นคำถามโง่ๆสำหรับคนเป็นผู้หญิงอย่างฟานี่ ก่อนกลับเมื่อกี้เธอเลยแวะที่ร้านสะดวกซื้อเพื่อพาผมไปซื้อโทนเนอร์สำหรับเช็ดทำความสะอาดเครื่องสำอางค์
“มาร์ค กูกลับมาแล้ว”
“ทำไมกลับชะ..ช้า”
ไอมาร์คนั่งอยู่ที่โซฟา ตอนที่มันหันมามองหน้าผมมันดูชะงักนิดหน่อย สงสัยจะตะลึงในความสวยของผมแน่ๆเลยครับ ก็ไม่รู้สินะ..
“ไปเป็นนางแบบทดลองมา ฮ่าๆ เป็นไง สวยดิ”
“ก็..งั้นๆอ่ะ”
“เนี่ยมีรูปตอนใส่ชุดด้วย เดี๋ยวเปิดให้ดู”
ผมเดินไปทิ้งตัวลงนั่งข้างไอมาร์ค แล้วเปิดรูปในแกลอรี่ที่ฟานี่ถ่ายไว้เลื่อนให้มาร์คดู แต่จู่ๆมาร์คมันก็ทำหน้าเครียดขึ้นมาจนผมต้องรีบดึงโทรศัพท์ออกมาจากมือมันเลยทีเดียว มองแล้วขนลุกชิบหายเลยเวลาไอมาร์คทำหน้าที่ไม่รู้ว่าแม่งจะเครียดหรือจะอะไรสักอย่าง
“ทำไมชุดเซ็กซี่จัง เห็นร่อง..” ร่องนมก็พูดมาเถอะสัส
“เอ่อ..มันเป็นคอนเซปเว้ย..”
มาร์คเงียบไปไม่ได้ตอบอะไร มันหันไปสนใจสิ่งที่ฉายอยู่บนจอโทรทัศน์ ผมเลยเดินไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำความสะอาดใบหน้าและร่างกายที่ผ่านการทำงานอย่างหนังมา..หรอ?
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยชุดนอนสีเทาและกางเกงบอล ดูแตกต่างกับสภาพตอนถ่ายแบบอย่างสินเชิงเลยครับ ตอนนี้สภาพเหมือนคนใกล้ตายมาก เพราะง่วงนอนสุดๆ ไม่รอช้าผมรีบถลาเข้าหาเตียงนอนทันทีโดยไม่ได้ทันสังเกตุอะไร
“โอ๊ย!!”
ผมทิ้งตัวลงบนเตียงโดยไม่รู้เลยว่าไอสิ่งที่อยู่ใต้ผ้าห่มคือไอมาร์ค แล้วคือจะเห็นได้ยังไงเล่นเอาผ้าห่มมาคลุมทั้งตัวขนาดนั้นอ่ะ ไอมาร์คร้องโอ๊ยออกมาเพราะผมทับเข้าบนตัวมันเต็มๆแรง
“เชี่ย กูขอโทษ”
“..กูจุก”
“มึงกูปล่อยกูดิ กูลงไม่ได้”
คือลงไม่ได้จริงๆครับ มันบอกมันจุกแต่คือก็ไม่ยอมปล่อยให้ผมลงเพราะตอนนี้มันรัดตัวผมแน่นมากแล้วผมก็นอนทับตัวมันยอยู่เนี่ย ทาบทั้งตัวเลยด้วย
ไอมาร์คโผล่หน้าออกมาจากผ้าห่มแล้วจ้องหน้าผมนิ่งๆก่อนจะยิ้มร้ายออกมา ผมขมวดคิ้วแน่นด้วยความไม่เข้าใจ คือมึงต้องการอะไรจากคนสวยหรอครับมาร์คต้วน ไม่รอให้ผมสงสัยนานจู่ๆไอมาร์คก็ทาบปากลงมาที่หน้าผากผมแล้วผละออกอย่างรวดเร็วก่อนที่มันจะพลิกให้ผมไปนอนข้างๆแล้วตัวเองก็ลุกไปเข้าห้องน้ำด้วยสีหน้าลั้ลล้าสุดๆ..
ป๊าต้วนผมขอโทษนะครับแต่..
พ่อมึงหรอไอเชี่ยมาร์ค!!!!!!
