ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] MarkBam :: The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง ☆

    ลำดับตอนที่ #14 : ▽The Challenge ☆ Chap 14 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 58


    The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง

    Mark x Bambam

    -14-









    กูอยากเลิกกับเวนดี้ว่ะ

     

    หลังจากที่ผมพูดออกไปคู่รักบีเนียร์มันก็หันไปมองหน้ากันก่อนจะหันหน้ามามองผมแล้วมองด้วยสายตาเหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูด

     

    มึงเมาหรือป่าว?”

     

    นั่นไง ผมว่าแล้วว่ามันต้องไม่เชื่อที่ผมพูด ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกว่าอยากจะเลิกกับเวนดี้ แค่รู้สึกว่าความรู้สึกของเวนดี้ที่มีให้ผมมันก็ไม่ใช่ความรู้สึกของคนรักเช่นกัน..

     

    กูไม่ได้เมา

    แล้วทำไมมึงถึงอยากเลิกตอนนี้ ทั้งที่ก่อนหน้านี้พวกกูพูดยังไงมึงก็ไม่ฟังเลยสักนิด

     

    จริงอย่างที่จูเนียร์พูด ในตอนแรกผมไม่ฟังในสิ่งที่มันพูดเลยสักนิด..อาจจะเป็นเพราะหลังจากได้ยินแบมแบมพูดว่าเค้ากำลังคบกับเซฮุนหรอ? มันถึงทำให้ผมรู้สึกอยากเลิกกับเวนดี้แบบนี้?

     

    อาจจะไม่ใช่มั้ง..

     

    ไม่รู้ว่ะ

     

    มาร์ค มึงแม่งเคยรู้อะไรบ้างวะ กูถามอะไรตอบแต่ไม่รู้อย่างเดียว

     

     

    ก็คนมันไม่รู้จริงๆจะให้ตอบยังไงวะ ไม่ใช่ว่าผมแกล้งโง่หรืออะไรหรอกนะครับ ผมก็แค่ไม่รู้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไงหรือควรทำอะไร

     

     

    ทำไมเซฮุนกับแบมแบมเดินจับมือกันลงมาแบบนั้นวะ?”

     

    เจบีพูดขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมองตามที่มันบอก ก็เห็นเซฮุนกับแบมแบมที่เดินจับมือกันออกไปจากโรงแรม ผมเองก็ทำได้แค่มองแล้วหันไปตอบเจบี

     

    สองคนนั้นคบกัน..”

     

    ห้ะ!? เซฮุนกับแบมแบมเนี่ยนะ?” เจบีว่าแล้วเบิกตากว้าง อันนี้ผมก็เข้าใจนะแต่จูเนียร์เนี่ยสิ มันไม่ได้ทำหน้าตกใจแต่กลับยิ้มอย่างมีความสุข..

     

    เฮ้อ รู้สึกดีจังในที่สุดแบมก็ได้รักกับคนดีๆ

     

    นั่นคือสิ่งที่จูเนียร์พูดออกมา จะว่าไปแล้วจูเนียร์คือคนที่คอยบอกให้ผมเลิกกับเวนดี้แล้วไปคบกับแบมแบมมากที่สุดรองจากแจ็คสันเลยก็ว่าได้ มันก็คงจะสมน้ำหน้าผมที่ไม่ฟังสิ่งที่มันพูดอยู่เหมือนกันนั้นแหละครับ ผมไม่ได้ใส่ใจการเยาะเย้ยของเพื่อนเท่าไหร่นัก ได้แต่หันไปสนใจคู่รักคู่ใหม่สองคนขึ้นแท็กซี่ออกไปข้างนอกด้วยกันจนคอแทบเคล็ด..

     

     

     

     

    ผมเดินขึ้นไปบนห้องก็เห็นเวนดี้นั่งหัวเราะคิกคักๆให้กับหน้าจอมือถือ คงจะเพลินมากจริงๆเพราะขนาดผมเดินมายืนอยู่เหนือหัวเธอๆยังไม่รู้ตัวเลย

     

    เวนดี้..”

    อ่าวมาร์ค มาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”

     

    เธอรีบเก็บโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงแล้วหันมาทักผมทันที ทาทีแบบนี้มันอะไรกันแน่ ดูเหมือนในโทรศัพท์ของเธอคงจะมีอะไรที่เป็นความลับอยู่แน่ๆ แต่ผมเองก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก

     

    ผมมีเรื่องจะคุยด้วย


    มีอะไรหรอคะ?”

     



    เราเลิกกันเถอะ

     



    มาร์คพูดเล่นใช่มั้ยคะ? มาร์ครักเวนดี้นี่!”

