คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ▽The Challenge ☆ Chap 10 (100%)
The challenge กล้าท้าก็กล้าลอง
Mark x Bambam
-10-
ผมไม่ได้ไปไหนไกล
ยังคงยืนอยู่หน้าประตูห้องไม่ได้ไปไหน
แค่คิดเข้าข้างตัวเองว่าบางทีที่มาร์คตะคอกใส่เมื่อกี้มันอาจจะไม่ได้ตั้งใจ ใช่..ผมคิดว่ามาร์คมันจะออกมาตามผมข้างนอก
แต่ผมยืนอยู่นานแล้วมันก็ยังไม่ออกมา..
ผมไม่ได้ต้องการให้มาร์ครับผิดชอบอะไรถึงแม้ว่าตอนนี้ผมจะเป็นผู้หญิง
เพราะมาร์คไม่ได้ขืนใจผมแต่เป็นผมเองต่างหากที่สมยอม แต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ
เมื่อกี้ไอมาร์คทำเหมือนไม่สนใจผมแล้วเอาแต่มองเวนดี้..
ผมรู้ว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์น้อยใจในเรื่องนี้
เพราะความจริง ตัวตนจริงๆของผมคือผู้ชาย ผมไม่ใช่ผู้หญิง..ผมเคยเป็นผู้ชายมาก่อน
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน บางทีผมควรจะลืมๆมันไปแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
อะไรๆคงดีขึ้น
เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมาร์คคงไม่ได้ตั้งใจให้เกิดขึ้น
แต่คงเป็นเพราะอารมณ์ที่เตลิดไปของเราทั้งคู่..
“...”
ผมไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองร้องไห้ออกมาตั้งแต่เมื่อไหร่
ไม่ได้อยากทำตัวเป็นนางเอกเลยครับ แต่ลองนึกตามนะครับ
โดนคนที่ตัวเองชอบตะคอกดังๆใส่แบบนั้น มันก็รู้สึกแย่นะ
“เซฮุน..”
‘แบมโทรมา..ฉันไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย?’
ลองตบหน้าตัวเองดูสักทีนะจะได้รู้ว่าฝันอยู่หรือเปล่า..
อย่าเพิ่งครับ..อย่าเพิ่งด่าว่าผมแรดโทรไปหาผู้ชายก่อน
ผมโทรไปหาฟานี่แล้วแต่เธอไม่รับสายเลยเลือกที่จะโทรหาเซฮุน
ตอนนี้ผมก็แค่อยากจะอยู่กับใครสักคน ไม่อยากอยู่คนเดียวแบบนี้
“มารับ อึก..มารับหน่อยได้มั้ย”
‘แบมเป็นอะไร?’
“เปล่า..รีบมานะ”
‘รอฉันก่อนนะ จะรีบไป’
เซฮุนว่าจบน้ำตาผมก็ไหลออกมาทันที
ความจริงผมไม่ใช่คนที่อ่อนไหวแบบนี้ แล้วนี่ทำไม?
ทำไมผมถึงร้องไห้ออกมาเยอะขนาดนี้ มาร์คแค่ตะคอกใส่..แค่ตะคอก
เหี้ย!! แม่งตะคอกใส่กูวววววว
“เป็นอะไรบอกฉันได้นะ” เซฮุนถามขึ้นหลังจากขับรถออกจากคอนโด ผมเอาแต่มองออกไปข้างนอกหน้าต่างรถ
ไม่ใช่ไม่อยากบอกว่าเป็นอะไร แต่จะให้ผมบอกออกไปยังไง?
“ฉัน..ไม่รู้ว่าจะพูดยังไง”
“ไม่เป็นไรหรอก..ไม่ต้องพูดก็ได้” เซฮุนว่าแล้วเอื้อมมือมากุมมือผมแล้วส่งยิ้มให้
ผมหันไปมองหน้าเซฮุน อ่า..รอยยิ้มของเค้าดูอบอุ่นมากในตอนนี้ ผมยิ้มตอบเซฮุนไป
เวลาปกติผมคงดึงมือตัวเองออกจากการเกาะกุมแล้ว แต่ตอนนี้ผมแค่ต้องการใครสักคน..เคียงข้างและคอยปลอบผม
“ขอบคุณนะ”
เซฮุนไม่ได้ขับรถกลับคอนโดของเค้า
เพราะผมไม่ได้อยากไป ผมแค่อยากอยู่ที่ไหนสักที่ ที่ๆเงียบๆ
อยากจะพักสมองและหัวใจสักแปปหนึ่ง แล้วค่อยกลับไป
ว่าไปแล้วถ้าผมกลับไปแล้วเวนดี้ยังอยู่
ผมควรจะทำยังไง? ควรออกไปนอนที่อื่นมั้ย? หอก..
“เฮ้อ..”
“เฮ้อ” หืม?
