ตอนที่ 11 : takashi-san : eleven
คำทำนายของคุกกี้เสี่ยงทายครั้งที่สิบเอ็ด
“Life always got one more surprise for us"
ชีวิตมักพบความประหลาดใจมากกว่าครั้งหนึ่งเสมอ
- Fallen -
.. ชานยอลค่อยๆ ชิมรสของมันทีละนิด ..
เช้าวันใหม่อันเงียบสงัด ..จนเกินไป
หลังจากทำธุระส่วนตัวและช่วยจงอินดูแลเด็กๆ หลายร้อยต้นเสร็จเรียบร้อยแล้ว บอสทาคาชิก็ผันตัวมานั่งป้อนอาหารเจ้าโอดะที่หน้าบ้านเสียเอง คงไม่ต้องเดาถึงสภาพเน่าๆ ของเซฮุน เพราะอีกสองคนที่เหลือก็คงไม่ต่างกันมากนัก
Wu : Hey 06:55
Wu : Heyyyy! 09:07
แบคฮยอนระบายลมหายใจทิ้ง หลังเสียงแจ้งเตือนข้อความสงบลง
แน่นอนว่าการปล่อยผ่านเลยโดยไม่สนใจเปิดอ่าน เป็นหนึ่งทางเลือกที่แบคฮยอนทำอยู่เสมอ เขาไม่มีทางตอบกลับแน่หากเป็นข้อความสุดตื้อจาก อู๋ฟาน คริส
เพราะตั้งแต่การเจอกันโดยบังเอิญที่สุดแสนจะไม่ประทับใจในครั้งนั้น แบคฮยอนก็ไม่คิดจะติดต่อกับหนุ่มลูกครึ่งจีน-แคนนาเดียนให้เสียเวลาอีก เขาไม่ได้โกรธอะไรนัก นั่นคือสัตย์จริง นิสัยเสียของคริสเป็นอีกสิ่งที่แบคฮยอนมักจะทำเป็นมองข้ามมาโดยตลอด ตั้งแต่อีกฝ่ายเริ่มเผยธาตุแท้ระหว่างคบกัน
ฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลที่เขาจะต้องสนใจข้อความกวนประสาทนั่นเลยสักนิด
แต่แบคฮยอนกลับหยุดมองอีเมลค้างตอบฉบับหนึ่งอย่างชั่งใจแทน
From : O.S.
‘กลับมาเกียวโตบ้างสิ ฉันคิดถึงนายกับเซฮุนมากเลยนะ’
ตาเรียวกวาดมองรายละเอียดทั้งหมด และพบว่ามันถูกส่งเข้ามาเมื่อไม่นาน แบคฮยอนครุ่นคิด ถึงเหตุผลในการตอบกลับและผลที่จะตามมาหลังจากนั้น ..
ซึ่งสุดท้ายก็เลือกที่จะปล่อยมันผ่านเลยไปเช่นกัน
เสียงขู่ฟ่อจากเจ้าโอดะเรียกแบคฮยอนให้หันตามทิศทางที่มันสนใจ คิ้วเรียวขมวดมุ่นมองลอดผ่านช่องว่างเล็กๆ หน้าประตูรั้ว เขาเห็นรถครอบครัวคันใหญ่ถูกจอดลงพร้อมกับเสียงตะโกนเรียกชื่อทุกคนในบ้านสลับไปมาคล้ายกับขอความช่วยเหลือ
“อ้าว แบคฮยอนหรอกเหรอจ๊ะ?”
