ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC GOT7] MarkBam :: The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง ☆

    ลำดับตอนที่ #10 : ▽The Challenge ☆ Chap 10 (100%)

    • อัปเดตล่าสุด 7 มิ.ย. 58



    The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง

    Mark x Bambam

    -10-













    ผมไม่ได้ไปไหนไกล ยังคงยืนอยู่หน้าประตูห้องไม่ได้ไปไหน แค่คิดเข้าข้างตัวเองว่าบางทีที่มาร์คตะคอกใส่เมื่อกี้มันอาจจะไม่ได้ตั้งใจ ใช่..ผมคิดว่ามาร์คมันจะออกมาตามผมข้างนอก แต่ผมยืนอยู่นานแล้วมันก็ยังไม่ออกมา..

     

    ผมไม่ได้ต้องการให้มาร์ครับผิดชอบอะไรถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเป็นผู้หญิง เพราะมาร์คไม่ได้ขืนใจผมแต่เป็นผมเองต่างหากที่สมยอม แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ เมื่อกี้ไอมาร์คทำเหมือนไม่สนใจผมแล้วเอาแต่มองเวนดี้..

     

    ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์น้อยใจในเรื่องนี้ เพราะความจริง ตัวตนจริงๆของผมคือผู้ชาย ผมไม่ใช่ผู้หญิง..ผมเคยเป็นผู้ชายมาก่อน เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน บางทีผมควรจะลืมๆมันไปแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น อะไรๆคงดีขึ้น

     

    เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมาร์คคงไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น แต่คงเป็นเพราะอารมณ์ที่เตลิดไปของเราทั้งคู่..

     

     

     

    “...”

     

    ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองร้องไห้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่ได้อยากทำตัวเป็นนางเอกเลยครับ แต่ลองนึกตามนะครับ โดนคนที่ตัวเองชอบตะคอกดังๆใส่แบบนั้น มันก็รู้สึกแย่นะ

     

     

     

    เซฮุน..”

    แบมโทรมา..ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?’ ลองตบหน้าตัวเองดูสักทีนะจะได้รู้ว่าฝันอยู่หรือเปล่า..

     

     

    อย่าเพิ่งครับ..อย่าเพิ่งด่าว่าผมแรดโทรไปหาผู้ชายก่อน ผมโทรไปหาฟานี่แล้วแต่เธอไม่รับสายเลยเลือกที่จะโทรหาเซฮุน ตอนนี้ผมก็แค่อยากจะอยู่กับใครสักคน ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้

     

     

    มารับ อึก..มารับหน่อยได้มั้ย

    แบมเป็นอะไร?’

    เปล่า..รีบมานะ

    รอฉันก่อนนะ จะรีบไป

     

     

    เซฮุนว่าจบน้ำตาผมก็ไหลออกมาทันที ความจริงผมไม่ใช่คนที่อ่อนไหวแบบนี้ แล้วนี่ทำไม? ทำไมผมถึงร้องไห้ออกมาเยอะขนาดนี้ มาร์คแค่ตะคอกใส่..แค่ตะคอก

     

     

     

    เหี้ย!! แม่งตะคอกใส่กูวววววว

     

     

    เป็นอะไรบอกฉันได้นะ เซฮุนถามขึ้นหลังจากขับรถออกจากคอนโด ผมเอาแต่มองออกไปข้างนอกหน้าต่างรถ ไม่ใช่ไม่อยากบอกว่าเป็นอะไร แต่จะให้ผมบอกออกไปยังไง?

     

     

    ฉัน..ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง

    ไม่เป็นไรหรอก..ไม่ต้องพูดก็ได้เซฮุนว่าแล้วเอื้อมมือมากุมมือผมแล้วส่งยิ้มให้ ผมหันไปมองหน้าเซฮุน อ่า..รอยยิ้มของเค้าดูอบอุ่นมากในตอนนี้  ผมยิ้มตอบเซฮุนไป เวลาปกติผมคงดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมแล้ว แต่ตอนนี้ผมแค่ต้องการใครสักคน..เคียงข้างและคอยปลอบผม

     

     

     

    ขอบคุณนะ

     

     

     

     

     

     

    เซฮุนไม่ได้ขับรถกลับคอนโดของเค้า เพราะผมไม่ได้อยากไป ผมแค่อยากอยู่ที่ไหนสักที่ ที่ๆเงียบๆ อยากจะพักสมองและหัวใจสักแปปหนึ่ง แล้วค่อยกลับไป

     

     

    ว่าไปแล้วถ้าผมกลับไปแล้วเวนดี้ยังอยู่ ผมควรจะทำยังไง? ควรออกไปนอนที่อื่นมั้ย? หอก..

     

     

    เฮ้อ..”