    ผมไม่ได้พูดเล่นเราเลิกกันเถอะ

     

    นับว่าเป็นคำพูดที่ยาวมากๆของผมเลยมั้ง ผมก็แค่อยากจะรีบพูดรีบจบ ไม่อยากจะยืดเยื้อให้มันมากกว่านี้แล้ว ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองก้าวช้าเกินไปแล้ว..

     

    ไม่เลิก!!”

     

    เวนดี้ตะคอกใส่หน้าผมดังๆแล้วลุกขึ้นยืนมาจ้องหน้าผมนิ่งๆ ผมถอนหายใจแรงๆแล้วมองหน้าเธอกลับอย่างนิ่งๆเช่นกัน

     

    เธอไม่ได้รักฉันแล้ว จะกลับมาทำไม

     

    ทันทีที่ได้ยินคำพูดของผมเวนดี้ดูตกใจตามมาด้วยสีหน้าเลิ่กลั่กของเธอ จนผมมั่นใจว่าความคิดที่ว่าเธอไม่ได้รักผมแล้วมันคือเรื่องจริง แต่ที่ผมสงสัยคือ เธอจะยังกลับมาหาผมทำไมอีก ในเมื่อหมดรักไปแล้วจะกลับมาทำไมอีก ผมเองก็เพิ่งจะคิดได้ว่าการที่เธอหายไปนานหลายปีขนาดนั้น กลับมาครวนี้เธอจะยังเหลือความรักให้ผมอีกหรอ?

     

    ว่ายังไงล่ะ?”

    ไม่นะมาร์ค เวนรักมาร์คจริงๆนะ

    แรกๆฉันก็เชื่ออยู่หรอกนะ แต่ตอนนี้สีหน้าและแววตาของเธอมันกำลังสื่อว่าเธอพูดโกหก!! ทำไมเธอถึงหลอกฉัน..ทำไมถึงเอาความรักมาล้อเล่นแบบนี้!!”

    ถึงผมจะไม่ได้รู้สึกรักเธอมากเหมือนเมื่อก่อนแล้วแต่ความห่วงใยผมก็ยังคงมีให้เธอ แล้วทำไม ทำไมเธอถึงทำแบบนี้ เธอคิดว่าจะมาหลอกผมซ้ำๆอยู่แบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่กัน!

     

    เธอจะยังไม่ออกไปตอนนี้ก็ได้นะ แต่พรุ่งนี้ฉันหวังว่าเข้ามาแล้วคงจะไม่เห็นเธออยู่ในห้องนี้...”

     

     

    ผมอาจจะดูใจร้ายที่พูดจาแบบนี้ใส่ผู้หญิง แต่ก็นั่นแหละ ถ้าไม่ทำแบบนี้เรื่องมันก็คงไม่จบเหมือนกัน พูดจบผมก็เดินออกมาจากห้องทันที

     

     

    สงสัยคืนนี้ต้องไปนอนเป็นก้างของคู่รักบีเนียร์..

     

     

    -End มัคคึ’s Part-

     

     

     

    ผมกับเซฮุนเราออกจากโรงแรงไปซื้อของด้วยกัน กลับมาอีกทีก็ปาไปสองทุ่ม ถามว่าออกไปนานขนาดนั้นของที่ไปซื้อต้องเยอะมากเลยใช่มั้ย? ตอบเลยว่าไม่ครับ ซื้อของไปสองสามอย่างส่วนเวลาที่เสียไปก็คือเดินซื้อของกินกันไปทั่ว

     

    เข้าห้องแล้วอาบน้ำเลยนะ

    อืม

     

    ผมพยักหน้ารับแล้วรับของในมือเซฮุนมาถือ หันหลังกลับจะเปิดประตูห้องแต่ก็ถูกเซฮุนเรียกเอาไว้ซะก่อน

     

    แบมแบม

    หื้อ?”

    เดี๋ยวคืนนี้โทรหานะ

     

    เดี๋ยวนะ..โทรหา? คือก็ไม่แปลกใจอะไรที่เซฮุนจะโทรหาผม ปกติเค้าก็โทรมาอยู่แล้ว แต่คือตอนนี้ก็อยู่ไม่ไกลกันป่ะ ห่างกันไปไม่กี่ห้องเองอ่ะ เดินมาเคาะประตูแล้วนั่งคุยกันที่หน้าห้องนี้เลยก็ได้มั้ยล่ะ เอ้อ จะโทรหาให้มันเปลืองสตางค์ทำไมครับ

     

    ถ้าอยากคุยก็มาหาที่ห้องก็ได้มั้ยล่ะ

    มาได้หรอ?”