ผมหันไปมองเซฮุนที่ถอนหายใจออกมาตามผม
นี่นั่งดูกูถอนหายใจจนเหนื่อยตามเลยหรือว่ายังไงเนี่ย?
“ตามหรอ?”
“ตามหรอ?”
เดี๋ยวๆ..เริ่มไม่ใช่ละ แบบนี้แม่งเริ่มกวนตีนละ
พอผมพูดจบเซฮุนก็พูดตามผม แถมยังทำหน้าชักชวนส้นเท้ากูให้ไปเล่นบนหน้ามันอีก
“กวนตีนอ่ะ”
“กวนตีนอ่ะ”
ผมเงียบแล้วเชิดหน้าหันไปทางอื่นอย่างไม่พอใจ
อยากจะขำอยู่แหละแต่ใช่เวลามั้ยมึง กูเศร้าอยู่เนี่ย หัวใจมันเฮิร์ทอยู่นะโว้ย!!
“โอ๋เอ๋ๆ ล้อเล่นเอง ไม่โกรธน้า”
ไม่ว่าเปล่าเอามือมาบี้แก้มผมเล่น..ย้ำครับว่าบี้ มันเอามือมาหยิกแก้มผมแล้วดึงจนมันยืด
ก่อนที่ตัวเองจะหัวออกมาเสียงดังลั่น ขำมากมั้ยถามใจมึงดู ผมรู้ตัวดีว่าตัวเองเวลาโดนทำแบบนี้หน้าจะน่าเกลียดขนาดไหน
ก็ฟานี่เคยทำผมแบบนี้แล้วมีคนแอบถ่ายรูปอ่ะ
ลงเพจมหา’ลัยอีกนะสัส!!
หลังจากที่ผมรู้สึกสบายใจมากขึ้นแล้วนิดหน่อย
ฟานี่ก็โทรมาพอดี ผมเลยบอกว่าจะไปหาเธอที่คอนโด เซฮุนก็อาสาจะไปส่ง
กลับไปตอนนี้ผมก็คงไม่รู้จะทำตัวยังไงอยู่ดี
“ขอบคุณมากนะที่มาส่ง”
“ไม่เป็นไรหรอก เต็มใจ”
ผมบอกขอบคุณเซฮุนที่มาส่งที่คอนโดฟานี่
จะว่าไปแล้ววันนี้ผมขอบคุณหมอนี่ไปสองครั้งแล้วนะเนี่ย ปกติผมไม่ได้ขอบคุณเค้าเลย
ทั้งที่เค้าก็ดีกับผมมากนะ ทั้งไลน์มาคุยด้วยแทบทุกวัน ผมบอกอะไรก็ทำ
ถ้าเซฮุนรู้ว่าผมกับมาร์คเป็นรูมเมทกันจะเป็นยังไงวะ..
ผมเดินขึ้นคอนโดไปตามห้องที่ฟานี่บอกมา พอเดินมาถึงเท่านั้นแหละ
ฟานี่ที่ยืนรอผมอยู่หน้าประตูห้องรีบวิ่งเข้ามากอดผมทันที..รีบมากสินะ
รอให้กูเดินเข้าห้องไปก่อนก็ได้มั้ย
“คิดถึงแกอ่ะแบม T0T”
“เมื่อวานเพิ่งเจอกันมั้ย?”
“ก็มันคิดถึงนี่ เข้าห้องกันเถอะ”
ขอบคุณที่ยังชวนเข้าห้อง..
“แล้วนี่นึกยังไงแกถึงมาหาฉันล่ะ?”
“ก็..”
ผมก้มหน้าไม่กล้าพูด
ผมไม่รู้ว่าควรจะเริ่มจากตรงไหนก่อนดี
แต่ก่อนที่ผมจะคิดอะไรไปมากกว่านี้ฟานี่ก็พูดเสียงดังแทรกขึ้นมาซะก่อน
“แบม! รอยที่คอแก..”
ผมจับคอตัวเองทันทีที่ฟานี่ชี้มา อีชิบหาย..
“ใครเป็นคนทำแมแบม..”
“คือ..ยุงไงยุงมันทำ”
“ฉันไม่ใช่เด็กอนุบาลนะ
ทำไมจะดูไม่ออก”
ผมเงียบอย่างไม่รู้จะตอบไปว่ายังไง
ทำไมผมจะไม่รู้ว่าฟานี่ไม่ใช่คนเรียบร้อยใสๆ
เธอเคยผ่านเรื่องอย่างว่ามาแล้วไม่มากไม่น้อย เป็นเธอเองนั้นแหละที่เล่าให้ผมฟัง
เธอไว้ใจผมมาก..บางทีผมเองก็ควรจะไว้ใจเธอแล้วกล้าที่จะบอกเรื่องนี้กับเธอ
“เมื่อคืนนี้..ฉันมีอะไรกับมาร์ค”
พูดจบผมก็เงยหน้าสบตากับฟานี่ เธอมองหน้าผมยิ้มๆ
ก่อนจะส่ายหัวไปมาแล้วกุมมือผมเอาไว้หลวมๆก่อนจะพูดบางอย่างขึ้น
“แกชอบมาร์ค..”