    เฮ้อ หืม? ผมหันไปมองเซฮุนที่ถอนหายใจออกมาตามผม นี่นั่งดูกูถอนหายใจจนเหนื่อยตามเลยหรือว่ายังไงเนี่ย?

     

     

    ตามหรอ?”

    ตามหรอ?”

     

    เดี๋ยวๆ..เริ่มไม่ใช่ละ แบบนี้แม่งเริ่มกวนตีนละ พอผมพูดจบเซฮุนก็พูดตามผม แถมยังทำหน้าชักชวนส้นเท้ากูให้ไปเล่นบนหน้ามันอีก

     

     

    กวนตีนอ่ะ

    กวนตีนอ่ะ

     

    ผมเงียบแล้วเชิดหน้าหันไปทางอื่นอย่างไม่พอใจ อยากจะขำอยู่แหละแต่ใช่เวลามั้ยมึง กูเศร้าอยู่เนี่ย หัวใจมันเฮิร์ทอยู่นะโว้ย!!

     

     

    โอ๋เอ๋ๆ ล้อเล่นเอง ไม่โกรธน้า

    ไม่ว่าเปล่าเอามือมาบี้แก้มผมเล่น..ย้ำครับว่าบี้ มันเอามือมาหยิกแก้มผมแล้วดึงจนมันยืด ก่อนที่ตัวเองจะหัวออกมาเสียงดังลั่น ขำมากมั้ยถามใจมึงดู ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองเวลาโดนทำแบบนี้หน้าจะน่าเกลียดขนาดไหน ก็ฟานี่เคยทำผมแบบนี้แล้วมีคนแอบถ่ายรูปอ่ะ

     

     

     

     

    ลงเพจมหาลัยอีกนะสัส!!

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้นแล้วนิดหน่อย ฟานี่ก็โทรมาพอดี ผมเลยบอกว่าจะไปหาเธอที่คอนโด เซฮุนก็อาสาจะไปส่ง กลับไปตอนนี้ผมก็คงไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ดี

     

    ขอบคุณมากนะที่มาส่ง

    ไม่เป็นไรหรอก เต็มใจ

    ผมบอกขอบคุณเซฮุนที่มาส่งที่คอนโดฟานี่ จะว่าไปแล้ววันนี้ผมขอบคุณหมอนี่ไปสองครั้งแล้วนะเนี่ย ปกติผมไม่ได้ขอบคุณเค้าเลย ทั้งที่เค้าก็ดีกับผมมากนะ ทั้งไลน์มาคุยด้วยแทบทุกวัน ผมบอกอะไรก็ทำ ถ้าเซฮุนรู้ว่าผมกับมาร์คเป็นรูมเมทกันจะเป็นยังไงวะ..

     

     

    ผมเดินขึ้นคอนโดไปตามห้องที่ฟานี่บอกมา พอเดินมาถึงเท่านั้นแหละ ฟานี่ที่ยืนรอผมอยู่หน้าประตูห้องรีบวิ่งเข้ามากอดผมทันที..รีบมากสินะ รอให้กูเดินเข้าห้องไปก่อนก็ได้มั้ย

     

     

    คิดถึงแกอ่ะแบม T0T”

    เมื่อวานเพิ่งเจอกันมั้ย?”

    ก็มันคิดถึงนี่ เข้าห้องกันเถอะขอบคุณที่ยังชวนเข้าห้อง..

     

     

     

    แล้วนี่นึกยังไงแกถึงมาหาฉันล่ะ?”

    ก็..”

     

    ผมก้มหน้าไม่กล้าพูด ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ฟานี่ก็พูดเสียงดังแทรกขึ้นมาซะก่อน

     

     

    แบม! รอยที่คอแก..”

     

     

    ผมจับคอตัวเองทันทีที่ฟานี่ชี้มา อีชิบหาย..

     

     

    ใครเป็นคนทำแมแบม..”

    คือ..ยุงไงยุงมันทำ

    ฉันไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ ทำไมจะดูไม่ออก

     

    ผมเงียบอย่างไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง ทำไมผมจะไม่รู้ว่าฟานี่ไม่ใช่คนเรียบร้อยใสๆ เธอเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้วไม่มากไม่น้อย เป็นเธอเองนั้นแหละที่เล่าให้ผมฟัง เธอไว้ใจผมมาก..บางทีผมเองก็ควรจะไว้ใจเธอแล้วกล้าที่จะบอกเรื่องนี้กับเธอ

     

     

    เมื่อคืนนี้..ฉันมีอะไรกับมาร์ค

     

    พูดจบผมก็เงยหน้าสบตากับฟานี่ เธอมองหน้าผมยิ้มๆ ก่อนจะส่ายหัวไปมาแล้วกุมมือผมเอาไว้หลวมๆก่อนจะพูดบางอย่างขึ้น

     

    แกชอบมาร์ค..”

