คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ▽The Challenge ☆ Chap 13 (100%)
The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง
Mark x Bambam
-13-
ผมเลิกสนใจสายตาของไอมาร์คที่มองมาแล้วหันไปเล่นน้ำต่อ
เซฮุนยังคงเดินหน้าเพื่อให้ผมผลักจูเนียร์ได้สะดวกมากขึ้น จนในที่สุดผมก็ชนะสักทีตั้งแต่เล่นมารอบที่ร้อยได้แล้วมั้ง..
“แบมตัวเบามากเลยนะ”
“หรอ น้ำหนักขึ้นตั้งห้าโล”
เป็นเรื่องจริงครับ..น้ำหนักผมขึ้นมาห้าโลแล้ว
กินก็ไม่ได้กินเยอะนะแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมน้ำหนักถึงขึ้นเรื่อยๆแบบนี้
แต่ไม่เป็นไรครับ ผมไม่ซีเรียสเรื่องนี้ เพราะมันไม่ได้ไปขึ้นที่อื่นแต่ไปขึ้นที่หน้าอกแทน
ผมหันไปมองเวนดี้กับมาร์คที่กำลังจะลงมาเล่นน้ำกับพวกเรา
ไอมาร์คยังเอาแต่มองหน้าผมอยู่อย่างนั้น
ส่วนเวนดี้ก็เอาแต่เรียกมาร์คแต่มาร์คก็ยังมองหน้าผมอยู่อย่างนั้นแหละครับ
ผมคิดว่าถ้าอยู่กันสองคนมันคงเข้ามาตบหน้าผมแล้วแหละคือมองอย่างกับผมทำอะไรผิดสักอย่างเลย..
‘มองอะไร?’
ผมทำปากขมุบขมิบให้มาร์ค
อยากจะพูดเสียงดังแต่ไม่เอาดีกว่า เวนดี้ยืนอยู่ข้างๆมันด้วยไม่อยากจะเสียงดังมาก
‘เดี๋ยวรู้กัน’
นั่นคือสิ่งที่ผมอ่านได้จากปากไอมาร์ค
รู้สึกขนลุกวาบกันเลยทีเดียว
พยายามคิดให้กำลังใจตัวเองว่าคำพูดของมาร์คคงไม่มีอะไรมากแล้วหันไปเล่นกับเซฮุนต่อ
แต่คือเข้าใจความรู้สึกคนถูกจ้องมั้ยครับ มันทำอะไรไม่ถูกเลยเพราะมาร์คเอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้นผมเลยตัดสินใจลงจากคอเซฮุนแล้วเปลี่ยนเป็นว่ายน้ำเล่นแทน
“แบมยิ้มหน่อย”
ผมหันไปมองเซฮุนด้วยหน้างงๆเพราะจู่ๆหลังจากที่ผมลงจากคอเซฮุนได้สักพักแล้วเซฮุนก็หายขึ้นไปบนห้อง
ผมนึกว่าเซฮุนจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะอีกที่แท้ก็ขึ้นไปหยิบกล้องถ่ายรูป
“ทำอะไรอ่ะ?” ถามโง่ๆอีกแล้วกู มันเอากล้องมาจ่อขนาดนั้นมันคงจะให้กูกินข้าวอยู่หรอก
“ยิ้มหน่อยครับ จะถ่ายรูป”
เซฮุนว่าจบผมก็ว่ายน้ำไปเกาะตรงขอบสระแล้วหันมาส่งยิ้มบางๆให้เซฮุนได้ถ่ายรูป
เสียงชัตเตอร์ที่ดังแข็งกับเสียงของเวนดี้กับมาร์คที่เล่นน้ำหัวเราะคิกคักกันอยู่สองคนจนผมต้องหันไปมองแล้วเบ้ปากแรงๆใส่ไปทีนึงแล้วขึ้นจากน้ำไป
“เดี๋ยวไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะ”
ผมบอกกับเซฮุนเพราะรู้สึกเบื่อที่จะเล่นน้ำเต็มทีแล้ว
อีกอย่างการแต่งตัวของผมตอนนี้มันก็ดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก
“เพิ่งถ่ายรูปไปไม่กี่รูปเอง”
“เดี๋ยวขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อแล้วจะลงมาให้ถ่ายเลยค่ะ”
ผมว่าจบเซฮุนก็ส่งยิ้มแล้วพยักหน้าให้
ผมเลยรีบเดินขึ้นไปขึ้นลิฟต์ทันที แต่เหมือนว่าผมจะไม่ได้ทันสังเกตว่ามีใครบางคนตามเข้ามา
ทันทีที่ลิฟต์กำลังจะปิดลงร่างสูงของมาร์คก็โผล่เข้ามาอย่างรวดเร็ว
“ไม่อยู่เล่นน้ำต่อล่ะ?”
