ตอนที่ 12 : + DR + 11 +
ปังงงงงงงง!
เสียงเหมือนการปะทะจากที่ใดสักแห่งแทรกขึ้นมาในห้วงความคิด ฉันมองซ้ายขวาแล้วเลยไปยังด้านหลังอย่างประหลาดใจ
“รถชนลูกหมา!!” ใครสักคนร้องขึ้นทำให้ฉันตัดประเด็นสงสัยว่าตัวเองอาจจะหูแว่วทิ้งไป ตั้งหลักได้ก็รีบจ้ำอ้าวเดินผ่านนักศึกษาสองสามกลุ่ม ผ่านความสว่างแล้วเดินเข้าหาความมืด ผ่านใต้ชายคากว้างใหญ่ที่หลายชีวิตอาศัยเป็นที่หลบฝน ผ่านทุกๆ คนที่พากันแตกตื่นทว่ากลับเอาแต่นิ่งเฉย เดินเข้าใส่มวลน้ำที่โปรยปรายลงมาบางเบาแต่ไม่ขาดระยะ
หงิง หงิงงงงง...
“เฮ้ยยยย...” ฉันอุทานสุดเสียงเมื่อเห็นว่า 'เจ้าไข่ตุ๋น' ลูกหมาที่วิ่งเล่นไปมาใต้อาคารแห่งนี้อยู่บ่อยๆ มันนอนหายท้อง ร้องเสียงหวีดหวิวจนน่าสงสาร
หมาตัวน้อยแดดิ้นและเปียกปอน สี่อุ้งเท้าเล็กตะกุยตะกายคว้าอากาศเหมือนจะบาดเจ็บจากส่วนใดส่วนหนึ่งในร่างกายเอาเสียมากๆ
“เฮ้ยไข่ตุ๋น!!” ใจฉันสั่น มันควรนอนคุดคู้อยู่ที่ไหนสักแห่ง แต่ทำไมถึงได้มาวิ่งเล่นจนโดนรถชนแบบนี้
ฉันไม่สนใจว่าตัวเองจะเปียกฝนยังไง รีบถลาเข้าไปหาเจ้าหมาน้อยพลางลูบหัวมันทำให้มันอุ่นใจว่าฉันจะทำให้มันปลอดภัย ดึงกระเป๋าสะพายจากหัวไหล่ได้ก็ยกบังฝนให้มัน
“ค..คุณครับ! ลูกหมาเป็นอะไรมากมั้ยครับ?” คำถามดังแว่วๆ ทำให้ฉันหันไปหาต้นเสียงของร่างสูงที่ถามไถ่สวนกันกับเสียงสายฝนจนฟังแทบไม่รู้เรื่อง
“ไม่แน่ใจค่ะ แต่พามันไปหาหมอได้มั้ยคะ ที่คณะสัตวแพทย์เปิดคลินิกรักษาสัตว์อยู่ไม่กี่เมตรนี่เองค่ะ นะคะ!” ฉันแนะนำแกมขอร้อง
เพราะเขาถลาออกมาจากรถคันโต เลยทำให้ฉันมั่นใจว่าเขาเป็นคู่กรณีของไข่ตุ๋น ฉันหันหน้าขึ้นไปหาร่างหนา พลางทำหน้าเหยเกเพราะลืมตาได้ไม่เต็มที่นัก
เมื่อทัศนียภาพไม่ดีฉันจึงไม่รู้เลยว่าคนๆ นี้หน้าตาเป็นยังไง
“ครับ เอามานี่ เดี๋ยวผมอุ้มมันเอง” พอเข้าใจในสิ่งที่เขาตะโกนบอกแข่งเสียงมวลฝน จึงหยัดยืนพลางรีบถอยเพื่อให้อีกคนทำหน้าที่ของเขาอย่างสะดวกจากนั้นก็ตารีตาขวางรีบวิ่งนำเขาไปที่คลินิกดังกล่าว
ตึก ตึก ตึก!
