ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] MarkBam :: The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง ☆

    ลำดับตอนที่ #11 : ▽The Challenge ☆ Chap 11 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 58



    The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง

    Mark x Bambam

    -11-









    “…”

     

    ผมวิ่งลงมาอยู่หน้าคอนโด เงยหน้าขึ้นฟ้าหวังว่าจะห้ามน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาได้ แต่ไม่เลย มันไม่ได้ช่วยอะไรเพราะตอนนี้ผมร้องไห้ออกมาเยอะมาก

     

    ผมกลายเป็นคนอ่อนแอและร้องไห้บ่อยขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่..

     

     

     

     

     

     

    ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมพยายามไม่รับโทรศัพท์ไม่ตอบข้อความและพยายามหลบหน้าไอมาร์คมาตลอดจนบางทีก็คิดว่า สรุปแล้วกูมาเรียนหรือมาเล่นวิ่งไล่จับกับไอมาร์คกันแน่ พอเจอมันผมก็วิ่งหนีและแน่นอนมาร์คพยายามวิ่งตามผมแต่ก็ตามผมไม่ทันสักที

     

    แกจะหลบหน้ามาร์คแบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน

     

    ฟานี่ขมวดคิ้วถามผมอย่างจริงจัง ตลอดหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาผมไปอยู่ที่คอนโดฟานี่ มาตลอด จริงๆก็รู้สึกเกรงใจมากเพราะทั้งเสื้อผ้ารองเท้าผมก็ใช้ของฟานี่แทบทุกอย่างเลย

     

    ไม่รู้สิ ฉันยังไม่พร้อมจะเจอมันอ่ะ

    ฉันว่า..ไม่ทันละ

     

    ผมมองหน้าฟานี่อย่างไม่เข้าใจเพราะเธอเอาแต่พยักพเยิดให้ผมหันไปมองข้างหลังตัวเอง

     

     

     อย่าบอกนะว่า..

                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                                

     

    มาร์ค!” ผมร้องเสียงดังเตรียมจะลุกออกจากที่นั่งแต่กูถูกแจ็คสันดักเอาไว้จะหนีไปอีกทางก็ถูกจูเนียร์กับเจบีดักไว้เช่นกันและยังไม่ทันได้หายตกใจมือผมก็ถูกไอมาร์คลากออกมาจากใต้ถุนอาคารมายังลานจอดรถก่อนที่มาร์คจะดันผมเข้าไปในรถแล้วก็ล็อคประตู

     

    ปล่อยกูลงไป!”

    ไม่ มึงต้องคุยกับกูให้รู้เรื่อง

    กูไม่อยากคุย

    แต่กูจะคุย

     

    เชี่ยแม่งจะอะไรนักหนาแค่นี้ชีวิตกูก็แย่มากพอละ จะคุยเรื่องเหี้ยไรนักหนาอีกล่ะ ผมกรอกตาไปมาอย่างเหลืออด ก็ยังไม่อยากคุยตอนนี้อ่ะ กูยังทำใจไม่ได้!!

     

    มึงหลบหน้ากูทำไม

     

    ควาย..กูด่ามึงได้แค่นี้เลย กูหลบหน้ามึงเพราะกูอายที่มึงเคยเห็นกูใส่ผ้าอนามัยในห้องน้ำมั้งไอสัสถามมาได้ นี่ไม่รู้จริงๆหรือมึงแกล้งไม่รู้

     

     

    มึงมันก็เป็นแบบนี้อ่ะ ไม่เคยรู้อะไรเลย

    มึงไม่บอกกูจะรู้ได้ยังไง มึงโกรธอะไร?”

    กูไม่ได้โกรธอะไร

    ถ้าไม่แล้วทำไมไม่กลับห้อง?”

     

    โง่กว่ากูก็มาร์คต้วนนี่แหละ ผมไม่เข้าใจว่าทำไมมาร์คชอบถามคำถามที่ฟังดูโง่เหลือเกินคือเวนดี้อยู่มั้ยมึง? จะให้กูกลับไปนั่งดูพวกมึงสองคนนอนกอดกันอยู่บนเตียงแล้วให้กูไปนอนอยู่บนโซฟาหรอ ดูสนุกดีนะบางทีกูหน้าจะลองดู

     

    ถุ้ย!!

     

     

    มึงก็รู้อยู่แก่ใจ

    เวนดี้หาคอนโดได้แล้ว

    แล้วยังไง?”