เห้ย..รู้ได้ไงวะเนี่ย
“…”
“แค่พูดถึงเค้าหน้าแกก็บ่งบอกมากแล้ว
ฮะๆ”
“ขนาดนั้นเลยหรอ?”
“อืม..ว่าแต่
เมื่อคืนป้องกันหรือเปล่า?”
เหี้ย..บางทีผมอาจจะลืมไปว่าตอนนี้ตัวเองเป็นผู้หญิง
แล้วที่สำคัญตอนนี้..
กูมีรังไข่!!!
“มาร์คไม่ได้ใส่ถุง”
“ห้ะ!!
แล้วนี่แกกินยาคุมไปแล้วยัง?”
ผมส่ายหน้าไปมาเป็นคำตอบให้ฟานี่
หลังจากนั้นทุกอย่างก็กลายเป็นความวุ่นวายเมื่อฟานี่ร้อนรนฉุดตัวผมลงไปขึ้นรถก่อนแล้วขับพาไปร้านขายยาทันที
ฟานี่ลงไปซื้ออะไรบางอย่างที่ผมคาดว่าหน้าจะเป็นยาคุมแน่นอน สักพักก็ขึ้นมาบนรถแล้วยื่นยาพร้อมน้ำให้ผมกินทันที
“ทำไมแกต้องร้อนรนขนาดนี้ด้วยเนี่ย”
ผมพูดออกมาหลังจากกินยาที่ฟานี่ให้เรียบร้อยแล้ว
เธอดูโล่งอกสุดๆหลังจากเห็นว่าผมกินยาคุมเข้าไปเรียบร้อยแล้ว เวอร์ไปไหน..
“ฉันเคยท้อง..”
“!!!”
ผมมองหน้าฟานี่อย่างอึ้งๆ
เธอมองผมตอบแล้วส่งยิ้มมาให้ ตกใจสิครับ ไม่เคยคิดว่าฟานี่จะผ่านการมีลูกมาก่อน
แค่คิดว่าผู้หญิงฉลาดๆอย่างเธอต้องไม่เคยพลาดแน่ๆ
“จริงๆฉันแก่กว่าแกหนึ่งปี
เพราะฉันดรอปเรียนไป ผู้ชายคนนั้นเป็นรุ่นน้องฉัน รุ่นเดียวกับแกนั้นแหละ
เค้าอยู่มหา’ลัยที่แกเคยอยู่ด้วย แต่พอเค้ารู้ว่าฉันท้องเค้าก็หายไป..”
“…”
โคตรเหี้ยเลย ทำไมไม่รับผิดชอบวะ!!
“หลังจากที่ฉันดรอปเรียนไปห้าเดือน
ฉันก็แท้งลูก”
โอโห้..ชีวิตจริงแม่งยิ่งกว่านิยายจริงๆอ่ะ
ผมนิ่งเงียบไปสักพักนึกในใจว่าถ้าเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นกับผม
ผมต้องแย่แน่ๆ แล้วถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆมาร์คจะทำเหมือนกับผู้ชายคนนั้นที่ฟานี่พูดถึงมั้ย
มาร์คจะทิ้งผมไปหรือเปล่า?
“แบมแบม!!”
“ห้ะ!?”
“เหม่อนะแกเนี่ย เรื่องของฉันมันเศร้ามากหรือไง
ฮ่าๆ”
เออ..ชีวิตแม่งเศร้า
ตกเย็นฟานี่ก็พาผมมาส่งที่คอนโด
ผมเล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นรวมถึงเรื่องเมื่อเช้าให้ฟานี่ฟังไปหมดแล้ว
เธอบอกกับผมว่าอย่าทำตัวเป็นนางเอก อย่าเอาแต่หนี เพราะเราจะไม่ได้อะไรเลย..
ตอนนี้ผมยืนทำใจอยู่หน้าประตูห้องแล้ว
ตอนออกมานี่ไม่ได้หยิบอะไรออกมาเลยแม้แต่คีย์การ์ด
โทรศัพท์ที่ยิบมาด้วยก็ไม่มีสายเรียกเข้าจากมาร์คเลย..
“มะ..”
ผมกำลังจะเรียกชื่อของมาร์คทันทีที่ประตูเปิดออก
แต่ก็ต้องชะงักเพราะคนที่เปิดประตูห้องให้ผมไม่ใช่มาร์ค แต่กลับเป็นเวนดี้
ยังไม่ไปอีกหรอวะ!!
“มาทำไม?”
