ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เมื่อ'ราชา'มาถึงต่างโลก

    ลำดับตอนที่ #2 : ตกลงเรื่องนี้มีที่มาเป็นยังไงกันแน่!

    • อัปเดตล่าสุด 10 พ.ค. 61


         "ชิกุเระ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ คิดถึงจัง"
         "บะ บอส!"
         เขาประกบริมฝีปากของเขากับชิกุเระทันที
         "เอ๋————————————————————————!!!
         ตั้งสติไว้...ตั้งสติไว้...ทุกคนตั้งสติกับภาพที่อยู่ตรงหน้า เพื่อนของตัวเองจูบกับเด็กชายที่พึ่งรู้จักกันไม่ถึงสิบนาที แล้วทำท่าเหมือนรู้จักกันมานานแล้วด้วย—แบบนี้ต้องได้รับการอธิบาย
         "ชิกุเระจัง เด็กคนนี้เป็นแฟนชิกุเระ ก็น่าจะบอกตั้งแรกสิ"
         ไกอาสรุปเรื่องราวเองตามใจชอบ แต่มันก็ตรงกับของทุกคน
         จู่ๆก็มาจูบกับผู้หญิงคนนี้แบบนี้มันก็คิดได้แค่ประเด็นเดียวเท่านั้น
         "มะ ไม่ใช่อย่างนั้นหรอกนะ ทุกคน"
         ชิกุเระทำหน้าแดงแบบที่ทุกคนไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วยังทำท่าร้อนรนอีกแบบนี้ยิ่งหายากมาก
         ทุกคนจ้องชิกุเระแบบด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่คินกุก็พูดแทรกขึ้นมา
         "ชิกุเระ คือครอบครัวของผม"
         "คะ ครอบครัวประมาณว่าพี่น้องงั้นหรอค่ะ"
         ลิลลี่ถามออกมา แต่ถ้าเรื่องนั้นเป็นจริงละก็มันก็เป็นเรื่องผิดศีลธรรมพอๆกับเรื่องที่คารินทำเลย
         "มะ ไม่ใช่นะค่ะคือเรื่องมันซับซ้อนนะค่ะ"
         ชิกุเระพยายามค้านสุดตัว ไม่อยากให้ทุกคนเข้าใจผิด 
         เธอมองไปที่คินกุทันทีเพื่ออยากให้มาอธิบาย แต่เขาก็นิ่งเงียบ
         จริงสิ ที่สำคัญต้องเปลี่ยนประเด็น
         เธอถอนหายใจมาเบาๆ พยายามเปลี่ยนบุคลิกของตัวเองให้กลับมาเป็นแบบเดิม ต้องสุขุมมากกว่านี้
         "แล้วบอส...มาที่นี้ได้ยังไงค่ะ...?"
         "จำไม่ได้ ตอนแรกก็จำอะไรไม่ได้เลย แต่พอเห็นหน้าชิกุเระ ก็จำเรื่องราวของชิกุเระได้"
         "เรื่อง...ของฉัน?"
         "ทั้งเรื่องที่ชิกุเระฉี่รดที่นอนตอนป.หก เรื่องที่เธอใส่ชุดเมดแล้วเรียกฉันว่านายน้อยแล้วก็—"
         "—ยะ อย่าพูดออกมานะค่ะ บอส!!"
         ชิกุเระรีบพูดแทรกทันทีก่อนที่เพื่อนของเธอจะรู้ความลับของเธอทั้งหมด
         "ชะ ชิกุเระเคยใส่ชุดเมดหรอเนี่ย~"
         นั่นคารินกำลังจินตนาการชิกุเระที่ใส่ชุดเมดแล้วเรียกตัวเองว่านายท่าน แต่ชิกุเระรีบปัดจินตนาการนั้นทิ้งไปด้วยการตีด้วยพัดกระดาษดังปาปปปปปปปป
         “ช่วยอย่าคิดถึงมันเลยค่ะ”
         คารินออกจากภวังค์เพ้อฝันของตัวเองทันทีแล้วกลับเข้าประเด็น
         “ความจำเสื่อมสินะ เคสแบบนี้ต้องเจอกับคนที่ตัวเองรู้จักแล้วความทรงจำจะกลับมานะ”
         “คนที่ผมรู้จัก?”