    มึงก็ย้ายกลับไปได้แล้ว..กูคิดถึง

    มาร์ค..กูจะบอกอะไรให้นะ

    “…”

     

     

     

     

    กูชอบมึง

     

     

     

     

     

    แต่ตอนนี้มึงคบกับเวนดี้แล้ว..เพราะงั้นเลิกพูดอะไรแบบนี้เหอะ มันเหมือนเป็นการให้ความหวังกูอ่ะ กูรู้ว่ากูคิดไปเอง แต่พอเหอะ เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว กูขอโทษที่ชอบมึง กูจะพยายามตัดใจ

     

     

    ผมร่ายยาวแล้วส่งยิ้มที่แม่งฝืนที่สุดตั้งแต่เคยยิ้มมาให้มาร์ค บอกไปแล้ว..ผมบอกชอบมาร์คไปแล้วยิ่งเห็นท่าทางนิ่งๆของมาร์คตอนผมบอกชอบก็ยิ่งรู้สึกปวดใจ มันเหมือนผมเป็นฝ่ายเดียวที่หวั่นไหวไปกับคำพูดและการกระทำของมาร์คทั้งที่จริงๆแล้วมันไม่ได้มีอะไรพิเศษเลยสักนิด

     

    เจอกันที่คอนโด เดี๋ยวกูกลับไป..”

     

    พูดจบผมก็กดปลดล็อครถแล้วเดินลงไปทันที อยากจะร้องไห้แต่ก็รู้สึกว่าร้องมาเยอะเกินไปแล้วที่สำคัญน้ำตาที่เสียไปก็เสียให้กับเรื่องเดิมๆทั้งนั้น

    ผมเดินมานั่งอยู่ที่ม้านั่งหน้าตึกคณะ หลับตาลงเพื่อหวังว่าถ้าลืมตาขึ้นมาแล้วความสัมพันธ์ของผมกับมาร์คมันจะไม่แย่ไปกว่านี้ เพราะตอนนี้ผมรู้สึกว่าผมกับมาร์คเริ่มห่างไกลกันมากขึ้น ไกลจนรู้สึกว่า ถ้าไม่รีบขยับเข้าไปเราอาจจะกลายเป็นคนแปลกหน้ากัน

     

     

     

    ซึ่งมันไม่ดีแน่..

     

     

     

     

     

    -มัคคึ’s Part-

     

     

    หลังจากวันที่แบมแบมตบหน้าผมแล้วเดินออกไปทำให้ผมรู้สึกเหมือนชีวิตขาดอะไรไปสักอย่าง มันดูว่างเปล่าเวลาที่ไม่มีใครโทรมาบอกให้ไปรับไปส่ง และผมก็ไม่ชอบที่จะมีใครมาดูแลแบมแบมมากกว่าผม

     

     

    ผมตัดสินใจกลับไปคบกับเวนดี้..หลายๆคนอาจจะคิดว่าผมโง่ที่ยอมกลับไปหาเค้าทั้งที่สิ่งที่เค้าทำกับผมมันทำให้ผมรู้สึกแย่และทำให้ผมเป็นเหมือนตัวอะไรสักอย่างในตอนนั้น ผมเองก็ไม่รู้ว่าอะไรทำให้ผมยอมกลับไปคบกับเธอได้ง่ายดายขนาดนั้น

     

     

    ผมไม่รู้จริงๆ..

     

     

     

    เฮ้อ..”

     

     

    เป็นเชี่ยไรของมึง นั่งถอนหายใจมารอบล้านแปดแล้วนะ

     

    จริงอย่างที่เจบีพูดจะไม่จริงก็ตรงที่รอบที่ล้านแปดนี่แหละเพราะยังไม่ถึงขนาดนั้น ผมนั่งถอนหายใจอยู่นานแล้วตั้งแต่พวกเรานัดกันมาทำรายงานที่มหาลัย

     

    แบมแบมหลบหน้ากูมาอาทิตย์นึงละ

     

    มึงแม่งต้องทำอะไรผิดมาแน่ๆ...”

    จูเนียร์ว่าแล้วมองผมด้วยห่างตา ขอโทษนะ มึงจะมองกูด้วยสายตาแบบนั้นหาอะไรไม่ทราบ คือมองปกติก็ได้มั้ย?

     

    เออต้องใช่แน่

     

    ตามด้วยเสียงของคนที่ไม่เคยเงียบปากอย่างแจ็คสันที่เห็นด้วยกับจูเนียร์ หลังจากนั้นพวกมันสามคนก็พยายามคาดคั้นเรื่องของแบมแบมกับผมจนผมตัดสินใจเล่าเรื่องทั้งหมดให้พวกมันฟัง ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่ผมรู้สึกว่าตัวเองพูดมากกับพวกมัน..