     

    ไม่ได้มั้งพูดขนาดนี้แล้ว..

     

     

    อืม มาได้ตลอดแหละ

     

    จบคำผมเซฮุนก็ยิ้มหน้าบานเดินไปเข้าห้องตัวเองทันทีเลยครับ ส่วนผมเองก็ได้แต่ส่ายหน้ายิ้มๆแล้วเดินเข้าห้องไป อยากจะอาบน้ำใจจะขาดแล้วครับ อยู่ใกล้ๆทะเลแล้วมันเหนียวตัวเหลือเกิน

     

     

     

     

     

    วันแรกและวันที่สองของการมาเที่ยวทะเลผ่านไปอย่างรวดเร็วอาจจะเป็นเพราะการเที่ยววันที่สองหรือเมื่อวานที่ผ่านมาไม่มีเวนดี้อยู่ให้ปวดหัว ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเธอหายไปไหนแต่ก็ช่างเธอผมไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้ว จนมาถึงวันที่จะเดินทางกลับกัน ผมและฟานี่เราตัดสินใจว่าจะนั่งรถกลับกับเซฮุน ซึ่งในตอนแรกมาร์คก็ไม่ยอมแต่ผมก็ไม่ได้คิดจะฟังสิ่งที่มาร์คพูดเท่าไหร่ สุดท้าเลยได้กลับกับเซฮุนอย่างที่หวัง

     

     

    ยังจะให้กูกลับกับมึงแล้วนั่งดูคนข้างหน้าสองคนสวีทกันเหมือนขามาอีกหรือไง!!

     

     

    ใช้เวลาประมาณสี่ชั่วโมงเราก็เข้าสู่ตัวเมือง ตลอดระยะเวลาเดินทางกลับเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะพูดคุยของพวกเราทั้งสามคน ซึ่งต่างกับตอนขามาอย่างสิ้นเชิงเลย..

     

     

    แวะกินข้าวกันก่อนมั้ยแบมแบม

     

    หลังจากที่แวะส่งฟานี่ที่คอนโดแล้วเซฮุนก็ถามขึ้นทันที แต่ตอนนี้ผมรู้สึกไม่อยากจะทำอะไรเลยสักนิด อยากจะกลับคอนโดไปนอนกลิ้งบนเตียงใหญ่ๆเพราะรู้สึกเมื่อยกับการมานั่งอยู่บนรถนานๆแบบนี้ แถมยังไม่ค่อยได้นอนเลยสักนิด

     

    ไม่เป็นไร เดี๋ยวกลับคอนโดไปค่อยกินก็ได้ ตอนนี้ฉันอยากนอนอ่ะ

     

    เซฮุนพยักหน้ารับ แล้วหันไปสนใจทางข้างหน้าต่อ ผมเลยได้ทีเอนหลังหลับไปสักพักเพราะจู่ๆก็รู้สึกมึนหัวแล้วก็ไม่มีแรงขึ้นมาดื้อๆ

     

    แบมแบม

    “….”

    ถึงแล้วนะ ตื่นเถอะครับ

     

    ผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาเพราะเสียงปลุกของคนข้างๆ เซฮุนมองผมก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ ผมเองก็ไม่ได้แปลกใจอะไรที่เค้าจะหัวเราะเพราะผมรู้ตัวเองดีว่าเวลาตื่นนอนหน้าตามันจะบวมยิ่งกว่าอะไร

    ยืนโบกมาให้เซฮุนได้สักพักผมก็เดินขึ้นห้องไป ในระหว่างขึ้นลิฟต์ก็เอาแต่คิดถึงเรื่องที่จะย้ายออกจากคอนโดของมาร์ค แล้วถ้าออกไปผมคงต้องไปอยู่โรงแรมสักพักเพราะยังหาคอนโดไม่ได้ ไหนจะต้องเก็บของออกมาอีก คิดๆแล้วก็ปวดหัวขึ้นมาซะงั้น ยืนอยู่สักพักลิฟต์ก็เปิด ผมเดินไปยืนอยู่หน้าห้องภาวนาให้ไอมาร์คยังไม่กลับมาเพราะอยากจะเก็บเสื้อผ้าบางส่วนใส่กระเป๋าไว้ก่อน เพราะตอนย้ายออกของจะได้ไม่เยอะมากเท่าไหร่

     

     

    แกร็ก..

     

     

    เหมือนคำขอของผมมันพังทลายลงตรงหน้าเพราะทันทีที่เปิดประตูเข้ามาก็เห็นมาร์คยืนอยู่หน้าประตูเหมือนจะรอผมอยู่ แต่ไม่เป็นไรถึงมาร์คจะอยู่ผมก็จะเก็บของ ยังไงซะผมก็บอกให้มันรู้อยู่แล้วว่าผมจะย้ายออกจากคอนโดนนี้!