     

    เห้ย..รู้ได้ไงวะเนี่ย

     

    “…”

    แค่พูดถึงเค้าหน้าแกก็บ่งบอกมากแล้ว ฮะๆ

    ขนาดนั้นเลยหรอ?”

    อืม..ว่าแต่ เมื่อคืนป้องกันหรือเปล่า?”

     



    เหี้ย..บางทีผมอาจจะลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองเป็นผู้หญิง แล้วที่สำคัญตอนนี้..

     

     

     

     

     

    กูมีรังไข่!!!

     

     

    มาร์คไม่ได้ใส่ถุง

    ห้ะ!! แล้วนี่แกกินยาคุมไปแล้วยัง?”

     

    ผมส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบให้ฟานี่ หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นความวุ่นวายเมื่อฟานี่ร้อนรนฉุดตัวผมลงไปขึ้นรถก่อนแล้วขับพาไปร้านขายยาทันที ฟานี่ลงไปซื้ออะไรบางอย่างที่ผมคาดว่าหน้าจะเป็นยาคุมแน่นอน สักพักก็ขึ้นมาบนรถแล้วยื่นยาพร้อมน้ำให้ผมกินทันที

     

     

    ทำไมแกต้องร้อนรนขนาดนี้ด้วยเนี่ย

     

     

    ผมพูดออกมาหลังจากกินยาที่ฟานี่ให้เรียบร้อยแล้ว เธอดูโล่งอกสุดๆหลังจากเห็นว่าผมกินยาคุมเข้าไปเรียบร้อยแล้ว เวอร์ไปไหน..

     

     

    ฉันเคยท้อง..”

    “!!!”

     

     

    ผมมองหน้าฟานี่อย่างอึ้งๆ เธอมองผมตอบแล้วส่งยิ้มมาให้ ตกใจสิครับ ไม่เคยคิดว่าฟานี่จะผ่านการมีลูกมาก่อน แค่คิดว่าผู้หญิงฉลาดๆอย่างเธอต้องไม่เคยพลาดแน่ๆ

     

    จริงๆฉันแก่กว่าแกหนึ่งปี เพราะฉันดรอปเรียนไป ผู้ชายคนนั้นเป็นรุ่นน้องฉัน รุ่นเดียวกับแกนั้นแหละ เค้าอยู่มหาลัยที่แกเคยอยู่ด้วย แต่พอเค้ารู้ว่าฉันท้องเค้าก็หายไป..”

     

    “…”

     

     

    โคตรเหี้ยเลย ทำไมไม่รับผิดชอบวะ!!

     

     

    หลังจากที่ฉันดรอปเรียนไปห้าเดือน ฉันก็แท้งลูก

     

     

    โอโห้..ชีวิตจริงแม่งยิ่งกว่านิยายจริงๆอ่ะ

     

     

    ผมนิ่งเงียบไปสักพักนึกในใจว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผม ผมต้องแย่แน่ๆ แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆมาร์คจะทำเหมือนกับผู้ชายคนนั้นที่ฟานี่พูดถึงมั้ย มาร์คจะทิ้งผมไปหรือเปล่า?

     

    แบมแบม!!”

    ห้ะ!?”

    เหม่อนะแกเนี่ย เรื่องของฉันมันเศร้ามากหรือไง ฮ่าๆ

     

     

     

    เออ..ชีวิตแม่งเศร้า

     

     

     

     

     

     

    ตกเย็นฟานี่ก็พาผมมาส่งที่คอนโด ผมเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวมถึงเรื่องเมื่อเช้าให้ฟานี่ฟังไปหมดแล้ว เธอบอกกับผมว่าอย่าทำตัวเป็นนางเอก อย่าเอาแต่หนี เพราะเราจะไม่ได้อะไรเลย..

     

    ตอนนี้ผมยืนทำใจอยู่หน้าประตูห้องแล้ว ตอนออกมานี่ไม่ได้หยิบอะไรออกมาเลยแม้แต่คีย์การ์ด โทรศัพท์ที่ยิบมาด้วยก็ไม่มีสายเรียกเข้าจากมาร์คเลย..

     

     

    มะ..”

     

    ผมกำลังจะเรียกชื่อของมาร์คทันทีที่ประตูเปิดออก แต่ก็ต้องชะงักเพราะคนที่เปิดประตูห้องให้ผมไม่ใช่มาร์ค แต่กลับเป็นเวนดี้

     

     

    ยังไม่ไปอีกหรอวะ!!

     

     

    มาทำไม?”

     

     อ่าวอีนี่ นี่เห็นว่าเป็นผู้หญิงนะ ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงนี่ฟาดด้วยส้นตีนสลบไปแล้ว ปากดีชิบหาย..ผมพยายามข่มอารมณ์ร้อนของตัวเองไม่ให้ปะทุขึ้นมากับคำถามโง่ๆของเวนดี้ คือกูอยู่กินที่คอนโดนี้มั้ยละมึง กูมีสิทธิ์จะเดินเข้าเดินออกมั้ยล่ะ ถามตัวเองมั้ยว่าควรออกไปได้แล้วยัง..

