คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ▽The Challenge ☆ Chap 3 (100%)
The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง
Mark x Bambam
-3-
“ถึงสักที เหนื่อยอะมาร์ค” ผมกับมาร์คเราเดินซื้อของที่ห้างกันนานมาก ไอมาร์คมันพาผมไปซื้อเสื้อผ้าผู้หญิง คือซื้อมาเยอะมาก เดินวนไปวนมาซื้อนู้นซื้อนี่กลับมาอีกทีก็เย็นซะแล้วเลยกินข้าวเย็นกันที่ห้างซะเลย พอขากลับรถก็ติดเป็นบ้า กว่าจะถึงคอนโดนี่ปาไป 2 ทุ่มเลย
“ไปจัดของก่อนแบมแบม”
“ขี้เกียจ อยากอาบน้ำนอนแล้ว” พอผมพูดจบไอมาร์คก็มองผมนิ่งๆ คือรู้เลยว่ากูต้องไปจัดเดี๋ยวนี้ สายตาโคตรน่ากลัว มองขนาดนั้นฆ่ากูเลยก็ได้นะ
ผมเดินเข้าไปในห้องนอนแล้วตรงไปที่ตู้เสื้อผ้าทันที หยิบชุดชั้นในที่เพิ่งซื้อมาใส่เข้าตู้ไป เห็นแล้วรู้สึกเอือมสุดๆ นี่ต้องใส่อะไรแบบนี้ตลอดจริงๆหรอ อึดอัดอย่างเดียวไม่พอไง ประเด็นคือใส่ไม่เป็นอีก อยากจะซื้อแบบส่วมที่เดียวเลยแต่ไอมาร์คดันบอกว่าวันนี้ผมผลาญเงินมันไปเยอะแล้วเดี๋ยววันหลังค่อยมาซื้อให้ใหม่ โอเค..เพื่อของฟรี นานแค่ไหนกูก็รอ
ไม่นานหลังจากจัดของเสร็จผมก็เดินไปหยิบผ้าขนหนูเพื่อเตรียมตัวจะอาบน้ำ มองหาไอมาร์คทั่วห้องแล้วแต่ก็ไม่เจอ ไปไหนของมัน ผมไม่ได้สนใจอะไรมาก เดินเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายที่เหนื่อยกับการซื้อของมาทั้งวันของตัวเอง ดีแค่ไหนแล้วที่ไมเกิดมีอารมณ์กับร่างตัวเองขึ้นมา..ส้นตีน
ใช้เวลาในการอาบน้ำไม่นานนักผมก็เดินออกมาด้วยผ้าขนหนูผืนเดียวคาดไว้เหนือหน้าอก รู้สึกสงสารผู้หญิงที่หน้าอกใหญ่ยังไงก็ไม่รู้ มันหนักอ่า TWT เดินออกมาก็ถึงกับสะดุ้งเลยครับ ไอมาร์คมันนอนกดโทรศัพท์อยู่บนเตียง
“เมื่อกี้มึงไปไหนมา”
“ซื้อของข้างล่างอะ เห้ย!” มันตอบผมแล้วจู่ๆก็ร้องเห้ยออกมาซะกูตกใจเลย
“อะไรของมึง?”
“ทำไมไม่เอาเสื้อไปใส่ในห้องน้ำ..”