     

    ผมเดินผ่านหน้ามาร์คไปอย่างไม่สนใจนัก เดินเข้าไปหยิบกระเป๋าเดินทางที่ไม่ได้ใช้งานมาประมาณสองปีน่าจะได้แล้วหยิบเสื้อผ้าจากในตู้เข้ามายัดใส่รัวๆ เป้าหมายต่อไปของผมคือโต๊ะเครื่องแป้ง แต่ยังไม่ทันให้ผมได้ก้าวสักก้าวมาร์คก็ดึงผมเขาไปกอดแน่นซะก่อน

     

    จะไปไหน

    กูว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ กูจะย้ายออก..”

     

    กูเลิกกับเวนดี้แล้ว

     

    ผมชะงักตัวไปสักพัก มาร์คแล้วกับเวนดี้แล้ว? อ่า..เมื่อวานที่ผมไม่เห็นเวนดี้ก็เพราะแบบนี้เองสินะ แต่เดี๋ยว เลิกกับเวนดี้แล้วทำไม? เกี่ยวอะไรกับผมล่ะ ผมจำเป็นต้องรู้ด้วยหรอ?

     

    แล้วมาบอกกูทำไม ปล่อยกูได้แล้วมาร์ค..”

     

    แบมแบม กูไม่ให้มึงไป!”

     

    ผมพยายามพาตัวเองให้หลุดออกจากการเกาะกุมของมาร์คแต่เหมือนจะออกแรงเยอะไปหน่อยจนรู้สึกหน้ามืดและอยากอาเจียนขึ้นมาขนาดนี้ มาร์คที่เห็นผมเงียบไปเลยยอมคลายอ้อมกอด ผมเลยรีบวิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อนจะอ้วกออกมาอย่างหนัก ย้ำว่าหนักมาก ทั้งที่เมื่อเช้าผมก็ทานไปแค่นิดเดียวแต่กลับอ้วกออกมามากมายจนตัวผมเองรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะหมดแรง มาร์คที่วิ่งเข้ามาด้วยก็ได้แต่ช่วยจับผมของผมเอาไว้ไม่ให้มันยุ่งแล้วลูบหลังผมเบาๆ

     

    แบมแบม!!”

     

     

     

    และนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายของมาร์คที่ผมได้ยินก่อนที่ทุกอย่างจะมืดไป..






    44.4%





    -มัคคึ’s Part-

     

    ผมตกใจจนทำอะไรไม่ถูกเมื่อจู่ๆแบมแบมก็สลบไป ผมรีบอุ้มแบมแบมออกจากห้องไปเพื่อพาไปโรงพยาบาล

     

    แบมแบม..”

     

    ผมเอาแต่เรียกชื่ออีกคนตลอดระยะทางที่ขับรถมา หวังว่าอีกคนจะลืมตาขึ้นมาตอบผม ถ้าเป็นแบบนั้นผมคงจะรู้สึกสบายใจขึ้นมาหน่อย และแล้วจู่ๆแบมแบมก็ลืมตาขึ้นมาช้าๆแล้วหันมามองผม

     

    มึงจะพากูไปไหน

    โรงพยาบาล

    กูไม่ไป กูไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้น มึงกลับรถเหอะ กูจะกลับคอนโด

    ไม่ ยังไงมึงก็ควรจะไปให้หมอตรวจให้แน่ใจก่อนว่าไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ

     

    เหมือนแบมแบมจะเหนื่อยเกินไปที่จะเถียงผมเลยได้แต่นั่งนิ่งๆ ให้ผมพาไปส่งที่โรงพยาบาล พอขับมาถึงที่โรงพยาบาลผมก็รีบเดินลงจากรถมาเปิดประตูให้แบมแบมหวังจะช่วยประคองอีกคนไป แต่ก็ถูกปฏิเสธจากแบมแบม

     

    กูเดินเองได้

     

    ผมเลยได้แต่เดินตามแบมแบมอยู่ห่างๆ แล้วนั่งรอแบมแบมอยู่หน้าห้องที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นห้องตรวจร่างกาย แบมแบมหายเข้าไปประมาณครึ่งชั่วโมงก่อนจะออกมาพร้อมกับสีหน้าที่ดูเหนื่อยสุดชีวิต..

     

    เป็นยังไงบ้าง!?”