     

     

    แล้วเธอล่ะ..ทำไมยังอยู่ที่นี่ได้

    หึ ทำไมจะไม่ได้ ก็มาร์คให้ฉันอยู่

     

     

     

     

    เชี่ยมาร์ค..

     

     

     

     

     

     

    -มัคคึ’s Part-

     

     

    แล้วมึงมายุ่งเรื่องของกูทำไม!!”

     

    ผมมองแบมแบมเดินออกจากห้องไป อยากจะห้ามไม่ให้ออกไปแต่คนอย่างแบมแบมคงไม่ฟังแน่ๆผมไม่ได้ตั้งใจ..ไม่ได้ตั้งใจจะตะคอกใส่แบมแบมไปแบบนั้น ทุกอย่างมันผิดคาดไปหมด หลังจากเรื่องเมื่อคืนผมรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ได้คิดกับแบมแบมแค่เพื่อน ผมอยากจะบอกความรู้สึกของผมให้แบมแบมได้ฟังในตอนเช้า

     

     

    แต่จู่ๆเวนดี้ก็โผล่มา..

     

     

     

    เวนดี้ทำให้ผมรู้สึกสับสน ผมยอมรับว่าผมรักเธอมาก แต่ผมเองก็ทิ้งแบมแบมไปไม่ได้เหมือนกัน ความรู้สึกแบบนี้มันทำให้ผมกลัว กลัวว่าถ้าเลือกเวนดี้แล้ว

     

     

    เธอจะทิ้งผมไปเหมือนครั้งนั้นหรือเปล่า?

     

     

    มาร์ค เวนดี้ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อก่อน

    “…”

    ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันขาดมาร์คไม่ได้

     

     

    เธอรู้ตัวช้าไปหรือเปล่า..?

     

    “….”

    เรากลับมาคบกันนะมาร์ค เวนรู้ว่ามาร์คยังรักเวน..”

     

     

     

     

    ให้เวลาผมหน่อย

     

     

     

    แน่นอน สำหรับมาร์คแล้ว..เวนรอได้

     

     

     

    ผมรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเลยปล่อยให้เวนดี้นั่งเล่นอยู่ในห้องไป ผมหวังเพียงอย่างเดียวว่า..ตื่นมาแล้ว

     

     

     

     

    อะไรๆคงจะดีขึ้น..

     

     

     

    -End มัคคึ’s Part-





    20%





    ผมเดินผ่านหน้าเวนดี้ตรงเข้าไปนั่งที่โซฟา เธอเดินตามหลังผมมาติดๆแล้วยืนกดอกมองผมที่นั่งกดรีโมทอยู่ มองอะไรวะ? ไม่เคยเห็นคนดูทีวีหรอ

     

    ฉันจะอยู่ที่นี่ เธอออกไปอยู่ที่อื่นเลยไป

    เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?”

     

    คือไม่ใช่เจ้าของคอนโดป่ะ มีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ผมออกไปอยู่ที่อื่น

     

    ก็ฉันไม่อยากให้เธออยู่!”

     

     

     

     

     

    เป็นแค่แฟนเก่าอย่ามาทำตัวเยอะ..”

     

     

     

    “!!!!”

     

     

    ผมไม่ได้อยากจะพูดจาไม่ดีกับเธอแบบนี้หรอกนะครับ แต่มันก็อดไม่ได้ ทำตัวเยอะชอบวางอำนาจแถมยังเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้มันน่ารำคาญจริงๆ..

     

    นี่แกว่าฉันหรอ!?”

    ได้ยินแล้วจะถามทำไมอีก..ช่วยอยู่เงียบๆหน่อยได้มั้ย?”

     

    คือกูจะดูทีวีเนี่ย ช่วยสงบปากสงบคำหน่อยไม่ได้หรือไงวะ รำคาญชิบหาย..

     

    พูดจบผมก็หันไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์ต่อ เวนดี้เหมือนจะทำอะไรไม่ได้เธอเลยเดินกระทืบเท้าปึงปังเดินเข้าไปในห้องครัว มาร์คแม่งชอบคนแบบนี้หรอวะ!!

     

    เฮ้อ..”

     

    บางทีก็สงสัยนะว่ากูนี่อยู่เหมือนคนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย แล้วนี่เชี่ยมาร์คหายหัวไปไหนของมันวะ..

     

    แบม..”