         “ใช่ เท่าที่นายเล่ามาเมื่อนายเจอกับชิกุเระความทรงที่เคยมีร่วมกันกับชิกุเระก็กลับมาใช่ไหมละ ถ้าอย่างงั้นนายอาจจะต้องเจอกับทุกคนที่นายเคยรู้จัก นายจะได้ความทรงจำกลับมาทั้งหมด”
         “แบบนั้น…มันยิ่งยากเลยละ”
         ชิกุเระพูดออกมาด้วยสีหน้าที่เศร้าออกมา ทำให้อาจารย์คารินต้องถามออกมาว่า"ทำไมกันละ"
         "เพราะทุกคน...สมาชิก'เชสแฟมิลี่'...ครอบครัวของผม...หายตัวไปตัวไปตั้งสามปีก่อนแล้ว"
         คินกุพูดพร้อมทำสีหน้าที่เศร้าออกมา ส่วนชิกุเระก็คอตกเหมือนรู้สึกผิด
         บรรยากาศเงียบเกินไป—ทุกคนคิดเหมือนกันว่า—คงถามอะไรไปมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว เพราะมันมีแต่จะทำให้ทั้งสองคนรู้สึกไม่ดีออกมาเปล่าๆ
         เพื่อที่จะทำลายบรรยากาศที่เงียบขรึมอย่างงี้—คินกุคลานตัวเองไปหาเสื้อโค้ทสีดำของตัวเอง เขาใส่มันแต่เพราะเขาตัวเล็กเกินไป ท่อนล่างของเสื้อโค้ทจึงแตะพื้น และเขาก็ต้องดึงส่วนแขนให้มือของเขาโผล่ออกมา
         ชิกุเระยื่นแท็บเล็ทไปให้คินกุ แต่เมื่อเขาลองเปิดดูก็พบกลับ
         [แต้น แต้น~ ยินต้อนรับสู่โลกแฟนตาซีน้า~คินกุแห่งหมากรุกเอ่ย~]
         ภาพโฮโลแกรมของสาวน้อย ผมสีเงินและชุดเดรสแขนกุดสีขาวลายดอกกุหลาบขาว
         แต่คำพูดที่สาวน้อยพูดนั้นมันทำให้ลิลลี่เหงื่อตกทันที
         คินกุแห่งหมากรุกงั้นหรอ—ทำไมรู้สึกคุ้นๆจัง
         " 'เมทติ้งเช็ค' เธอเป็นใครกันแน่"
         คินกุเรียกสาวน้อยโฮโอลแกรมว่า 'เมทติ้งเช็ค' ซึ่งเธอก็ตอบคำถามอย่างมีแฝงในไว้ว่า
         [อีกไม่นานเธอก็รู้แล้วละ มันขึ้นอยู่กับเธอแล้วว่าเธอจะรู้คำตอบเมื่อไหร่ แล้วถ้าเธอรู้ตั้งแต่แรกมันก็ไม่สนุกนะสิ]
         เมื่อคินกุได้ยินดังนั้นก็ทำเสียง ชิ ใส่สาวโฮโลแกรม—เมทติ้งเช็ค ที่อยู่ตรงหน้า
         การสนทนาของพวกเขามันบอกว่าพวกเขาเคยเจอกันมาก่อน แต่ว่านั่นไม่มีทางเป็นไปได้เพราะว่า——
         "—นั้นมันเผ่าภูตินี่"
         ไกอาพูดแทรกขึ้นมา เธอมองรอบตัวสาวน้อยโฮโลแกรมทำให้เห็นถึงปีกเรืองแสงที่เธอพับเก็บไว้
         "เธอเป็นคนพาผมมาที่นี้เอง จาก'อีกโลก’หนึ่ง"
         นั่นเป็นคำพูดที่ไม่น่าเชื่อถือที่สุด ภูติจะไปอีกโลกเพื่อพามนุษย์กลับมาทำไม นั่นแหละคือเหตุผล
         แต่พวกเธอก็ไม่พูดอะไรออกมา พวกเธอได้แต่อ้ำอึ้งและหันไปหาชิกุเระ
         "นะ นั่นก็หมายความว่าชิกุเระจังก็มาจากต่างโลกด้วยสินะ"
         ไกอาถามออกมาส่วนชิกุเระก็ตอบแค่สั้นๆว่า "อืม..."
         แต่ว่าผ่านไปไม่กี่วินาที—
         "—บะ บอส!!!"