“กูเบื่อ” จริงๆแล้วกูรำคาญเสียงมึงกับเวนดี้อ่ะ
ยืนกันอยู่สักพักลิฟต์ก็เปิดออกเมื่อมาถึงชั้นที่เป็นห้องของผมรวมถึงมาร์คด้วย
ผมก้าวเดินออกจากลิฟต์อย่างรวดเร็วเพราะอยากจะรีบๆอาบน้ำแล้วลงไปข้างล่าง
แต่ก้าวไปเพียงไม่เท่าไหร่ มือของผมก็ถูกมาร์คฉุดเอาไว้ซะก่อน
“มีอะไร?”
“ทำไมแต่งตัวแบบนี้วะ?” กูว่าแล้ว..
“ก็ฟานี่ให้ใส่”
“ใส่ชุดแบบนี้อย่างเดียวไม่พอ
ไปขี่คอผู้ชายแบบนั้นมันไม่ใช่ว่ะ”
สีหน้าและน้ำเสียงของมาร์คเริ่มต่างไปจากเดิมคือจากที่นิ่งๆตอนสีหน้ามาร์คเริ่มดูเหมือนคนโมโหจนผมรู้สึกงงว่า
ผมทำอะไรผิด?
“แล้วทำไมวะ กูเป็นผู้ชายนะเว้ย”
“แต่ตอนนี้มึงเป็นผู้หญิง”
“เวนดี้แฟนมึงแต่งตัวเซ็กซี่กว่ากูอีกมึงไม่ไปว่าเค้าล่ะ
มาว่ากูทำไม?”
“มันไม่เหมือนกัน”
ไม่เหมือนกันเหี้ยอะไรล่ะ กูไม่ใส่กางเกงในเล่นหรือไง? แฟนมึงก็ใส่บิกีนีแถมตัวเล็กกว่าของกูอีกอีควายเผือก
แหกตาดูให้ดีๆนะไอมาร์ค!!
“มึงลงไปดูแฟนมึงไป
กูเบื่อจะคุยกับมึงละ”
“มากับกู”
ไม่ทันให้ผมได้ตั้งตัวไอมาร์คมันก็อุ้มผมขึ้นพาดบ่าแล้วพาไปเข้าห้องของมันทันที
ผมได้แต่ทุบหลังมันแล้วบอกให้ปล่อยแต่ก็ไม่เป็นผลซะที
จนพอเข้ามาถึงในห้องมาร์คมันก็ปล่อยผมลงเตียงแล้วเดินไปกดล็อคประตู
“กูจะกลับห้องไปอาบน้ำมาร์ค!”
“กูไม่ให้ไป”
“มึงจะเอายังไง?”
“ก็เอาท่าปกติอ่ะ หรือมึงจะออนท็อป?”
เดี๋ยวนะ..ไอบ้ามาร์ค ใช่เวลามั้ยมึง
พูดอะไรออกมามึงช่วยดูสถานการณ์ด้วยว่าสมควรจะพูดเล่นออกมาหรือเปล่า ไอคนไม่มีมารยาท!!
“ออนท็อปบ้าอะไรมึง ถอยไป!”
ยัง ยังไม่ยอมถอยอีก
ไม่ถอยไม่พอทำหน้ากวนตีนใส่กูอีก
ผมดันตัวไอมาร์คออกแล้วรีบเดินไปเปิดประตูห้องแต่ก็ต้องชะงักทันทีที่เปิดประตูออกไปแล้วเจอเวนดี้ยืนอยู่หน้าห้อง
“เธอเข้ามาทำไม?” ถามแฟนเธอดู..