นั่นคือเสียงคุณนายปาร์ค คุณแม่ของชานยอล
เจ้าบ้านในชุดยูกาตะอุ้มเจ้าโอดะพาดไว้บนไหล่ ก่อนเปิดประตูรั้วให้แก่หญิงหน้าตาใจดี และกล่าวทักทายเธออย่างสุภาพ
“พอดีเผลอแวะซุปเปอร์นานไปหน่อย ของเลยเยอะจนลงจากรถไม่ได้ รบกวนทีนะจ๊ะติดต่อตาชานไม่ได้เลย” แบคฮยอนยิ้มรับเล็กน้อยให้กับภาพกล่องจำนวนมากและผักผลไม้หลายชนิด ..ที่กองพะเนินเป็นภูเขาอยู่เต็มรถ รวมไปถึงบนตักของเธอด้วย
“ไม่เป็นไรครับ”
“นี่จ้ะ” คุณนายปาร์คหอบของหลายถุงให้แบคฮยอนรับไป “มีพวกของใช้ในครัว แล้วก็เนื้อเอาไว้ตั้งเตากันนะ”
เจ้าบ้านโค้งขอบคุณด้วยท่าทีสำรวม และยกมุมปากยิ้มให้เธอไม่ขาด จนคุณแม่ยังสาวอดที่จะชื่นชมเพื่อนใหม่ของลูกชายคนนี้ไม่ได้ เพราะนอกจากการพูดคุยทางโทรศัพท์และเห็นผ่านตาที่โทโอบ้างในบางทีแล้ว หนนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ได้สำรวจแบคฮยอนใกล้ๆ
“นึกว่าจะปฏิเสธเสียอีก เดือนก่อนแวะเอาปูมาฝาก อี้ชิงแทบร้องไห้แหนะ เขาเกรงใจได้น่ารักจริงๆ”
“จะทำแบบนั้นได้ยังไงกันครับ” แบคฮยอนอมยิ้ม นัยน์ตาทอประกายความนอบน้อม “คุณน้าตั้งใจขนาดนี้ ผมคงปฏิเสธที่จะรับเอาไว้ไม่ได้”
คุณนายปาร์คหัวเราะให้กับคำพูดคำจาติดอารมณ์ดี แต่ยังคงความเป็นผู้ใหญ่เอาไว้เสมอต้นเสมอปลายไม่ต่างกับกิริยาท่าทางภายนอกที่เธอได้สัมผัส
เธอชอบเพื่อนชานยอลคนนี้จริงๆ
“ถุงสีดำนั่นของตาชาน ฝากให้เขาด้วยนะจ๊ะ แล้วนี่ของแบคฮยอนจ้ะ”
คนตัวเล็กรับของหนักอีกถุงมาถือเอาไว้ ด้วยความสงสัยจึงขอเสียมารยาทแหวกมันออกดูก่อน และพบว่าเป็นหนึ่งสิ่งที่ทำให้ตัวเองรู้สึกดีใจที่ได้รับอยู่ไม่น้อย
นั่นก็คือกล้วย แถมยังหวีใหญ่เสียด้วย
“ตาชานพูดให้ฟังว่าเราชอบเจ้านี่มาก พอเห็นก็ไม่ลังเลที่จะหยิบมาฝากเลยรู้ไหม”
แบคฮยอนคลายปากขึ้นคล้ายกับคาดไม่ถึง และก้มมองของในมืออีกครั้ง “ขอบคุณคุณน้ามากครับ”
“ไม่ต้องเกรงใจหรอกจ้ะ แล้วก็นะ แบคฮยอน” คนถูกเรียกเปิดตาขึ้นเล็กน้อยเพื่อให้ความสนใจกับสิ่งที่เธอกำลังจะพูด
“เรียกฉันว่าคุณแม่ดีกว่าจ้ะ”
ตาเรียวกระพริบถี่ทันทีเมื่อได้ยิน ..
“เรียกคุณน้าตลอดเลย เราก็เหมือนลูกคนหนึ่งนะ ไหนลองเรียกซิ”
แบคฮยอนเผลอกัดริมฝีปาก และส่งเสียงหัวเราะตามมารยาทอย่างช่วยไม่ได้เมื่อถูกคาดคั้นจากผู้ใหญ่
“ครับ คุณแม่”
“ดีจ้ะ ไว้ว่างๆ แวะไปที่บ้านบ้างนะ ชวนทุกคนเลย แม่จะรอ”
รอยยิ้มจากคุณแม่ยังสาวเป็นตัวยืนยันความพึงพอใจในคำพูดของแบคฮยอนได้เป็นอย่างดีเชียวล่ะ
เพราะคนเป็นแม่น่ะ ..รู้เรื่องของลูกเสมอ
แม้เจ้าตัวแสบของเธอจะไม่ยอมพูดออกมาตรงๆ ก็ตาม
Knock knock ..
“ชานยอล” แบคฮยอนยืนเคาะประตูห้องของคนตัวหนัก ที่เขาและจงอินช่วยกันแบกขึ้นมาส่งเมื่อคืน ..