     

    ผมรีบลุกเข้าไปหาแบมแบมเพื่อถามไถ่ถึงอาการ

     

    กูบอกแล้วไงว่าไม่ได้เป็นอะไร หมอบอกว่ากูเครียดแล้วก็พักผ่อนไม่เพียงพอ ก็แค่นั้น! แม่ง เสียเวลาตรวจทำไมก็ไม่รู้!!”

     

    แบมแบมร่ายยาวแล้วเดินออกจากโรงพยาบาลไปด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นัก ส่วนผมเองถึงจะโดนแบมแบมว่าแต่ก็รู้สึกโล่งใจที่อย่างน้อยแบมแบมก็ไม่ได้เป็นอะไรมาก

     

     

     

    -End มัคคึ’s Part-

     

     

     

    สรุปแล้วหลังจากกลับจากโรงพยาบาลไอมาร์คมันก็รื้อเสื้อผ้าในกระเป๋าผมออกแล้วเก็บเข้าตู้เสื้อผ้าเหมือนเดิม ส่วนผมเองก็ไม่มีแรงพอจะเถียงหรือขัดมันครับ ได้แต่นอนอยู่บนเตียงนิ่งๆมองมันสาละวนอยู่กับกระเป๋าเดินทางของผม

     

    ในตอนนี้ถ้ามาร์คอยากจะทำอะไรผมก็คงไม่ขัด เพราะยังไงมันก็คงไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้แล้ว

     

     

     

    ไม่มีแล้วจริงๆ..

     

     

     

     

     

    ผมไม่รู้ว่าตัวเองหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่และหลับไปนานแค่ไหน รู้ตัวอีกทีก็เช้าแล้ว และวันนี้ผมก็มีเรียนเช้าด้วยเลยต้องรีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำ รู้สึกอาการดีขึ้นจากเมื่อวานแล้วและหวังว่าจะไม่มีอาการปวดหัวหรืออาเจียนเหมือนเมื่อวานอีก

     

    แบมแบมจะไปไหน

     

    ทันทีที่ผมลุกขึ้นออกจากเตียงก็ได้ยินเสียงไอมาร์คที่ดังขึ้นทันที ผมหันหลังกลับไปดูแล้วก็นึกขำนิดหน่อย มันคงจะระแวงว่าผมจะหายไปแน่ๆ

     

    ไปเรียนดิ

    ไม่สบายอยู่ทำไมไม่พัก

    พักบ้าอะไร กูหายแล้ว

     

    พูดจบผมก็รีบเดินเข้าห้องน้ำทันทีไม่อยากจะพูดอะไรกับไอมาร์คมันมาก เดี๋ยวก็บังคับให้ทำนู้นทำนี่อีก ก็แค่อาการปวดหัวกับอาเจียนเอง ยังไงมันก็เป็นธรรมดาอยู่แล้ว..

     

     

     

     

     

    เมื่อเช้าพอผมออกมาจากห้องน้ำก็เห็นข้าวต้มที่คิดว่าน่าจะเป็นข้าวต้มฝีมือไอมาร์ค วางอยู่บนโต๊ะกินข้าวเตรียมไว้ให้ผมอยู่ ถึงจะรู้สึกไม่อยากจะกินเท่าไหร่แต่ยังไงซะมาร์คก็อุตสาห์มีน้ำใจทำให้ จะไม่กินก็ดูเสียมารยาทเลยยอมกินจนหมด

     

    แบมทำไมสีหน้าแกดูไม่ดีเลย

    เปล่าหรอก ฉันแค่ปวดหัวนิดหน่อย

    ไม่ไหวบอกนะ

     

    ผมพยักหน้าตอบให้ฟานี่แล้วบทสนทนาของผมกับฟานี่ก็จบลงแค่นั้นก่อนที่อาจารย์จะเดินเข้าห้องมาสอนตามปกติ แต่ก็เช่นเคย ผมไม่ได้ฟังสิ่งที่อาจารย์พูดเลยเพราะปกติก็ไม่เคยฟังอยู่แล้วยิ่งมามีอาการปวดหัวแบบนี้ยิ่งไม่เข้าสมองเลยสักนิดเดียว

     

     

    เดี๋ยวฉันไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ

     

    หลังจากจบคลาสผมก็ขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อจะล้างหน้าล้างตาเพื่อให้อาการบ้าๆพวกนี้มันหายไปแต่ทันทีที่เดินเข้ามาในห้องน้ำก็ต้องชะงักไป

     

     

    เป็นยังไงบ้าง

     

    เสียงที่ไม่ได้ยินมาสักพักนั่นดังขึ้นท่ามกลางห้องน้ำหญิงที่ไม่มีใครเลย ไม่ต้องเดาให้ยากเพราะทันทีที่ผมหันไปมองก็เจอกับคังจุนที่นั่งอยู่บนอ่างล้างหน้าแล้วมองผมยิ้มๆ

     

    ฉันสบายดี!”