“ฉันแค่มาเอาของ” พูดแค่นั้นผมก็เดินตรงไปยังห้องของตัวเองทันที
หวังว่าเวนดี้คงจะไม่ได้ยินอะไรบ้าๆที่มาร์คมันพูดหรอกนะ ไม่อยากจะมีปัญหาด้วย
แค่นี้ผมก็รู้สึกวุ่นวายจนไม่รู้จะวุ่นวายไปไหนแล้ว
เหนื่อยกับคำพูดและการกระทำบ้าๆของไอมาร์คใจจะขาดอยู่ละ
-20%-
ผมเดินเข้ามาในห้องก็เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแต่งตัวทันที
จะว่าไปแล้วตอนนี้เซฮุนน่าจะขึ้นห้องมาเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว
ผมเลยลองเดินไปหาเซฮุนที่ห้องก่อน
ยืนเคาะประตูอยู่หน้าห้องไม่นานเซฮุนก็เดินออกมาเปิดประตูให้
เหมือนว่าเซฮุนจะอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้ว เค้าเดินออกมาพร้อมกับกล้องถ่ายรูปขนาดพอดีมือ
“ไปถ่ายรูปกัน”
“อืม ไปถ่ายกัน”
หลังจากนั้นผมกับเซฮุนเราก็เดินลงไปถ่ายรูปแถวๆริมหาด
เซฮุนเอาแต่กดถ่ายรัวๆโดยไม่บอกผมสักคำแล้วก็เอาแต่ขำกับรูปหลุดๆของผม..ท่าจะประสาท
ถ่ายรูปกันอยู่นานเราก็มานั่งกันแถวๆใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีม้านั่ง
ผมถอนหายใจออกมาแรงๆเพราะรู้สึกเหนื่อย จะไม่ให้เหนื่อยก็คงไม่ได้ครับ
เมื่อกี้ผมวิ่งไล่ตามเซฮุนเพื่อจะลบรูปในกล้องจนล้มไปไม่รู้กี่รอบ
แต่เซฮุนก็ยังวิ่งไปเรื่อย
“ฮ่าๆ เหนื่อยขนาดนั้นเลย”
“ก็ลองมาเป็นคนวิ่งไล่ดิ”
“ไม่เอาอ่ะ”
ผมเบ้ปากใส่เซฮุนแรงๆไปหนึ่งที
แล้วหันไปมองวิวทะเลต่อ
สรุปแล้วมาทะเลนี่จะทำให้สมองว่างหรือทำให้เครียดกว่าเดิมก็ไม่รู้สินะ..
“แบม..”
“หื้อ?”
“เป็นแฟนกันมั้ย?”
ผมนิ่งอึ้งไปชั่วขณะแล้วหันไปมองหน้าเซฮุน
ตกใจครับ..คือไม่คิดว่าเซฮุนจะขอตรงๆแบบนี้
เซฮุนมองหน้าผมยิ้มๆแล้วเอื้อมมือมากุมมือผมไว้
“แบมอาจจะยัง..ชอบมาร์คอยู่”
“…”
ผมนิ่งไปอีกรอบเพราะไม่คิดว่าเซฮุนจะรู้ว่าผมชอบมาร์ค
ทำไม..ทำไมทุกคนรอบข้างผมเหมือนจะรู้ความรู้สึกภายในใจของผมไปซะหมด
จะมีก็แค่คนเดียวที่แม่งไม่เคยเข้าใจความรู้สึกของผม ก็มาร์คต้วนนั่นแหละ
ไม่เคยจะรู้อะไร..
“ฉันจะทำให้แบมลืมมาร์คให้ได้”
“นายคิดว่าฉันจะทำได้หรอ? ฉันอยู่คอนโดเดียวกับมาร์ค..”
เหมือนเซฮุนจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินนิดหน่อย
ก็แน่ละ ผู้หญิงกับผู้ชายไม่ได้เป็นอะไรกันที่ไหนเค้าจะมาอยู่คอนโดเดียวกันล่ะ
ไม่ตกใจสิแปลก..
“อยู่ด้วยกัน? ทั้งที่ไม่ได้เป็นอะไรกัน?”
“ฉันกับมาร์ค..เราเป็นเพื่อนกันมานานมากแล้วอ่ะ”
“อย่างนั้นเองสินะ”
“…”
“เป็นแฟนกันนะ”
“…”
“ไม่ใช่ประโยคคำถาม..แต่เป็นประโยคขอร้อง”
สีหน้าเซฮุนดูจริงจังมากในตอนนี้ ไม่มีแววของความขี้เล่นหลงเหลือเลยสักนิด
เค้ามองหน้าผมอย่างรอคำตอบ ผมเองก็ได้แต่ก้มหน้าลงอย่างใช้ความคิด
มันจริงอยู่ที่ผมชอบเซฮุน แต่ไม่ได้ชอบมากขนาดนั้น อีกอย่างผมคิดว่ามันเร็วเกินไป
แต่บางที..เลือกคนที่ทำให้ผมยิ้มได้น่าจะดีกว่าจมอยู่กับอะไรที่มีแค่ผมเท่านั้นที่คิดไปเองคนเดียว
“อืม”
“หื้อ?” แนะ..มาทำเป็นไม่ได้ยินอีก เดี๋ยวกูไม่ตกลงซะเลยนี่
“ก็บอกว่าอืมไง!”