50%
ผมนอนกระสับกระส่ายไปมาตั้งแต่หนึ่งชั่วโมงที่แล้ว พยายามข่มตายังไงก็นอนไม่หลับสักที ส่วนไอมาร์คก็ออกไปข้างนอกกับเพื่อนๆมัน ดึกขนาดนี้ก็คงไม่ไปไหนหรอกครับนอกจาก..ดำน้ำดูปะการังกันที่ผับ
แล้วนี่ก็ปล่อยให้กูนอนเหงาอยู่คนเดียว น่าจะออกไปกับไอมาร์คมันเพราะพรุ่งนี้ผมไม่มีเรียน แต่สมองไม่ทันคิดไง มัวแต่เขินที่แม่งอยู่ดีๆมาจุ๊บหน้าผากผมจนตอนมันถามว่าจะไปด้วยกันมั้ยผมก็ยังคงเงียบใส่ ก็คนมันเขินอ่ะ เข้าใจปะ!?
“เบื่อโว้ย”
จะว่าไปแล้ว ผมไม่ได้ติดต่อยูคยอมเลยหลังจากไปผับตอนนั้น ป่านี้มันคงอยู่ที่อังกฤษแล้วสินะ ยูคแม่งไม่คิดจะติดต่อมาหากูเลยสินะ ไลน์ก็มีทำไมไม่ส่งข้อความมาเลยเนี่ย T0T
นึกขึ้นได้ผมเลยส่งไลน์ไปหามันทันที คิดว่าที่นู้นตอนนี้น่าจะเช้าแล้ว คุยกันสักหน่อยก็ดีให้หายคิดถึง ผมเลือกที่จะส่งไปบอกไอยูคว่าอยากจะสไกป์คุยกับมัน ผมไม่อยากปิดบังมันเรื่องที่ผมกลายเป็นผู้หญิงเพราะยังไงมันก็เป็นเพื่อนสนิทของผม
“สวัสดีค่ะ”
ผมทักขึ้นทันทีที่หน้าจอแมคบุ๊คปรากฏร่างของเพื่อนยักษ์ของผม
“เห้ย !! เธอเป็นใครเนี่ย”
คำเดียวกับไอมาร์คตอนเห็นกูกลายร่างเป็นแบบนี้ครั้งแรกเป๊ะ..
“กูเอง เพื่อนมึง”
“เชี่ยแบม นี่มึงจริงดิ” เหมือนมันจะไม่อยากเชื่อจริงๆ เพราะยูคยอมเอาแต่ขยี้ตาตัวเองแรงๆหลายๆรอบ ทั้งตบหน้าตบหัวตัวเอง..เอาที่มึงสบายใจเลย ทำร้ายร่างกายตัวเองให้พอนะ เดี๋ยวกูไปนอนก่อนเสร็จแล้วเรียกกูด้วย ถุ้ย!
“มึงหยุดทำร้ายร่างกายตัวเองสักทีเถอะ นี่กูเอง กันต์พิมุก ภูวกุล”
“….”
“ให้กูแร็ปสวรรค์ชั้นเจ็ดให้ฟังก็ได้ ถ้ามึงไม่เชื่อ..”
“ไม่ต้อง..”
“อืม ขอบคุณมากที่ห้ามไม่ให้กูแร็ป”
“มึง..มึงเพิ่งรู้ใจตัวเองหรอวะ” รู้ใจตัวเองพ่องดิ นี่ถ้าผมคิดไม่ผิดมันต้องกำลังคิดว่าผมไปแปลงเพศมาแน่ๆ โถ่ ไอเพื่อนชั่ว..กูเกลียดมึง
“รู้ใจพ่อมึงดิ เดี๋ยวกูเล่าให้ฟัง”
ผมตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้ยูคยอมฟัง เล่าทั้งหมดจริงๆครับ เล่าทุกรายละเอียด ผมไม่อยากจะปิดบังยูคยอมเพราะเราเป็นเพื่อนกันมานานมากแล้ว อีกอย่างยูคยอมจะไม่คิดว่าผมเป็นบ้าแน่ๆเพราะมันเชื่อเรื่องพวกนี้ ซึ่งต่างกับผม..
