ตอนที่ 1 : takashi-san : one
คำทำนายของคุกกี้เสี่ยงทายครั้งแรก
"There’ s a fine line between coincidence and fate"
มีเพียงเส้นบาง ๆ เท่านั้นที่แบ่งแยกความบังเอิญออกจากโชคชะตา
- The Mummy Retuens -
.. ชานยอลเผลอทำมันร่วงลงพื้น ..
“เข้าใจภาษาญี่ปุ่นไหม?”
นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนไหววูบ ก่อนเบนขึ้นไปยังต้นเสียง
เขาชะงักค้าง ขมวดคิ้วแน่น
ในช่วงเวลาที่คล้ายกับการจนมุม คุณจะทำตัวอย่างไร?
นักศึกษาปี 2 มหาวิทยาลัยโทโอในโตเกียว
คลาสเรียนวันแรกของเด็ก AI1
ต่างจับจ้องมายังชายหนุ่มลูกครึ่งเกาหลี-อเมริกันตัวโย่งอย่าง ปาร์ค ชานยอล
เขาถูกชนจนล้มลงไปกองกับพื้นหน้าประตูห้อง ในเวลาเลิกคลาสพอดิบพอดี ..
ทว่าฝ่ามือเรียวที่ยื่นออกมาตรงหน้า กลับทำให้ชานยอลผงะถอย
‘รู้จักกลุ่ม ‘ทาคาชิ’ ไหม?’
‘เด็กฝรั่งบ้าเกมอย่างแกไม่รู้ก็ไม่แปลก’
‘เจ้าพวกนั้นอยู่เอไอเหมือนกัน ถึงจะคนละห้องก็เถอะ’
‘รู้ไว้ซะ นั่นเป็นพวกระดับท็อปของปีเรา’
เสียง มิโดริยะ เพื่อนสนิทคนแรกเมื่อตอนปีหนึ่ง ไหลบ่าเข้าสู่สมอง รั้งชานยอลให้ยกปากไม่ขึ้นไปกันใหญ่
นั่นเพราะคนที่อยู่ตรงหน้าเขา ..
‘คนนี้เหรอ?’
‘บยอน แบคฮยอน ลูกครึ่งเกาหลี-ญี่ปุ่น’
‘พนันว่าแกไม่อยากเข้าใกล้เขาหรอก’
‘อ่าใช่ คะแนนสอบเข้าอันดับหนึ่งก็หมอนี่’
‘แล้วก็นะ ผู้ชายที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้ากลุ่มอย่างแบคฮยอนน่ะ ..’
‘น่ากลัวอย่าบอกใคร’
น่ากลัว
ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ชานยอลค่อนข้างเห็นด้วยกับมิโดริยะอยู่มาก และเขาก็ไม่เคยเฉียดเข้าใกล้กลุ่มทาคาชิบ้าบอนี่อีกหลังจากวันนั้น ..
วันที่ โทกะ ประธานรุ่นเอสไลน์ไซส์สามสิบสี่ หญิงสาวผู้แสนดีที่ตนแอบปิ๊ง เดินหอบเค้กช็อกโกแลตโฮมเมดไปประเคนแบคฮยอนในวันสอบไฟนอลปีหนึ่ง
ก่อนเธอจะสารภาพรักออกไปด้วยความขลาดเขิน
ใช่ เป็นวันที่ชานยอล อกหักดังเป๊าะ!