     

     

    ควาย..” จูเนียร์

    โง่กว่านี้ไม่มีแล้ว!!” ไอบี..

    ควายยังฉลาดกว่ามึงเลย!!” แจ็คสันมึงแรงมาก!!

     

    ผมไม่ได้ตอบอะไรพวกมัน ก็ยอมรับครับว่าตัวเองโง่ ผมรู้ตัวดี..

     

     

    มาร์ค..กูจะบอกอะไรให้นะ

     

    แจ็คสันพูดขึ้นท่ามกลางความเงียบของทุกคนหลังจากที่ด่าผมเสร็จ ถ้าผมไม่ได้คิดไปเองนี่ถือเป็นครั้งแรกเช่นกันที่ผมเห็นสีหน้าและท่าทางของแจ็คสันดูจริงจังมากขนาดนี้

     

     

     

     

    อย่าทิ้งคนที่ขาดมึงไม่ได้..เพื่อไปหาคนที่มึงอยากได้

     

     

     

     

    หลังจากจบคำพูดของแจ็คสันทั้งโต๊ะเงียบกริบไม่มีเสียงตอบรับ ทุกคนดูจริงจังกับคำพูดของแจ็คสันกันหมด เจบี จูเนียร์รวมถึงแจ็คสันทุกคนต่างจ้องผมนิ่งราวกับผมกระทำผิดอะไรร้ายแรงสักอย่าง..มันจริงอย่างที่แจ็คสันพูดว่าผมอยากได้เวนดี้ แต่แบมแบมขาดผมไม่ได้จริงๆหรอ?

     

     

    กูเลือกไปแล้ว..”

     

     

    ถึงผมจะเลือกกลับไปคบเวนดี้แต่ผมก็ยังอยากให้ทุกอย่างของผมกับแบมแบมเหมือนเดิมไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ เพราะบางที..อาจจะไม่ใช่แค่แบมแบมที่ขาดผมไม่ได้

     

     

     

    ผมเองก็ขาดแบมแบมไม่ได้เช่นกัน..

     

     

     

    เลิกพูดเหอะ ช่วยกูง้อแบมหน่อยดิ

    ผมบอกให้พวกมันช่วย จริงๆก็อยากจะง้อคนเดียวนะครับแต่แบมแบมเอาแต่วิ่งหนีผม ถึงจะไม่ได้วิ่งเร็วแต่แบมแบมซ่อนตัวเก่ง และแน่นอนว่าผมเองก็หาไม่เจอ เลยต้องขอให้พวกมันช่วย พวกมันไม่ได้ปฏิเสธหนำซ้ำยังรีบลุกขึ้นแล้วดันหลังผมแล้วพากันขับรถไปที่ใต้ตึกคณะแบมแบมอีก

     

     

    เดี๋ยวพวกกูล้อมแบมแบมไว้แล้วมึงก็ลากแบมแบมไปขึ้นรถเลยนะ

     

     

    จูเนียร์พูดจบพวกเราทุกคนก็พยักหน้าแล้วพวกมันสามคนก็เริ่มเดินไปล้อมโต๊ะที่แบมแบมกับทิฟฟานี่นั่งอยู่ เหมือนว่าทิฟฟานี่จะเห็นพวกผมแล้วพยายามบอกกับแบมแบมว่าผมยืนอยู่ข้างหลัง ทันทีที่แบมแบมหันมาแล้วเจอกับผม เค้ารีบลุกขึ้นพยายามจะหนีแต่ก็ถูกเพื่อนๆผมล้อมไว้ก่อน ไม่รอช้าผมรีบเดินไปลากแบมแบมไปขึ้นรถทันที

     

     

    ปล่อยกูลงไป!”

     

    ทันทีที่ลากแบมแบมขึ้นมาบนรถได้สำเร็จแบมแบมก็เอาแต่โวยวายให้ผมปล่อยตัวเองลงไปให้ได้ ทั้งดิ้นทั้งเคาะกระจกอยู่แบบนั้น

     

    ไม่ มึงต้องคุยกับกูให้รู้เรื่อง

    ผมอยากจะคุยกับแบมแบมให้รู้เรื่อง ว่าทำไมต้องหลบหน้ากันขนาดนี้..