“โห้..เรื่องแบบนี้มันมีจริงๆด้วยสินะ”
“อืม มันมีจริงๆ”
ยูคยอมส่ายหัวไปมาอย่างไม่น่าเชื่อว่าเรื่องแบบนี้จะเกิดขึ้น ถึงมันจะเชื่อเรื่องแบบนี้และไม่กล้าลบหลู่แต่มันก็คงเป็นเรื่องที่หน้าอึ้งมากสำหรับไอยูค เพราะมันเกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวมันอย่างผม
ผมกับยูคยอมเราคุยกันนานมากๆจนเวลาเลยตีหนึ่งไปแล้วก็ยังคงคุยกันไม่เสร็จ มันเอาแต่ถามนู้นถามนี้ผมเต็มไปหมดจนตอบแทบไม่ทัน ผมเองก็ถามมันไปเยอะ ว่าอยู่ที่นู้นแล้วมีเพื่อนคบมั้ย เรียนรู้เรื่องหรือเปล่า ไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่ถ้ามันจะมีเพื่อนเยอะเพราะยูคยอมเป็นคนดี น่ารักเป็นกันเองและเข้ากับคนอื่นได้ง่าย ก็ถือเป็นเรื่องดีที่ไม่มีใครมาเป็นศัตรูกับมัน
“กูง่วงแล้วอ่ะยูค” ไม่พูดเปล่า หาวใส่กล้องแม่ง..
“ห่า หาวขนาดนั้นกินกล้องเลยมั้ย?
“กินได้กูกินไปแล้ว”
“โอเค มึงไปนอนเหอะ เป็นผู้หญิงนอนดึกมันไม่ดี ฮ่าๆ”
ขรรมเชี่ยไรสัส..
ผมจิกตาใส่ยูคยอมจนมันหัวเราะ แล้วกดปิดโปรแกรมแชทเห็นหน้าไป ผมปิดแมคบุ๊คแล้วเดินออกไปกินน้ำข้างนอกเพราะรู้สึกพูดมากเกินไปจนกระหายน้ำเลยทีเดียว
จะว่าไปนี่ก็จะตีสองครึ่งแล้วไอมาร์คมันยังไม่กลับมาเลย ไปเมาหัวราน้ำอยู่ไหนหรือเปล่าก็ไม่รู้ เฮ้อ ช่างมันเถอะ ผมเดินไปขึ้นเตียงหวังจะนอน พรุ่งนี้ไม่มีเรียน ว่าจะชวนฟานี่ไปซื้อของซะหน่อย แต่ยังไม่ทันที่ผมจะกดปิดไฟที่หัวเตียงเสียงเรียกหน้าประตูห้องก็ดังขึ้นมาซะก่อน
สัด กูจะนอน!!
เดินไปเปิดประตูหน้าห้องนี่ถึงกับต้องถอนหายใจออกมาเลยทีเดียว เชี่ยมาร์คมันเมามากจนแจ็คสันต้องมาส่งที่ห้อง และในที่สุด..ก็กลายเป็นภาระกูอีกจนได้
“ขอบใจนะที่มาส่งมาร์คมัน”
“แจ็คเต็มใจครับผม” เออ เสร็จแล้วก็รีบๆไปเถอะแจ็ค..
ผมส่งยิ้มให้แจ็คสันอีกครั้งแล้วกระแทกประตูใส่หน้าแจ็คสันมันซะเลย ก็ไม่ได้โกรธอะไรครับ ผมแค่อยากจะรีบจัดการกับไอมาร์คแล้วรีบๆนอนซักที เหนื่อยแล้วเนี่ย
เดินมาวางไอมาร์คไว้บนเตียงในห้องแล้วเดินไปหยิบกาละมังกับผ้าขนหนูผืนเล็กมาหวังจะเช็ดตัวให้มัน นี่ปกติก็ไม่เคยทำแบบนี้ให้หรอกครับ เพราะส่วนใหญ่ก็จะเป็นผมมากกว่าที่เมามาแล้วให้มันทำแบบนี้ให้ เพราะมาร์คเป็นคนคอแข็งพอสมควร ที่เมาไม่ได้สติขนาดนี้แสดงว่าแม่งดื่มเข้าไปเยอะมากแน่ๆ
“นี่มึงดื่มไปเยอะขนาดไหนเนี่ย”
“…”
“ถามไม่ตอบ”
“…”
“หยิ่งว่ะ”
แบมแบม..อีโง่ มันเมาไม่ได้สติขนาดนั้นมันคงลุกมาตอบกูได้อ่ะเนอะ คนบ้าอะไรสวยแล้วยังฉลาดจนควายเรียกพี่ขนาดนี้..
กูด่าตัวเองทำไม?