อ่าวอีนี่ นี่เห็นว่าเป็นผู้หญิงนะ
ถ้าไม่ใช่ผู้หญิงนี่ฟาดด้วยส้นตีนสลบไปแล้ว ปากดีชิบหาย..ผมพยายามข่มอารมณ์ร้อนของตัวเองไม่ให้ปะทุขึ้นมากับคำถามโง่ๆของเวนดี้
คือกูอยู่กินที่คอนโดนี้มั้ยละมึง กูมีสิทธิ์จะเดินเข้าเดินออกมั้ยล่ะ ถามตัวเองมั้ยว่าควรออกไปได้แล้วยัง..
“แล้วเธอล่ะ..ทำไมยังอยู่ที่นี่ได้”
“หึ ทำไมจะไม่ได้
ก็มาร์คให้ฉันอยู่”
เชี่ยมาร์ค..
-มัคคึ’s Part-
“แล้วมึงมายุ่งเรื่องของกูทำไม!!”
ผมมองแบมแบมเดินออกจากห้องไป
อยากจะห้ามไม่ให้ออกไปแต่คนอย่างแบมแบมคงไม่ฟังแน่ๆผมไม่ได้ตั้งใจ..ไม่ได้ตั้งใจจะตะคอกใส่แบมแบมไปแบบนั้น
ทุกอย่างมันผิดคาดไปหมด หลังจากเรื่องเมื่อคืนผมรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่ได้คิดกับแบมแบมแค่เพื่อน
ผมอยากจะบอกความรู้สึกของผมให้แบมแบมได้ฟังในตอนเช้า
แต่จู่ๆเวนดี้ก็โผล่มา..
เวนดี้ทำให้ผมรู้สึกสับสน ผมยอมรับว่าผมรักเธอมาก
แต่ผมเองก็ทิ้งแบมแบมไปไม่ได้เหมือนกัน ความรู้สึกแบบนี้มันทำให้ผมกลัว
กลัวว่าถ้าเลือกเวนดี้แล้ว
เธอจะทิ้งผมไปเหมือนครั้งนั้นหรือเปล่า?
“มาร์ค
เวนดี้ขอโทษสำหรับเรื่องเมื่อก่อน”
“…”
“ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าฉันขาดมาร์คไม่ได้”
เธอรู้ตัวช้าไปหรือเปล่า..?
“….”
“เรากลับมาคบกันนะมาร์ค
เวนรู้ว่ามาร์คยังรักเวน..”
“ให้เวลาผมหน่อย”
“แน่นอน สำหรับมาร์คแล้ว..เวนรอได้”
ผมรู้สึกเหนื่อยขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุเลยปล่อยให้เวนดี้นั่งเล่นอยู่ในห้องไป
ผมหวังเพียงอย่างเดียวว่า..ตื่นมาแล้ว
อะไรๆคงจะดีขึ้น..
-End มัคคึ’s Part-
20%
ผมเดินผ่านหน้าเวนดี้ตรงเข้าไปนั่งที่โซฟา เธอเดินตามหลังผมมาติดๆแล้วยืนกดอกมองผมที่นั่งกดรีโมทอยู่
มองอะไรวะ? ไม่เคยเห็นคนดูทีวีหรอ
“ฉันจะอยู่ที่นี่
เธอออกไปอยู่ที่อื่นเลยไป”
“เธอมีสิทธิ์อะไรมาสั่งฉัน?”
คือไม่ใช่เจ้าของคอนโดป่ะ
มีสิทธิ์อะไรมาบอกให้ผมออกไปอยู่ที่อื่น
“ก็ฉันไม่อยากให้เธออยู่!”
“เป็นแค่แฟนเก่าอย่ามาทำตัวเยอะ..”
“!!!!”
ผมไม่ได้อยากจะพูดจาไม่ดีกับเธอแบบนี้หรอกนะครับ
แต่มันก็อดไม่ได้ ทำตัวเยอะชอบวางอำนาจแถมยังเอาแต่ใจตัวเองแบบนี้มันน่ารำคาญจริงๆ..
“นี่แกว่าฉันหรอ!?”
“ได้ยินแล้วจะถามทำไมอีก..ช่วยอยู่เงียบๆหน่อยได้มั้ย?”
คือกูจะดูทีวีเนี่ย ช่วยสงบปากสงบคำหน่อยไม่ได้หรือไงวะ
รำคาญชิบหาย..
พูดจบผมก็หันไปสนใจหน้าจอโทรทัศน์ต่อ
เวนดี้เหมือนจะทำอะไรไม่ได้เธอเลยเดินกระทืบเท้าปึงปังเดินเข้าไปในห้องครัว
มาร์คแม่งชอบคนแบบนี้หรอวะ!!
“เฮ้อ..”
บางทีก็สงสัยนะว่ากูนี่อยู่เหมือนคนไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
แล้วนี่เชี่ยมาร์คหายหัวไปไหนของมันวะ..
“แบม..”