คลินิกรักสัตว์แห่งมหาวิทยาลัย XXX
“นี่ค่ะ!” วิ่งนำหน้ามาได้สักพัก ฉันก็ชี้บอกกับอีกคนด้วยจิตใจที่ร้อนรนเพราะกลัวว่าเจ้าหมาน้อยจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
กริ๊งงงงงงง~~
เสียงโมบายซึ่งห้อยอยู่กับประตูที่เป็นกระจกใสทั้งบานดังขึ้นอย่างส่งสัญญาณทุกครั้งที่มีคนเปิดมัน ภายในคลินิกเงียบสนิทกดดันให้ฉันพูดอะไรไม่ออกจนกระทั่งเจ้าหน้าที่สาวสวยเดินยิ้มเข้ามาหา
“สวัสดีค่ะ... เอ๊ะ นั่นไข่ตุ๋นนี่นา” อาการเกร็งที่ลำคอหายไปเมื่อพี่เจ้าหน้าที่ทักมันพลางมองมันด้วยสีเต็มไปด้วยความเป็นกังวล
“คือน้องโดนรถชนมาครับ!!!”
ผู้ชายตัวสูงที่มาพร้อมฉันเอ่ยปากบอกกับเจ้าหน้าที่ด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือเจือความตื่นเต้น
‘เสียง...แบบนี้...’
ข้อสงสัยจุติอยู่ภายในใจเงียบๆ
“คะคือผมเป็นคนชนมันครับ!”
“...”
หัวใจคนเราจะเต้นแปลกไปก็ต่อเมื่อถูกบางอย่างมากระตุ้น และสิ่งเร้าที่กำลังกระตุ้นหัวใจของฉันอยู่ ณ ตอนนี้ คือเสียงทุ้มแต่นุ่มนวลของเขา ผู้ชายคนที่ยืนอยู่ข้างหลังฉัน
“ฝากด้วยนะครับ”
“ยินดีค่ะ!”
การสนทนาจบลง ฉันยืนลังเลอยู่ว่าจะหันไปทักทายผู้ชายดีใจด้านหลังหรือไม่ ความในใจส่งเสียงพูดกับฉันว่าถ้าติดใจในน้ำเสียงนี่นักก็หันไปสิ แต่สิ่งที่พบเจอมาทำให้ฉันชะงัก นึกย้อนกลับไปยังวันนั้นที่ฉันร้อนรนทำเรื่องปุบปับ เลยต้องกลายเป็นผู้รองรับการกระทำที่ต่ำกว่าคำว่าสารเลว แต่แล้วความเผลอใจก็เดินนำอาการชั่งใจเสมอ ฉันหมุนตัวหันหลังอย่างระวัง ดวงตาเจือความไม่มั่นใจมองผู้ชายตัวสูงด้วยสายตาใคร่รู้ ...อยู่ๆ หัวใจที่เก็บกักแต่ความกังวลก็ถูกสายตางุนงงจากเขาคนนี้ส่งมาทลายมันจนเกือบหมด
“ฮานะ!” จบเสียงอบอุ่นที่เรียกชื่อฉันอย่างคนตกใจ ภาพทุกอย่างก็ประมวลผลโดดเด้งเคลื่อนไหวไปมาในสมอง
ทั้งเสียงหัวเราะเสียงความสนุกเมื่อครั้งยังเยาว์มันผุดขึ้นผลักดันให้ฉันฉีกยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้
“พี่คิม!” เจ้าของชื่อเลิกคิ้วสูง ไม่บอกก็รู้ว่าพี่คิมคงไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เจอกันกับฉันอีกครั้ง คนตัวสูงยกมือขึ้นพลางทิ้งลงอย่างคนทำตัวไม่ถูก รอยยิ้มที่เคยมอบให้กันไม่เคยขาดก็ผุดขึ้นบนใบหน้าที่เปลี่ยนไปมากเช่นกัน
'คิมหันต์' พี่ชายข้างบ้านที่เคยสนิทกัน ปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีกครั้ง
ใบหน้าหล่อเหลาในระดับหนึ่ง ถูกหนวดเคราเขียวครึ้มปกคลุมอยู่ไม่น้อย ก็เล่นไว้หนวดบังตากันแบบนี้ใครที่ไหนมันจะไปเฉลียวใจ หากเป็นใบหน้าเกลี้ยงเกลาคู่กับทรงผมสกินเฮดอย่างแต่เก่า ก็คงจำกันได้ตั้งแต่ช่วงแรก
แววตาอ่อนโยนและใจดีของเขาเปล่งประกายทำให้ฉันมีความรู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในวัยเด็กอีกหน ฉันรู้สึกคิดถึงเขาอยู่บ้างในบางครั้ง เพราะวันที่ฉันจากมา เราไม่ได้คุยอะไรกันเลย
หมับ...