“ปกติกูก็ทำแบบนี้อยู่แล้วอะ” ผมยู่ปากใส่มัน อะไรของมันวะ ปกติผมก็เดินออกมาใส่เสื้อข้างนอกอยู่แล้วนี่ ไม่เห็นเป็นไรเลย
“ก็ตอนนี้มันไม่ปกติแล้ว” ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรมันมากเดินตรงไปยังตู้เสื้อผ้าทันที เดี๋ยวนี้มาร์คแม่งชอบพูดจาแปลกๆ จากที่เข้าใจยากอยู่แล้วแม่งเข้าใจยากกว่าเดิม นี่กูมีเพื่อนเป็นคนหรือเป็นเอเลี่ยนกันแน่วะ อยู่ด้วยกันแต่เหมือนคุยกันคนละภาษายังไงอย่างนั้นแหละ
ผมหยิบบ็อกเซอร์และเสื้อยืดตัวโคร่งออกมาใส่ทันที ตอนนอนคงไม่ต้องใส่ชุดชั้นในให้อึดอัดเล่นหรอก จัดการเช็ดผมให้แห้งผมก็มาทิ้งตัวลงนอนข้างๆไอมาร์คทันที
ผมเห็นไอมาร์คเงียบแปลกๆเลยหันไปมอง พอดีกับที่มันหันหน้ามามองผม สายตาสองคู่ประสานกัน อ่า..นี่มันไม่ปลอดภัยเลยจริงๆ ผมยังไม่ละสายตาจากคนตรงหน้า เช่นเดียวกันไอมาร์คก็ยังคงจ้องผมอยู่อย่างนั้น เนิ่นนานจนรู้สึกตัวอีกทีหน้ามันก็ขยับเข้ามาใกล้ผมจนรู้สึกถึงลมให้ใจร้อนๆ
“มึงยั่วกู..”
โอเค กูเข้าใจว่ามึงเป็นคนไม่เบี้ยว ชอบพูดอะไรตรงๆขวานผ่าซาก แต่คือ กูไปยั่วมึงตั้งแต่เมื่อไหร่? กูอยู่ดีๆของกูป่ะ ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามมันว่า กูเนี่ยนะยั่วมึง
ไอมาร์คสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วหลับตาเหมือนพยายามข่มอารมณ์อะไรสักอย่าง ผมเอื้อมมือไปแตะหน้าผากมันเบาๆ มันอาจจะไม่สบายหรือเปล่า? ทำตัวแปลกๆบวกกับหน้าแดงๆ ลามไปถึงหูนั่นอีก มันต้องไม่สบายแน่ๆ
“ตัวก็ไม่ร้อนนี่ ทำไมหน้ามึงแดงแบบนี้อะ”
“กูไม่ได้ไม่สบาย กูแค่..”
“….”
“อยาก..”
“อยากอะไร?”
“อยากเอามึงไง”
“ไอมาร์ค!!! มึงถอยออกไปเลยนะ!!!”
ผมพลักมาร์คจนกระเด็นออกห่างจากตัวผม ไอโรคจิต คนอุตสาห์เป็นห่วงยังจะมาหื่นใส่อีก ทำไมเป็นคนแบบนี้ ทำไมมันหื่นมากกว่าเดิม รู้สึกเหมือนตัวเองเริ่มไม่ปลอดภัยขึ้นมากะทันหันเลย เฮ้อ ใจเย็นๆแบมแบม ไอมาร์คมันอาจจะพูดเล่น
ไอมาร์คไม่ได้ตอบโต้อะไรกลับมา มันหัวเราะหึหึแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ผมเองก็ไม่อยากจะสนใจอะไรมันมากเลยข่มตานอนซะเลย
เช้ามาผมตัดสินใจไปลาออกจากมหาวิทยาลัยที่ใช้เวลาเรียนมาถึง 2 ปีเต็มๆ #เสียใจอ่อน ผมใส่แมสปิดปากเพราะกลัวว่าเพื่อนๆที่มหา’ลัยจะจำได้ ก็ไม่ได้อะไร กลัวมันจะหาว่าผมบ้าไปแปลงเพศมา ส่วนอาจารย์ที่เห็นก็อึ้งไปตามๆกันครับ
ทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยไอมาร์คก็พาไปทำเรื่องเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยมันทันที มหา’ลัยของมาร์คดูกว้างกว่ามหา’ลัยเก่าของผมมาก ผมตัดสินใจลงเรียน บริหารเหมือนเดิมและดูเหมือนว่าทุกอย่างเป็นไปอย่างง่ายดายถึงแม้ว่าผมจะเข้าเรียนที่นี่หลังจากเปิดเทอมได้ เกือบ 1 อาทิตย์ แต่มันดูไม่มีอุปสรรคอะไรเลย ทุกอย่างเป็นไปอย่างราบเรียบ มันง่ายดายจนผมรู้สึกเหมือนทุกอย่างถูกเตรียมไว้อยู่แล้ว..