     

    กูไม่อยากคุย

    แต่กูจะคุย

    เหมือนแบมแบมจะรู้ว่ายังไงผมก็จะคุยให้ได้ มันเลยเริ่มสงบสติอารมณ์และไม่โวยวายออกมาแต่ก็ยังมีบ้างที่ทำเสียงฮึดฮัดเหมือนไม่พอใจอยู่

     

    มึงหลบหน้ากูทำไม

     

     

     

    มึงมันก็เป็นแบบนี้อ่ะ ไม่เคยรู้อะไรเลย

    มึงไม่บอกกูจะรู้ได้ยังไง มึงโกรธอะไร?”

    กูไม่ได้โกรธอะไร

    ถ้าไม่แล้วทำไมไม่กลับห้อง?”

     

     

     

    มึงก็รู้อยู่แก่ใจ

     

    รู้อยู่แก่ใจ? ที่แบมแบมพูดบางทีก็อาจจะตรงกับที่ผมคิดไว้ แบมแบมคงโกรธมากที่ผมพาเวนดี้ค้างที่คอนโด ไม่อย่างนั้นมันคงไม่ตบผม..

     

    เวนดี้หาคอนโดได้แล้ว

    แล้วยังไง?”

    มึงก็ย้ายกลับไปได้แล้ว..กูคิดถึง

     

    คิดถึงจริงๆ ผมรู้สึกเบื่อที่ต้องอยู่โดยไม่มีแบมแบมคอยสร้างปัญหาอะไรให้คอยทำ แค่คิดว่ามีคนอื่นดูแลแบมแบมเหมือนที่ผมทำก็รู้สึกหงุดหงิดจะแย่

    มาร์ค..กูจะบอกอะไรให้นะ

    “…”

     

     

     

     

    กูชอบมึง

     

     

     

    ผมนิ่งอึ้งกับคำพูดของแบมแบม และพูดอะไรไม่ออก ผมรู้สึกสับสน ผมไม่รู้ว่าจริงๆแล้วผมชอบแบมแบมหรือมันเป็นแค่ความหลง

     

     

    หรือความรัก..?

     

     

     

    แต่ตอนนี้มึงคบกับเวนดี้แล้ว..เพราะงั้นเลิกพูดอะไรแบบนี้เหอะ มันเหมือนเป็นการให้ความหวังกูอ่ะ กูรู้ว่ากูคิดไปเอง แต่พอเหอะ เลิกพูดแบบนี้ได้แล้ว กูขอโทษที่ชอบมึง กูจะพยายามตัดใจ

     

    แววตาที่ดูเศร้าของแบมแบมทำให้ผมรู้ว่าแบมแบมกำลังเจ็บปวดมากขนาดไหน แต่ผมทำอะไรไม่ได้ ร่างกายของผมเหมือนถูกกดสต็อปเอาไว้ชั่วคราว อยากจะกอด อยากขอโทษสำหรับเรื่องในคืนนั้น อยากขอโทษที่ทำให้แบมแบมเศร้าขนาดนี้แต่เห็นแบบนี้แล้วความรู้สึกผิดก็ตีขึ้นมาจนผมทำอะไรไม่ถูกเลย

     

     

     

    เจอกันที่คอนโด เดี๋ยวกูกลับไป..”

     

    พูดจบก็ลงไปจากรถทันที ทำไมผมจะไม่รู้ว่าแบมแบมกำลังทำให้ทุกอย่างกลับสู่สถานการณ์ปกติ ผมอยู่กับแบมแบมมานานแค่ไหนแล้ว..เรื่องแค่นี้ทำไมผมจะไม่รู้

     

     

     

     

    -End มัคคึ’s Part-

     

     



    35%

     

     

     

    ผมเดินลงจากรถมาร์คแล้วเดินไปหาฟานี่ทันที เธอมองหน้าผมแล้วทำหน้าเครียด ผมคลายยิ้มเพื่อให้เธอสบายใจแล้วนั่งลงตรงที่เดิม ฟานี่เอื้อมมือมาจับมือผมแล้วบีบเบาๆเป็นแบบนี้อีกแล้ว ฟานี่รู้ใจผมทุกเรื่องจริงๆ เหมือนว่าเธอรู้ว่าตอนนี้ผมรู้สึกยังไง

     

    ไม่เป็นไรหรอก..แค่นี้เอง

    พูดจบผมก็ส่งยิ้มที่กว้างกว่าเดิมไปให้ฟานี่ก่อนจะได้ยินเสียงเรียกของใครบางคนดังมาจากข้างหลังผม หันหลังไปก็เจอกับรอยยิ้มที่ดูสดใสของเค้าคนนั้น..