คนตัวสูงโผเข้ากอดฉันซึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องน่ารังเกียจ แม้ตัวจะเปียกปอนด้วยกันทั้งคู่แต่ก็ไม่มีฝ่ายใดขัดขืน หากเราไม่ได้แยกจากกันไป บางที...พี่คิมอาจจะเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญในชีวิตฉันก็ได้
“...” เรายังคงกอดกัน ช่องว่างเรื่องเวลาไม่ได้ทำให้เราเคอะเขิน เราเงียบไปชั่วขณะ และเหมือนคนอื่นจะรู้ใจเพราะไม่มีลูกค้าใหม่โผล่เข้ามาขัดจังหวะเลยสักคน
“มาได้ยังไงคะ”
“ก็มาเรื่อยๆ”
“พี่คิ๊มมม!” กวนประสาทได้ทุกเวลาขนาดนี้ ยี่ห้อพี่คิมชัดๆ
ผลัวะ
คนเราหากมันเคยสนิทกันอาการพวกนั้นก็จะถูกเรียกกลับมาในเวลาไม่กี่นาที ฉันยกมือขึ้นมาตีอีกคนอย่างลืมตัว แต่ไม่ใช่ว่าจะไม่เคยทำ ตอนเด็กๆ เคยเล่นแรงๆ กับพี่คิมจนเขาหัวแตกก็ทำมาแล้ว
“เชิญทางนี้สักครู่ค่ะ...” ร่างสูงหนวดเฟิ้มตรงหน้าทำท่าจะคุยกับฉันอีกครั้ง วินาทีเดียวกันนั้นเสียงเจ้าหน้าที่ก็ดังแทรกขึ้นมา
“ครับผม” พี่คิมว่า จากนั้นร่างสูงก็หันมาคว้ามือฉันไปจับแน่น คล้ายกับว่ากลัวเราจะคลาดกันอีก อย่างเช่นอดีต
“เธอกินข้าวหรือยัง”
“ยังค่ะ”
“งั้นรอพี่แป๊บหนึ่งนะ อย่าไปไหน เดี๋ยวเราไปกินข้าวแล้วค่อยคุยกัน”
“มะไม่ต้องก็ได้... ค่ะ...คือ” พี่คิมยกนิ้วขึ้นมาชี้สั่งให้ฉันหยุดปฏิเสธ จากนั้นร่างสูงก็ก้าวยาวเดินตามเจ้าหน้าที่เข้าไปด้านในคลินิก
ไม่มีพี่คิมอยู่ตรงนี้ฉันก็ได้แต่ยกมือขึ้นมากุมหัวใจ มันเต้นแรงน่าดู มันคงดีใจกับฉันที่ฉันได้เจอเขาสักที
ฉันตัดสินใจอยู่ที่นี่ต่อ ทำตามที่เขาบอกทั้งที่จะกลับเลยก็ได้ ข้อหนึ่ง...ฉันเป็นห่วงไข่ตุ๋นอยากรู้ว่ามันปลอดภัยดีมั้ย ส่วนข้อสอง... อยากคุยกับพี่คิมอยากรู้ว่าหลังจากที่เราจากกันไป เขาเป็นอย่างไรบ้าง
ระหว่างนั่นเลือกฆ่าเวลาโดยการปรายตามองสำรวจไปทั่วทั้งคลินิกสีขาว แสงไฟสีอ่อนดูเหมาะสมกับสีวอล์เปเปอร์ การตกแต่งให้ความรู้สึกอบอุ่น สะอาดตาน่า เชื่อถือ เหมาะสำหรับคนรักสัตว์เพราะว่ามีของเล่น และหนังสือคู่มือเกี่ยวกับการเลี้ยงสัตว์ชนิดต่างๆ วางไว้ทั่วบริเวณ ฉันเอื้อมมือไปจับนั่นจับนี่ระหว่างรอพี่คิมหันต์
ลมแอร์เย็นๆ เสียดผ่านผิวบางสร้างความเหน็บหนาวให้กับฉันอีกเท่าหนึ่ง ใจฉันรู้ดีว่าตอนนี้ตนอยู่ในช่วงของคนอ่อนแอ แน่นอนว่าพรุ่งนี้ไข้อาจเพิ่มสูง แต่ฉันอยากรอพี่คิมมากกว่า หากคลาดกันตรงนี้ก็ไม่รู้ว่าพี่เขาจะมีเวลามาเจอกันอีกมั้ย
กริ๊ง~~
เดินไปเดินมาอยู่นานสองนาน เสียงโมบายที่ห้อยอยู่กับประตูก็ดังขึ้นอีกครั้ง มันต้องมีใครสักคนเข้ามาแต่ยังไม่ทันได้หันไปมอง กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ก็ลอยโฉบเข้ามา มือที่ยกขึ้นแตะปกหนังสือ เพื่อเลือกหาสักเล่มเอามาอ่านเล่นๆ เป็นอันต้องชะงัก
‘…เขาเหรอ... ผู้ชายคนนั้นเหรอ...’