     

     

    คิดถึงก็โผล่หัวมาเลย

     

     

    ผมหันไปตามเสียงเรียกของไอมาร์ค แล้วทำหน้านิ่งๆใส่ คือก็อยากให้รู้บ้างว่ากูก็โกรธนะที่มึงตะคอกใส่เนี่ย แต่โง่ๆอย่างมันนี่จะรู้มั้ยว่ากูโกรธอยู่อ่ะ

     

     

    โกรธกูหรือเปล่า?” ถามโง่ๆ

    ถ้า..กูบอกมึงว่าให้เลิกยุ่งเรื่องของกู มึงคงจะมีความสุขเนอะ

     

     

    ที่พูดไปผมแค่ประชด แต่สำหรับไอมาร์คบางทีการที่ผมบอกให้มันเลิกยุ่งเรื่องของผมอาจจะเป็นเรื่องดีของมันก็ได้ ก็ผมมันเป็นแค่ตัวปัญหาที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตไอมาร์คมันก็แค่นั้นแหละ ยอมรับว่าตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมามาร์คก็เป็นฝ่ายดูแลผมมาตลอด และยอมรับเลยว่า ผมขาดมาร์คไม่ได้ แต่สำหรับมาร์คแล้ว การสลัดผมออกจากชีวิตมันได้คงเป็นเรื่องดี ที่มันไม่ทำอาจจะเพราะว่าแม่ผมฝากผมไว้กับมันก็แค่นั้นแหละ

     

     

    ใครให้มึงพูดแบบนี้..”

    กูคิดเองได้

    อย่ามาทำเป็นเข้าใจกูหน่อยเลย

    “…”

     

     

     

    กูดูแลของกูมานานแค่ไหนแล้ว

     

     

     

     

    ผมนิ่งเงียบไม่กล้าสบตามาร์ค ใจกูเต้นแรงอีกแล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมมาร์คต้องเน้นย้ำคำว่า ของกู ด้วย การทำแบบนี้มันกำลังทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว ผมไม่ได้ไม่ชอบเวลาที่มาร์คพูดหรือบอกอะไรที่ทำให้ดูเหมือนว่ามันหวงผม แต่ผมไม่ชอบที่มันพูดออกมาทั้งที่ความสัมพันธ์ของผมกับมัน

     

     

    ไม่ชัดเจน..

     

     

     

    กูควรอยู่ตรงไหนในหัวใจมึง..

    “…”

    กูหมายถึง ถ้าเวนดี้นอนที่นี่แล้วกูควรไปนอนกับฟานี่มั้ย?”

     

    ก็อยากจะถามมันไปตรงๆนะครับว่าตอนนี้กูควรอยู่ในฐานะอะไร เพื่อนหรือเมีย? แต่ผมไม่ได้มีความกล้ามากพอที่จะฟังมันพูดออกมาว่า เพื่อนเพราะผมเห็นแก่ตัว ผมไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน ไม่อยากให้มาร์คสนใจคนอื่นมากกว่าผมหรือดูแลคนอื่นมากกว่าผม

     

    ผมแม่งโคตรแย่..

     

     

    เวนดี้นอนโรงแรม

     

    อ่าวแล้วที่นางบอกว่ามาร์คให้อยู่นี่คืออะไร? ตอแหลกูหรอ จริงๆผมก็อยากจะห้ามมาร์คว่าอย่าพาผู้หญิงคนนี้เข้ามาในชีวิตตัวเองอีกเลย ถึงมาร์คจะรักเธอมากก็เถอะ แต่ผู้หญิงแบบนี้มันไม่ใช่

     

     

    อืม กูไปอาบน้ำแล้วนะ

     

     

    ผมลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินไปเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย แต่ก็ถูกมือหนาๆของไอมาร์คฉุดเอาไว้ก่อน ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามมันว่ามีอะไร

     

    กูขอโทษนะ..”

    “…”

    ที่ตะคอกใส่วันนี้

     

    ผมพยักหน้ารัวๆแล้วรีบฉุดมือตัวเองกลับแล้ววิ่งเข้าห้องทันที รู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อยแต่มันก็เหมือนยังมีอะไรที่ค้างคาใจอยู่ รู้สึกอึดอัดกับความรู้สึกที่มีต่อมาร์คจนอยากจะตะโกนใส่หน้าแม่งว่า กูชอบมึงนะ กูไม่อยากให้มึงกลับไปคบกับเวนดี้ เลือกกูได้มั้ย?

     

     

     

     

     

     

     

     

    ผมตื่นขึ้นมาเตรียมตัวใจไปเรียนเมื่อคืนหลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็มานอนกดโทรศัพท์เล่นบนเตียงจนเผลอหลับไปตื่นมาอีกทีก็เช้า แต่แปลกที่ตื่นมาผมกลับไม่เห็นไอมาร์คนอนอยู่ ไปไหนของมันแต่เช้า

     

    ประเด็นไม่ได้อยู่ที่มาร์คอยู่ไหน แต่ประเด็นตอนนี้คือกูต้องนั่งแท็กซี่ไปเองใช่มั้ย?