     

    ผมตอบแล้วหันกลับไปหวังจะเดินไปเข้าห้องน้ำต่อ แต่ก็ต้องชะงักไปอีกรอบทันทีที่ได้ยินคำพูดที่ไม่คาดคิดที่หลุดออกมากจากปากของคังจุน

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

    ฉันหมายถึงเด็กในท้อง..”

     

     

     

     

     

    ใช่ครับ..ผมท้อง ท้องลูกของมาร์ค ท้องได้สามสัปดาห์แล้ว และผมก็เลือกที่จะโกหกมาร์ค เพราะผมกลัว กลัวว่าถ้าบอกไปแล้วมาร์คจะผลักใสผมหรือเปล่า จะบอกให้ผมไปเอาเด็กออกมั้ย อยากจะปรึกษาฟานี่แต่ก็ไม่กล้าพอ จะโทรไปบอกที่บ้านก็คงไม่ได้ ผมเหมือนมายืนอยู่ที่ทางตัน จะต้องหันหน้าไปทางไหนถึงจะเจอทางออกผมยังไม่รู้เลย

     

    ฉันทำอะไรผิด?”

     

    ผมถามออกไป..ไม่ได้รู้สึกแปลกใจที่คุงจุนรู้เพราะยังไงมันก็คงรู้ทุกเรื่องของผมถึงจะอยากรู้บ้างว่ามันรู้ได้ยังไงแต่ถึงอย่างนั้นรู้ไปมันก็คงไม่ได้ทำให้อะไรๆดีขึ้นหรอกและมันก็ไม่ใช่ประเด็นสำคัญที่ผมต้องใส่ใจ สิ่งที่สำคัญคือผมไม่เข้าใจสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเองเลยสักนิด โอเคผมยอมรับว่าผมผิดที่ไปลบหลู่ความเชื่อของคนอื่น แต่ผมไม่เข้าใจ ไม่เข้าใจเลยว่าบทลงโทษที่ผมกำลังเผชิญอยู่ตอนนี้มันมากเกินไปหรือเปล่า? มันเหมือนเอาสิ่งที่ผมทำบาปจากชาติที่แล้วและชาตินี้มารวมกันแล้วให้ผมชดใช้ในตอนนี้เลย  

     

     

    หึ

    “…”

    ถึงเวลาแล้วฉันจะบอกเอง

     

     

     

     

    ดูแลลูกในท้องให้ดีนะแบมแบม..”

     

    พูดแค่นั้นคังจุนก็เดินหายไปจากห้องน้ำ ผมได้แต่กุมขมับตัวเองเพราะรู้สึกปวดและอยากจะอาเจียนออกมาแต่ตอนนี้เหมือนว่ามันไม่ได้จะรู้สึกอย่างเดียวเพราะมันเริ่มจะออกมาแล้วต่างหาก ผมวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและอาเจียนออกมาอย่างหนัก ไม่คิดเลยว่าการตั้งท้องมันจะต้องมีอาการที่ทำให้รู้สึกทรมานแบบนี้มาก่อน

     

    ผมอ้วกออกมาสักพักก็รู้สึกถึงแรงลูบที่ข้างหลัง อยากจะหันไปแต่ก็ยังอาเจียนไม่หยุดสักที จนสักพักอาการก็หาย ผมรีบหันไปมองคนที่เข้ามาลูบหลังให้ผมทันที

     

     

    ฟานี่..”

    ไม่เป็นไรแล้วใช่มั้ย?”

    “…”

    ไปล้างหน้าล้างตาเถอะ





    55.55%






    หลังจากที่ผมล้างหน้าล้างตาเสร็จเรียบร้อยแล้วฟานี่ก็พาผมนั่งรถมาที่สวนสาธารณะใกล้ๆกับมหาลัย ซึ่งระหว่างทางทั้งผมและเธอเราต่างนั่งเงียบกัน ไม่มีใครพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว

     

     

    แกเป็นอะไร

     

    ทันทีที่ผมนั่งลงบนม้านั่งข้างๆฟานี่ เธอก็พูดถามออกมาว่าผมเป็นอะไร

     

     

    เป็นอะไรล่ะ ฉันสบายดี

     

    ผมว่าแล้วหัวเราะ แต่ฟานี่ไม่ได้ตลกไปกับผม เธอมีสีหน้าที่จริงจังและดูเครียดกว่าทุกๆครั้งจนผมต้องหุบยิ้มลงทันที ผมไม่ได้อยากจะปิดบังฟานี่ แต่ผมรู้ว่าถ้าพูดออกไปเธอต้องเครียดแทนผมแน่ๆ ถึงจะคบกันได้ไม่นานนักแต่ผมก็พอจะรู้ว่าฟานี่เธอแคร์ผมมากและหลายครั้งเธอก็มักจะเครียดแทนผมตลอด

     

    แกเป็นอะไร

    ฟานี่พูดย้ำอีกครั้งจนผมรู้สึกกดดัน..