เขาเป็นไอ้ก้างขี้ขลาดที่ยืนหลบอยู่หลังเสา ..มองดูมือเรียวสวยราวผู้หญิงของแบคฮยอนลูบเรือนผมสีคาราเมลอย่างปลอบประโลม พร้อมน้ำตาจากหญิงสาวผู้แสนน่ารักรินไหล
และใช่ เป็นวันที่โทกะถูกปฏิเสธ
เธอเองก็อกหักเช่นเดียวกับชานยอล
นั่นน่ะ เป็นหนึ่งในความน่ากลัวของ บยอน แบคฮยอน
ย้ำว่าเป็นเพียงแค่หนึ่ง
แบคฮยอนเป็นผู้ชายที่ถูกมองว่าทั้งหล่อและสวยในคราวเดียวกัน
ถึงตัวจะค่อนข้างเล็ก แต่บุคลิกสุดดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า มีไหล่กว้างสมส่วน หลังตั้งตรงผ่าเผยรับกับเชิ้ตพับแขนโชว์ข้อมือขาว อีกทั้งชายเสื้อที่ถูกเก็บเข้าด้านในกางเกงขนาดพอดีตัวอย่างเรียบง่าย หากแต่สะดุดตาทุกครั้งเมื่อจับจ้อง
และผมสีบลอนด์สว่าง เสริมความเฉยชาจนแทบติดลบ
แบคฮยอนมักจะก้าวด้วยจังหวะมั่นคง ย่างเท้าเหลื่อมล้ำเพื่อนสนิททั้งสามออกมาด้านหน้าเล็กน้อยเสมอ พร้อมกับแขนซึ่งหนีบหนังสือห่อปกมิดชิดเอาไว้ ใบหน้าเรียวเชิดขึ้นพอประมาณจนทำให้หลายคนตั้งคำถามถึงความหยิ่งยโสอยู่บ่อยครั้ง
และนัยน์ตาเรียวที่ไม่เคยหลบความสอดรู้ของใครหน้าไหน ..
“...”
แต่ความเย็นเหยียบเหล่านั้นกำลังส่งตรงมายังชานยอล ที่นั่งก้นจ้ำบ๊ะขวางประตูอยู่
ชายหนุ่มผู้ปฏิญาณตนแน่วแน่ว่าจะอยู่ห่างจากเจ้าพวกนี้ไปจนวันตาย- ยังคงขมวดคิ้วแน่น เขาอ้ำอึ้งไม่ยอมยกปากตอบคำถาม หรือแตะมือเรียวที่ดูท่าจะให้ความช่วยเหลือนั่นเลยสักนิด
ก็เจ้ามิโดริยะ ..เคยบอกว่าแบคฮยอนน่ะแล้งน้ำใจสุดๆ !
คงเป็นเรื่องตลกร้ายที่ว่าแบคฮยอนและเหล่าผองเพื่อนทั้งสาม
กำลังยืนจังก้าอยู่ตรงหน้าเขา
“What's crackin’ ? ” (ทำอะไรของนาย?) แบคฮยอนเอ่ยภาษาบ้านเกิดของชานยอลด้วยน้ำเสียงราบเรียบ หลังพิจารณาแล้วว่าคนตัวโย่งคงฟังภาษาญี่ปุ่นไม่ได้การนัก
แต่ทว่าเข้าใจผิดถนัด ..
ชานยอลระลึกมันได้ทุกคำตั้งแต่ภาษาญี่ปุ่นประโยคแรกแล้ว!
“I think he afraid of you? Baek-san” (ผมคิดว่าเขากลัวแบคซังนะครับ)
จำได้ว่าชายผิวซีดคนนี้ชื่อ จาง อี้ชิง
หนุ่มชาวจีนมากคาริสม่าโค้งตัวจ้องหน้าอึนๆ ของชานยอลอยู่ครู่ ก่อนเอี้ยวหน้ากลับมาส่งยิ้มให้แบคฮยอนดังเดิม
“เจ้านี่จะเป็นอะไรก็ช่างมันเหอะน่า นี่มันเวลาอาหารเที่ยงนะโว้ย!”
คิม จงอิน ผู้หน้านิ่วคิ้วขมวดพ่นภาษาญี่ปุ่นออกมาเสียงดังฟังชัด
เขาเป็นชายผิวบรอนซ์ลูกครึ่งญี่ปุ่น-อเมริกัน เกิดและโตในซานฟรานซิสโกเช่นเดียวกับชานยอล
ชายหนุ่มผู้ฮอตจนปรอทแตก
อีกทั้งขี้โมโหและเจ้าอารมณ์เป็นที่หนึ่ง
แต่พอแบคฮยอนหันกลับไปมองนิ่งๆ ..