     

    ผมเดินออกจากห้องมาก็ไม่เห็นกระเป๋าเดินทางสองสามใบของเวนดี้อยู่แล้ว คงจะไปหาโรงแรมนอนแล้วมั้ง ผมเดินไปขึ้นรถแท็กซี่หน้าคอนโด ไม่ปล่อยเวลาให้เดินไปเปล่าๆ เลยโทรไปถามไอมาร์คดีกว่าว่าตอนนี้มันอยู่ไหน ตอนกลับจะได้ให้มันมารับ

     

    ฮัลโหล..’

    มาร์คมึงอยู่ไหน?”

    กู..อยู่กับเวนดี้

     

    บางที..ผมก็อยากจะให้มาร์คเลือกที่จะโกหกบ้าง ไม่ต้องพูดความจริงออกมาทั้งหมดหรอก ไม่ต้องเดาให้ยาก เมื่อคืนที่ผมหลับไปมันคงจะออกไปส่งเวนดี้ที่โรงแรมแล้วนอนค้างที่นั่น คงไม่ต้องพูดว่าเมื่อคืนมาร์คกับเวนดี้ทำอะไรกัน

     

     

    คงจะนอนนับแกะกันจนเช้า..

     

     

    ฟวย!!

     

     

    วันนี้กลับเองได้มั้ย? กูไม่ว่างอ่ะ

     

    ยังไม่ทันที่ผมจะถามอะไรมากมายพูดจบไอมาร์คมันก็กดตัดสายไปซะดื้อๆ ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกมาร์คไม่สนใจผม รู้สึกเหมือนโดนฟันแล้วทิ้งเลย..

     

     

    ในขณะที่ผมกำลังนั่งรู้สึกแย่จนอยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องอั้นไว้เพราะกูอายลุงแท็กซี่ ลุงแกก็ขับมาถึงมหาลัย ผมจ่ายเงินแล้วเดินลงจากรถทันทีอย่างไม่รอช้า ตอนนี้อยากจะไปเข้าห้องน้ำอะครับ อยากร้องไห้แต่ไม่อยากให้ใครเห็น

     

    เป็นยังไงบ้าง?”

     

    เสียงที่โคตรคุ้นเคยทักผมในระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ

     

    ชีวิตดีหรือเปล่า?”

     

    ดีกันหัวแม่ตีนมึงอ่ะไอเหี้ย ควาย กูเจ็บจนจะร้องไห้ขนาดนี้มึงมาถามว่าชีวิตดีหรือเปล่าหรอ? มึงใช้อะไรคิด เนื้อเยื่อสมองมึงหนาเกินไปจนทำให้มึงพูดอะไรโง่ๆออกมาเลยใช่มั้ยคังจุน

     

    หลีกไป!” กูไม่อยากคุยกับมึง!

     

    คุยกันก่อนสิ

    เฮ้อ รีบๆว่ามาเหอะ

     

    คือจากที่รู้สึกแย่อยู่แล้วมาเจอคังจุนนี่ผมบอกเลยว่ารู้สึกแย่กว่าเดิมอีกร้อยเท่า ไม่อยากจะมองหน้าไม่อยากจะคุยด้วยเลยสักนิด จะว่าไปแล้วพอเจอคังจุนมันก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่คังจุนเคยบอกวันนั้นเลยแฮะ เรื่องรักแท้บ้าบอคอแตกนั่น..

    ผมคิดว่าคนที่เป็นรักแท้กันคงจะเป็นคนที่คอยดูแลเราตลอดเวลา ยอมรับว่าผมเคยคิดว่าคงจะเป็นมาร์ค แต่บางทีตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่แล้วก็ได้

     

    มาร์คเป็นยังไงบ้าง?”

    นายรู้จักเค้าด้วยหรอ?”

    ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ นั่นตัวละครหลักเลยนะ ฮะๆ

     

    พ่อง!!

     

    ตัวละครอะไรของมึง นี่มึงคิดว่ามึงกำลังแสดงละครอยู่หรอดีออก แล้วที่มึงหัวเราะนี่หัวเราะอะไร ที่บ้านเป็นตลกหรอวะ เรื่องที่พูดนี่มันน่าขำตรงไหน โปรดตอบให้กูเข้าใจด้วย ห่า

     

    นายพูดอะไรของนาย

    เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ?”

     

    เธอเหี้ยไรสัสกูเป็นผู้ชาย นี่มันก็แค่ร่างชั่วคราวยังไงกูก็จะกลับไปเป็นผู้ชายให้ได้

     

    เธอบ้าอะไรนายก็รู้ว่าฉันเป็นผู้ชาย แล้วทำไมฉันจะจำนายไม่ได้ ก็นายเป็นคนที่ทำให้ฉันต้องกลายเป็นแบบนี้ไงไอบ้า!!”