“เดี๋ยวกูนั่งแท็กซี่กลับเองก็ได้นะมาร์ค” ผมว่า เพราะแม่กูส่งเงินมาให้แล้วไง อิอิ อีกอย่างยังไงวันนี้ช่วงบ่ายมันก็มีเรียน เมื่อเช้ามันก็จัดการอะไรหลายๆอย่างให้แล้วด้วย
“กูไปส่งก็ได้นะ”
“ไม่เป็นไรหรอก เดี๋ยวมึงก็ต้องมาเรียนอีกถ้าไปส่งกูก็เสียเวลาเปล่าๆ กูไปนะ” มาร์คพยักหน้ารับ รอผมเดินขึ้นรถแท็กซี่เรียบร้อยแล้วมันจึงเดินออกจากตรงนั้น ผมหันไปข้างหน้าจะบอกแท็กซี่ว่าจะลงหน้าคอนโด แต่ก็ต้องชะงักด้วยความอึ้ง คืออึ้งสัด อึ้งแรงมาก..
“คะ คังจุน!!!” ฟังไม่ผิดหรอกครับ คนขับแท็กซี่คือคังจุน
“ว่าไง..แบมแบม เป็นแบบนี้แล้วสวยดีนะ” แถมมันยังจำผมได้ด้วย นี่มันชักจะไม่ธรรมดาซะแล้ว มึงคังจุนเป็นใครกันแน่
“นาย..นายรู้ใช่มั้ยว่าทำไมฉันถึงกลายเป็นแบบนี้” ผมมองไปที่คังจุนด้วยสายตาที่ไม่ค่อยพอใจมาก ผมรู้ว่าผมกลายเป็นแบบนี้เพราะความชอบลบหลู่และการไม่ชอบให้ใครมาท้าของตัวเอง แต่ไอหมอนี่ก็มีส่วนทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้ไม่ใช่หรือไงล่ะ? โกรธโว้ย!!!!
“ทำไมจะไม่รู้ ที่เป็นแบบนี้เพราะนายลบหลู่ไงล่ะ อีกอย่างเป็นแบบนี้มันไม่สนุกหรอ?”
“นายเป็นใครกันแน่คังจุน!!!”
“หึ แบมแบม…นายควรจะขอบคุณฉัน ที่ทำให้ชีวิตนายมันหน้าท้าทายขึ้น..นายชอบแบบนั้นไม่ใช่หรอ? ขอให้สนุกกับชีวิตใหม่ที่ฉันมอบให้นะ”
ไอเหี้ยย!!! มึงเป็นใครกันแน่ ผมอยากจะตะโกนใส่หน้ามัน แต่จู่ๆแท็กซี่ก็มาจอดอยู่หน้าคอนโดแล้ว กูเพิ่งนั่งมาเองนะ ไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ..อ่า นี่มันเรื่องบ้าอะไรวะ กูไปเล่าให้ใครฟังก็คงต้องหาว่ากูบ้ามากแน่ๆ แล้วไอขอให้สนุกกับชีวิตใหม่นี่ ใครจะสนุกกับมึง!! เป็นแบบนี้มันไม่สนุกเลยนะโว้ย
ผมหันไปมองไอคุงจุนที่หันมาแสยะยิ้มที่ดูสะใจกับอะไรสักอย่าง น่ากลัวมาก เป็นการแสยะยิ้มที่หน้ากลัวกว่าตัวร้ายในละครซะอีก
ปีศาจชัดๆ..
ผมรีบเปิดประตูลงจากรถทันที ใครจะไปอยู่ให้มันจิกตาใส่แบบนั้นล่ะ ผมยืนมองรถแท็กซี่ที่ค่อยๆขับออกไปช้าๆ จนลับตา ตอนนี้รู้สึกเหมือนสติตัวเองไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย
ขึ้นมาบนห้องผมก็เข้าไปอาบน้ำทันที รู้สึกปวดหัวเมื่อนึกถึงเรื่องบนรถแท็กซี่ ยังไงซะพรุ่งนี้ก็ไปเรียนที่ใหม่วันแรก วันนี้นอนพักเอาแรงเยอะๆไปเลยก็แล้วกัน
ในป่ารกทึบที่รอบข้างมีเพียงต้นไม้หน้าตาแปลกประหลาดสองขายาวของร่างบางค่อยๆก้าวเข้าไปลึก และลึกขึ้นเรื่อยๆ ก้าวเข้าไปอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่แล้วสายตาก็หันไปเจอกับบางสิ่งบางอย่างที่คุ้นตา
ต้นไม้ต้องห้าม..