ผมค่อยๆปลดกระดุมเสื้อไอมาร์คทีละเม็ดๆ เชี่ย..แล้วนี่มือกูจะสั่นทำไม ไม่เข้าใจตัวเองเลยครับว่ามือมันจะสั่นทำไม รู้แค่ว่ารู้สึกตื่นเต้นแปลกๆทั้งที่ผมก็เคยเห็นอะไรต่อมิอะไรของไอมาร์คมาบ่อยแล้วนะ แต่ตอนนี้มันไม่ได้รู้สึกเหมือนเมื่อก่อน ตอนนี้มัน...
“จะลักหลับกูหรอ?”
“เชี่ย!!”
“เป็นผู้หญิงอ่ะ ตกใจให้ดูดีกว่านี้ไม่ได้หรือไง?”
เอ้า ไอนี่ ก็กูตกใจที่จู่ๆมึงก็ลืมตาขึ้นมาแล้วถามว่ากูจะลักหลับมึงหรอ มึงจะให้กูเอามือทาบอกแล้วอุทานออกมาว่า..อกอีแบมแล่นลึกเข้าตึกแขกอกต้องแตกแน่ๆขุ่นแม่ขา แบบนี้หรอมาร์ค?
“นี่มึงแกล้งหลับหรอ!?”
“เปล่า”
ปฏิเสธออกมาได้หน้าด้านๆแบบนี้เลยหรอ?
“เชี่ย ลุกไปอาบน้ำเองเลยนะมึงอ่ะ”
“เขินหรอ?”
“เขินบ้าอะไรล่ะ”
เขินเชี่ยไรของมึงไอมาร์คต้วน กูแค่รู้สึกเหนื่อยจากการคุยกับไอยูคหน้าเลยแดงแบบนี้ไง เออเดี๋ยวกูไปล้างหน้าก็หายแดงละ เขินอะไรไม่มีเลย..
“ไม่ต้องมามองหน้ากูเลยนะ ลุกไปอาบน้ำเลยเหม็นเหล้า”
“เช็ดตัวต่อดิ ขี้เกียจลุก”
“ไม่เอาแล้ว มึงตื่นแล้วก็ไปอาบเองดิ”
“ปวดหัว ไม่อยากลุกขึ้น”
ห่า เถียงกันไปกันมาแบบนี้กูไม่ได้นอนแน่ๆ ในที่สุดผมก็ต้องจำใจยอมเช็ดตัวให้ไอมาร์คทั้งที่จริงๆแล้วมันเช็ดเองก็ได้ -3-
“ถอดเสื้อออกดิ”
ผมออกคำสั่งและมาร์คก็ยอมทำตามอย่างว่าง่าย ไม่อยากจะมองเลย..ไม่ได้อะไร ก็แค่อิจฉาที่มันมีหุ่นดีๆก็แค่นั้นแหละ ผมบิดผ้าที่ชุบน้ำก่อนจะค่อยลูบไปมาบริเวณแขนทั้งสองข้างของเพื่อนสนิทแล้วเลื่อนไปเช็ดที่คอไล่ลงมาบริเวณ เอ่อ..หน้าอกที่มีกล้ามหน่อยๆดูดีเป็นบ้า..เห้ย ไม่ดิ คิดบ้าอะไรล่ะเนี่ย..
“ทำไมมือสั่นจัง”
เออกูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามือกูจะสั่นทำไมหนักหนากับอีแค่เช็ดตัวให้มึงเนี่ย
“หุบปากไป”
ผมว่ามันแล้วแกล้งเช็ดรอบๆบริเวณอกแกร่ง ผมเคยเป็นผู้ชายมาก่อนนะครับทำไมจะรู้ว่าส่วนไหนที่โดนแล้วรู้สึกอยากเข้าไปเล่นว่าวในห้องน้ำ แกล้งแม่งให้สมกับที่แกล้งกูให้เช็ดตัวให้เลย
“บะ แบม” แหม่ เสียงสั่นเชียวเพื่อนรัก..
“หื้ม?”