     

    ไม่ไหวแล้ว ผมทนไม่ไหวเลยหวีดเสียงดังใส่คังจุน แต่ปฏิกิริยาที่ผมได้รับกลับมาคือความเงียบและรอยยิ้มเย็นๆที่ถ้าเอาเด็กอนุบาลมานั่งดูก็คงตอบได้ว่าแม่งเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวและโคตรตอแหลขนาดไหน

     

    ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะนายเองต่างหาก

    “…”

    นายลบหลู่ไงนายถึงได้เป็นแบบนี้

     

     

    ผมพูดไม่ออกเพราะสิ่งที่คังจุนพูดเป็นความจริงทั้งหมด ทุกอย่างเป็นเพราะผมเอง เป็นผมเองที่ลองดี อยากเอาชนะ ใครมาท้าอะไรก็กล้าไปหมดทุกอย่าง ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆในตอนนี้ อยากจะกลับไปเป็นผู้ชาย อยากใช้ชีวิตแบบปกติ ไม่อยากมีอารมณ์อ่อนไหวเหมือนผู้หญิงแบบนี้

     

    ฉันอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม..”

     

    มันไม่ใช่ประโยคบอกเล่าแต่เป็นประโยคขอร้อง ผมกำลังขอร้องให้คังจุนช่วยผมในเรื่องนี้ ผมไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว ไม่อยาก..

     

     

    มันเป็นเรื่องที่นายต้องช่วยตัวเอง

     

     

    คังจุนเดินจากไปแล้ว..แต่ผมยังยืนอยู่กับที่ก่อนจะรู้สึกเข่าอ่อนแล้วจู่ๆผมก็ทรุดลงไปกับพื้น แม่ง รับรู้ได้ถึงความอนาถของตัวเองในตอนนี้เลยครับ รู้สึกเหมือนกำลังจะกลายเป็นบ้า อยากกลับบ้านแต่ก็ทำไม่ได้กลับไปสภาพนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง

     

     

    แบมแบม!!”

     

    ผมจำได้ว่าเป็นเสียงของทิฟฟานี่ แต่ผมไม่อยากเงยหน้าขึ้นเพราะตอนนี้ผมกำลังร้องไห้ เหมือนความรู้สึกที่อัดแน่นกำลังถูกระบายออกมา ความคิดมากมายลอยอยู่ในหัวผมจนปวดหัวไปหมด

     

    มาร์คคบกับเวนดี้แล้วยัง?’

    เรื่องคืนนั้นของผมกับมาร์คกลายเป็นอากาศไปแล้ว..’

    ผมจะทำยังไงกับชีวิตตัวเอง

     

    ผมก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฟานี่เดินมายืนอยู่ตรงหน้า เธอถามผมว่าเป็นอะไร ผมเองก็ยังคงเงียบไม่ตอบ ถ้าพูดไปตอนนี้น้ำตามันต้องไหลออกมามากกว่านี้แน่ๆเลยเลือกที่จะเงียบไว้ก่อน จนฟานี่ที่เงียบไปเพราะน่าจะรู้ว่าถามยังไงผมก็คงไม่ตอบ

     

    ผมเข้าไปนั่งเหม่ออยู่ในห้องเรียน ไม่ได้ฟังสิ่งที่อาจารย์พูดเลยสักนิด ไม่รู้ว่าตัวเองแม่งกลายเป็นคนงี่เง่าแยกเรื่องอื่นกับเรื่องเรียนไม่ออกตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่รู้ๆคือถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันต้องไม่ดีมากแน่ๆ

     

     

     

    แบม..กลับยังไง?”

    แท็กซี่มั้ง

     

     

    หลังจากเลิกเรียนฟานี่ก็มายืนส่งผมที่หน้ามหาลัยตามปกติ เธอไม่ได้ถามผมว่าร้องไห้ทำไม ฟานี่เธอดีตรงนี้แหละ เธอมักจะไม่ตอกย้ำและจะไม่ถามอะไรซ้ำซากหากผมไม่ตอบ เพราถ้าผมอยากบอกผมก็คงบอกเอง

     

    ให้ฉันไปส่งมั้ย?”

    ฟานี่..ฉันไปอยู่กับแกสักพักได้มั้ย?”

     

    ฉันอยากให้แกไปอยู่กับฉันนะ..แต่ทำแบบนี้แกกำลังจะหนีปัญหา

     

    ฟานี่เป็นแบบนี้ทุกครั้ง ผมไม่เคยบอกอะไรแต่ก็เหมือนว่าเธอจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผม และทุกครั้งที่ผมมีปัญหาเธอก็มักจะเป็นคนที่คอยบอกผมว่าอย่าหนี..