     

    เซฮุน..”

     

    เซฮุนโบกมือแล้ววิ่งเข้ามานั่งข้างๆผมอย่างรวดเร็ว ผมยิ้มขำๆให้กับท่าทางของเซฮุน เพราะมันรีบวิ่งเกินไปจนทำให้เกือบสะดุดล้มเข้าให้แล้ว

     

    ไปเที่ยวกันมั้ย?” จะไปก็รีบไป

     

    ถุ้ย!

     

    ไปซิ กำลังอยากไปเลย

    จริงนะ

     

    เซฮุนถามด้วยสีหน้าที่โคตรตื่นเต้น จนผมรู้สึกเอือม จะเวอร์ไปไหน นี่บอกว่าจะไปก็ไปไง เดี๋ยวไม่ไปซะเลยไอหมอนี่

     

    อืม จริง

     

    ความจริงแล้วผมอยากให้ฟานี่ไปกับพวกเราด้วย แต่เธอก็เอาแต่ปฏิเสธท่าเดียวแล้วบอกว่ามีธุระสำคัญต้องไปทำ ผมเลยต้องมาเที่ยวกับเซฮุนแค่สองคน

     

    ไปไหนกันดี

     

    เซฮุนถามผม จริงๆก็อยากจะบอกไปว่าพาไปไหนก็ได้ที่ไม่ใช่การพากูไปขับรถเล่นทั่วเมืองจนหาทางกลับไม่เจออ่ะ จะว่าไปแล้วเซฮุนถึงจะดูนิ่งๆแต่ก็มีมุมตลกกับคนอื่นเค้าเหมือนกันนะ แต่ที่ขับรถแล้วไม่รู้จักซ้ายขวาอันนี้ไม่ตลกนะ..

     

     

     

    นายอยากพาฉันไปไหนล่ะ?”

    ก็..ไม่บอกดีกว่า เซอร์ไพรส์

     

     

    แหม่..

     

    หลังจากตกลงกันแล้วว่าเซฮุนจะพาผมไปที่ไหนสักที เราสองคนก็ขึ้นรถกันไป รู้สึกสบายใจขึ้นเยอะหลังจากที่พอขึ้นรถมาแล้วเซฮุนก็ชวนคุยตลอดทาง ถึงผมจะไม่ค่อยตอบเค้าเท่าไหร่แต่เซฮุนก็ยังยิงคำถามใส่ผมไม่หยุด ไม่คิดเลยนะเนี่ยว่าจะพูดมากขนาดนี้..

     

    ใช้เวลาไม่ถึงสามสิบนาทีเซฮุนก็พาผมมาถึงที่

     

     

    สวนสาธารณะ..

     

     

     

    ดีออก มันมีอะไรให้เที่ยวครับ? นี่ทำไมไม่บอกว่าจะชวนมาเดินเล่น จากที่เบื่อนี่คือเบื่อกว่าเดิมมั้ย คิดว่าจะพาไปสวนสนุกอะไรแบบนี้ แม่งพามาสวนสาธารณะ

     

    นี่นายพามาเที่ยวที่สวนสาธารณะเนี่ยนะ? มันมีอะไรให้สนุกเล่า!!”

     

    ผมว่าแล้วหันหน้าหนีไปทางอื่น แหม่..กระแดะกว่ากูนี่ไม่มีแล้ว

     

    มีสิ เธอไม่เคยมาจะไปรู้ได้ยังไง?”

     

    แล้วที่นี่แม่งจะมีอะไรนอกจากที่ให้เดินเล่นแล้วก็เครื่องออกกำลังกายเล่า!! ดูรอบๆก็รู้แล้วว่ามันไม่มีอะไรให้สนุกเลยสักอย่างอ่ะ

     

     

    ตามมาเถอะหน่า

     

    เซฮุนพูดจบก็ลากมือผมเดินไปไหนซักที ผมก็ทำได้แค่เดินตามไปเงียบๆ บรรยากาศที่นี่ดีมากครับ มีต้นไม้รอบๆเต็มไปหมด เซฮุนลากผมมาจนถึงที่ที่ผมคิดว่าน่าจะเป็นที่เช่าจักรยาน

     

    ปั่นจักรยานกัน

     

    ไม่ทันให้ผมได้ตอบอะไรเซฮุนก็เดินไปเลือกจักรยานแล้วจ่ายเงินให้ผู้ชายที่ยืนเฝ้าจักรยานคนนั้นก่อนจะเดินลากจักรยานมาหาผมที่ยืนรออยู่ ผมขึ้นไปนั่งคร่อมจักรยานทันที จะว่าไปแล้ว นานแค่ไหนแล้วที่ผมไม่ได้มาทำอะไรเด็กๆแบบนี้ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้มาปั่นจักรยานเล่น..