“อืมคืออะไรอ่ะ?”
เซฮุนว่าแล้วเกาหัว แหม่..ไม่รู้เลย
ไม่รู้เลยจริงๆไอท่าเกาหัวเหมือนไม่เข้าใจแต่หน้านี่บานเป็นจานดาวเทียมขนาดนั้นนี่ไม่รู้เลยว่าอืมที่กูพูดนี่คืออะไร
“ก็เออไง เป็นแฟนกัน!”
“เป็นแฟนกันแล้วกอดได้มั้ย?”
คิดถูกมั้ยกู..
“อย่าเยอะๆ เดี๋ยวตบคว่ำ”
“ล้อเล่นน่า ว่าแต่..เป็นแฟนกันแล้วนะ”
“อืม จะย้ำทำไมนักหนาล่ะ”
เซฮุนหัวเราะร่าแล้วเอามือมาวางไว้บนหัวผมแล้วโยกไปมาแรงๆ
จริงๆก็อยากจะโกรธนะครับแต่เห็นเซฮุนทำหน้าโคตรมีความสุขเลยไม่อยากขัด
“ขอบคุณแบมแบมมากนะ”
“ขอบคุณเหมือนกัน”
ผมยิ้มตอบเซฮุนแล้วจับมือเค้าที่วางไว้บนหัวตัวเองมากุมไว้หลวมๆ
ก่อนที่เซฮุนจะเปลี่ยนเป็นมากุมเอาไว้ให้แน่นขึ้นแล้วชวนผมไปขึ้นห้องผมพยายามจะแกะมือที่กุมกันไว้แต่เซฮุนก็ยังคงกุมแน่นไม่ยอมให้ผมเอามือออกสักที
จะว่าไปแล้ว..การที่ผมตอบรับเป็นแฟนกับเซฮุนแบบนี้มันคือสิ่งที่ถูกหรือเปล่า?
เพราะถ้าเกิดว่าวันนึงผมกลับไปเป็นผู้ชายแล้วเซฮุนจะยังรับได้มั้ย?
“นี่เซฮุน..”
“หื้อ?”
“ถ้าวันนึงฉันกลายเป็นผู้ชาย
นายจะรับได้มั้ย?” ผมหยุดเดินแล้วถามเซฮุน
“เรื่องแบบนั้นมันมีที่ไหนกัน”
“อะไรๆก็เกิดขึ้นได้ทั้งนั้น..”
ถ้ามีคนมาถามผมแบบนี้ในตอนที่ผมยังไม่กลายเป็นผู้หญิงผมก็คงจะมองว่ามันเป็นคำถามที่โง่และงมงายมาก
แต่เพราะตอนนี้ผมรู้แล้วว่าอะไรๆมันก็เกิดขึ้นได้..
“โอเคสิ..แบมเป็นอะไรฉันก็รับได้ทั้งนั้นแหละ”
เซฮุนว่าแล้วยิ้มกว้างอีกครั้ง
ผมเองก็ยิ้มออกมาได้เพราะรอยยิ้มกว้างๆของเซฮุนนี่แหละ
มันเป็นรอยยิ้มที่จริงใจมากครับ
เพราะไม่ใช่แค่ปากของเซฮุนที่ยิ้มแต่ตาของเค้าก็ยิ้มไปด้วยเช่นกัน
แล้วเราก็พากันเดินไปขึ้นลิฟต์
แต่ทันทีที่ลิฟต์เปิดออกที่ชั้นของห้องผมก็ปะทะเข้ากับเวนดี้และมาร์คที่ยืนอยู่หน้าลิฟต์
มาร์คไม่ได้มองหน้าผม แต่มันมองมาที่มือของผมที่กุมมือเซฮุนไว้ก่อนที่มาร์คจะทำในสิ่งที่ผมคาดไม่ถึงคือมันกระชากข้อมือผมให้หลุดออกจากการกุมมือของเซฮุนแล้วดึงผมไปลงบันไดหนีไฟปล่อยให้เซฮุนกับเวนดี้ยืนงงกันอยู่สองคน
“มาร์ค! ทำอะไรของมึงเนี่ย”
“…”
“ไอมาร์คปล่อย!”