หันสายตาไปอีกฝั่งก่อนจะเจอเข้ากับผู้ชายในชุดสีขาวดูสะอาด ไม่มีพิษภัย..แต่ปีกของชายผู้นั้นเป็นสีดำ..
‘แบมแบม..’
ชายปีกดำคนนั้นเรียกชื่อของเค้า..ทุกอย่างตรงหน้ามันดูเลือนราง ไม่ชัดเจน ทำให้แบมแบมมองไม่เห็นใบหน้าของชายคนนี้ แต่มีสิ่งหนึ่งที่เค้ารับรู้ได้คือ ความหน้ากลัวของชายตรงหน้า มันหน้ากลัวเสียจนอยากจะหายตัวไปจากตรงนี้ซะเดี๋ยวนี้
ชายคนนั้นค่อยๆก้าวเข้ามาเรื่อยๆ จนหยุดอยู่ตรงหน้าของแบมแบม ชายคนนั้นหยิบบางอย่างจากข้างหลังมามอบให้กับแบมแบม
ดอกของต้นไม้ต้องห้าม
‘คุณเป็นใคร’
‘ดาร์เกล’
‘….’
‘ชื่อของฉัน คือ ดาร์เกล..จำมันให้ขึ้นใจเลยนะ แบมแบม’ พูดจบ จู่ๆดอกไม้ในมือของแบมแบมก็กลายเป็นไฟขึ้นมาอย่างไม่รู้สาเหตุ มันร้อนมาก..แต่แบมแบมไม่สามารถทิ้งมันได้ เหมือนมีบางอย่างบังคับไม่ให้โยนมันทิ้งลงพื้น..
‘แบมแบม!’
เสียงเรียกที่ดังขึ้นอีกครั้ง ทำให้ดาร์เกลหายไป แทนที่ด้วยผู้ชายร่างสูงที่ดูคุ้นตาของแบมแบมมากๆแต่เค้ากลับมองไม่เห็นใบหน้าของผู้ชายคนนั้น
แบมแบมกำลังเจ็บไปทั้งตัว ปวดไปหมดราวกับกำลังมีใครมาบีบร่างของตัวเอง ราวกับจะให้เค้าขาดใจตายตรงนี้ให้ได้ แบมแบมร้องไห้ออกมาเมื่อรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกอะไรบางอย่างครอบงำ ให้เดินตรงไปยังหน้าผาเหมือนจะดิ่งตัวลงไปข้างล่าง แต่จู่ๆก็มีมือของใครสักคนมาฉุดไว้
ชายร่างสูงเมื่อสักครู่นี้..
ผู้ชายคนนั้นกำลังพาแบมแบมหนีออกมาจากหน้าผานั้น แบมแบมร้องไห้ออกมามากกว่าเดิมรู้สึกโล่งอกที่ตัวเองพ้นออกมาจากหน้าผาสูงนั่น..แต่ก็กำลังกลัวเพราะตอนนี้เค้ากำลังจิกเล็บลงบนมือชายที่กำลังช่วยชีวิตเค้า
ปึก!!
ร่างสองร่างล้มลงกระแทกพื้น ชายคนนั้นหันมามองร่างบางข้างหลังและเดินไปข้างหน้า..เดินไปข้างหน้าโดยไม่หันกลับมามองร่างของแบมแบมที่ล้มลงอีกเลย..