    เซฮุนขับจักรยานไปรอบๆสวนสาธารณะ จริงๆได้มานั่งจักรยานรับลมเย็นๆแบบนี้มันก็ดีเหมือนกันนะ รู้สึกสบายใจดี แต่มันก็ยังมีอะไรให้คิดอยู่ดี

     

    ผู้หญิงมีความรู้สึกอ่อนไหวกันทุกคนหรือเปล่านะ?”

     

    ไม่รู้อะไรทำให้ผมถามเซฮุนออกมาแบบนั้น เซฮุนเอียวตัวหันมามองผมยิ้มๆแล้วหันกลับไปใหม่ ผมถอนหายใจออกมาแรงๆแล้วกอดเอวเซฮุนแน่น ก่อนจะแนบหน้าตัวเองลงไปกับแผ่นหลังของเซฮุน

     

    เป็นผู้หญิงเนี่ยเหนื่อยหรอ?”

    เหนื่อย..เหนื่อยมาก

     

    เหนื่อยสิ เป็นผู้หญิง เมื่อก่อนผมไม่ใช่คนที่ร้องไห้บ่อย ไม่ใช่คนที่อ่อนไหวเวลามีเรื่องอะไรมาสะกิดใจ ไม่ใช่คนคิดมากเหมือนอย่างตอนนี้..ผมรู้ว่าตอนนี้ตัวเองเป็นยังไง พยายามจะไม่คิดมากแต่มันทำไม่ได้

     

    เป็นผู้ชายก็เหนื่อยนะ

    “…”

     

    เวลาชอบใครมากๆ แล้วเค้าไม่ชอบเรานี่ก็เจ็บดีนะ

     

    พูดจบเซฮุนก็หันมายิ้มให้ผม ผมจ้องหน้าเซฮุนกลับแล้วยิ้มตอบ..

     

     

    ผู้หญิงเวลาชอบใครแล้วเค้าไม่ชอบกลับ ก็เจ็บเหมือนกันนั่นแหละ..”

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ขับจักรยานเล่นกันแล้วเซฮุนก็พาผมไปนั่งกินไอศกรีมกันใต้ต้นไม้ก่อนจะพากันไปเล่นจักรยานน้ำ เล่นกันจนกล้ามขาขึ้นแล้วมั้ง..

     

     

    ขอบคุณมากนะที่มาด้วยวันนี้..”

     

    ความจริงแล้วเซฮุนเคยชวนผมไปเที่ยวหลายครั้งมากแล้ว แต่ทุกครั้งผมก็ปฏิเสธไปตลอด ที่ผมไม่อยากไปด้วยหรือที่พยายามไม่คุยกับเซฮุนเพราะผมไม่อยากให้ความหวังเค้า ผมเข้าใจว่าการถูกให้ความหวังมันเจ็บหากมารู้ที่หลังว่าทุกอย่างที่เราคิดมันเป็นแค่สิ่งที่เราคิดไปเองฝ่ายเดียว

     

     

     

     

    ระหว่างทางที่จะไปส่งผมกลับคอนโดผมกับเซฮุนเราเงียบกันมากเพราะก่อนหน้านี้แม่งพูดกันจนไม่มีอะไรจะพูดแล้วครับ แต่จู่ๆเซฮุนก็พูดขึ้นมา

    แปลกเนอะคนเรา..”

    “…”

     

     

    คนที่มาชอบตัวเองก็มีตั้งเยอะ..ดันไปชอบคนที่เค้าไม่ชอบตัวเอง

     

     

    นั่นสินะ..

     

     

    อืม..แปลกดี

     

     

     

    พอเซฮุนขับรถมาถึงคอนโดผมก็บอกลาแล้วยืนโบกมือรอจนเซฮุนขับออกไปจึงเดินเข้าคอนโดไป เอาจริงๆตอนนี้ผมกำลังรู้สึกกลัวที่จะเปิดประตูเข้าไปในห้อง ไม่ได้กลัวมาร์ค

     

     

    กลัวมีเวนดี้อยู่ต่างหาก..