         ร่างกายของคินกุถูกมัดด้วยโซ่เล็กรอบตัวเสียแล้ว
    *
         ตอนนี้คินกุได้กลายเป็นนักโทษไปแล้ว
         ตรงหน้าของคินกุคือ ประธานนักเรียนชื่ออลิซาเบตทุกคนเรียกเธอว่า’อลิซแห่งอำนาจ’เพราะพลังของเธอ
    ร่างกายของเรียกง่ายๆเป็นโลลิผมทองนมโตแต่ดูเป็นสุภาพที่ดูไม่เหมาะได้รับฉายาแห่งอำนาจมากกว่า
         สรุปก็คือเด็กคนนี้เป็นทั้งประธานนักเรียนและเป็นลูกสาวผู้อำนวยการนักเรียน และเป็นเจ้าหญิงแห่งอาณาจักเดธออฟไลฟ์สินะ แถมโรงเรียนนี้เป็นโรงเรียนหญิงล้วนด้วย การที่ดำรงตำแหน่งได้มั่นคงแบบนี้สุดยอดเลยแฮะ...เหมือนกับนานามิไม่มีผิด ถ้าบอกว่าเป็นลูกสาวยัยนั่นก็จะเชื่อนะเนี่ย
         คินกุสรุปเรื่องของเธอจากที่ฟังจากข้างหลังของกลุ่มเด็กสาวผู้สอดรู้สอดเห็นทั้งหลายที่อยู่หน้าประตูห้องประธานนักเรียน รวมถึงพวกชิกุเระด้วย
         เธอสอบสวนนักโทษ(คินกุ)อย่างละเอียด
         "แล้วเธอมาจากไหนงั้นหรอ"
         ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าเป็นคนที่ฉลาดคงจะไม่ตอบไปว่า"มาจากต่างโลกคร้าบ~"เพราะ——
         "มาจากโตเกียว ในประเทศญี่ปุ่นในต่างโลกนะ"
         บอกยันจังหวัดที่ตัวเองอยู่เลยหรอเนี่ย
         "อุ๊ป ฮะๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
         ใช่แล้ว—จะถูกหัวเราะจากทุกคนแบบนี้แหละ
         ไม่มีใครที่ไหนในโลกจะเชื่อเรื่องแบบนี้หรอกเว้นแต่ถ้ามีหลักฐาน
         ซึ่งนั่นเป็นที่คินกุคาดการณ์ล่วงหน้าไว้แล้ว
         [แหม~แหม~เรนคุงนี่ละก็ เพราะมีฉันอยู่ก็เลยพูดออกมาสินะ]
         นี่แหละคือหลักฐานของคินกุ
         แผ่นบางๆที่ทุกคนไม่เคยมาก่อน—แท็บเล็ทPC ซึ่งยังคงฉายโฮโลแกรมของสาวน้อยภูติอยู่
         เสียงของเมทติ้งเช็คกลายจุดสนใจของทุกคนทำให้ทุกคนมองมาที่สาวน้อยโฮโลแกรมโดยอัติโนมัติ
         "แท็บเล็ทPCนี่คือของที่โลกที่ผมเคยอยู่สร้างขึ้นมา และเมทติ้งเช็คคนที่พาผมมาที่นี้แบบนี้พอทำให้เชื่อบ้างรึเปล่า"
         แต่อลิซไม่ตอบ เธอกวาดสายมองไปที่คินกุกับเมทติ้งเช็คสลับไปมา
         แต่ของแบบก็ยังคงอาจเชื่อยาก—ทุกคนคงคิดว่านี่คืออุปกรณ์เวทมนตร์ของประเทศหนึ่ง
         ถ้าจะคิดแบบนี้ก็ไม่แปลกเพราะมีภูติโผล่ขึ้นมาจากอุปกรณ์ต่างโลก คงจะเชื่อยากแต่ว่านั่นมันไม่ใช่หลักฐานของเขาสักหน่อย
         "อะไรกาน~—ที่บอกให้พอทำให้เชื่อนะไม่ใช่แท็ปเล็ทPC แต่เป็นเมทติ้งเช็คต่างหากเล่า"
         คินกุทำแก้มป่องงอนสมกับเป็นเด็ก แล้วทำลายโซ่ด้วยกำลังของตัวเอง
         นั่นทำให้ทุกคนไม่เชื่อในสายตาของตัวเอง ด้วยกำลังของเด็กและยังเป็นมนุษย์ที่อ่อนแอในโลกนี้อีกทำลายโซ่ที่ถูกเสริมความแน่นด้วย'เวทมนตร์'ได้
         ทุกคนต่างจ้องคินกุเพื่อยืนยันสายตาตัวเอง มีแต่ชิกุเระเท่านั้นที่หลับตาลงและยิ้มอย่างภาคภูมิในบอสของตัวเอง
    คินกุมองดูอาการและเสียงกระซิบของทุกคนโดยรอบ แล้วพูดสรุปออกมา...
         "ดูเหมือนว่า โลกนี้นะมองเห็นมนุษย์เป็น’คนอ่อนแอ'สินะ หมายความว่าไง เมทติ้งเช็ค"
         [ในสงครามระหว่างประเทศเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว มันให้เผ่ามนุษย์ตายไปจนเกือบสูญพันธุ์ไปเลยละ ทุกคนเลยคิดว่าเผ่ามนุษย์อ่อนแอไม่สามารถทนต่อมลพิษที่เกิดขึ้นจากสงครามได้นะ จบแล้วจ้า!]
         เมทติ้งเช็ค เต้นไปมาพร้อมอธิบายมันทำให้เป็นการอธิบายที่ไม่น่าฟังเอาซะเลย แล้วยังพูดจบแบบเหมือนการ์ตูนของเด็กอีกต่างหาก
         ทุกคนได้สติอีกครั้ง นักเรียนผู้คุมที่อยู่ข้างหลังคินกุทั้งสองคนต้องระวังตัว เตรียมท่าที่จะชักดาบออกมาขู่
         ส่วนคินกุที่ได้ยินดังนั้นก็ตอบส่งๆไปว่า”งั้นหรอ" ก่อนที่จะส่งเสียงอืม...อืม..เหมือนจะคิดอะไรอยู่
         "จริงสิแล้วโทษของผมละ?"