ถึงตอนนั้นจะมีสายตาแปลกๆ จากเพื่อนผิวบรอนซ์ส่งมาถามเป็นระยะ ในขณะที่พยายามใส่เสื้อผ้าให้ชานยอลว่า ‘ทำไมฉันต้องเป็นคนทำด้วย?’ หรือ ‘ไปอาบกันอีท่าไหนถึงคอพับได้ขนาดนี้?’ ก็ตาม แบคฮยอนทำเพียงแค่ยกไหล่ ก่อนจะเดินกลับห้องของตัวเองไปอย่างไม่รับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
แต่ในเมื่อเวลานี้ชานยอลไม่ยอมลุกขึ้นมาเปิดประตู เจ้าบ้านจึงต้องขอเสียมารยาทผลักมันเข้าไปเองอย่างช่วยไม่ได้
สายโด่งแล้วแต่คนชอบก่อเรื่องก็ยังคงนอนตะแคงกอดผ้าห่มอยู่บนเตียงอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน คิ้วหนาขมวดแน่น คงพยายามเอาตัวรอดจากฝันร้ายในยามเช้าอยู่ลำพัง บอสทาคาชิส่ายหัวไปมาให้กับภาพที่เห็น
และยกมือขึ้นลูบหลังคอ อันเป็นที่อยู่ของรอยสุดหวาดเสียวเมื่อคืน
เจ้าบ้านถอนหายใจแล้วจึงเดินไปยังโต๊ะทำงานอันระเกะระกะ เนื่องจากเพิ่งผ่านสมรภูมิสอบไปหมาดๆ เขาวางกล่องคุกกี้ที่คุณนายปาร์คฝากมาไว้แถวนั้น และเพิ่มอุณหภูมิเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในระดับปกติก่อนที่คนขี้เซาจะแข็งตายในหน้าร้อนเสียก่อน
มาสังเกตดูแล้ว ห้องนี้เปลี่ยนไปจากเมื่อครั้งก่อนอยู่นิดหน่อย แบคฮยอนสะดุดตากับกีต้าร์โปร่งตัวสวยข้างเตียงเป็นอันดับแรก เขาเคยคิดว่าชานยอลเข้าชมรมดนตรีเพราะอยากอยู่ใกล้โทกะ และเพราะไม่เคยเห็นคนตัวสูงแบกมันไปไหนมาไหน หรือจับขึ้นมาโซโล่อวดเก่งเหมือนจงอินตอนมัธยมปลาย แต่พอเห็นแบบนี้แล้วคงต้องคิดใหม่
ก้านนิ้วเรียวรีดโปสเตอร์แผ่นเล็กที่กำลังจะตกแหล่ไม่ตกแหล่เหนือชั้นหนังสือให้กางออก แบคฮยอนจำได้ มันคือภาพเอไอคาแรคเตอร์ในเกมออนไลน์ที่ชานยอลชื่นชอบ ถึงขนาดเอาขึ้นหน้าจอล็อคสกรีนอยู่บ่อยครั้ง และวันนี้แบคฮยอนก็ใจดีพอที่จะหยิบหมุดขึ้นมาปักให้มันอยู่ในสภาพดีกว่าเดิม ข้างกันกับโปสเตอร์วงดนตรีรุ่นเก๋าอย่าง Arctic Monkeys อีกแผ่น
ลายมือภาษาอังกฤษบนโพสต์อิทแผ่นเล็กถูกติดเอาไว้ระเกะระกะ เต็มไปด้วยสูตรเอไอสลับกับสูตรโกงเกม และการเตือนความจำตัวเองอย่างลวกๆ ตามฉบับ ปาร์ค ชานยอล
ริมฝีปากบางยกยิ้มขันเมื่อเห็นกรอบรูปขนาดพอดีตั้งอยู่ข้างโน้ตบุ๊ก รูปด้านซ้ายปรากฏเด็กอ้วนยืนทำหน้าเหม็นบูดโชว์เหนียงอยู่หน้าไวท์เฮาส์ ถัดไปด้านขวามีโตเกียวทาวเวอร์เป็นฉากหลัง ทว่าคนในนั้นถูกเปลี่ยนเป็นชายหนุ่มผมหยักศกเมื่อหลายเดือนก่อน- ยืนยิ้มแฉ่งชูสองนิ้วแทน
โตขึ้นจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม
แต่สมุดเล่มบางที่ถูกเปิดเอาไว้ กลับสะดุดตาจนแบคฮยอนต้องเลิกคิ้วมองอย่างสนใจ เพราะในนั้นมีภาษาญี่ปุ่นจำนวนมากที่ถูกเขียนด้วยลายมือหวัดๆ อยู่เต็มไปหมด
โอ เซฮุน จาง อี้ชิง คิมจงอิน
แบคฮยอนอ่านในใจตามประโยคที่ชานยอลฝึกเขียน เพราะคำเหล่านี้ถูกคัดซ้ำๆ ปะปนไปกับศัพท์ยากๆ ในภาควิชาของพวกเขา รวมไปถึงคำที่ชานยอลมักใช้ผิดไวยากรณ์รวมอยู่จนแทบไม่มีที่ว่าง
และด้วยความที่ไม่คิดอะไรมากนัก แบคฮยอนจึงพลิกเปิดไปอีกหน้าอย่างไม่คาดหวัง
“...”