ตลอดทางที่ลากผมออกมาจนถึงชั้นที่เท่าไหร่ไม่รู้มาร์คไม่ได้ตอบหรือพูดกับผมสักคำมันล็อคประตูบันได้แล้วหลังผมให้ชิดกับผนังทันที
ซึ่งแน่นอนผมไม่ได้ขัดขืนให้เหนื่อยเปล่าหรอก แต่แค่สงสัยว่ามันทำแบบนี้ทำไม?
“กูขอสั่งให้มึงเลิกยุ่งกับเซฮุน!”
“มึงจะอะไรนักหนาวะ”
“กูไม่ชอบ”
“แต่กูชอบ!”
ผมพูดเสียงดังแล้วมองหน้าไอมาร์คนิ่งๆ
จำเป็นมั้ยล่ะที่กูต้องไม่ชอบอย่างที่มึงไม่ชอบอ่ะ จำเป็นมั้ย? เค้าดีกับกูขนาดไหน
ทำไมกูจะต้องไม่ชอบเค้า..
“หึ
วันก่อนบอกชอบกูวันนี้บอกชอบอีกคน”
ผมขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจและไม่คิดว่ามาร์คจะพูดอะไรแบบนี้ออกมา
นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะพูดอะไรแบบนี้ออกมาให้ผมได้ยิน
“แล้วมึงล่ะ เอากู..แล้วกลับไปคบกับแฟนเก่า ดีเนอะ”
“…”
“กูขอโทษ..”
“บอกกี่ครั้งแล้วว่ากูไม่ได้อยากได้คำขอโทษ
ถ้ามึงทำตัวแบบนี้แม้แต่เพื่อนกูก็ไม่อยากเป็นว่ะมาร์ค มึงอย่าเห็นแก่ตัวได้มั้ย?
เซฮุนอาจจะทำให้กูทำใจจากมึงได้ก็ได้ แล้วที่มึงทำแบบนี้อ่ะ
ทำเหมือนหวงกูแบบนี้อ่ะ มึงคิดว่ามันถูกมั้ย แล้วที่มึงทิ้งเวนดี้มาแบบนี้..มันถูกหรอ?”
“แต่กูไม่อยากให้ใครมาดูแลมึงแทนกู..”
“กูก็ไม่อยากเห็นมึงดูแลคนอื่นนอกจากกู..แต่กูบังคับมึงไม่ได้ อีกอย่างตอนนี้กูก็เห็นชัดแล้วว่ามึงเลือกคนอื่น..ไม่ได้เลือกกู”
“มึงช้าไป..”
“ไม่เลยมาร์ค..ที่ผ่านมามึงแม่งโง่เองอ่ะ มึงไม่เคยรู้เลย แล้วคืนนั้นถ้ากูไม่ได้รักมึง
กูคงไม่ยอม”
ทำไม..ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกว่าทุกอย่างกำลังแย่ลง
มันแย่ลงจนผมรู้สึกอยากจะปล่อยให้แม่งไปๆสักทีหรือไม่ก็เป็นผมเองที่ออกไปจากชีวิตมัน..
“กูควรออกไปจากชีวิตมึงมั้ย?”
พอผมพูดจบมาร์คก็หันขวับมามองหน้าผมทันที
มันส่ายหน้าไปมาแล้วเอื้อมมือมาจับข้อมือผม
“ความสัมพันธ์แบบนี้มันคืออะไรวะ?
กูไม่เข้าใจจริงๆมาร์ค”
ตอนนี้กูเหมือนตัวอะไรสักอย่างที่อยู่กับมึงเหมือนคนรักทั้งที่มึงมีแฟนแล้ว
กูเหมือนเป็นสิ่งมีชีวิตที่เป็นส่วนเกินหรืออะไรสักอย่างที่ถ้าออกไปจากชีวิตมึงก็คงจะทำให้อะไรๆมันจบง่ายกว่านี้
“กูขาดมึงไม่ได้จริงๆนะแบม”
“เลิกพูดแบบนี้กับกูเหอะ
เซฮุนมาได้ยินจะเข้าใจผิด..”
“…?”
“กูคบกับเซฮุนแล้ว..”
“ไปเลิกกับมันซะ”
ทันทีที่ได้ยินประโยคนี้หลุดออกมาจากปากมาร์คมันทำให้ผมไม่เข้าใจ
ไม่เข้าใจแรงมาก
มาร์คจะรู้ตัวหรือเปล่าว่าสิ่งที่มันพูดออกมาคือสิ่งที่เห็นแก่ตัวมาก..