‘ช่วยด้วย ฮึก ฮืออ’
“แบมแบม!!!” ฝัน..ผมแค่ฝันไป
“มะ มาร์ค!!” ผมเด้งตัวออกจากเตียงแล้วพุ่งเข้ากอดมาร์คที่ยืนอยู่นิ่งๆ มาร์คกอดตอบผมแล้วลูบหัวราวกับจะปลอบ
“เป็นอะไรแบมแบม”
“อย่าทิ้งกู..อย่าทิ้งกูไปไหนนะ” ไม่รู้อะไรบังคับให้ผมพูดแบบนั้นไป ผมแค่กลัว กลัวว่าชายที่ช่วยชีวิตผมและทิ้งผมไปอย่างในฝันจะเป็นคนตรงหน้า
“กูอยู่ตรงนี้แบมแบม..ไม่ทิ้งมึงไปไหนหรอก” มาร์คพูดแล้วจับมือผมขึ้นมาบีบเบาๆ เพื่อบอกว่ามันยังอยู่ตรงนี้ ไม่มีอะไรให้ผมต้องกลัว เหมือนฝันเมื่อสักครู่นี้เลย ผมยิ้มบางๆให้มัน รู้สึกขอบคุณที่ปลุกผมออกจากฝันที่หน้ากลัวนั่น..
50%
วันนี้ผมมามห’ลัยเป็นวันแรก ไอมาร์คอาสาจะไปส่งที่ตึก แต่ผมก็บอกว่าไม่ต้อง คือจะไปส่งทำไม? นี่ปีสามแล้วปะ ไม่เด็กแล้วนะ เดินคนเดียวได้ไม่อายคน เข้าใจตรงกันนะ
โอเค..และแล้วตอนนี้ผมก็อยู่ที่หน้าตึกเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้ไม่ได้หวังอะไรมากเลยครับ หวังว่าผมจะมีเพื่อนเร็วๆเพราะการอยู่คนเดียวถึงมันจะดีแต่มีเพื่อนมันก็ดีกว่าอยู่แล้วใช่มั้ยล่ะครับ เกิดมีอะไรไม่เข้าใจขึ้นมาจะได้ปรึกษาได้
ผมเปิดประตูเข้าไปในห้องปุ๊ป..อยากจะหายตัวไปจากตรงนี้อะ แม่ง..มองกูเป็นตาเดียวเลย ทำไมนมกูมันใหญ่จนไปทับหัวมึงหรืออะไร? ดูสายตาแต่ละคนแบบ..โอเค กูรู้ว่ากูสาย แต่สายมา 5 นาทีเองนะ เฮ้อ ผมเลิกสนใจคนพวกนี้แล้วเดินไปนั่งที่ว่างๆอยู่ อาจารย์ก็น่าจะรู้อยู่ว่าผมเป็นเด็กใหม่
“สวัสดี” ผู้หญิงคนที่นั่งข้างผมทักขึ้น ผมไม่ได้พูดอะไรแค่หันไปยิ้มให้เฉยๆ ก่อนที่อีกฝ่ายจะเป็นฝ่ายชวนผมคุยก่อน
“ชื่ออะไรหรอ?”
“อ่อ ฉันชื่อ แบมแบม”
“ฉันชื่อทิฟฟานี่นะ เรียกฟานี่เฉยๆก็ได้” ผมฉีกยิ้มกว้างให้ทิฟฟานี่หรือฟานี่ เธอดูเป็นมิตรสุดๆเลยถึงจะดูไม่เข้ากับการแต่งตัวที่ค่อนข้างเปรี้ยวขนาดนี้ก็เถอะ อ่า..วันนี้ดูท่าผมคงจะได้เพื่อนใหม่แล้วละ เร็วกว่าที่คิดไว้อีกนะเนี่ย
หลังจากเรียนในช่วงเช้าเสร็จแล้วผมกับฟานี่เราก็พากันมาที่โรงอาหารของคณะ หิวจะแย่ละ ยอมรับตรงๆเลยว่าสิ่งที่อาจารย์พูดไม่ได้เข้าหัวเลยสักนิด คือกูหลับตั้งแต่อาจารย์พูดไม่ถึง 10 นาที ได้ยินก็คงบ้าละ..
“แบมแกจะกินอะไร?”
สรรพนามที่ใช้เรียกชื่อผมเริ่มเปลี่ยนไปตั้งแต่ก่อนจะเดินมาถึงโรงอาหารเมื่อสักครู่เองครับ ก็ยัยนี่บอกว่าใช้ความว่าแกจะดูสนิทกันมากกว่า ผมเลยถามว่าทำไมไม่ใช้มึงกูไปเลยล่ะ โดนฟาดเข้าไปเต็มๆแขนเลยครับ โหดแท้
“แล้วแต่เลย กินได้ทุกอย่าง”
“ส้นตีนกินมั้ย?”
