ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Love of destruction

    ลำดับตอนที่ #1 : Love of destruction :: Chapter 1

    • อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 55


     



    Love of destruction :: Chapter 1 

    The beginning of the end.

    จุดเริ่มต้นของจุดจบ


    @ Japan – Tokyo

    Time  : 19.45 P.M.

    ภายในห้องเช่าอพาร์ตเม้นต์ธรรมดาหนึ่งห้องน้ำ หนึ่งห้องโถงแบบที่เราเห็นกันได้ทั่วๆไป ราคาเพียง 2-3 หมื่นเยนในย่านโตเกียว ภายในห้องมีเพียงเตียงบ้านๆขนาดหนึ่งคนนอน เครื่องทำความร้อน ตู้เสื้อผ้า คอมพิวเตอร์พร้อมอินเตอร์เน็ตทั่วไปหนึ่งเครื่อง ชายหนุ่มร่างบางที่กำลังถือโทรศัพท์มือถือพร้อมกับเดินว่อนไปรอบห้อง มืออีกข้างปิดๆเปิดๆตู้เสื้อผ้าเพื่อแต่งตัว

     

     

    Psycho’s

     

    ครับ....ครับ...ขอโทษครับกำลังไปครับ

    ผมที่กำลังนอนพุงกางอยู่ในห้องเช่าธรรมดาๆนี่ ถูกปลุกจาการบรรทมอันยาวนานด้วยเสียงโทรศัพท์มือถือจากสายที่ผมใช้ชื่อว่า ‘หัวหน้า’ ที่โทรมาถามในหัวข้อของเรื่องที่ว่า ‘เธอไม่สบายรึเปล่า? จะลางานมั้ย?’ น่ะครับ

    เอ่อ ขอโทษครับแนะนำตัวช้าไป ผมชื่อ ‘ไซโค’ ฮาเซะคาวา ไซโค เป็นหนุ่มโสดอายุ 19 ปี ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ที่มหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในโตเกียวครับ พ่อแม่ผมเสียไปตั้งแต่ผมอายุ 15 ด้วยอุบัติเหตุ ตอนนี้ผมอยู่คนเดียวให้ห้องเช่าเล็กๆ ทำงานหาเลี้ยงตัวเองเป็นเด็กเสิร์ฟร้านคาราโอเกะกึ่งผับย่อมๆที่รปปงงิครับ

    กริ๊ก!

    ผมคว้าเสื้อโค้ดตัวโปรดแล้วล็อคกุญแจห้องเช่า เดินออกมาจากอพาร์ตเม้นต์ ปกติจะไปรถไฟเนื่องด้วยว่าวันนี้ผมสายจึงเปลี่ยนจากรถไฟเป็นโบกแท็กซี่แล้วตรงดิ่งไปยังที่ทำงานทันที

     

     

    @ Karaoke cafes

    รับอะไรดีครับ?”

    ตอนนี้ผมอยู่ในเวลาปฏิบัติงานครับ ผมได้รับมอบหมายหน้าที่ให้มารับออเดอร์ที่ห้อง 204 ภายในห้องเป็นผู้ชาย 5 คน เป็นผู้ชายวัยกลางคน สวมชุดสูทดูดีมีสกุลจำนวน 2 คน และอีก 3 คน...น่าจะเป็นเด็กมหาลัยนะครับ ผมยื่นรอรับออเดอร์อยู่ข้างๆเด็กหมาลัยที่แต่งตัวดูเป็นร็อคเกอร์ เจาะหูเป็นทางยาว ดูท่าทางอันตราย ป่าเถื่อน

    เอาซูชิชุดใหญ่บลาๆๆๆๆ

    ผมยืนจดเมนูไปได้สักพัก พูดโปรโมชั่นนู้นนี่นี่นั่นไปเรื่อยเปื่อยตามประสาเด็กเสิร์ฟ ก็พอจะรู้สึกถึงสายตาของผู้ชายที่นั่งข้างๆ ที่จ้องมองมาตลอดนะครับ แต่ผมก็พยายามที่จะทำเป็นมองไม่เห็นไป

    ครับ ออเดอร์ที่สั่งก็มีบลาๆๆๆๆ

    หมับ!

    ในตอนที่ผมกำลังทวนรายการที่สั่งก็ถูกมือปริศนา...ไม่ล่ะ มันไม่ปริศนาหรอกครับ มือหนานั่นจับเข้าที่สะโพก แล้วค่อยเลื้อยต่ำลงจนเกือบจะถึงก้นผม - -**

    ปึด!!

    เสียงเส้นความอดทนขาดสะบั้น

    ผลั๊วะ!!!