คิดถึงก็โผล่หัวมาเลย
ผมหันไปตามเสียงเรียกของไอมาร์ค
แล้วทำหน้านิ่งๆใส่ คือก็อยากให้รู้บ้างว่ากูก็โกรธนะที่มึงตะคอกใส่เนี่ย
แต่โง่ๆอย่างมันนี่จะรู้มั้ยว่ากูโกรธอยู่อ่ะ
“โกรธกูหรือเปล่า?” ถามโง่ๆ
“ถ้า..กูบอกมึงว่าให้เลิกยุ่งเรื่องของกู
มึงคงจะมีความสุขเนอะ”
ที่พูดไปผมแค่ประชด
แต่สำหรับไอมาร์คบางทีการที่ผมบอกให้มันเลิกยุ่งเรื่องของผมอาจจะเป็นเรื่องดีของมันก็ได้
ก็ผมมันเป็นแค่ตัวปัญหาที่เข้ามาสร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตไอมาร์คมันก็แค่นั้นแหละ
ยอมรับว่าตั้งแต่เป็นเพื่อนกันมามาร์คก็เป็นฝ่ายดูแลผมมาตลอด และยอมรับเลยว่า ผมขาดมาร์คไม่ได้
แต่สำหรับมาร์คแล้ว การสลัดผมออกจากชีวิตมันได้คงเป็นเรื่องดี
ที่มันไม่ทำอาจจะเพราะว่าแม่ผมฝากผมไว้กับมันก็แค่นั้นแหละ
“ใครให้มึงพูดแบบนี้..”
“กูคิดเองได้”
“อย่ามาทำเป็นเข้าใจกูหน่อยเลย”
“…”
“กูดูแลของกูมานานแค่ไหนแล้ว”
ผมนิ่งเงียบไม่กล้าสบตามาร์ค ใจกูเต้นแรงอีกแล้ว
ไม่เข้าใจว่าทำไมมาร์คต้องเน้นย้ำคำว่า ‘ของกู’ ด้วย
การทำแบบนี้มันกำลังทำให้ผมคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว ผมไม่ได้ไม่ชอบเวลาที่มาร์คพูดหรือบอกอะไรที่ทำให้ดูเหมือนว่ามันหวงผม
แต่ผมไม่ชอบที่มันพูดออกมาทั้งที่ความสัมพันธ์ของผมกับมัน
ไม่ชัดเจน..
“กูควรอยู่ตรงไหน” ในหัวใจมึง..
“…”
“กูหมายถึง
ถ้าเวนดี้นอนที่นี่แล้วกูควรไปนอนกับฟานี่มั้ย?”
ก็อยากจะถามมันไปตรงๆนะครับว่าตอนนี้กูควรอยู่ในฐานะอะไร
เพื่อนหรือเมีย? แต่ผมไม่ได้มีความกล้ามากพอที่จะฟังมันพูดออกมาว่า ‘เพื่อน’
เพราะผมเห็นแก่ตัว ผมไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อน ไม่อยากให้มาร์คสนใจคนอื่นมากกว่าผมหรือดูแลคนอื่นมากกว่าผม
ผมแม่งโคตรแย่..
“เวนดี้นอนโรงแรม”
อ่าวแล้วที่นางบอกว่ามาร์คให้อยู่นี่คืออะไร? ตอแหลกูหรอ จริงๆผมก็อยากจะห้ามมาร์คว่าอย่าพาผู้หญิงคนนี้เข้ามาในชีวิตตัวเองอีกเลย
ถึงมาร์คจะรักเธอมากก็เถอะ แต่ผู้หญิงแบบนี้มันไม่ใช่
“อืม กูไปอาบน้ำแล้วนะ”
ผมลุกขึ้นยืนเตรียมจะเดินไปเข้าห้องนอนเพื่ออาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย
แต่ก็ถูกมือหนาๆของไอมาร์คฉุดเอาไว้ก่อน ผมเลิกคิ้วเป็นเชิงถามมันว่ามีอะไร
“กูขอโทษนะ..”
“…”
“ที่ตะคอกใส่วันนี้”
ผมพยักหน้ารัวๆแล้วรีบฉุดมือตัวเองกลับแล้ววิ่งเข้าห้องทันที
รู้สึกสบายใจขึ้นมานิดหน่อยแต่มันก็เหมือนยังมีอะไรที่ค้างคาใจอยู่ รู้สึกอึดอัดกับความรู้สึกที่มีต่อมาร์คจนอยากจะตะโกนใส่หน้าแม่งว่า
กูชอบมึงนะ กูไม่อยากให้มึงกลับไปคบกับเวนดี้ เลือกกูได้มั้ย?
ผมตื่นขึ้นมาเตรียมตัวใจไปเรียนเมื่อคืนหลังจากอาบน้ำเสร็จผมก็มานอนกดโทรศัพท์เล่นบนเตียงจนเผลอหลับไปตื่นมาอีกทีก็เช้า
แต่แปลกที่ตื่นมาผมกลับไม่เห็นไอมาร์คนอนอยู่ ไปไหนของมันแต่เช้า
ประเด็นไม่ได้อยู่ที่มาร์คอยู่ไหน
แต่ประเด็นตอนนี้คือกูต้องนั่งแท็กซี่ไปเองใช่มั้ย?