ฟานี่ถามแล้วส่งยิ้มกวนตีนมาให้ แหม่..นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นผู้หญิงกูโบกให้แล้วนะ ผมได้แต่ขยับปากให้ฟานี่อ่านไปว่า
‘ดีออก..’
พอผมพูดจบฟานี่ก็ขำก๊ากออกมา เอ่อ..โดนด่าปะ? หัวเราะมีความสุขทำไมวะ? ผมมองหน้าเพื่อนใหม่อย่าง งงๆ คือมีสติดีใช่มั้ย? คนปกติที่ไหนโดนด่าแล้วยิ้มวะ แต่ไม่เป็นไร ผมชอบคนแบบนี้นะ เป็นคนที่ดูไม่แคร์โลก ไม่ใสซื่อจนเกินไป ดูเข้ากับผมในร่างผู้หญิงนี่ดี
ผมกับฟานี่เราแยกกันหลังจากทานข้าวเสร็จเพราะไม่มีเรียนต่อแล้ว ผมเลยกดส่งข้อความไปหาไอมาร์คว่าจะกลับห้องก่อน ไม่รอให้มาร์คตอบกลับมาผมก็ไปยืนโบกแท็กซี่หน้ามหา’ลัยทันที
‘ถึงคอนโดยัง?’
ผมเดินออกมาจากห้องน้ำก็หยิบโทรศัพท์ไอโฟนหกลูกรักขึ้นมากดเพื่อตอบข้อความของไอมาร์ค แต่จู่ๆเสียงเคาะประตูหน้าห้องก็ดังขึ้นทำให้ผมชะงักไปครู่หนึ่ง
ไอมาร์คหรอ? ทำไมกลับมาเร็วจัง
ผมเดินไปหยิบเสื้อคลุมอาบน้ำมาคลุมตัวแล้ววิ่งไปเปิดประตู แต่เมื่อเปิดออกมามันก็ว่างเปล่า ใครแม่งแกล้งกูแน่ๆ ห่า เสียเวลาเดินมามาก อย่าให้รู้นะว่าใคร จะโบกให้หงายเลยสาด
แต่ก่อนที่ผมจะได้ปิดประตูก็ดันไปสะดุดตากับกล่องของขวัญขนาดกลางที่วางอยู่ข้างหน้า ผมหยิบมันขึ้นแล้วอ่านข้อความที่ถูกเขียนไว้บนกล่อง
‘เปิดดูสิ’
อืม เอามาวางไว้น่าห้องไอมาร์ค ถ้าไม่ใช่ของไอมาร์คก็น่าจะเป็นของผมแหละ ผมปิดประตูแล้วเดินไปนั่งที่โซฟาเพื่อเปิดดูของที่อยู่ภายในกล่องของขวัญ เปิดออกมาก็เจอเข้ากับ ดอกไม้? ทำไมหน้าตามันคุ้นๆจังวะ ไอเชี่ย..ผมซัดดอกไม้นั่นทิ้งทันที นี่มันดอกของไอต้นไม้ที่ทำให้ผมเป็นแบบนี้ ซึ่งมีหน้าตาแบบเดียวกับดอกไม้ในฝันของผมเป๊ะ
จะตามหลอกหลอนกันไปถึงไหนวะ!!!
ผมเก็บไอดอกไม้มรณะกับกล่องของขวัญไปทิ้งลงถึงขยะทันทีแล้วเดินไปใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปนั่งเล่นโทรศัพท์บนโซฟาตัวเดิม
-มาร์คคึ‘s Talk-
‘ถึงคอนโดยัง?’
ผมส่งข้อความไปหาแบมแบมแต่อีกคนกลับไม่ตอบ ผมไม่ได้สนใจอะไรมากเพราะมันก็เป็นแบบนี้ประจำ ข้อความไม่เคยจะตอบ..