“พอแล้ว”
“ทำไมอ่ะ เช็ดต่อดิ เนี่ยๆโดยเฉพาะตรงนี้”
ว่าแล้วผมก็เช็ดเบาๆบริเวณเดิมจนสีหน้าไอมาร์คเริ่มเหยเก ฟังไม่ผิดครับ มันทำหน้าเหยเกจริงๆ มาร์คเพื่อน..กูอยากจะบอกมึงว่ากูแค่แกล้งให้มึงมีอารมณ์ไม่ได้เอามีดมาแทงมึง ถ้าจะทำหน้าเจ็บปวดขนาดนั้นกูไม่แกล้งมึงแล้วก็ได้
ผมละมือออกจากร่างกายไอมาร์คแล้วเตรียมจะลุกขึ้นเพื่อนำกะละมังไปเก็บ แต่ยังไม่ทันได้ลุกขึ้นยืนเต็มตัวไอมาร์คก็จับมือผมไว้ซะก่อน
“มึง..”
“อะไรอีกล่ะ”
“ป่าว กูจะเข้าห้องน้ำ”
“ก็ไปดิ จับมือกูทำไมล่ะ”
ไอมาร์คปล่อยมือจากผมแล้วรีบลุกขึ้นเดินไปเข้าห้องน้ำทันที นี่กลัวมันจะสะดุดล้มจนหัวฟาดพื้นมากครับ คือใส่เกียร์หมาวิ่งเข้าห้องน้ำด้วยความเร็วแสงเลย มันคงไม่วิ่งไปเล่นว่าวในห้องน้ำเพราะที่ผมแกล้งไปเมื่อกี้หรอก ไอมาร์คมันขึ้นยากจะตาย..มั้ง
ผมเดินไปเก็บกะละมังในห้องครัวแล้วเดินกลับเข้าห้องมาหวังจะนอน ว่าแต่ว่ากูหวังจะนอนกี่รอบละไอสัดไม่ได้นอนสักที แต่ครั้งนี้คงได้นอนจริงๆแล้วละครับถ้าหูผมมันไม่เสือกได้ยินเสียงอะไรเข้าซะก่อน
“อ่า แบมแบม ซี๊ดด”
ชะ เชี่ย..เสียงอะไรวะ
ผมเดินไปใกล้ๆประตูห้องน้ำแล้วแนบหูไปฟังว่าเสียงที่ดังลอดออกมามันคือเสียงอะไร เผื่อไอมาร์คมันหัวฟาดพื้นแล้วเรียกให้ผมช่วยไง..
“อ่าห์ แบม..อื้มม”
ไอเหี้ย!! ชัดเลย มาร์คแม่งเล่นว่าวอยู่จริงๆด้วย ผมเข้าใจครับว่าผู้ชายมันก็ต้องปลดปล่อยบ้างเป็นธรรมดา แต่ที่กูไม่เข้าใจคือมึงเรียกชื่อกูออกมาทำไม ไอมาร์ค ไอเพื่อนเลว นี่มึงกำลังมโนภาพกูตอนเป็นผู้หญิงแบบนี้อยู่ใช่มั้ย!? นี่ใช่มั้ยเหตุผลที่มึงชอบมองหน้าอกกู เพราะมึงจะเอาไปจินตนาการแบบนี้ใช่มั้ย!!
ผมพยายามทำเป็นไม่สนใจเสียงที่ดังออกมานั่นแล้วข่มตาลงเพื่อให้ตัวเองแม่งได้นอนจริงๆสักที แต่เสียงของมาร์คที่อยู่มันดังเกินไป จนกูนอนไม่หลับแล้วเนี่ย รู้สึกแปลกๆอ่ะ T0T
“เชี่ยมาร์ค หยุดเรียกชื่อกูเดี๋ยวนี้!!!!”
“แบมแบม..”
ยัง..มันยังไม่หยุด กูจะไม่ไหวแล้วนะ ฮือออ เป็นผู้หญิงก็มีความรู้สึกนะเว้ย TWT
“มาร์ค!! เบาๆหน่อยได้มั้ยกูจะนอน”
เงียบไปแล้วหรอ?..เฮ้อ
ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะหยิบหูฟังแล้วเปิดเพลงให้ดังที่สุดแล้วหลับตาลง เพราะเสียงที่พึ่งหยุดไปนั่นมันเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง..
และอีกครั้ง
อยากจะบอกไอมาร์คด้วยความหวังดีว่า..
ระวังมือจะเปื่อยนะเพื่อน
TBC..
#กล้าท้าก็กล้าลอง
โอเค ครบแล้วค่ะ
วรั้ย มัคมัคเล่นว่าว..
วันนี้เปิดเทอมวันแรกค่ะ เพลียแรง
สำหรับตอนนี้ขออย่าโดนแบนเป็นพอค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
ความคิดเห็น