“ทำไมมึงพูดแบบนี้”
“เลิกกับมันซะแบมแบม”
“มึงมันเห็นแก่ตัว..”
“…”
“มึงคบกับเวนดี้กูไม่เคยว่า
ไม่เคยเรียกร้องเหี้ยอะไรเลย แล้วทำไม..ทำไมมึงต้องบอกให้กูเลิกกับเซฮุน
ทั้งที่เค้าดีกับกูมาก เค้าทำให้กูมีความสุขว่ะมาร์ค
เค้าไม่ได้ทำให้กูเจ็บปวดเหมือนอย่างที่มึงทำ ถึงมึงจะไม่ได้ทำร้ายกูตรงๆ
แต่พาเวนดี้มาแบบนี้ มาหวานกัน เล่นกัน หยอกกันให้กูเห็น
ทั้งที่มึงก็รู้ว่ากูชอบมึง แม่งโคตรทำร้ายใจกูเลยว่ะ”
พอแล้ว..ผมอยากจะหยุดเรื่องไว้แค่นี้
ไม่อยากอะไรแล้ว ตอนนี้แค่หน้าไอมาร์คผมยังไม่อยากจะมองเลยด้วยซ้ำ
ผมคิดว่ามาร์คจะฉลาดกว่านี้แต่ไม่เลย มันโง่มาก โง่ที่สุดเลย
“กู..ไม่ได้ตั้งใจ”
เหอะ พูดมาได้ว่าไม่ตั้งใจ เสนอหน้ามาให้เห็นตลอดเวลา
รู้ว่าแฟนตัวเองอยากอวดก็ช่วยปรามซะบ้างไม่ใช่เอาแต่ตามใจ
อยากได้อะไรก็ต้องได้แบบนั้น ไม่สงสารตัวเองก็สงสารคนอื่นบ้างเหอะ
สงสารกูเนี่ยกูเห็นแล้วเจ็บเว้ย คนไม่ใช่ก้อนหิน!!
“กลับไปหาเวนดี้เหอะ”
“ไม่..”
“เดี๋ยวกลับจากทะเลนี้กูจะเข้าไปเก็บของที่คอนโดมึงนะ”
“แบม!”
“ไม่ต้องห่วงหรอก กูหาคอนโดได้แล้ว
ไปนะ”
ไม่รอให้มาร์คได้พูดอะไร
เพราะผมรู้ตัวดีว่าถ้ามาร์คยื้อผมไว้ผมต้องใจอ่อนยอมมันแน่ๆ
และแน่นอนผมไม่อยากเป็นแบบนั้นอีกแล้ว ไม่อยากเจ็บปวดอีกแล้ว
เรื่องคอนโดที่บอกว่าหาได้ผมก็แค่โกหก ไม่ได้คิดจะย้ายออกจากคอนโดมันหรอกครับ แต่คิดว่าถ้าอยู่ด้วยกันไปเรื่อยๆแบบนี้มันคงมีแต่แย่กับแย่
เลือกย้ายออกมาคงจะดีกว่า
ผมเดินออกมาจากบันไดหนีไฟพร้อมกับน้ำตาที่จู่ๆก็ไหลออกมา
พยายามเงยหน้าขึ้นไม่ให้ไหลแต่ก็ไม่เป็นผลเลยสักนิด แต่เมื่อผมกำลังจะเดินไปเข้าห้องก็เจอกับเซฮุนที่ยืนอยู่
ผมตกใจนิดหน่อยเพราะกลัวว่าเซฮุนจะได้ยินผมพูดกับมาร์ค
“ไม่ต้องร้องนะ”
เซฮุนว่าแล้วเอื้อมมือมาปาดน้ำตาให้ผม
การที่เซฮุนพูดแบบนี้แสดงว่าคงได้ยินสิ่งที่ผมกับมาร์คคุยกัน
จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็เถอะ ได้ยินไปแล้วคงช่วยอะไรไม่ได้
“ไปห้องฉันมั้ย
เดี๋ยวเปิดรูปในกล้องให้ดู”
เซฮุนเหมือนจะพยายามเบี่ยงเบนความสนใจผมไม่ให้นึกถึงเรื่องของมาร์ค
ผมเลยพยักหน้าเป็นคำตอบให้เซฮุนแล้วไปเดินข้างๆเค้า รู้สึกดีใจที่เซฮุนไม่ได้ถามอะไรมากมาย
ไม่ได้ตอกย้ำในสิ่งที่เกิดขึ้น เซฮุนคงจะรู้ว่า..