“มาร์ค” เสียงเพื่อนสนิทข้างๆดังขึ้นทำให้ผมหันไปมองมัน
“โปรเจ็คนี้พวกกูคงต้องไปทำที่ห้องมึงนะ”
“ไม่มีทาง..” ผมตอบพวกมันแล้วหันไปกดโทรศัพท์ในมือต่อ เรื่องอะไรจะให้ไปทำที่ห้องกูล่ะ คบกันมา 2 ปี แม่งไม่เคยแม้แต่จะสัมผัสลูกบิดประตูห้องกู จู่ๆมาบอกจะไปทำโปรเจ็คเนี่ยนะ
“ก็บ้านกูมีญาติมาอะมาร์คมึงอย่าเรื่องมากดิ” ไอเจบี ไอฟันเยอะ กูไม่ได้เรื่องมาก แต่แบบ..ไปที่ห้องกูแล้วเจอแบมแบมงี้แม่งไม่แย่หรอวะ
“ห้องไอแจ็คอะ”
“มาร์คมึงแน่ใจหรอว่าจะให้พวกกูไปทำห้องไอแจ็ค..” จินยองหรือจูเนียร์ที่นั่งอยู่นานพูดขึ้น เลือกได้ก็ไม่อยากจะไปทำห้องไอแจ็คสันมันหรอก รู้ๆกันอยู่ว่ามันโสโครกขนาดไหนอะ คือเดินเข้าห้องไปกลิ่นถุงเท้ากลิ่นถังขยะกลิ่นอะไรลอยมาเต็มไปหมด..
“บ้านมึงอะเนียร์”
“มึงจะไปทำโปรเจ็คถึงปูซานเลยหรอมาร์ค” กวนตีนละ
“กูหมายถึงห้องมึง ห่า..”
“ไม่ได้หรอกมึง ห้องกูครัวพัง ห้องน้ำพัง นี่กูขนของไปนอนบ้านไอบีเรียบร้อยละ”
ผมรู้สึกปวดหัวขึ้นมากะทันหันเลยครับ..คือไม่อยากให้พวกแม่งไปที่ห้องเลย จะบอกว่าไม่อยากให้ห้องรกนั่นมันก็ส่วนหนึ่งเพราะผมกับแบมแบมก็ต้องคอยเก็บกวาดอีก อีกส่วนหนึ่งก็..ไม่อยากให้พวกมันเจอแบมแบม ไอแจ็คมันขี้เต๊าะถ้าเจอแบมแบมยังไงมันก็ต้องเต๊าะแน่ๆอะ
พูดถึงเพื่อนสามคนนี้ตอบเลยว่าผมมีสติที่สุดแล้วครับ คบกันมาตั้งแต่ปี 1 สันดงสันดานนี่รู้กันไปถึงไหนต่อไหนละ รู้สึกคิดผิดนิดหน่อยที่มาคบกับพวกมัน คือพวกผม 4 คนนี่เข้ากันไม่ได้เลยสักนิดแต่ที่ยังคบกันได้ทุกวันนี้ก็เพราะความเข้าใจกันล้วนๆเลย
“อืม ห้องกูก็ได้”
“เย้! กูจะได้เห็นรูมเมทมึงแล้วอะมาร์ค” ไอแจ็คมันลุกขึ้นแล้วกระโดดไปมา คิดว่าน่ารักก็ทำต่อไป กูจะไม่ห้ามมึง เพราะเดี๋ยวไอโต๊ะข้างๆที่มันทนดูไม่ไหวก็คงเดินมาเตะมึงเอง
“เออ จะว่าไปพวกกูยังไม่เคยเห็นรูมเมทมึงเลยนะ คบกันมาก็นานมีแค่เรื่องนี้อะที่พวกกูไม่รู้”
“ใช่ ไอบีกูก็คิดเหมือนมึง”
“พูดมากวะ กูกลับละ พรุ่งนี้เจอกันที่ห้องกู 9 โมงเช้า อย่าสาย”
เดินเข้ามาในห้องผมก็เห็นร่างแบมแบมนอนหลับคอพับอยู่บนโซฟา เล่นโทรศัพท์อยู่แท้ๆแต่ไม่ตอบข้อความกู น้อยใจได้มั้ยล่ะเนี่ย
อยากจะปลุกให้แบมแบมเข้าไปนอนในห้องแต่ก็กลัวว่าถ้าตื่นแล้วมันจะไม่นอนต่อผมลยอุ้มมันในท่าเจ้าสาวเข้าไปวางบนเตียงในห้อง แบมแบมขยับตัวนิดหน่อยแต่ก็หลับไปตามเดิม
บอกตรงๆว่าผมยังไม่ชินกับแบมแบมในร่างผู้หญิง ผมยาวๆบวกกับหน้าอกนั่นมันทำให้ผมคิดอะไรอกุศลกับเพื่อนตัวเองตลอดเวลา แถมแบมแบมยังชอบทำอะไรที่มันดูล่อแหลมอีก ไม่รู้ว่าไม่รู้ตัวจริงๆหรือตั้งใจกันแน่ แล้วทำแบบนั้นกระทบใคร? กระทบกูเต็มๆ
เข้าห้องน้ำทีนี่ปวดมือฉิบหาย..