โดยไม่ทันเตรียมใจ แบคฮยอนก็ได้ล่วงรู้บางอย่างเข้าให้
.. บยอน แบคฮยอน ..
ชื่อของเขาถูกเขียนเอาไว้จนเต็มแผ่น มีแต่ชื่อของแบคฮยอนแต่เพียงคนเดียวที่ได้ครอบครองพื้นที่ทั้งหมดในหน้ากระดาษนั้น
คนตัวเล็กเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าคมคายในยามหลับใหลอยู่ครู่หนึ่ง พร้อมกับริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้นอย่างห้ามไม่ได้
นายจะทำยังไงต่อไปนะ ชานยอล
แบคฮยอนหยิบปากกาแถวนั้นมาถือเอาไว้ และจงใจเขียนข้อความบางอย่างแทรกลงยังที่ว่างเล็กๆ แทน ซึ่งก่อนจะเดินออกจากห้อง เจ้าบ้านก็ไม่ลืมที่จะส่งอุ้งมืออุ่นๆ ของตัวเองไปลูบผมหน้าม้าสีดำขลับของเจ้าของห้องขึ้นให้
ด้วยความรู้สึกที่พิเศษกว่าครั้งไหนๆ
“ปวดหัวชะมัด”
ชานยอลอ้าปากหาว พลางกระชับแขนยกเซฮุนที่นอนสลบอยู่บนหลังไม่ให้ตกลงไปคอหักตายเสียก่อน
กว่าจะงัดตัวออกจากเตียงได้ก็ปาไปเกือบเที่ยง แถมยังเจอแจ็กพ็อตเป็นข้อความจากทางคณะให้เข้าสัมมนาด่วนในช่วงบ่ายเพื่อเก็บกิจกรรมสุดท้ายของเทอมแรกอีก
ก็เลยต้องลากสังขารพร้อมทั้งแบกร่างไร้วิญญาณของเซฮุนมาพร้อมกัน แน่นอนว่าถูกมองตั้งแต่ลานจอดรถลากยาวจนถึงตอนนี้
คงไม่เคยเห็นคนแบกลามะล่ะมั้ง
คิดแล้วก็หงุดหงิดใจซะเหลือเกิน ทั้งเรื่องระบบจัดการปุบปับและอาการแฮงค์เฮงซวยนี่ เมื่อวานยอมรับว่าดื่มหนักเกินไปหน่อย แต่ก็ไม่นึกว่าจะหนักจนจำอะไรไม่ได้ขนาดนี้
ความทรงจำเลือนรางจนไม่แน่ใจว่าหลังจากนั่งดวลเบียร์กับแบคฮยอนแล้ว เกิดอะไรต่อจากนั้นบ้าง แต่ที่แน่ๆ ชานยอลตื่นขึ้นมาอยู่ในสภาพเสื้อผ้าชุดใหม่ ซึ่งตามทฤษฎีแล้ว การเมาหัวราน้ำไม่มีทางที่เขาจะละเมอเปลี่ยนมันเองได้
ไหนจะคุกกี้ยี่ห้อโปรดที่วางอยู่บนโต๊ะให้ได้ขนลุกเล่นอีก ครั้นจะถามอี้ชิงกับเซฮุน- สองคนนั่นก็สภาพอิดโรยจนเกินกว่าจะกล่าวหา
แถมยังมีฝันแปลกๆ อีก
เขาฝันเห็นแบคฮยอน เป็นฝันสุดสยิว จนอดที่จะคิดฟุ้งซ่านไม่ได้ เพราะหากคนตัวเล็กรู้ว่าจิตใต้สำนึกลึกๆ ของเขาเป็นอย่างไร ..มีหวังคอได้ขาดแน่
แรงดึงชายเสื้อจากเพื่อนตัวขาวเรียกชานยอลที่กำลังทำหน้าวิตกเอาไว้ได้ เซฮุนละแขนจากการกอดคอเพื่อนตัวสูง เพื่อชี้ไปอีกทางแยกหนึ่ง สื่อว่า ‘เดินเลยตรงนี้ไปได้ฉิบหายแน่ ข้างหน้าน่ะห้องน้ำหญิง’
ทั้งที่หลับตามาตลอด แต่ดันมองเห็นทางเนี่ยนะ!