     

    ผมพยักหน้าให้เธอไปสองสามทีก่อนที่เธอจะอาสาพาผมไปส่งที่คอนโด ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงหน้าคอนโด ผมยืนโบกมือลาฟานี่จนเธอขับรถออกไปจึงค่อยเดินขึ้นห้อง

     

     

    หวังว่าจะไม่มีอะไรให้กูเห็นแล้วรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้หรอกนะ..

     

     

     

    ผิดคาด..

     

     

     

    มาร์คกับเวนดี้นอนกอดกันดูทีวีอยู่บนโซฟา ใจผมเหมือนวูบตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม ท่าทางแบบนี้ไม่ต้องบอกผมก็ดูออกว่าเค้ากลับมาคบกันแล้ว เคยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินมั้ยครับ?

     

     

     

    ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกแบบนั้น..

     

     

    ที่ไม่ว่างไปรับผมคงเป็นเพราะมานั่งดูทีวีกับเวนดี้สินะ..อีเหี้ยมาร์ค ฟวย ไอสัส กูเกลียดมึง ตอนนี้กูรู้แล้วแหละว่าตัวเองแม่งโดนฟันแล้วทิ้งจริงๆ ไอควายแบม!

     

    อ่าว..กลับมาแล้วหรอ

     

    เวนดี้เอ่ยทักทายผม สีหน้ามึงระริกระรี้มากนะ คือถามจริงๆถ้ากูยังไม่กลับมามึงจะเห็นกูยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้มั้ยแล้วนี่ไม่เรียนหนังสือหรอถึงเที่ยวมานอนกอดกับผู้ชายอยู่แบบนี้เนี่ย..

     

    อืม

     

    ผมตอบอืมแล้วเดินเข้าห้องนอนไปก็เห็นประเป๋าเดินทางใบเดิมของเวนดี้วางอยู่ นี่อย่าบอกนะว่าจะมาอยู่ที่นี่จริงๆ ยังไม่ทันที่ผมจะได้สงสัยอะไรมาก ไอมาร์คก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องไม่ลืมที่จะกดล็อคกันใครบางคนเข้ามา

     

    กูกลับไปคบกับเวนดี้แล้ว

     

    บอกหาพระแสงอะไรไอสัส กูไม่ได้โง่ขนาดดูไม่ออกหรอกนะว่ามึงสองคนกลับมาคบกันอ่ะ..

     

    อืม

    เวนดี้จะย้ายมาอยู่กับกู

     

    มึงแค่บอกว่าอยากให้กูย้ายออกไปอยู่ที่อื่นมันก็จบแล้วมาร์ค..ยิ่งมึงพูดอ้อมๆช้าๆแบบนี้กูแม่งยิ่งเจ็บชิบหายอ่ะสัส

     

    อืม เดี๋ยวกูย้ายไปอยู่กับฟานี่

    กูบอกให้เค้าหาคอนโดแล้ว มึงไปอยู่กับเพื่อนแค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ

    ไม่จำเป็นอ่ะ ก็ให้เค้าอยู่นี่กับมึงไปดิ เดี๋ยวกูหาคอนโดเอง

     

    ไม่ต้องหรอก มึงอยู่นี่แหละ

    “…”

    มึงโอเคหรือเปล่า?”

     

    ผมมองหน้ามาร์คนิ่งๆ ไม่ทันได้คิดอะไรฝามือผมก็ลงไปกระทบกับใบหน้าไอมาร์คเต็มแรงจนหน้ามันหันไปข้างๆ มาร์คหันมามองหน้าผมงงๆ

     

    โอเคกับพ่อกับแม่มึงอ่ะไอสัส! มึงลองมาเป็นกูดูมั้ยล่ะ คืนก่อนมึงเอากูจนฟ้าสว่างแล้ววันนี้มาบอกว่าคบอยู่กับเวนดี้เนี่ยนะ มึงคิดว่ากูมีความสุขหรือกูโอเคมากมั้ยล่ะ ไอควาย!!

     

     

    พูดเพียงเท่านั้นผมก็คว้าโทรกระเป๋าสะพายของตัวเองเดินออกจากห้องทันที แต่ก่อนจะเดินออกไปแน่นอน เวนดี้ยืนทำหน้าเหมือนนางมารร้ายตอนเห็นพระเอกกับนางเอกทะเลาะกัน

     

     

     

    เอาเลย!! เต็มที่เลยไอสัส สมน้ำหน้ากูให้เต็มที่เลย..

     

     

     

     

    TBC..

     

     

    ติดแท็ก #ทีมกระทืบมาร์ค กับ #ทีมตบเวนดี้ ทีค่ะ

    ไม่เอาเราจะไม่ดราม่า T0T

    พยายามไม่ให้ดราม่าแล้วแต่มือมันลั่นค่ะ

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ

    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×