ฉันหลับตาแน่น ความรู้สึกหวาดกลัวโอบหน้าล้อมหลัง สมองสั่งให้ทำร่างแข็งทื่อฉันก็ทำ ทำไมนะ อุตส่าห์มาอยู่ในที่ดีๆ แบบนี้ฉันถึงต้องได้เจอกับเขาด้วย
หากเขาเป็นปีศาจก็เห็นท่าจะจริง ชอบมาแบบไม่บอกก่อนหน้า นึกจะมายัง ไงก็มา แถมโผล่มากี่ครั้งก็มักสร้างความพรันพรึงให้แก่ฉัน ยกตัวอย่างเช่น การโชว์พื้นฐานด้านกมลสันดานอันแสนตกต่ำของเขา
ฉันรีบหลุบสายตาลงต่ำ และเบือนหน้าหนีไปอีกทางพลางหันหลังให้คนๆ นั้นทันที ไม่จำเป็นต้องพิสูจน์ว่าใช่คนสารเลวคนนั้นมั้ยฉันก็จดจำเขาได้ ผู้ชายร้ายกาจคนนั้นน่ะ มีกระแสอะไรบางอย่างลอยวนรอบกาย ทั้งกลิ่นน้ำหอมราคาแพง และน้ำ เสียงทรงอำนาจแสนหยิ่งยโส ฉันจำมันได้ดี!
เขาพูดอะไรสักอย่างกับเจ้าหน้าที่คลินิกแล้วเดินหุนหันเข้าไป ท่าทางเขาจะรีบมากจนไม่มองรอบกาย แต่ก็ดีแล้วไง ขืนเขายังวนเวียนอยู่แถวนี้ แล้วหากสายตาที่เชื่อมแต่แววหาเรื่องกันมองเห็นฉันเข้า เปอร์เซนต์น้อยมากหากเขาจะปล่อยฉันไป ฉันไม่อยากให้ทุกคนบนโลกรู้ว่าฉันรู้จักเขา ฉันเกลียดขี้หน้าเขาจนขนลุกไปหมดแล้ว
ขึ้นชื่อว่ามัจจุราช ไม่มีใครอยากเฉียดเข้าใกล้ หนีได้ต้องหนีออกมาให้ไกล เพราะไม่มีใครอย่างถูกมัจจุราชดึงลงนรกซ้ำแล้วซ้ำเล่าหรอก
ก่อนคนนิสัยชั่วอย่างเขาจะมาเจอ ฉันสาวเท้ายาวไปทางประตูแล้วยกมือขึ้นมาดันสุดแรง พาตัวเองหลุดออกมาจากบริเวณที่มีเขาอยู่ด้วย แทนที่จะโล่งใจแต่กับห่วงหน้าพะวงหลัง
ฉันถอนหายใจ นึกเสียดายให้กับโอกาสที่ลอยอยู่ตรงหน้า ตัดสินใจเดินออก มาโดยไม่รอพี่คิมหันต์ หมดกันอารมณ์ตื่นเต้นที่ได้พบเห็นเพื่อนเก่า จากความรู้สึกดีสุดกู่เปลี่ยนผันเป็นความรู้สึกหวั่นผวา ฉันละล้าละลัง...หยุดเดินแล้วเอี้ยวหน้ามองเข้าไปในคลินิกอีกครั้งอย่างคิดหนัก
ลองคิดคร่าวๆ แม้พี่คิมจะสำคัญ แต่ยังไงซีลัสก็คือตัวอันตราย กันไว้ย่อมดี กว่าแก้ ฉันต้องไปให้พ้นจากการเอื้อมถึงของเขา เพราะแค่ความเลวทรามที่เฉียดอยู่ตรงปลายจมูกไปมาก็ถือว่ามากพอแล้ว ฉันไม่อยากพบเจอเขาไม่ว่าจะกรณีใดก็ตาม และถึงแม้การหนีครั้งนี้จะแลกกับการที่ไม่ได้มีโอกาสเจอพี่คิมอีกแล้วก็ตาม
ฉันยอม...