ผมแอบกังวลนิดหน่อย ถึงมันจะไม่ได้เกิดขึ้นกับผมแต่ตอนนี้เรื่องบ้าๆนี่กำลังเกิดขึ้นกับแบมแบม ถึงมันจะดูเป็นคนบ้าบิ่น กล้าทำทุกอย่าง จริงๆแล้วแบมแบมก็เป็นแค่สิ่งมีชีวิตที่กลัวไปทุกอย่าง กลัวจะถูกทิ้ง กลัวความมืด กลัวป่า แต่ก็ยังทำตัวเหมือนตัวเองแกร่ง..
ผมรักแบมแบมมาก..ในฐานะเพื่อนหรือเปล่าผมก็ไม่แน่ใจ แค่รู้สึกว่าแบมแบมไม่เหมือนเพื่อนคนอื่นๆ ผมมีความรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนทุกคนแต่ไอความรู้สึกหวงเพื่อนของผมมันมีให้แบมแบมคนเดียว ผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับแบมแบม ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร
อาจจะเป็นแค่นิสัยขี้หวงธรรมดานั่นแหละ..
-End มาร์คคึ’s Talk-
“แบมแบม ไม่จำเป็นไม่ต้องออกจากห้องนะ” ผมหลับไปตั้งแต่ บ่าย 2 ของเมื่อวาน คราวนี้เลยตื่นเช้าเลยครับ แต่ก็อดตกใจไม่ได้ ที่คุณชายมาร์คมันดันตื่นก่อนผมซะอีก แต่ก็ต้องกระจ่าง เพราที่มันตื่นเช้าเนี่ยเพื่อนมันจะมาทำโปรเจ็คที่ห้องแต่อะไรคือการบอกกับกูว่า ไม่จำเป็นไม่ต้องออกจากห้อง? จะให้กูขังตัวเองอยู่แต่ในห้องหรือไงล่ะ?
“ทำไมอะ กูนั่งดูมึงทำงานไม่ได้หรอ?”
“น่าเบื่อจะตาย มึงอยู่ในห้องไปนั้นแหละ”
“แล้วถ้ากูจะกินข้าวอะ”
“เดี๋ยวกูซื้อแล้วเอาเข้าไปให้ในห้อง”
มาร์คแม่งบ้าไปแล้วแน่ๆ จะไม่ให้โอกาสกูได้รู้จักกับเพื่อนมึงเลยหรอมาร์ค เพื่อนมึงมาห้องมึงเป็นครั้งแรกนี่ไม่คิดจะแนะนำกูให้เพื่อนรู้จักหรือแนะนำเพื่อนให้กูรู้จักเลยหรือไงเล่า!!
บ้า..
TBC..
โอเคค่ะ ครบร้อยมั้ยไม่รู้5555555
เอาเป็นว่าครบแล้วกันเนอะ
ทำไมมัคบังคับแบมแบบนั้นอะ แล้วสรุปสามหนุ่มเพื่อนมาร์คจะได้เจอแบมมั้ย?
ไม่บอก..รอดูตอนหน้าก็แล้วกันเนอะ
ขอบคุณทุกคอมเม้นและทุกคนที่เข้ามาอ่านค่ะ #ยิ้มอ่อน
ความคิดเห็น