    ผมส่งไปให้มันหนึ่งหมัดเน้นๆ!! พร้อมกับพ่นคำหยาบที่ยกมาทั้งซาฟารีไปให้มัน

    ไอ้เหี้ยโฮโม!! กูอย่ามายุ่งกับกูไอ้เวร!!”

    ปาใบออเดอร์ใส่มัน แล้วเดินออกมาอย่างหัวเสีย ก้มหน้าก้มตาเดิน สบถคำหยาบไม่หยุดปากมาตลอดทาง

     
     

    เฮ้หมดเวลางานแล้วขอบคุณสำหรับวันนี้นะทุกคน

    เสียงหัวหน้าบอกกล่าวขอบคุณกับพนักงานในร้านชุดสุดท้าย ซึ่งเป็นมารยาทที่ดีงามอย่างหนึ่ง แล้วก็หันไปนั่งซดเหล้าต่อ - -‘’ พร้อมกับที่ต่างคนต่างก็แยกย้ายกันกลับบ้าน ซึ่งผมก็เป็นหนึ่งในนั้น

    เฮ้ไซคี ฉันไปส่งนายที่บ้านนะ

    เสียงสุดแสนจะลั้นลารั้งผมไว้ในตอนที่กำลังจะก้าวออกจากร้าน พอหันไปตามต้นเสียงก็พบหนุ่มหัวทอง ท่าทางเจ้าชู้เอาเรื่อง ผมไม่ค่อยอย่างยุ่งกับหมอนี่เท่าไหร่ เพราะสายตาที่ใช้มองผมมันน่าขยะแขยงน่ะครับ - -

    อ่อ แล้วที่จริงผมชื่อ ไซโค ไม่ใช่ ไซคี แต่ที่เจ้าหมอนั่นมันเรียกผมว่าไซคีด้วยเหตุผลงี่เง่าๆว่า ‘นายมันสวยมากว่าสุดยอดนะ!’ ผมเองก็ไม่ได้ว่าอะไร เพราะถึงผมจะพูดไปก็คงไม่ได้ช่วยอะไร อีกอย่างผมไม่อยากเถียงกับเจ้าหมอนี่ให้มันได้ใจว่าผมสนิทกับมัน ผมจึงเลยปล่อยเลยตามเลย ก็คนมันจะเรียกนี่ครับ ทำไงได้...

    แต่...มันย้ำปมด้อย(?)ผมนิดหน่อย - -*

    ไม่เป็นไรหรอกครับ อีกอย่างอพาร์ตเม้นต์ผมกับคาซึกิซังมันไปคนละทางกันนะครับ

    ตอบเลี่ยงๆแบบรักษาน้ำใจ

    แต่ว่านายกลับคนเดียวมันอันตรายนะไซคีหน้าตาน่ารักซะขนาดนี่เดี๋ยวก็โดนดักฉุดหรอก~”

    มันว่าเสียงสูงพร้อมกับสายตาที่เตรียมขย้ำเหยื่อของสัตว์ป่า ราวกับพยัคฆ์เตรียมลากเหยื่อที่เล็งไว้มานานเข้าถ้ำไปกิน ซึ่งมันช่างตรงกันข้ามกับคำพูดข้างบนที่ฟังดูเหมือนเป็นห่วงเป็นใยผมเสียเหลือเกิน

    ขอบคุณสำหรับความหวังดีครับ

    พูดจบก็ก้มหัวให้นิดหน่อยเป็นการตัดบทเนียนๆ แล้วหันหลังให้กับร้านคาราโอเกะ เดินไปตามทางฟุตบาท

    ตึก...ตึก....

    ตอนนี้ผมงานเลิกแล้ว เหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลบ้านๆก็พบกับตัวเลขที่บอกเวลาตอนนี้ว่าขึ้นวันใหม่แล้ว งานเลิกก็ตี 1 ครึ่งร้านปิด 5 ทุ่มครับ แต่เพราะผมเป็นเวรเก็บร้านเลยกว่าจะเก็บร้าน เก็บข้าวของต่างๆนาๆก็ปาไปตี 1 เข้าให้

    ตึก....ตึก....

    เสียงฝ่าเท้าที่เดินตามผมมาตั้งแต่ออกจากร้านคาราโอเกะ ตอนแรกผมนึกว่าคนเดินธรรมดาที่บังเอิญผ่านมาเส้นทางเดียวกัน แต่ตอนนี้เสียงมันยังดังตามผมมาจนเกือบ 20 นาที ผมหยิบโทรศัพท์ทำทีเป็นกดดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยพลางแอบเหลือบสายตาไปดูข้างหลัง

    หัวใจผมกระตุกวูบทันทีที่เห็นหน้าไอ้คนที่สะกดรอยตามผมมา เป็นลูกค้าในห้องเวรนั่น 204 เด็กมหาลัยที่ผมยื่นรอรับออเดอร์อยู่ข้างๆ แล้วทำเอามือโสโครกนั่นมาจับ........นั่นแหละครับ - -** เป็นความทรงจำที่ไม่ค่อยน่านึกเท่าไหร่

    มือขวาของผมลวงไปที่กระเป๋าเสื้อโค้ด มือกำมีดแน่น พลางนึกในใจว่า ‘มึงแตะกูเมื่อไหร่ กูกะซวกมึงไส้แตกแน่!’