เอาเปรียบแล้วยังน่ากลัวอีกเจ้าบ้านี่
เมื่อใกล้ถึงห้องสัมมนา ชานยอลก็เลือกที่จะวางคนแฮงก์ลงให้ไถลไปบนเก้าอี้แถวนั้น เขาไม่อยากเสี่ยงแหวกตัวเข้าไปในดงเด็กเอไอตรงหน้า ชานยอลไม่ชอบนักหรอก ความรู้สึกเวลาคนอื่นหลีกทางให้ตัวเองเดิน มันประหลาดจะตายชัก
“พวกที่เหลือไปไหนล่ะเนี่ย?”
“ทาง ..นี้ ..ครับ”
“เฮ้ย!”
ชานยอลกระโดดหนีอี้ชิงที่ผุดออกมาจากหลุมดำ เพื่อนชาวจีนค่อยๆ หยัดตัวให้ตรงจนได้ยินเสียง 'กึกกึก' ของไขกระดูก ก่อนจะเงยหน้าโทรมๆ ขึ้นทักทาย
“โอฮาโย ..ครับ ..ยอล ..จัง”
“โอฮาโยบ้านป้าแกสิ! เฮ้ย! ลืมตานะเฟ้ย! ห้ามนอน!” แขนแกร่งพยายามพยุงร่างปวกเปียกขึ้นมากองรวมกันกับร่างเซฮุน ครั้นจะสั่งสอนว่าอ่อนแล้วไม่เจียมสังขาร ภาพวิญญาณที่ลอยออกจากปากทั้งสองก็น่าสลดเกินกว่าจะตอกย้ำ
ชานยอลดึงของบางอย่างที่อี้ชิงกอดเอาไว้แนบอก- ออกมากาง พบว่าเป็นหนังสือพิมพ์ประจำโทโอที่เคยเห็นผ่านตาอยู่บ่อยครั้ง ทว่าพาดหัวข่าวหน้าแรกในสัปดาห์นี้ ที่นอกจากจะมีเรื่องบันเทิงต่างๆ แล้ว ยังมีสิ่งที่สามารถดึงความสนใจของเขาได้มากกว่าที่คิด
‘สัมภาษณ์เด็ก AI เรียนดี’
พร้อมรูป บยอน แบคฮยอน ในมุมแอบถ่าย เด่นหราอยู่กลางคอลัมน์
ชานยอลนึกได้ในทันที ที่โทกะบอกเอาไว้ว่าเจ้าพวกนั่นไปชมรมหนังสือพิมพ์วันก่อน คงเพราะตามเก็บตกเรื่องนี้เองสินะ
ข้อความตัวทึบถูกเน้นย้ำแกมจิกกัดเอาไว้ว่า ‘เขาคนนี้ตามตัวยากเสียยิ่งกว่าโทโอคิวท์บอยเสียอีก’ และนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะชอบใจจากชานยอลได้เป็นอย่างดี
แหงอยู่แล้ว ความเย่อหยิ่งของ บยอน แบคฮยอน เป็นที่เลื่องลือซะขนาดนั้น ไม่แปลกหากคนมีอคติอยู่แล้วจะใส่สีตีไข่ไปต่างๆ นานา และถ้าถามชานยอลที่เคยผ่านความรู้สึกเหล่านั้นมาก่อน- ในตอนนี้ เขาพูดได้เต็มปากว่าไม่ใกล้เคียงเลยสักนิด แต่เอาเข้าจริงก็ขึ้นอยู่กับแบคฮยอนเองด้วย ว่าเจ้าตัวเลือกที่จะหยิ่งกับใคร
ยิ่งพวกที่ชอบหาผลประโยชน์กับคนอื่นด้วยแล้วล่ะก็ แบคฮยอนจะปิดกั้นตัวเองเป็นพิเศษ ซึ่งหากให้ชานยอลเดา ชมรมนี้คงพยายามกันอย่างหนักหรือต้องมีข้อแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อพอให้คนอย่างแบคฮยอนเปิดปากสัมภาษณ์ด้วยความยาวละเอียดยิบขนาดนี้
ถึงหัวข้อข่าวจะดูเป็นทางการ แต่เนื้อหาส่วนใหญ่กลับเป็นเรื่องส่วนตัวเสียจนชานยอลนึกขำ เพราะลองคิดภาพแบคฮยอนตอนถูกสัมภาษณ์หัวข้อพวกนี้ดูแล้ว หมอนั่นคงนั่งหน้านิ่ง ‘ตอก’ กลับอย่างไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว
ตัวอย่างเช่น
Q : คิดอย่างไรกับคำพูดที่ว่า ‘บยอน แบคฮยอน ทำจากวัสดุที่ผลิตขึ้นในขั้วโลกเหนือ’
BH : คิดว่ามันคือเรื่องเก่าซึ่งผมเบื่อที่จะตอบแล้ว แต่ถ้าผลิตในขั้วโลกเหนือจริง ราคาคงสูงน่าดู
Q : แต่คำว่า ‘สมบัติของโทโอ’ จากฝั่งคนรักแบคฮยอนคงน่าพอใจอยู่ไม่น้อยจริงไหม?