         "หา—!?"
         "ก็นี่เป็นโรงเรียนสตรีใช่ไหมละ จากที่ได้ยินทุกคนพูดกันผมซึ่งเป็นมนุษย์เพศผู้ก็ไม่สมควรอยู่ที่นี้ใช่ไหมละ"
         "เธอก็เข้าใจอะไรง่ายดีนิ ใช่แล้วโทษของเธอคือ'ประหาร' "
         ทุกคนเมื่อได้ยินดังนั้นก็ส่งเสียง เอ่—! ออกมาแม้แต่ชิกุเระ แต่คินกุก็หยิบอมยิ้มมาอมอย่างสบายใจซะอย่างงั้นราวกับไม่ทุกข์ไม่ร้อนอะไรแต่อย่างใด
         แต่โทษประหารนั้นมันใหญ่เกินสำหรับเด็กเกินไป ทำให้ลิลลี่ต้องออกมาค้านทันที
         "เดี่ยวสิค่ะ! เขานะเป็นแค่เด็กนะค่ะ แถมเขาเองก็มาจากต่างโลกเขาน่าจะยัง—"
         —ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนี้ แต่ก่อนที่ลิลลี่พูดอย่างงั้น อลิซก็พูดแทรกขึ้นมา
         "—ยังพิสูจน์ไม่ได้หรอกนะว่ามาจากต่างโลก"
         นั่นทำให้ลิลลี่ถึงกับนิ่งไปสักพัก
         ถ้าลองคิดดูตั้งแต่แรกเราก็พิสูจน์ไม่ได้ตั้งแต่แรกว่าสิ่งที่ภูติพูดนั้นเป็นความจริง ไม่แน่บางทีสองคนนั้นก็อาจร่วมมทอกันโกหกก็ได้
         "แถมเขาก็ดูฉลาดมากกว่าเด็กทั่วๆไปอีก ไม่แน่เด็กคนนี้อาจจะอายุ—"
         "—สิบแปดปี นั่นคืออายุของผม ผมไม่โกหกหรอกนะ แต่เพราะเหตุผลบางอย่างทำให้ผมอยู่ในร่างเด็กนี่แหละ"
         ทุกคนแทบไม่เชื่อหูของตัวเอง เด็กตัวแค่นี้แต่กลับมีอายุมากกว่าพวกตัวเองอีก แม้แต่อลิซที่แค่คิดว่าเขาคงอายุสิบสามถึงสิบสี่
         "อีกอย่างที่คุณอลิซาเบตคิดนะถูกแล้ว การเจอกับคนแปลกหน้าแล้ว สิ่งที่ต้องทำอย่างแรกคือการไม่ไว้ใจนั่นแหละ ต่อคนนั้นจะเป็นคนรู้จักของเพื่อนก็ตาม"
         ก่อนพูดจบคินกุได้ชำเลืองมองไปที่ลิลลี่เพื่อบอกว่าเธอประมาทไปแค่ไหน แต่นั้นก็ไม่ใช่สายตาที่ดูถูกแต่อย่างใด
    เป็นสายตาที่อ่อนโยนเหมือนกับคนๆหนึ่งที่เธอรู้จัก
         "นี่คุณไม่กลัวตายหรอค่ะ"
         เพื่อให้เกียรติกับคนที่อายุมากกว่าอลิซจึงพยายามรักษาความสุภาพเอาไว้
         แต่คินกุก็ไม่สนใจการเปลี่ยนท่าทีของเธอ ก่อนที่จะตอบไปอย่างสบายใจไปว่า
         "อา...กลัวสิ แต่ว่านะการที่ลืมคนที่สำคัญไปก่อนตายมันน่ากลัวมากกว่านะ"
         คินกุทำสีหน้าที่อ่อนโยนออกมา แต่การที่คนเย็นชาหน้านิ่งทำสีหน้าที่อ่อนโยนแบบนั้นถือว่าหายากแล้ว แม้แต่ชิกุเระยังตาค้าง
         อลิซนิ่งเงียบออกมา เธอหยิบเอกสารจากกองเอกสารวางซ้อนทับกันเท่าภูเขาโลกา
         "การประหารของคุณจะเริ่มอีกในสิบห้านาทีต่อจากนี้ พา—"
         "—เดี่ยวก่อนสิ ถ้าประหารแบบนี้ไปก็น่าเบื่อแย่ เราลองมาพนันกันดีไหม"
         คินกุพูดด้วยสีหน้าที่กลับมาเย็นชาเหมือนเดิม
         "พนันงั้นหรอ"
         "เยส—ถ้าผมรอดจากการประหารถือว่าชนะ แต่ถ้าผมไม่รอดไปแล้วตายไปถือว่าแพ้"
         การพนันแบบนี้ถ้าเขาแพ้เขาก็ตายส่วนอลิซก็จะไม่ได้อะไรเลย แต่ถ้าเขาชนะเขาจะสามารถจะยื่นข้อเรียกร้องได้
         "งั้นนายต้องการอะไรล่ะ"
         "ถ้าผมชนะผมขอพักที่นี้หนึ่งคืน แล้วผมก็จะไปจากโรงเรียนนี้ทันที"
         "แค่นั้นงั้นหรอ..."