การรักษาระยะห่างระหว่างคนสองคนมันคงจะดีกว่าการรุกล้ำเข้ามามากเกินไปจนอีกฝ่ายรู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจ
ผมเดินมาถึงห้องของเซฮุน
ในตอนแรกก็คิดว่าจะเจอแจ็คสัน แต่พอเดินเข้ามาแล้วก็ไม่เห็นใครสักคน
ห้องของแจ็คสันกับเซฮุนดูสะอาดกว่าห้องของผมกับฟานี่ด้วยซ้ำ..
“แบมมานั่งตรงนี้สิ”
ผมเดินไปนั่งที่เก้าอี้ข้างๆเซฮุน
บนหน้าจอแมคบุ๊คปรากฏรูปภาพของผมประมาณสามร้อยกว่ารูปคงจะได้บางรูปผมไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเค้าถ่ายไปตอนไหน
ผมได้แต่หันไปมองหน้าเซฮุนประมาณว่า นี่มึงถ่ายไว้เยอะขนาดนี้เลยหรอ..?
“ถ่ายตอนไหนบ้างเนี่ย”
“ก็ถ่ายทุกตอนอ่ะ
ทั้งตอนที่แบมรู้ตัวกับตอนไม่รู้ตัว”
เซฮุนเปิดรูปให้ผมดูไปเรื่อยๆมีทั้งรูปที่ดูดีที่สุดจนถึงรูปที่เรียกว่าแย่ที่สุดเท่าที่เคยถ่ายมาเลยจนเลื่อนไปถึงรูปที่ถ่ายที่สระน้ำเป็นรูปที่ผมคิดว่าดูดีที่สุดแล้วมั้ง
ดูเซ็กซี่นิดๆด้วย..
“ฉันชอบรูปนี้มากเลยนะ”
เซฮุนว่าแล้วเอาแต่จ้องรูปผมไม่ละสายตาเลย
แน่นอนสิมึงผู้ชายก็ชอบอะไรแบบนี้กันหมดป่ะ? อะไรเซ็กซี่ๆอ่ะชอบหมดแหละ
หลังจากที่นั่งดูรูปกันนานผมก็ขอตัวกลับห้องตัวเองเพราะกลัวว่าฟานี่จะเหงา
แต่พอกลับมาถึงห้องก็ไม่เจอใครเลย ผมเลยลองโทรไปถามฟานี่ว่าอยู่ที่ไหน
ปรากฏว่าผมโดนทิ้งครับ ฟานี่นางไปเที่ยวกับแจ็คสันเรียบร้อยแล้ว โถ่..
“เฮ้อ..”
อยู่คนเดียวแบบนี้แล้วก็พาลทำให้คิดถึงเรื่องของมาร์คขึ้นมาเฉยๆเลยแฮะ
อะไรที่ไม่อยากนึกไม่อยากจำนี่จำเอาๆ อะไรที่อยากจำเสือกไม่จำ ความยุติธรรมแม่งไม่มีเลยจริงๆ..
-มัคคึ’s Part-
หลังจากที่แบมแบมเดินออกไปผมก็ได้แต่ยืนนิ่งอยู่กับที่
รู้สึกไม่มีแรงไปชั่วขณะหนึ่งที่แบมแบมพูดว่าจะย้ายออกจากคอนโด
ผมกับแบมแบมเราอยู่ด้วยกันมาหลายปีและแน่นอนมันก็มีบ่อยครั้งที่เราทะเลาะกันแต่ไม่มีครั้งไหนที่แบมแบมจะพูดออกมาว่าจะย้ายออกจากคอนโดแต่ครั้งนี้แบมแบมบอกจะย้ายออก
ซึ่งแน่นอนผมจะไม่มีทางให้แบมแบมไปแน่นอน…
ผมเดินออกมาจากประตูบันไดหนีไฟ
แล้วเดินเข้าห้องไปก็เห็นเวนดี้นั่งอยู่บนเตียง
เธอหันมามองผมทันทีที่ผมเข้ามาในห้อง
“มาร์ค ไปไหนมา”
“เอ่อ..คุยธุระกับแบมแบมนิดหน่อย”
“มาร์คกับแบมแบมนี่สนิทกันมากเลยหรือไง”
“ก็เป็นเพื่อนกันมาหลายปีแล้ว”
ผมคิดว่าเวนดี้คงจะจำแบมแบมเมื่อ 5 ปีก่อนไม่ได้
ผมยอมรับเลยว่าตอนที่ผมคบกับเวนดี้แรกๆผมรักเธอมาก รักจนไม่ลืมหูลืมตา
รักจนช่วงนั้นผมไม่ได้มีเวลาอยู่กับแบมแบมเลย..