ผมเดินออกจากห้องมาก็ไม่เห็นกระเป๋าเดินทางสองสามใบของเวนดี้อยู่แล้ว
คงจะไปหาโรงแรมนอนแล้วมั้ง ผมเดินไปขึ้นรถแท็กซี่หน้าคอนโด
ไม่ปล่อยเวลาให้เดินไปเปล่าๆ เลยโทรไปถามไอมาร์คดีกว่าว่าตอนนี้มันอยู่ไหน ตอนกลับจะได้ให้มันมารับ
‘ฮัลโหล..’
“มาร์คมึงอยู่ไหน?”
‘กู..อยู่กับเวนดี้’
บางที..ผมก็อยากจะให้มาร์คเลือกที่จะโกหกบ้าง
ไม่ต้องพูดความจริงออกมาทั้งหมดหรอก ไม่ต้องเดาให้ยาก
เมื่อคืนที่ผมหลับไปมันคงจะออกไปส่งเวนดี้ที่โรงแรมแล้วนอนค้างที่นั่น
คงไม่ต้องพูดว่าเมื่อคืนมาร์คกับเวนดี้ทำอะไรกัน
คงจะนอนนับแกะกันจนเช้า..
ฟวย!!
‘วันนี้กลับเองได้มั้ย? กูไม่ว่างอ่ะ’
ยังไม่ทันที่ผมจะถามอะไรมากมายพูดจบไอมาร์คมันก็กดตัดสายไปซะดื้อๆ
ทำไมตอนนี้ผมรู้สึกมาร์คไม่สนใจผม รู้สึกเหมือนโดนฟันแล้วทิ้งเลย..
ในขณะที่ผมกำลังนั่งรู้สึกแย่จนอยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องอั้นไว้เพราะกูอายลุงแท็กซี่
ลุงแกก็ขับมาถึงมหา’ลัย ผมจ่ายเงินแล้วเดินลงจากรถทันทีอย่างไม่รอช้า
ตอนนี้อยากจะไปเข้าห้องน้ำอะครับ อยากร้องไห้แต่ไม่อยากให้ใครเห็น
“เป็นยังไงบ้าง?”
เสียงที่โคตรคุ้นเคยทักผมในระหว่างที่ผมกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำ
“ชีวิตดีหรือเปล่า?”
ดีกันหัวแม่ตีนมึงอ่ะไอเหี้ย ควาย
กูเจ็บจนจะร้องไห้ขนาดนี้มึงมาถามว่าชีวิตดีหรือเปล่าหรอ? มึงใช้อะไรคิด
เนื้อเยื่อสมองมึงหนาเกินไปจนทำให้มึงพูดอะไรโง่ๆออกมาเลยใช่มั้ยคังจุน
“หลีกไป!”
กูไม่อยากคุยกับมึง!
“คุยกันก่อนสิ”
“เฮ้อ รีบๆว่ามาเหอะ”
คือจากที่รู้สึกแย่อยู่แล้วมาเจอคังจุนนี่ผมบอกเลยว่ารู้สึกแย่กว่าเดิมอีกร้อยเท่า
ไม่อยากจะมองหน้าไม่อยากจะคุยด้วยเลยสักนิด
จะว่าไปแล้วพอเจอคังจุนมันก็ทำให้ผมนึกถึงเรื่องที่คังจุนเคยบอกวันนั้นเลยแฮะ
เรื่องรักแท้บ้าบอคอแตกนั่น..
ผมคิดว่าคนที่เป็นรักแท้กันคงจะเป็นคนที่คอยดูแลเราตลอดเวลา
ยอมรับว่าผมเคยคิดว่าคงจะเป็นมาร์ค แต่บางทีตอนนี้มันอาจจะไม่ใช่แล้วก็ได้
“มาร์คเป็นยังไงบ้าง?”
“นายรู้จักเค้าด้วยหรอ?”
“ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ
นั่นตัวละครหลักเลยนะ ฮะๆ”
พ่อง!!
ตัวละครอะไรของมึง
นี่มึงคิดว่ามึงกำลังแสดงละครอยู่หรอดีออก แล้วที่มึงหัวเราะนี่หัวเราะอะไร
ที่บ้านเป็นตลกหรอวะ เรื่องที่พูดนี่มันน่าขำตรงไหน โปรดตอบให้กูเข้าใจด้วย ห่า
“นายพูดอะไรของนาย”
“เธอจำฉันไม่ได้จริงๆหรอ?”
เธอเหี้ยไรสัสกูเป็นผู้ชาย นี่มันก็แค่ร่างชั่วคราวยังไงกูก็จะกลับไปเป็นผู้ชายให้ได้
“เธอบ้าอะไรนายก็รู้ว่าฉันเป็นผู้ชาย
แล้วทำไมฉันจะจำนายไม่ได้ ก็นายเป็นคนที่ทำให้ฉันต้องกลายเป็นแบบนี้ไงไอบ้า!!”