         "เยส! แค่นี้ส่วนเรื่องเสบียงผมจัดการเอาเองได้"
         ที่จริงเราเองก็ไม่มีที่จะยอมรับหรือปฏิเสธ เขาคงจะแค่พูดเล่น
         "เอ่~เป็นอะไรไปงั้นหรอ หรือว่าจะกลัวแพ้ให้กับผมงั้นหรอ"
              คินกุทำหน้าตาเจ้าเล่ห์ออกมา แสดงให้เธอเห็นว่าเขาเอาจริง 
         และเธอจะปฏิเสธไม่ได้ทันที เพราะว่าถ้าปฏิเสธไปเรื่องนี้เธอจะต้องโดนนินทาหลับหลังว่า'กลัวแพ้ให้กับมนุษย์'
         "งั้นตกลง ทั้งสองคนพาเขาไปที่ลานกว้างซะ แล้วบอกคนอื่นให้เริ่มทำการปล่อย’คิเมร่า’ซะ”
         “คะ ค่ะ”
    —เช็คเมท เธอพลาดแล้วละ คุณประธานนักเรียน
         ผู้คุมทั้งสองคนนำทางคินกุไปทันที ซึ่งคินกุก็ยอมตามไปดีๆโดยไม่ได้ถูกล่ามโซ่หรือถูกล็อคกุญแจมือเลย
         “เอาแล้วไง ผู้ชายคนนั้นไม่รอดแน่ๆเลย”
         “มันก็แน่อยู่ นั้นคิเมร่าเลยนะต่อให้ทำลายโซ่ได้แต่เจอแบบนั้นได้กลายเป็นอาหารว่างของมันแน่”
         “น่าสงสารเด็กคนนั้นจัง—”
         “ไม่เห็นต้องสงสารเลยก็เขาบุกมาที่นี้เองนิ”
         เสียงซุบซิบดังไปไม่ถึงหูคินกุ เพราะหยิบเฮดโฟนมาสวมที่หัวเปิดเพลงจนกลบเสียงเหล่านั้นไป 
    แต่ว่าก็มีเสียงจากด้านหนึ่งเรียกหาเขาว่า”บอส!"
         คินกุหันกลับหาต้นเสียงพร้อมเอาอมยิ้มออกมาจากปาก
         "ชนะให้ได้นะค่ะ บอส"
         เธอยิ้มอวยพรออกมาจากใจจริง
         "คิดว่าถ้าฉันกระจอก ฉันคงไม่เป็นบอสของพวกเธอหรอกนะ"
         เขายิ้มอย่างภูมิใจส่งกลับไป ก่อนที่จะเดินจากไปโดยที่เอามือไขว้กันที่หลังหัวก่อนที่จะเดินไปกันอย่างสบายใจ
    *
         ณ ลานกว้างของโรงเรียน
         นี่มันลานกว้างของบ้านไหนกันแน่ อันนี้เขาเรียกกรุงโรมมากกว่า
         ใช่แล้ว—โครงสร้างของลานกว้างนี้เหมือนกรุงโรมมาก ไม่ว่าจะเป็นที่นั่ง สนามลานประลอง และกำแพงที่ผุพังนั่น เหมือนกรุงโรมที่โลกเดิมของเขาไม่มีผิด
         เขากวาดสายตามองไปยังผู้ชมทั่วทั้งสนาม 
         เหล่าเด็กสาวทั้งหลายต่างก็มาดูการแข่งพนันครั้งนี้ถึงแม้ว่าพวกเธอคิดอยู่แล้วว่าใครจะเป็นฝ่ายชนะอยู่แล้วก็ตาม
         ตรงหน้าเขาคือกรงที่ขังสัตว์ร้าย ร่างกายลำตัวและหัวเป็นเป็นสิงโต หัวแพะที่อยู่กลางหลัง และหางที่เป็นงู—คิเมร่า
         เหมือนอย่างที่ในตำนานเขียนเลย เมทติ้งเช็คพูดถูก โลกนี้นะมีสัตว์ในเทพนิยายอยู่ ชักเริ่มสนุกแล้วสิ