“ดีกว่าเจอคนเลวนั่น... ขอให้เราเจอกันอีกนะคะ พี่คิม”
วันต่อมา
คลินิกรักสัตว์แห่งมหาวิทยาลัย XXX
“สวัสดีค่ะ มาสอบถามเรื่องสุนัขที่โดนรถชนเมื่อวานน่ะค่ะ ตอนนี้อาการมันเป็นยังไงบ้างคะ”
ฉันเป็นไข้อ่อนๆ แต่ก็ยังถ่อมาที่นี่ตามที่ตั้งใจไว้
พยายามเปล่งเสียงแหบแห้งถามเจ้าหน้าที่ พร้อมกับหรี่ให้เบาเพราะไม่อยากรบกวนลูกค้าท่านอื่น พนักงานท่าทางใจดียิ้มตอบคืน เธอเปิดแฟ้มค้นหาของบาง อย่างด้วยความกระฉับกระเฉงและดูเป็นงาน
เมื่อวานนี้ ที่ฉันหนีกลับบ้านไปก่อนมันทำให้ฉันรู้สึกว่าฉันดูไม่เป็นผู้ใหญ่ ดูเหมือนคนไม่รักษาคำพูด และความรู้สึกพวกนั้นก็เกาะติดจนฉันไม่เป็นอันหลับ ทั้งๆ ที่อัดยาแก้ปวดหัวไปตั้งสองเม็ดทุกๆ หกชั่วโมง แล้วไหนจะรู้สึกกังวลกับอาการของเจ้าไข่ตุ๋น ฉันเลยกลับมาที่นี่อีกครั้งในเช้าวันใหม่เพื่อสอบถามอาการของมัน หากมัน ดีขึ้นฉันก็ดีใจ
“ไข่ตุ๋นกลับออกไปแล้วนะคะ มันไม่เป็นอะไรมาก แล้วน้องดูไม่มีความสุขที่อยู่ในนี้ คุณหมอเลยปล่อยไป แต่จะตามไปดูที่ตึกบริหารฯ บ่อยๆ ส่วนผู้ชายคนนั้น เอ่อออออ คนตัวสูง แล้วก็มีหนวดน่ะค่ะ เอ่อ ที่หล่อๆ น่ะค่ะ แกฝากเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้คุณด้วยนะคะ...” เพราะว่าตอนที่คุณเจ้าหน้าที่อธิบายรูปพรรณสัณฐานพี่คิม แก้มใสของเธอแดงปลั่ง ฉันก็เลยยิ้ม ผู้ชายหน้าหนวดอย่างพี่คิมหล่อในสายตาคนอื่น แต่ไอ้หนวดเครานั่นเกะกะลูกตาฉันชะมัด
เจ้าหน้าที่เอากระดาษที่มีตัวเลขให้ฉัน ฉันกล่าวขอบคุณเธอตามมารยาท ทำแบบนั้นแล้วจึงได้เดินออกมาจากคลินิก
'088-xxx-xxxx'
ฉันกดหมายเลขจนครบแล้วโทรหาอีกคนอย่างไม่รั้งรอ อยากจะขอบคุณพี่คิมที่ช่วยไอ้ไข่ตุ๋นถึงเขาจะเป็นคนชนมันก็เถอะ... แต่ถ้าหากเป็นคนอื่นคงไม่สนใจเพราะไข่ตุ๋นเป็นแค่ลูกหมาจรจัดตัวน้อย และอีกอย่างฉันอยากจะขอโทษที่เสียมารยาทกลับบ้านไปก่อนโดยที่ไม่บอกไม่กล่าวเขา
ฉันยกโทรศัพท์แนบหูพลางยืนกัดเล็บอย่างที่ชอบทำ เดินวนไปมาเหมือนหนูติดจั่น มันมักจะเป็นแบบนี้โดยที่ไม่ได้ตั้งใจทุกครั้งเวลารอหรือลุ้นอะไรสักอย่าง
‘เลขหมายที่ท่านเรียก ไม่สามารถติดต่อได้ในขณะนี้’
หนังสือ เหลืออย่างละเล่มสองเล่มก็ไม่หมดสักที พี่ๆ มารับหนูกลับบ้านหน่อยค่าา
Dark Rian เสี่ยงหัวใจท้าทายซาตาน
I Need Love ปรารถนาหัวใจซาตาน
You Are My Peach เมื่อหัวใจมันสั่งให้คลั่งคุณ
You In Me คนโปรดในกรงรัก
I Don't Mind ไม่อยากเสียโอกาสรัก
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชอบมากๆค่ะ