ไม่ไหวแล้ว ผมทนไม่ไหวเลยหวีดเสียงดังใส่คังจุน
แต่ปฏิกิริยาที่ผมได้รับกลับมาคือความเงียบและรอยยิ้มเย็นๆที่ถ้าเอาเด็กอนุบาลมานั่งดูก็คงตอบได้ว่าแม่งเป็นรอยยิ้มที่น่ากลัวและโคตรตอแหลขนาดไหน
“ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะนายเองต่างหาก”
“…”
“นายลบหลู่ไงนายถึงได้เป็นแบบนี้”
ผมพูดไม่ออกเพราะสิ่งที่คังจุนพูดเป็นความจริงทั้งหมด
ทุกอย่างเป็นเพราะผมเอง เป็นผมเองที่ลองดี อยากเอาชนะ ใครมาท้าอะไรก็กล้าไปหมดทุกอย่าง
ผมรู้สึกเหนื่อยมากๆในตอนนี้ อยากจะกลับไปเป็นผู้ชาย อยากใช้ชีวิตแบบปกติ
ไม่อยากมีอารมณ์อ่อนไหวเหมือนผู้หญิงแบบนี้
“ฉันอยากกลับไปเป็นเหมือนเดิม..”
มันไม่ใช่ประโยคบอกเล่าแต่เป็นประโยคขอร้อง
ผมกำลังขอร้องให้คังจุนช่วยผมในเรื่องนี้ ผมไม่อยากเป็นแบบนี้แล้ว ไม่อยาก..
“มันเป็นเรื่องที่นายต้องช่วยตัวเอง”
คังจุนเดินจากไปแล้ว..แต่ผมยังยืนอยู่กับที่ก่อนจะรู้สึกเข่าอ่อนแล้วจู่ๆผมก็ทรุดลงไปกับพื้น
แม่ง รับรู้ได้ถึงความอนาถของตัวเองในตอนนี้เลยครับ
รู้สึกเหมือนกำลังจะกลายเป็นบ้า
อยากกลับบ้านแต่ก็ทำไม่ได้กลับไปสภาพนี้ผมไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง
“แบมแบม!!”
ผมจำได้ว่าเป็นเสียงของทิฟฟานี่
แต่ผมไม่อยากเงยหน้าขึ้นเพราะตอนนี้ผมกำลังร้องไห้ เหมือนความรู้สึกที่อัดแน่นกำลังถูกระบายออกมา
ความคิดมากมายลอยอยู่ในหัวผมจนปวดหัวไปหมด
‘มาร์คคบกับเวนดี้แล้วยัง?’
‘เรื่องคืนนั้นของผมกับมาร์คกลายเป็นอากาศไปแล้ว..’
‘ผมจะทำยังไงกับชีวิตตัวเอง’
ผมก้มหน้าอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งฟานี่เดินมายืนอยู่ตรงหน้า
เธอถามผมว่าเป็นอะไร ผมเองก็ยังคงเงียบไม่ตอบ
ถ้าพูดไปตอนนี้น้ำตามันต้องไหลออกมามากกว่านี้แน่ๆเลยเลือกที่จะเงียบไว้ก่อน
จนฟานี่ที่เงียบไปเพราะน่าจะรู้ว่าถามยังไงผมก็คงไม่ตอบ
ผมเข้าไปนั่งเหม่ออยู่ในห้องเรียน
ไม่ได้ฟังสิ่งที่อาจารย์พูดเลยสักนิด
ไม่รู้ว่าตัวเองแม่งกลายเป็นคนงี่เง่าแยกเรื่องอื่นกับเรื่องเรียนไม่ออกตั้งแต่เมื่อไหร่
แต่ที่รู้ๆคือถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปมันต้องไม่ดีมากแน่ๆ
“แบม..กลับยังไง?”
“แท็กซี่มั้ง”
หลังจากเลิกเรียนฟานี่ก็มายืนส่งผมที่หน้ามหา’ลัยตามปกติ
เธอไม่ได้ถามผมว่าร้องไห้ทำไม ฟานี่เธอดีตรงนี้แหละ
เธอมักจะไม่ตอกย้ำและจะไม่ถามอะไรซ้ำซากหากผมไม่ตอบ เพราถ้าผมอยากบอกผมก็คงบอกเอง
“ให้ฉันไปส่งมั้ย?”
“ฟานี่..ฉันไปอยู่กับแกสักพักได้มั้ย?”
“ฉันอยากให้แกไปอยู่กับฉันนะ..แต่ทำแบบนี้แกกำลังจะหนีปัญหา”
ฟานี่เป็นแบบนี้ทุกครั้ง
ผมไม่เคยบอกอะไรแต่ก็เหมือนว่าเธอจะรู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับผม
และทุกครั้งที่ผมมีปัญหาเธอก็มักจะเป็นคนที่คอยบอกผมว่าอย่าหนี..