BH : ผมไม่เคยได้ยินมันมาก่อน ต้องขอโทษด้วย
Q : ได้ยินมาว่ากิจกรรมยามว่างที่กลุ่มคุณชอบทำร่วมกันคือการไปเซ็นโตใช่ไหม?
BH : เรียกว่ากิจกรรมยามว่างคงไม่ได้ เพราะถ้าพวกเราอยากไป ไม่ว่างพวกเราก็ไป
หรือ ..
Q : ไม่นานมานี้มีข่าวที่ถูกแชร์ไปทั่วว่าคุณเอาชนะชมรมบาสเก็ตบอลปีสามได้ เรื่องจริงรึเปล่า?
BH : เป็นเรื่องจริงว่าพวกเราชนะมาได้ แต่ขอทำความเข้าใจใหม่ เพราะทีมที่ผมเข้าไปเสริมคือปีสองชมรมบาสเก็ตบอลเหมือนกัน ซึ่งคงไม่น่าแปลกอะไรนัก
และที่เด็ดไม่แพ้ข้อไหนก็คงจะเป็น ..
Q : พูดถึงสมาชิกในกลุ่มหน่อยสิ โดยเฉพาะสมาชิกใหม่คนนั้น
BH : คงต้องขอปฏิเสธ เพราะถึงผมจะพูดอะไรไป คุณก็ตัดสินพวกเขาจากสิ่งที่เห็นอยู่ดี
บอสแห่งทาคาชินี่มันจริงๆ เลยให้ตายสิ
เมื่อหัวเราะจนพอใจแล้ว ชานยอลก็หนีบหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นเอาไว้ เขาจัดการส่งข้อความบอกพิกัดคนแฮงก์ให้จงอินมารับไปดูแลต่อ แล้วขอตัวไปหาเครื่องดื่มแก้แฮงค์ก่อนจะกลายเป็นศพที่สามในวันนี้แทน
หนุ่มลูกครึ่งตัวสูงเดินล้วงกระเป๋าไปตามทางเชื่อมพลางมองต้นซากุระใบเขียวดกด้านล่าง เขาคิดว่าหากเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง นอกจากมันจะผลัดใบเป็นสีส้มเกือบทั้งต้นแล้ว อากาศก็คงจะดีขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย
ชานยอลเลือกที่เลี้ยวมายังชั้นเก็บล็อกเกอร์ หลบเสียงซุบซิบที่เริ่มมามากขึ้นในช่วงนี้ เขาพบเข้ากับหญิงสาวคนหนึ่ง เธอด้อมๆ มองๆ อยู่แถวนั้นพร้อมกับกล่องของขวัญในมือเล็ก และดูตกใจไม่น้อยเมื่อสบตากัน
ก็คงหนีไม่พ้นแฟนคลับเจ้าพวกทาคาชินั่นแหละ
หนุ่มลูกครึ่งหยุดยืนข้างๆ เธอ ก่อนจะเปิดล็อกเกอร์ของตัวเองเพื่อหยิบหูฟังออกมาตามปกติ
แต่ทว่า ..
“รุ่นพี่คะ”
หืม?