ปากปีจอนั่นก็หันมาลงกับเพื่อนตัวสูงที่ยืนหน้าง่วงอยู่ข้างๆ แทน
“เฮ้ย ฮุน ไปจับหมอนั่นลุกขึ้นซิ”
คนถูกใช้ไร้การตอบสนอง เขาหาวราวกับไม่ได้นอนมาทั้งชีวิต
โอ เซฮุน หนุ่มสายเลือดญี่ปุ่นแท้เพียงหนึ่งเดียวในกลุ่มอมยิ้มจนตาแทบปิดให้กับแบคฮยอน ก่อนเอื้อมมือไปแย่งกระเป๋าเพื่อนตัวเล็กกว่ามาถือไว้แทน
และภาพทั้งหมดที่เกิดขึ้นทำให้ชานยอลตะโกนแหกปากในความคิด
ครั้นควานหาเสียงแล้วทำทีจะพูด เพียงเท่านั้นแหละ ..
!!!
มือเรียวที่เคยยื่นมาด้านหน้ากลับแปรเปลี่ยนเป็น ขย้ำ คอเสื้อยืดตัวใหญ่ของชานยอล และออกแรงบังคับคนตัวโย่งให้ลุกขึ้นยืนในทันใด
ท่ามกลางเสียงฮือฮาของคนในคลาสที่รอดูเหตุการณ์อยู่ไม่ห่าง
“We must hurry up” (พวกเราต้องรีบหน่อย) ดวงตาอ่านยากของแบคฮยอนทำเอาชานยอลหวาดหวั่นขึ้นเป็นเท่าตัว
เหงื่อซึมออกขมับจนอดที่จะสมเพชตัวเองในใจไม่ได้ แม้พื้นนิสัยจะเป็นมนุษย์ขวานผ่าซากและกร่างไม่เลือกหน้า แต่ตอนนี้ดันขี้ขลาดเกินกว่าจะปัดป้องมืออีกคนทิ้ง
เอาจริงนะ เขาทำอะไรกับแบคฮยอนคนนี้ได้บ้างเหรอ?
!!!
ยังไม่หมดเพียงเท่านั้น
จากนี้ต่อไป .. คืออาฟเตอร์ช็อก
ชานยอลถูกกระชากคอเสื้อให้เดินตามอย่างยากลำบาก
โดยมีสามชีวิตทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ราวกับเป็นเรื่องปกติคล้ายกับการจูงลูกสุนัขเดินเล่นในยามเช้า!
พวกเขาจับชานยอลยัดเข้าไปในลิฟท์อย่างรวดเร็ว
ชายหนุ่มตัวโย่งอึกอักและพยายามฮึดที่จะแย้งบ้าง
ทว่ากระจกตรงหน้าซึ่งสะท้อนดวงตาดำขลับ และสามสหายที่ส่งสายตาเอ็นดูพร้อมกับส่ายหัวไปมา ก็ได้ย้ำชัดแล้วว่าเขาควรเงียบเอาไว้เสียดีกว่า
แต่มันเกินหน่อยไหม
ชานยอลไม่เข้าใจว่าแบคฮยอนกำลังคิดจะทำอะไรต่อไป
แล้วก็นึกหาเหตุผลที่จะทำให้คิดออกไม่ได้เลยด้วย!