     

    ฉันท้อง..”

    “…”

     

    ทันทีที่พูดคำว่าตัวเองท้องออกมามันเหมือนกับการย้ำเตือนว่าตอนนี้ผมมีใครอีกคนที่ต้องดูแล มีอีกหนึ่งชีวิตที่อาศัยอยู่ในร่างกายของผม และเค้าก็เป็นลูกของมาร์ค..

     

    แบม..ฉันเข้าใจแกนะ

    ฉันควรจะทำยังไงหรอฟานี่? ฉันต้องทำยังไงกับเรื่องนี้ที่มันเกิดขึ้น ฮึก

     

    แบมแบมใจเย็นๆก่อน..แกบอกมาร์คไปแล้วยัง ผมได้แต่ส่ายหน้าเป็นคำตอบให้ฟานี่ ไม่อยากบอกเลย ผมไม่อยากบอกมาร์คเลยว่าผมท้อง

     

    แกควรจะบอกมาร์คนะแบม

    แกจะให้ฉันบอกมาร์ค ว่าฉันท้องลูกของเค้า แกจะให้ลูกฉันมีพ่อที่เห็นแก่ตัว ใจโลเล แบบนั้นหรอฟานี่ แกคิดว่ามันเป็นสิ่งที่ดีหรอ?”

     

    ผมพูดออกไปด้วยความโมโห ใครอยากจะให้ลูกตัวเองมีพ่อที่โลเลแบบนั้นล่ะครับ ถึงมาร์คจะทำทุกอย่างเพื่อผมได้ แต่เพราะนิสัยโลเลของมันมีอยู่มากกว่าเลยทำให้ผมรู้สึกไม่ชอบใจ

     

    แต่แกรักมาร์ค..”

     

     

    ผมนิ่งไปทันทีที่ได้ยินแบบนั้น

     

     

     

    ใช่ ผมยอมรับว่าผมรักมาร์ค รักมากด้วยซ้ำ อยากให้เค้าคอยอยู่เคียงข้างผม คอยดูแลผมตลอดเวลาและตลอดไป แต่มาคิดดูอีกทีมันก็คงไม่ได้ มาร์คควรจะมีอนาคตที่ดีคือได้คบกับผู้หญิงดีๆ ไม่ใช่มาจมปลักอยู่กับคนที่เหมือนตัวอะไรสักอย่างแบบผม จะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายผมยังไม่รู้ตัวเองเลย แล้วเรื่องอะไรที่มาร์คจะต้องเอาชีวิตมาคิดมากกับคนแบบผมล่ะ..ไหนจะเซฮุนอีก คนดีๆแบบเค้าไม่ควรที่จะมาเสียใจเพราะผม ไม่น่าเลย ผมไม่น่าคบกับเค้า ไม่น่าคุยกับเค้าจนเค้ารู้สึกดีกับผมมากขนาดนี้ ทำไมนะ..ทำไมทุกอย่างที่ผมตัดสินใจมันดูแย่ไปหมด

     

    บอกมาร์คเถอะแบมแบม ฉันคิดว่ามาร์คมันไม่ได้แย่ขนาดนั้น ถ้ามันรู้ว่าแกท้อง มันต้องดูแลแกดีแน่ๆ มันจะไม่ทิ้งแกไปไหน เชื่อฉันเถอะ

     

    แต่ตอนนี้ฉันกับเซฮุน..”

    เซฮุนต้องเข้าใจแกอยู่แล้ว

     

     

    ผมเงียบไปหลังจากฟังฟานี่พูด เธอเองก็คงจะสังเกตเห็นว่าผมเงียบไปนานเลยถามขึ้นมาว่าผมโอเคหรือเปล่า

     

     

     

    ฉันไม่โอเคเลยฟานี่ ไม่โอเคเลยสักนิด..ฮึก ฉันทำอะไรผิด ทำไมชีวิตฉันต้องเจออะไรแบบนี้ด้วย ทำไมต้องเป็นฉันด้วย ทำไม ฮืออ

     

     