คิ้วหนาเลิกขึ้นแล้วหันกลับมามองกล่องของขวัญที่ถูกยื่นมาให้ แก้มของเธอซับสีแดงปลั่งจนน่าเอ็นดู
“อ้อ ถ้าจะเอามาให้เจ้าพวกนั้นก็ว่างไว้ในล็อกเกอร์–”
“ฉันให้รุ่นพี่ค่ะ!” หญิงสาวก้มหน้า เธอโพล่งเสียงดังพร้อมกับดันเจ้ากล่องนั่นใส่อกแกร่งจนชานยอลเริ่มที่จะทำตัวไม่ถูก
“เอ่อ ..” เขายกมือขึ้นรับมันไว้ และก่อนที่จะได้พูดอะไรเป็นการขอบคุณ ..เธอคนนั้นก็วิ่งหายไปเสียแล้ว
ไม่จริงน่า ..นี่เขาถูกผู้หญิงเข้าหาอีกแล้วเหรอเนี่ย?
ถึงเรื่องจะเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วและทำให้รู้สึกงงงวยอยู่ไม่น้อย แต่ชานยอลก็ขอรับน้ำใจจากเธอเอาไว้โดยการแกะกล่องสีพาสเทลออก แล้วหยิบช็อคโกแลตนมเข้าปาก
เขาคาบมันไว้ก่อนจะเก็บชิ้นที่เหลือเข้าล็อกเกอร์ ชานยอลนึกถึงคำพูดของจงอินที่ว่า ‘แกต้องทำตัวประหนึ่งกล้วยที่ยังไม่สุก ต้องดิบเข้าไว้ผู้หญิงส่วนใหญ่ชอบแบบนั้นเชื่อเถอะ’ นั่นคือเขาต้องทำราวกับไม่รู้สึกอะไร หน้าต้องนิ่งเข้าไว้ แล้วเดินออกไปให้พ้นที่เกิดเหตุซะ แม้ว่าจะตื่นเต้นจนแทบทรุดก็ตามที
คนตัวสูงเดินมึนงงไปเรื่อยจนพบเข้ากับตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ แน่นอนว่าคนแฮงก์เล็งไปที่กาแฟดำเป็นอันดับแรก ชานยอลหยอดเหรียญสำหรับหนึ่งกระป๋อง จมูกโด่งถอนหายใจยืดยาวก่อนจะล้วงมันออกมาจากช่องรับเครื่องดื่ม
เขากระดกมันเอาเป็นเอาตายอยู่ตรงนั้น ความเย็นกับรสชาติเข้มข้นทำเอาขนลุกซู่ไม่หยุด แต่ในขณะที่กำลังหลับตาลิ้มรสอย่างเพลิดเพลิน เสียงกดตู้ด้านข้างก็เรียกให้ต้องหันไปมอง ..
“น่ารักดีหนิ”
และพ่นกาแฟ ‘พรวด!’ เมื่อเห็นว่าคนๆ นั้นเป็นใคร
“แบคฮยอน!” ชานยอลถอยร่นจนร่างติดตู้ เขาชี้หน้าบอสทาคาชิไปมาราวกับคนสติแตก นั่นเพราะความฝันเมื่อคืนไหลเข้ามาเป็นฉาก จนไม่รู้ตัวว่าเผลอหน้าแดงไปถึงหูตั้งแต่เมื่อไหร่
“ทำไมนายต้องตกใจที่เห็นฉันขนาดนั้น?” คนตัวเล็กก้มลงหยิบกระป๋องชาเขียวขึ้นมาเปิดบ้าง ก่อนจะมองกลับไปนิ่งๆ เช่นเคย
“ก็ ..ช่วยมาแบบปกติหน่อยเถอะ! แล้วอะไรที่ว่าน่ารักของนาย?!” ชายหนุ่มเผลอขึ้นเสียงกลบเกลื่อนอีกตามเคย จนเมื่อรู้ตัวก็ลับมายืนตัวตรงทำเป็นกระดกกาแฟดำลงคอต่อ ทั้งที่ในหัวปั่นป่วนแทบบ้า
เขาเห็นแบคฮยอนหรี่ตาจับผิดก่อนจะยกกระป๋องชาเขียวขึ้นดื่มต่อ นั่นเป็นครั้งแรกที่ชานยอลได้สังเกตคอลำคอขาวยามเมื่อกลืนของโปรดลงคอ ..
แบคฮยอนไม่มีลูกกระเดือก ..ไม่มีเลยสักนิด
“เด็กผู้หญิงคนที่ให้ช็อคโกแลตนายไง”
‘พรวด!!’ แล้วชานยอลก็พ่นมันออกมาเป็นครั้งที่สองของวันจนได้
“..นายเห็น?”