ผมพยักหน้าให้เธอไปสองสามทีก่อนที่เธอจะอาสาพาผมไปส่งที่คอนโด
ใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงหน้าคอนโด
ผมยืนโบกมือลาฟานี่จนเธอขับรถออกไปจึงค่อยเดินขึ้นห้อง
หวังว่าจะไม่มีอะไรให้กูเห็นแล้วรู้สึกแย่ไปมากกว่านี้หรอกนะ..
ผิดคาด..
มาร์คกับเวนดี้นอนกอดกันดูทีวีอยู่บนโซฟา
ใจผมเหมือนวูบตกลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
ท่าทางแบบนี้ไม่ต้องบอกผมก็ดูออกว่าเค้ากลับมาคบกันแล้ว
เคยรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นส่วนเกินมั้ยครับ?
ตอนนี้ผมกำลังรู้สึกแบบนั้น..
ที่ไม่ว่างไปรับผมคงเป็นเพราะมานั่งดูทีวีกับเวนดี้สินะ..อีเหี้ยมาร์ค ฟวย
ไอสัส กูเกลียดมึง ตอนนี้กูรู้แล้วแหละว่าตัวเองแม่งโดนฟันแล้วทิ้งจริงๆ ไอควายแบม!
“อ่าว..กลับมาแล้วหรอ”
เวนดี้เอ่ยทักทายผม สีหน้ามึงระริกระรี้มากนะ
คือถามจริงๆถ้ากูยังไม่กลับมามึงจะเห็นกูยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้มั้ยแล้วนี่ไม่เรียนหนังสือหรอถึงเที่ยวมานอนกอดกับผู้ชายอยู่แบบนี้เนี่ย..
“อืม”
ผมตอบอืมแล้วเดินเข้าห้องนอนไปก็เห็นประเป๋าเดินทางใบเดิมของเวนดี้วางอยู่
นี่อย่าบอกนะว่าจะมาอยู่ที่นี่จริงๆ ยังไม่ทันที่ผมจะได้สงสัยอะไรมาก
ไอมาร์คก็เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องไม่ลืมที่จะกดล็อคกันใครบางคนเข้ามา
“กูกลับไปคบกับเวนดี้แล้ว”
บอกหาพระแสงอะไรไอสัส
กูไม่ได้โง่ขนาดดูไม่ออกหรอกนะว่ามึงสองคนกลับมาคบกันอ่ะ..
“อืม”
“เวนดี้จะย้ายมาอยู่กับกู”
มึงแค่บอกว่าอยากให้กูย้ายออกไปอยู่ที่อื่นมันก็จบแล้วมาร์ค..ยิ่งมึงพูดอ้อมๆช้าๆแบบนี้กูแม่งยิ่งเจ็บชิบหายอ่ะสัส
“อืม เดี๋ยวกูย้ายไปอยู่กับฟานี่”
“กูบอกให้เค้าหาคอนโดแล้ว
มึงไปอยู่กับเพื่อนแค่แปปเดียวเท่านั้นแหละ”
“ไม่จำเป็นอ่ะ
ก็ให้เค้าอยู่นี่กับมึงไปดิ เดี๋ยวกูหาคอนโดเอง”
“ไม่ต้องหรอก มึงอยู่นี่แหละ”
“…”
“มึงโอเคหรือเปล่า?”
ผมมองหน้ามาร์คนิ่งๆ
ไม่ทันได้คิดอะไรฝามือผมก็ลงไปกระทบกับใบหน้าไอมาร์คเต็มแรงจนหน้ามันหันไปข้างๆ
มาร์คหันมามองหน้าผมงงๆ
“โอเคกับพ่อกับแม่มึงอ่ะไอสัส!
มึงลองมาเป็นกูดูมั้ยล่ะ
คืนก่อนมึงเอากูจนฟ้าสว่างแล้ววันนี้มาบอกว่าคบอยู่กับเวนดี้เนี่ยนะ มึงคิดว่ากูมีความสุขหรือกูโอเคมากมั้ยล่ะ
ไอควาย!! ”
พูดเพียงเท่านั้นผมก็คว้าโทรกระเป๋าสะพายของตัวเองเดินออกจากห้องทันที
แต่ก่อนจะเดินออกไปแน่นอน
เวนดี้ยืนทำหน้าเหมือนนางมารร้ายตอนเห็นพระเอกกับนางเอกทะเลาะกัน
เอาเลย!! เต็มที่เลยไอสัส
สมน้ำหน้ากูให้เต็มที่เลย..
TBC..
ติดแท็ก #ทีมกระทืบมาร์ค กับ #ทีมตบเวนดี้ ทีค่ะ
ไม่เอาเราจะไม่ดราม่า T0T
พยายามไม่ให้ดราม่าแล้วแต่มือมันลั่นค่ะ
ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ
ความคิดเห็น