    ฟานี่ดึงผมเข้าไปกอดในทันทีที่ผมปล่อยโฮออกมา ผมรับรู้ได้ถึงความอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมาจากอ้อมกอดของเธอ รู้สึกเหมือนเธอเจ็บปวดไปกับผมด้วย และรับรู้ได้ถึงความเปียกชื้นที่หัวไหล่ของผม ฟานี่และผมกอดกันร้องไห้กันอยู่อย่างนั้น ฟานี่คอยลูบหลังเพื่อปลอบผมอยู่ตลอด แต่ไม่ว่าจะอยากหยุดร้องไห้แค่ไหนผมก็ทำไมได้เลย อยากจะเข้มแข็งให้ได้มากกว่านี้แต่มันก็เป็นเรื่องยากเกินไปที่จะทำได้ในตอนนี้

     

     

    ถ้าผมย้อนเวลาไปแก้ไขอะไรๆได้ มันก็คงจะดีกว่านี้

     

     

    ดีกว่านี้จริงๆ..

     

     

     

     

    หลังจากที่ผมหยุดร้องไห้ไป ฟานี่ก็พาผมมาส่งที่คอนโด ฟานี่ขับรถกลับไปแล้วแต่ผมยังคงยืนอยู่หน้าคอนโดไม่ยอมขึ้นไปสักที รู้สึกอยากจะยืนอยู่เฉยๆ อยากให้เวลาเดินเร็วๆ อยากให้ทุกอย่างมันจบลงสักที ผมเหนื่อย..เหนื่อยเกินไปที่จะรับรู้เรื่องที่ไม่คาดฝันที่มันเกิดขึ้นกับตัวผมอยู่ทุกวันนี้

     

     

    ผมเหนื่อยจริงๆนะ

     

     

     

    เมื่อไหร่มันจะจบสักที...

     

     

     

     

    แบมแบม เสียงเรียกของใครสักคนทำให้ผมที่ยืนนิ่งอยู่คนเดียวหลุดออกจากภวังค์ทันทีที่ได้ยิน

     

    มาร์ค..”

     

    มายืนทำอะไรตรงนี้อยู่คนเดียว เป็นอะไร?”

     

     

    เคยเป็นกันใช่มั้ยครับ ที่เวลาเราเสียใจมากๆแล้วมีคนถามว่าเป็นอะไร จากที่ไม่มีน้ำตาไม่ได้ไหลออกมากลับกลายเป็นว่าตอนนี้น้ำตาผมเริ่มไหลออกมาช้าๆ

     

    แบม! ร้องไห้ทำไม ใครทำอะไร?

     

    เปล่า..”

     

    มาร์ครีบเดินเข้ามาหาผมแล้วจับมือผมเอาไว้ แต่ผมก็ปฏิเสธไปว่าไม่ได้เป็นอะไร ถึงจะดูเป็นคำตอบโง่ๆแต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะบอกหรือพูดอะไรกับมาร์ค ผมแกะมือมาร์คที่จับมือผมไว้ออกแล้วเดินขึ้นห้องไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ หลังจากขึ้นมาผมก็ทิ้งตัวลงบนเตียงทันที ไม่ลืมที่จะล็อคห้องเพื่อกันไม่ให้มาร์คเข้ามา ดูเห็นแก่ตัวที่ทำแบบนี้ทั้งที่มาร์คเป็นเจ้าของห้อง แต่มาร์ครู้..มาร์ครู้ดีว่าถ้าผมทำแบบนี้แสดงว่าผมอยากจะอยู่คนเดียวสักพัก

     

     

    แบมแบม..”

     

    เสียงเรียกของมาร์คดังเข้ามาจากนอกห้อง ผมได้แต่นอนอยู่นิ่งฟังสิ่งที่มาร์คพูดโดยที่น้ำตาก็ยังไหลออกมาอยู่เรื่อยๆ

     

    มึงยังโกรธกูอยู่ใช่มั้ย?”

    “…”

    กูขอโทษนะแบมแบมกูมันแย่เอง กูมันคนโลเล เห็นแก่ตัว แต่..”

    “…”

     

     

     

     

     

    กูรักมึง..รักจริงๆนะ

     

     

     

     

     

     

    ถ้ามึงรักกูจริงๆ..แล้วทำไมตอนนั้นมึงถึงเลือกเวนดี้ล่ะ?






    TBC..


    เราจะไม่กินมาม่าค่ะ

    จันทร์อังคารพุธนี้มีกีฬาสีที่โรงเรียนค่า

    พฤหัสก็ต้องไปทำกิจกรรมของห้อง จะพยายามมาอัพให้เร็วที่สุดนะคะ

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ

    ปล.คนที่ชื่อฟรอยด์อ่ะ เรามาอัพแล้วนะ555555

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×