     

     

    ยืนทำใจอยู่นานผมก็ตัดสินใจเดินเข้าไปในห้อง มองเห็นไอมาร์คนั่งนิ่งอยู่บนโซฟา ผมไม่ได้ทักทายมันอย่างปกติแต่กลับเดินผ่านไปกำลังจะเปิดประตูห้องนอนแต่ก็ต้องชะงักไปซะก่อน

     

    ไปไหนมา..กลับซะเย็น

    ไปเที่ยวกับเพื่อนมาอ่ะ

     

    ผมพูดแล้วหันไปมองหน้าไอมาร์คซึ่งตอนนี้มันก็มองหน้าผมอยู่เหมือนกัน ทำไมกูกลัวแบบนี้วะ ไอสายตามองกูเหมือนโกรธแบบนั้นมันมาอีกแล้ว

     

    เพื่อนคนไหน

     

     อีชิบหาย..ถ้าบอกว่าไปกับเซฮุนแม่งต้องโกรธกูแน่ๆ

     

    ก็..ฟานี่ไง

    หรอ แล้วกินข้าวมาแล้วยัง?”

    ยังอ่ะ

    งั้นไปอาบน้ำแต่งตัวเดี๋ยวพาไปกินข้าวข้างนอก

     

    ผมพยักหน้ารัวๆไปให้มาร์คแล้ววิ่งเข้าห้องนอนไป เฮ้อ นึกว่าจะโดนซะแล้ว..แต่ว่านะ ทำไมกูต้องโกหกมันด้วยวะเนี่ย ก็แค่บอกไปว่าไปเที่ยวกับเซฮุนมา มันคงไม่โกรธอะไรมาก นี่ถ้ามันรู้ทีหลังแย่แน่ๆเลยกู

    ผมเดินเข้าไปอาบน้ำแต่งตัวตามที่มาร์คบอก จริงๆเซฮุนก็ชวนกินข้าวแล้วแต่ด้วยความเล่นตัวของกูนี้ทำให้กูปฏิเสธไป ของฟรีแท้ๆ..แต่ไม่เป็นไรไปกับไอมาร์คก็ฟรีอยู่ดี

     

    มาร์คกูเสร็จแล้ว

     

    ผมกึ่งวิ่งกึ่งเดินออกมาจากห้องแล้วตะโกนบอกไอมาร์คว่าแต่งตัวเสร็จแล้วนะ กูพร้อมจะแดกเต็มที่แล้วนะมาร์คเพื่อน..

    มึงใส่ชุดนอนทำไม?”

    อ่าว ก็เดี๋ยวกลับมานอนเลย

    กูจะพาไปกินที่ห้าง

     

    ไอดอกส้มสีทอง..ทำไมมึงไม่บอกตั้งแต่แรก ไอเราก็คิดว่ามันจะพาไปกินข้าวข้างล่างคอนโด ที่ไหนได้กระแดะอยากไปกินที่ห้างนี่เองสินะไอคุณชาย สรุปแล้วผมก็ต้องเดินกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่ แล้วเดินออกมาด้วยเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด

     

    ไปได้ยัง

    อืม

     

    มาร์คขับรถพาผมมายังห้าง..ก็ห้างเดิมนั่นแหละครับ ไม่เคยจะไปห้างอื่นกับเค้าหรอก ก็รถแม่งติดชิบหายวายวอด กว่าจะขับถึงก็คงหิวจนขาดใจตายไปซะก่อน

     

    มึงอยากกินอะไร?”

     

    มาร์คถามผมในขณะที่ผมกับมันกำลังเดินเลือกร้านกันอยู่ ผมไม่รู้ว่าจะกินอะไรดีเพราะตอนนี้ความรู้สึกผมอยากจะกินแม่งทุกอย่าง

     

     

    กูหิว..

     

    อะไรก็ได้ มึงรีบๆเลือกเหอะกูหิว

    กินเนื้อนะ

     

    ผมพยักหน้าแล้วเดินนำมันเข้าไปในร้าน แต่ดูเหมือนว่าผมจะคิดผิด เพราะกินเนื้อมันก็ต้องรอให้สุกก่อนอยู่ดีอ่ะ อยากกินเลยต้องทำยังไง T0T

     

    มึงเป็นปลวกหรือไง?”

    มึงด่ากูทำไมเนี่ย

    ก็เห็นนั่งกินตะเกียบ

     

    ไอบ้า กูแค่อมตะเกียบไว้เฉยๆไม่ได้แทะเหมือนปลวกโว้ย!!