         ตอนนี้เขาสามารถวอร์มอัพได้อย่างสบาย ต่างจากคิเมร่าโดยสิ้นเชิง
         ——ในที่สุด ก็ปล่อยคิเมร่าออกมาจากกรง
         สัตว์ร้ายค่อยๆก้าวออกจากกรงช้าๆ ก่อนที่มันจะใช้ขาหลังเตะกรงทิ้งไป
         "ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! ฆ่ามัน! "
         เสียงเชียร์จากเหล่าเด็กสาวทั้งหลาย เชียร์คิเมร่าอย่างบ้าคลั่ง
         ถ้าเป็นตอนปกติคงไม่เชียร์ให้ประหารแบบนี้หรอก แต่เพราะคินกุเป็นนักโทษประหารเพราะฉะนั้นจะตายไปก็ไม่มีใครว่า
    "เอาละ แสดงให้ดูหน่อยสิ คุณมนุษย์เอ่ย! แสดงให้เห็นถึงการเอาตัวรอดจากคิเมร่าของคุณให้พวกเราดูเป็นขวัญตาหน่อยเถอะ"
         อลิซใช้เวทมนตร์ขยายเสียงของเธอให้ทุกคนได้ยินกัน
         ถึงกันจะพูดอย่างงั้น แต่คงไม่มีใครคาดหวังอยู่แล้ว ทุกคนก็แค่อยากดูนักโทษถูกประหารเท่านั้น
         สัตว์ร้าย—คิเมร่า ค่อยๆย่างกรายเข้ามาหาคินกุตามสัญชาตญาณการระวังตัวของสัตว์ป่า เพียงแค่ในเวลาระยะสั้น คิเมร่าเข้ามาถึงเบื้องหน้าของคินกุแล้ว
         "จงคุกเข่า ยอมสยบให้แก่ข้าซะ!"
         สัตว์ร้าย...คิเมร่าถูกแรงกดดันมหาศาลทับถมเข้าใส่จนต้องล้มนอนไปกับพื้น
         ทุกคนต่างไม่เชื่อสายตาของตัวเองอีกครั้ง
         ทุกคนนอกจากคิเมร่าแล้วก็ไม่ได้รับรู้ถึงแรงกดดันนั้นเลย
         "เป็นอะไรคิเมร่า!"
         "ลุกขึ้นสิคิเมร่า"
         "คิเมร่าอย่าล้มให้กับมนุษย์สิ"
         สาวๆทุกคนที่ไม่รับรู้ถึงแรงกดดันตอนนี้จะพูดอะไรออกมาก็ได้
         "อึดอัดจัง"
         "หายใจ...ไม่ออก"
         "ทำไม...ร่างกาย...ถึงหนักจัง"
         ความรำคาญ—ทำให้คินกุกระจายความกดดันส่งไปยังทุกคนในสนาม ร่างกายของทุกคนหนักอย่างกับมีก้อนหินทับ
    แม้แต่ประธานนักเรียน อลิซก็ยังรับแรงกดดันนั้นไม่ไหว
         แต่เพราะกระจายความกดดันส่งไปให้ทุกคน ทำให้แรงกดดันที่คิเมร่าได้รับนั้นน้อยลงจนสามารถลุกขึ้นยืนได้
         แต่คินกุก็ยื่นมือไปทางคิเมร่าทำให้แรงกดดันนั้นเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ มีแต่ชิกุเระเท่านั้นที่ไม่เป็นอะไร
         คินกุเหยียบไปที่หัวสิงโตของคิเมร่า
         "น่าผิดหวังจริงๆ ไม่น่าคาดหวังกับมันเลย"
         เขาถอนหายใจออกมา แล้วทำสีหน้าของคนที่ผิดหวังออกมา
         แรงกดดันทั้งหมดนั้นหายไปราวกับเป็นเรื่องโกหก 
         "HHHHHHHhhhhhOOOOooooGGGGGGggggg!!!!!!!!"