ที่สำคัญ ..กลุ่มที่ดูดีราวกับนายแบบอย่างสี่คนนี้ มีเหตุผลอะไรที่ต้องมายุ่งกับเขา- เด็กลูกครึ่งพูดญี่ปุ่นไม่ค่อยชัด ตัวผอมเก้งก้าง ฟันเยอะ หูกาง ขาโก่ง ผมฟูแถมบาง โง่ และหยาบคาย
พยายามเรียบเรียงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาสั้นๆ ก็ได้ความแค่ว่า
1. เขาเข้าเรียนสายในคลาสแรก
2. รีบร้อนเดินเข้าประตู
3. ก้มลงมองคุกกี้เสี่ยงทายในมือที่ร่วงลงพื้น
4. ถูกใครสักคนชนจนล้มขวางประตู
5. โดนแบคฮยอนยื่นมือเข้ามาช่วย
6. เขากำลังโดนลาก
7. โดนลากอยู่
..
100. โดนลากไปไหนก็ไม่รู้!
ทางลาดยาวสองฝั่งเต็มไปด้วยต้นซากุระสูงใหญ่กำลังพลิ้วโบกสะบัดสู้แรงลม และอีกไม่กี่ก้าวด้านหน้าคือวงเวียนน้ำพุอันวิจิตรงดงามของโทโอ
แต่ก็ไม่สามารถดึงดูดสายตาชานยอลที่พร้อมจะอาเจียนออกมาในตอนนี้ได้เลย
“เดี๋ยวพวก!” สำเนียงญี่ปุ่นติดแปร่งของเด็กลูกครึ่งฉุดแบคฮยอนเอาไว้ “จะพาฉันไปไหน?” คนตัวโย่งเอ่ยตะกุกตะกักขัดหู จนแบคฮยอนจำต้องปล่อยมือแล้วหันกลับมามองอาการกล้าๆ กลัวๆ ของคนตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้า
สหายทั้งสามหยุดเดินกะทันหันแล้วแกล้งทำเป็นชมนกชมไม้ เมื่อสัมผัสได้ถึงรังสีซึ่งแผ่ออกมาจากตัว ‘บอสใหญ่’ ของกลุ่ม
“เขาขึ้นเสียงใส่แบคซังด้วยครับ” อี้ชิงกระซิบ
‘ไอ้นี่กล้าไม่เบา” จงอินเหล่
“...” ส่วนเซฮุนนั้นพยักหน้าตอบ
พวกเขาไม่อยากนึกถึงสภาพเจ้าฝรั่งขี้นกต่อจากนี้สักเท่าไหร่ ..
“ก็พูดญี่ปุ่นได้นี่” แบคฮยอนทักท้วง
เอาแล้วไง ..
น้ำเสียงเย็นของบอสใหญ่ทำเอาเพื่อนทั้งสามกุลีกุจอหลับตาหันหลังหนี เป็นไปได้พวกเขาขอตัวผ่านเหตุการณ์นี้ไปโดยไม่อยากรู้เห็นอะไรจะดีกว่า
“เรื่องนั้น ..” ชานยอลกลอกตาหลุกหลิก
เขาต้องบอกด้วยเหรอ ว่าที่ไม่พูดตั้งแต่แรกก็เพราะมัวแต่ย้อนอดีตถึงวีรกรรมของแบคฮยอนอยู่ แล้วที่ไม่ยอมจับมือรับความช่วยเหลือก็คงไม่ต้องอธิบายให้มากความ
“เอาเป็นว่าฉันไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองถึงถูกลากออกมาที่นี่” เขาพูดมันออกไปแล้ว แทบจะเรียกได้ว่าหลับตาปี๋แล้วแร็ปตอบแบบไร้โฟลวเลยด้วยซ้ำ
แบคฮยอนยังคงนิ่ง
ได้ยินเสียงลมหวีดหวิวพัดผ่านให้ชานยอลตัวสั่น ..
กระทั่งรู้สึกได้ถึงแรงบีบที่หัวไหล่จากอี้ชิง
“แสดงว่าไม่ได้ฟังเลยสินะครับ?”
คนถูกทักขมวดคิ้ว “ฟัง?”
“ก็ตอนที่คุณกำลังเดินเข้าคลาส เซ็นเซย์สั่งโปรเจค และแบ่งกลุ่มกันเรียบร้อยแล้ว”
“แล้วไง?”