“ฉันพูดในสิ่งที่เห็น” โทนเสียงแบคฮยอนยังคงปกติ ทว่าแววตาไม่พอใจเล็กน้อยที่เกิดขึ้น เล่นเอาชานยอลถึงกับต้องแลบลิ้นเลียริมฝีปากด้วยความประหม่า เขาพยายามที่จะไม่คิดเข้าข้างตัวเองแล้ว แต่พอเห็นแบบนี้
มันอดคิดไม่ได้จริงๆ
“หนังสือพิมพ์ของสัปดาห์นี้ใช่ไหม?” บอสใหญ่เหลือบตามองของที่ชานยอลหนีบเอาไว้ เช่นเดียวกับหนังสือห่อปกของตัวเอง
“อ่า” เสียงทุ้มตอบรับ ชานยอลขยับเข้ามาใกล้เพื่อให้แบคฮยอนหยิบมันออกไปดูบ้าง “คอลัมน์สัมภาษณ์ของนายคงจี้ใจพวกนั้นไปอีกหลายปี”
“อ่านแล้ว?”
“ก็นิดหน่อย”
“แต่คงเป็นฉบับสุดท้ายที่นายจะได้อ่าน” แบคฮยอนทำเพียงแค่ยกมันขึ้นมาดูครู่เดียวเท่านั้น
“มันก็ไม่เลวเลยนี่”
บอสทาคาชิยกกระป๋องชาเขียวขึ้นวนไปมา “คำพูดด้านดีของฉันถูกตัดจนเหลือแต่ความขวางโลก นายไม่คิดแบบนั้นเหรอ?”
“ไม่คิดสิแปลก” ชานยอลยกไหล่อย่างไม่แยแส “แต่มันก็แค่วูบเดียว”
“ยังไง?”
“เพราะนายที่ฉันรู้จัก ไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย”
แบคฮยอนลดหนังสือพิมพ์ลงแล้วมองใบหน้าคมที่พยายามเฉไฉไปทางอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการมองสบตากับตน
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน–”
ยังไม่ทันที่แบคฮยอนจะได้พูดอะไรตามใจ ..กระป๋องชาเขียวในมือก็ถูกฉกออกไป พร้อมทั้งแรงชนจากด้านหลัง จนทำให้ร่างทั้งร่างเซเข้าปะทะอกกว้างของ ชานยอลอย่างไม่ทันตั้งตัว
ดีที่แขนแกร่งโอบรัดเอาไว้ได้ทัน ..
ชานยอลตกใจไม่น้อย แต่กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆ และความนุ่มนิ่มในอ้อมกอด ก็ปลอบขวัญเขาได้ดีเกินคาด แม้กาแฟดำจะหกลงไปกลิ้งกับอยู่พื้น เขาก็ไม่คิดจะเสียดายมันเลยสักนิด
แต่อีกคนเนี่ยสิ ไม่ปล่อยให้เขาใจเต้นนานเลย แบคฮยอนที่ตั้งตัวได้ดันหันหลังเตรียมจะหาเรื่องคนซุ่มซ่ามผู้มาใหม่
ทว่านั่นกลับเป็นต้นเหตุที่ทำให้นัยน์ตาคมเบิกกว้าง
เพราะหลังคอที่โดนเสื้อเชิ้ตปิดทับเอาไว้ก่อนหน้า ในตอนนี้ดันเผยให้เห็น ..
‘นายน่ารักจริงๆ แบคฮยอน’
‘น่ารักจนฉันไม่รู้ว่าต้องทำตัวยังไง ..เวลาอยู่ใกล้ๆ นาย’
ร่องรอยที่เหมือนกับในฝัน
“ทำแบบนี้ฉันไม่ชอบใจเลยนะคริส”
แขกผู้มาเยือนและน้ำเสียงแกมโมโหของแบคฮยอน ..
ไม่ได้เข้าไปในโสตประสาตของชานยอลเลยสักนิด
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ชานรู้แล้วว่าตัวไม่ได้ฝัน แล้วทีนี้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน เขินตายชัก
อยากรู้แบคเขียนอะไรในสมุด > <
คุณแม่คะ คุณแม่ต้องรู้อะไรใช่มั้ยคะ ยอลจังเค้าพูดถึงแบคซังบ่อยๆใช่มั้ยคะคุณแม่
แต่เรื่องฝันของชานยอลไม่ใช่เรื่องเล่นนะคะ อยากให้เล่าความฝันให้ฟังโดยละเอียดหน่อยได้มั้ยคะ เอาที่ต่อจากรอยที่คอ 55555555555555