“แบมแบมนี่เป็นผู้หญิงภาษาอะไรก็ไม่รู้
มาอยู่กินกับผู้ชายที่เค้ามีแฟนแล้วอ่ะ”
“พูดอะไรอ่ะ!?”
“ก็..มันจริงนี่มาร์ค
ผู้หญิงดีๆที่ไหนเค้าทำกัน”
“Shut up!!”
ผมตะคอกใส่เวนดี้เพราะรู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเธอมากนัก
ถึงเธอจะเป็นแฟนของผมแต่เธอก็น่าจะรู้ตัวว่าไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรที่มันไม่ดีต่อตัวแบมแบมแบบนี้
“เธอไม่มีสิทธิ์พูดถึงแบมแบมแบบนี้!”
“ทำไม!? หรือมันเป็นอย่างที่พูด”
“หุบปากเธอเดี๋ยวนี้เลยนะเวนดี้!!!”
“มาร์ค..มาร์คไม่เหมือนเดิม”
เวนดี้พูดแล้วมองหน้าผมด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่
เธอเหมือนจะตกใจกับการกระทำของผมเอามากๆเพราะตั้งแต่คบกันเมื่อก่อนและตอนนี้ผมไม่เคยตะคอกใส่เธอเลยสักครั้ง
แต่ครั้งนี้ผมทนไม่ไหวจริงๆ ผมไม่ชอบที่เธอพูดดูถูกแบมแบมแบบนั้น
“มาร์คไม่เคยตะคอกใส่เวน”
“ผม..”
“…”
“เวนดี้..ถามจริงๆนะ
เธอกลับมาทำไม?”
“นะ นั้นมันไม่สำคัญหรอก
สำคัญที่ว่ามาร์คเลือกที่จะกลับมาคบกับเวนแล้ว”
“อืม”
ผมตอบแค่นั้นแล้วหันหลังเดินออกจากห้องไปทันที ที่ผมถามออกไปแบบนั้นเพราะผมกำลังรู้สึกว่าที่เธอกลับมาหาผม
กลับมาคบกับผมมันไม่ใช่เพราะว่าเธอรู้สึกรักผม และผมก็เริ่มรู้สึกว่าที่ตัวเองกลับไปคบกับเวนดี้ไม่ใช่เพราะว่าผมยังรักเธอเช่นกัน..
“อ่าว ไอมาร์ค”
เสียงเรียกของเพื่อนสนิทของผมอย่างเจบีดังขึ้นทันทีที่ผมเดินลงมาถึงชั้นล่างของโรงแรม
ผมค่อยๆเดินเข้าไปนั่งโต๊ะที่มีเจบีและจูเนียร์นั่งอยู่ ทิ้งตัวนั่งลงแรงๆแล้วถอนหายใจออกมา
“เป็นอะไรอีกล่ะมึง?”
“ถอนหายใจซะแรง”
“ทะเลาะกับเวนดี้มานิดหน่อยว่ะ”
“ทะเลาะกันด้วยหรอวะ? เห็นรักกันขนาดนั้น”
ไม่รู้ว่าผมคิดไปเองหรือเปล่า
แต่น้ำเสียงที่เจบีเปล่งออกมามันฟังดูเป็นเหมือนคำพูดที่ประชดประชันผมอย่างบอกไม่ถูก
“กูว่า..”
ผมพูดแล้วเว้นระยะห่างไปสักพักก่อนจะพูดในสิ่งที่ทำให้เจบีและจูเนียร์ถึงกับต้องหันมามองหน้ากันอย่างไม่เชื่อหู..
“กูอยากเลิกกับเวนดี้ว่ะ”
TBC..
อย่างแรกต้องขอโทษที่ตัดจบได้น่าโดนตบขนาดนี้
และเหมือนเดิมค่ะ ยากกว่าแต่งฟิคก็คือแต่งรูปแบม
พรุ่งนี้สอบอีกหนึ่งวันก็จะรอดพ้นจากวัฏจักรแห่งความวุ่นวายแล้ว
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ
PS.คนที่ถามว่าเป็นคนใต้ใช่มั้ย ใช่ค่ะ เป็นคนใต้
อยู่ นธ.ใช่มั้ย ใช่ค่ะ
ความคิดเห็น