“กลุ่มนึงต้องมี 5 คนน่ะสิครับ”
ชานยอลมองสหายทั้งสามที่เริ่มเดินผ่านหลังเขาไปอยู่ฝั่งแบคฮยอนทีละคนอย่างทำความเข้าใจ
5 คน .. งั้นก็แสดงว่า
“ฉันเป็นคนที่ 5 งั้นสิ!?”
“อืมฮึ”
“ทำไมต้องฉันด้วย?!”
“เพราะไม่มีใครกล้ามาอยู่กลุ่มพวกเราไงครับ!” อี้ชิงปรบมือประสานกันที่อก พร้อมกับส่งรอยยิ้มสดใสปิ๊งปั๊งไปให้ หมู่มวลอากาศรอบตัวเจ้าหมอนี่เป็นสีชมพูและรูปหัวใจลอยฟุ้งไม่หยุด ..
“แล้วก็ไม่มีใครเขาเอาแกด้วย เจ้าโง่” ตามมาด้วยจงอินที่ลูบท้องเพราะความหิว ตอบกระแทกหน้าชายโชคร้ายให้ยืนตาเหลือกหลังจากที่ได้รู้เหตุผล
ขนาดเจ้ามิโดริยะยังทิ้งเขาได้ลงคอเหรอ?!
“ถ้าไม่โอเคมันก็เรื่องของนาย” แบคฮยอนหลับตาลงแล้วลอบถอนหายใจด้วยความเบื่อหน่าย เขาหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเลื่อนอยู่สักพัก กระทั่งจุดยิ้มมุมปากขึ้นอย่างนึกถูกใจ “เพราะอีกไม่นานคงต้องบอกลากันแล้วจริงไหม?”
มือเรียวยื่นหน้าจอไปจ่อปลายคางชานยอลให้อีกคนได้รู้
นี่มัน ..
ประวัติการเรียนของเขา!
แบคฮยอนดึงของพวกนี้ออกมาทั้งหมดได้ยังไง?!
“หูว ปีหนึ่งดรอปเพียบ ติดเอฟอีกตัวนึงด้วยครับ” เสียงอี้ชิงฟังดูล้อเลียน ชานยอลชอบกล
“แต่พวกนายทำแบบนี้ มัน–”
“ฉันมีตัวเลือกให้สองทาง ทางแรก” แบคฮยอนขัด เขาชูนิ้วชี้ขึ้นแทบจะแนบจมูกชานยอล สีหน้ามั่นอกมั่นใจของบอสทาคาชิทำให้ผู้โชคร้ายแห่งโทโออยากจะวิ่งหนีไปเสียให้พ้น “เป็นเด็กดีแล้วมาสร้างข้อตกลงกัน”
“...”
“หรือสอง ..” นิ้วกลางถูกดีดให้เด้งขึ้นกระแทกหน้าชานยอลจนต้องผงะถอย แต่เพียงครู่เดียวแบคฮยอนก็เก็บนิ้วแรกลงแล้วหันนิ้วที่เหลือไปให้หนุ่มลูกครึ่งแทน
“You should kick your ass back to San Francisco. Park Chanyeol” (เตะก้นตัวเองกลับซานฟรานซิสโกไปซะ ปาร์ค ชานยอล)
WHAT THE –!!
1 AI ปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) เรียนด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์ และวิศวกรรมเป็นหลัก ซึ่งเป็นการเรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการการคิด การกระทำ การให้เหตุผล การปรับตัว หรือการอนุมาน และการทำงานของสมอง
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

อันนี้ไม่ใช่แบคยอลใช่ไหมคะ 55
คือเหยยยยย ดูแซ่บ พี่แบคดูเท่มาก กรี๊ดดดดดดดด คูลสุด ตรงข้ามกับพี่ชานสุดกาก ชอบๆๆ ชอบพี่แบคมาดคูลๆแบบนี้ อ่านต่อค้าาาาาาาา