         เสียงคำรามของคิเมร่าบ่งบอกถึงความโกรธที่ถูกเหยียดยาม แต่มันไม่ใช่อย่างงั้น
         —ปุ้ง
         "เมี้ยว~ เมี้ยว~เมี้ยว~"
         จากสัตว์ประหลาดร่างยักษ์กลายเป็นลูกสิงโตตัวเล็กที่ยังคงมีหัวแพะและหางเป็นงูอยู่
         มันทำท่าอ้อนคินกุอย่างน่ารักราวกับแมว 
         "นะ น่ารัก"
         คินกุอุ้มคิเมร่าน้อยที่น่ารัก
         ที่ทำอย่างนี้เพราะมันรู้ว่าจะขัดขืนไปก็มีแต่ตายเปล่า โดยสัญชาตญาณของสัตว์ป่าแล้วถ้าเขาไม่คิดจะทำร้ายก็ควรเป็นมิตรแต่โดยดี
         สัตว์ร้ายน้อยคิเมร่า เกรงกลัวจนต้องเชื่องเหมือนลูกแมว
         คิเมร่าน้อยไต่ร่างไปบนหัวของคินกุก่อนที่จะงีบอย่างขี้เกียจเหมือนแมว 
         ทุกคนไม่สามารถบรรยายกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้
         มันเป็นสิ่งที่คนทั่วไปไม่อาจบรรยายได้
         "เอาละ ผมชนะพนันแล้วนะ คุณประธานนักเรียนสาวตัวน้อย"
         คินกุถอดเฮดโฟนห้อยไว้ที่คอ ก่อนที่จะชูสองนิ้วให้อลิซแล้วแสยะยิ้มใส่
         เขาปลดจี้ห้อยคอตัวหมาก'คิง' แล้วโยนมันเล่นก่อนที่จะดีดมันขึ้นฟ้า
         ตัวหมากราชาได้กลายเก้าอี้แก้วบัลลังก์ประดับเพชร แล้วคินกุก็นั่งมันราวกับพระราชาตัวจริง
         เหล่า’ตัวหมาก’ทั้งหลายต่างลอยมาเรียงบนกระดานแก้วที่ลอยอยู่ตรงหน้าคินกุ
         คิเมร่ามานอนบนตักแทนก่อนที่คินกุจะลูบมันด้วยความเอ็นดู
         เขาขยับตัวหมากไปมาแบบเล่นคนเดียว กินตัวหมากฝ่ายตรงข้ามไปเรื่อยๆ
         "นี่คุณประธานนักเรียนตัวน้อย ให้ผมบอกข้อผิดพลาดของคุณในครั้งนี้ให้เอาไหม"
    อลิซยังคงนิ่งเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา เธอยังคงเก็บอาการที่อยู่ภายในให้มั่นคงไว้ ต้องรักษาการเป็นคนสุภาพเอาไว้
         "ข้อที่หนึ่ง การที่คุณไม่เชื่อว่าผมมาจากต่างโลกสักหนึ่งเปอร์เซ็นต์ไงละ เพราะถ้าคุณนะเชื่อสักหน่อยละก็คุณคงไม่ประมาทแบบนี้หรอก—เช็ค"
    เขาพูดพร้อมขยับตัวหมากเพื่อเช็คคิงสีดำ ส่วนเขาก็ขยับคิงสีดำเพื่อหนี
         "ข้อที่สอง คือการที่คุณไม่คิดจะหาข้อมูลเกี่ยวกับตัวผมเลย ถ้าคุณจะถามเรื่องเกี่ยวกับผมก็ถามผมกับชิกุเระก็ได้แท้ๆ ผมก็บอกแล้วว่า’ผมไม่เคยโกหกนะ'—เช็ค
         ข้อที่สาม คือการที่คุณตัดสินใจเร็วเกินไปที่จะฆ่าผม ถ้าเธอขังผมซักสามวันโดยไม่ให้อาหารก็คงไม่ต้องเป็นแบบนี้—เช็ค
         ข้อที่สี่ คือการไม่ยอมเสียเกียรติของคุณไงละ—เช็ค
         ข้อสุดท้าย—ข้อที่ห้า—ต่อเนื่องจากข้อที่สี่ คือการที่คุณให้มาดูการประหารของผมไงละ มันทำให้เธอต้องขายหน้าต่อหน้าทุกคนไงละ"
         คินกุเปลี่ยนสรรพนามเรียกอลิซว่าเธอทันที เพราะนั่นถือว่าเป็นการเตือนให้กับคนอายุน้อยกว่าตัวเอง
    แต่นั้นก็ไม่ใช่ปัญหา
         ถ้าตอนนั้นเราปฏิเสธก็ต้องถูกประนามว่าขี้ขลาดแน่นอน แต่ในทางกลับกันที่เราแพ้ให้กับเขาต่อหน้าทุกคนทำให้เราขายหน้า เป็นผู้ชายที่ร้ายกาจจริงๆ
    ——เพร้งงงง
         "เช็คเมท—! รุกฆาตแล้วละคุณหนูน้อยอลิซ"
         เสียงแก้วกระทบกันดังขึ้นจากการที่คินกุวาง'พอน'ลงบนช่องB-7 อย่างแรงราวกับจะทำลายกระดาน
         ไล่ต้อนตัวเองมากเกินไปโดยไมรู้ตัว—ไม่สิถูกไล่ต้อนตั้งแต่แรกโดยไม่รู้ตัวมากกว่า
         ไม่ได้คิดอะไรกับเกมที่เขาเล่น—แต่เขาวางแผนโดยใช้ความคิดคำนึงถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าที่รู้กันอยู่แล้วมาใช้ให้เป็นประโยชน์