     

    ก็กูหิว

    รออีกแปปนึง ใกล้สุกแล้ว

     

    รอไปสักพักไอมาร์คก็ตักเนื้อที่สุกแล้วใส่จานให้ผม และด้วยความหิวที่มีอยู่เยอะก็ทำให้ความโง่พุ่งทะยานให้กูนีบเนื้อแล้วเอาเข้าปากทันทีโดยไม่คิดเลยว่ามันร้อน!!

     

     

    โอ้ย!! เหี้ยร้อน

    กินไม่ระวังเลยนะมึง!”

     

    มาร์คส่งน้ำมาให้ผมดื่มแล้วเอาทิชชู่มาเช็ดปากให้ผม อย่านะมึง..อย่า

     

    บอกกี่ครั้งแล้วว่าถ้ากินเนื้อให้เป่าก่อน

    “…”

    เป็นยังไงล่ะ ลวกปากเลย

     

    ไม่ทันแล้ว..ไหนใครบอกไอมาร์คไม่พูดมาก ผมตอบได้เลยว่าไอมาร์คจะพูดมากที่สุดก็ตอนบ่นผมนี่แหละ คือเป็นแบบนี้บ่อยมาก เวลาที่ผมกินเนื้อกับมันผมก็จะไม่ค่อยระวังแบบนี้แหละ เอาจริงๆกินกับใครกูก็ไม่เคยระวังหรอก แต่คนอื่นไม่บ่นไง..

     

     

    ทำตัวเป็นพ่อไปได้..

     

     

    เออมึงหยุดบ่นได้แล้ว

    ก็ถ้าไม่บ่นมึงก็เป็นแบบนี้ไปตลอด

    ตักเนื้อมาเร็วๆ กูหิว

     

    พูดอยู่นั่นแหละ กูหิวจะจะขาดละ ผมเป็นคนนิสัยไม่ดีครับเวลากินเนื้อนี่จะกลายเป็นง่อย ตักใส่จานเองไม่เป็นต้องให้คนอื่นตักให้แล้วค่อยเอาเข้าปากเอง ประเด็นคือเวลากินกับคนอื่นใครเค้าจะทำให้ผมล่ะ มันก็มีแต่ไอมาร์คเนี่ยแหละที่ทำให้ทุกอย่าง

     

     

     

     

     

    กินกันเสร็จเรียบร้อยก็พากันไปเดินห้างต่ออีกสักหน่อยเพราะไม่ได้อยู่พลาญเงินมาร์คมันตั้งนานแล้วหรือเพราะอะไรก็ไม่รู้ทำให้ผมเดินเข้าร้านนู้นร้านนี้ไม่หยุด

     

    กูจะหมดตัวแล้วนะ

     

    ไอมาร์คที่ยืนมองผมเลือกซื้อของพูดขึ้นเบาๆ ผมหันไปมองหน้ามันแล้วยิ้มให้เป็นเชิงบอกว่า อีกชิ้นเดียวนะ..แต่ก็ทำมาตั้งแต่เข้าร้านที่สองจนตอนนี้ก็ปาไปร้านที่ห้าแล้วก็ยังไม่ยอมกลับ

     

    แบมแบมห้างจะปิดแล้ว พอสักที

    บ่นมากอ่ะ กลับก็ได้วะ

     

     

    บ่นมากชิบหายเลย คนจะซื้อของก็ขัดอยู่นั่นอ่ะ แต่ก็นะครับ ไม่ใช่เงินผมอ่ะ เงินไอมาร์คมัน มันคงยังไม่อยากหมดตัวตอนนี้

     

    พอกลับมาถึงคอนโดผมก็นั่งเปิดดูของที่ซื้อมาด้วยรอยยิ้มที่ผมคิดว่ากว้างที่สุดในรอบหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมนั่งอยู่บนพื้นข้างๆโซฟาที่มีไอมาร์คนั่งดูทีวีอยู่ นึกๆแล้วก็อยากจะให้มันเลิกกับเวนดี้เนอะ อยากจะให้มันทำแบบนี้ให้ผมแค่คนเดียว ซื้อของให้ผมแค่คนเดียว ดูแลแค่ผมคนเดียว

     

     

    ผมแม่งโคคตรเห็นแก่ตัว..

     

     

     

     

     

    TBC..

     

     

    เค้ากลับมาดีกันแล้ว

    แต่เดี๋ยวเซฮุนกำลังจะเข้ามามีบทบาท

    เวนดี้เองก็เช่นกัน..

    © themy butter

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านค่ะ




    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×