         ไม่สิ—เขาเองก็ไม่ได้วางแผนไว้ตั้งแต่แรก
         เขาเพียงแค่ใช้ความประมาทของอลิซาเบตแล้วไล่ต้อนเธอโดยใช้สงครามจิตวิทยา เพื่อเดิมพันเพื่อความอยู่รอดของตัวเองในวันข้างหน้าเท่านั้น
         ใช่แล้ว—ไล่ต้อนอลิซจนมุมเหมือนกับคิงสีดำที่เขาเล่นบนกระดาน คิงสีดำที่หนีไปจนสุดขอบกระดาน—ถูกไล่ต้อนจนรุกฆาต
         ที่จริง เขาสามารถเดิมพันให้เธอตายได้เลยถ้าเธอยังประมาท
         เด็กคนนี้เป็นใครกันแน่
         "ผมจะตอบคำถามนั้นให้ก็ได้"
         ราวกับอ่านใจของอลิซาเบท คินกุพูดด้วยท่าทางที่มั่นใจ
         แต่ไม่ว่าใครก็จะคิดแบบนี้กันทั้งนั้น
         คินกุเองก็เคยเจอผู้คนมามากมาย ทำให้เจอคำถามนี้จากคนที่เพิ่งเจอมามากเช่นกัน
         "ขอแนะนำตัวอีกครั้ง—เรามีนามว่า มุราคามิ เรน"
         เปลี่ยนสรรพนามเรียกตัวเอง เปลี่ยนเป็นสีหน้าที่นิ่งเหมือนกับคนตาย ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความเย็นชา ดูเยือกเย็นราวกับน้ำแข็ง
         สีหน้าที่นิ่งนั้น ไม่สามารถเดาได้เลยว่าคิดอะไรอยู่
         "ขออธิบายเพิ่มเติม มุราคามิคือนามสกุล ส่วนเรนคือชื่อจริง ส่วนชื่อคินกุที่เราบอกไปนั้นมันคือฉายาที่คนในโลกเดิมของเรา ตั้งให้กับเรา"
         "คินกุที่แปลว่าราชา ฉายาคินกุ(ราชา)แห่งหมากรุก ของเราไม่ได้มีไว้ประดับหรอกนะ สักวันเราจะเป็นคินกุ(ราชา)ของโลกนี้ให้ได้ เพราะว่าพลังของเรา เราจึงสามารถทำได้"
         สงบนิ่ง สีหน้าที่ไร้อารมณ์ของคินกุ—ไม่สิ เรน ทำให้อลิซรู้สึกเหมือนถูกกดดัน
         เรนใช้นิ้วชี้ไปที่อลิซาเบต
         "ลูสเนอร์(ผู้พ่ายแพ้)...ตามคำสัญญาให้เราพักที่นี้หนึ่งคืนซะ แค่นี้ก็ไม่ได้เสียหายอะไรอยู่แล้ว"
         ทั้งสองคนจ้องตาใส่กันจนเสก็ดไฟจะเริ่มระเบิดได้ทุกเมื่อ
         โดนดูถูกมามากพอแล้ว
         "แหม~แหม~ ท่านเรนจังละก็อย่าแกล้งลูกของดิฉันเล่นสิค่—า~"
         เสียงของคนที่ไม่ใช่อลิซ
         "ท่านแม่!"
         สาวที่ถูกอลิซเรียกว่าแม่
         สาวสวยผมบรอนซ์ที่ทำให้รู้ว่าอลิซได้มาจากใคร หน้าตาลูกครึ่งอังกฤษ ใส่ชุดสูทสีน้ำตาลเรียกเรนด้วยท่าทางสนิทสนม
         "อย่าเรียกเราว่าเรนจังนะ นานามิ"
         เขาตอบกลับด้วยสีหน้าที่หงุดหงิดที่สมกับร่างกายเด็ก แต่นั่นก็ดูง่ายมากว่าแสร้งทำ
         ราชินีแห่งอาณาจักรเดธออฟไลฟ์ มาดารของอลิซาเบต ผู้ก่อตั้งและเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนนี้ นานามิ เดธออฟไลฟ์
         เธอเดินเข้ามาในสนาม ทำให้ชิกุเระต้องกระโดดจากที่นั่งฝั่งคนดูมาที่สนามตาม
         ทั้งสองคนเดินมาอยู่เบื้องหน้าของเรน 
         "กรอดดดดดดดดดดดดดด"
         คิเมร่าขู่ใส่นานามิทันทีที่เธอเข้ามาใกล้ แต่เรนก็ลูบหัวแล้วบอกว่าไม่เป็นไร
         เรนนั่งไขว่ห้างและทำท่าเหมือนพระราชาที่มาจากไหนก็ไม่รู้
         ทั้งสองคนตอบสนองกิริยาแบบนั้นมาพร้อมกันโดยการคุกเข่าต่อหน้าเขาและพูดด้วยความเคารพว่า
         " 'ท่านเรน...ราชาของพวกเรา’ตัวหมาก’ทั้งสิบห้า ไม่เจอกันนานนะค่ะ' "
         "พอนลำดับA—นานามิ บิชอปฝั่งขวา—ชิกุเระ ถึงจะช้าไปหน่อยที่จะพูด แต่ก็ไม่ได้เจอกันนานนะ"




    อย่าลืมกดไลค์แฟนเพจMurakami
    เพื่อจะได้อัพเดตก่อนใครนะครับ^^




    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×