    ผมเริ่มเปลี่ยนจากเดินทอดน่องเป็นเดินเร็ว เปลี่ยนจากเดินเร็วเป็นวิ่งเหยาะๆ และเปลี่ยนจากวิ่งเหยาะๆเป็นใส่เกียร์หมาครับ!!

    ตึกๆๆๆๆๆ...

    เสียงฝีเท้าของไอ้เวรนั่น จากที่เดินก็เปลี่ยนเป็นวิ่ง ผมก็วิ่งไปตามทางพลางหันหลังไปมองมันแต่ด้วยความสูงที่พระเจ้าโคตรลำเอียง ผมสูงแค่ 170 เป๊ะๆ! ในขณะที่มันต้อง 175 ขึ้นเเน่ๆ ด้วยช่วงขาของผมที่สั้นกว่ามันแล้วพระเจ้ากลั่นแกล้งผมซ้ำสองด้วยการเอาก้อนหินมาวางไว้ให้ผมสะดุดเล่น!!

    ปึก!!

    ...พระเจ้าครับ ถ้าเป็นเวลาอื่นเอามาวางผมจะไม่ว่าเลย แต่มันต้องไม่ใช่ตอนนี้!!

    ไงคนสวยเจอกันอีกแล้ว

    ไอ้เวรที่ตามผมมาพูดเสียงหวานจนน่าขยะแขยง ผมลุกขึ้นยืนหันหน้าไปมองมันที่เดินย่างสามขุมเข้ามาใกล้ผม

    ฟึ่บ!!

    มึงอย่าเข้ามาใกล้กูนะ!!”

    ผมว่าเสียงแข็งพร้อมกับมีดที่ผมกระชากออกมาจากกระเป๋าเสื้อโค้ด แขว่งไปมาใกล้ๆมันเป็นการขู่

    โอ๊ะโอของมีคมมันอันตรายนะจ๊ะ ไม่เหมาะกับหน้าสวยๆนี่เลย~”

    มันว่าพร้อมกับที่ถอยไปตั้งหลักจากผมประมาณ 2 เมตร

    มึงตามกูมาทำไม!?!”

    ผมกระชากเสียงถามมัน

    ก็เปล่าแค่จะชวนไปดื่มชา~”

    มันว่าเสียงสูงกวนทรีนคนฟังไม่น้อย ถุ้ยดื่มชาบ้างมึงตอนตี 1 ครึ่งเหรอครับ!

    ผมสบตากับมัน ประมาณว่ามึงจะเลิกยุ่งกับกูมั้ย ไม่เลิกกูแทงมึงแน่ ตอนแรกมันก็สบตาผมอยู่ แต่เพียงไม่นาน มันก็มองเลยผม...

    ..ไปที่ด้านหลังของผม...!!!

    อึก!!!”

    หมาหมู่เหรอพวกมึง!!!!  

    จู่ๆก็มีมือปริศนาเอาผ้าที่ชุบน้ำเหม็นๆ มาปิดจมูกปิดปากผม ทันทีที่ได้กลิ่นเหม็นๆนั่นก็รู้ได้จากสัญชาตญาณดิบในตัวของมนุษย์ได้เลยว่าเป็นยาสลบ!!

    รู้แบบนั้นผมก็กลั่นหายใจ ดิ้นไปดิ้นมา ใส่แรงทั้งหมดให้กับการดิ้นให้หลุดจากมือปริศนานั่น

    ดื้อนักนะมึง!!”

    ไอ้เหี้ยที่ตามสะกดรอยผมมาตะคอกใส่เสียงดังพร้อมกับปล่อยหมัดหนักๆ เข้ามาที่ท้องของผมเต็มแรง

    อั่ก!!”

    ด้วยความตกใจ หรือเพราะหมัดของมันทำเอาผมจุกหรือว่ามันดันลิ้นปี่ผมหรืออย่างไรก็ไม่อาจทราบครับ เล่นเอาผมสลักอากาศในตัวเอง เลยเผลอหายใจเอากลิ่นยาสลบเข้าไปเต็มปอด...

    ดวงตาเริ่มลอย นัยน์ตาพลามัว ในหัวชาเกินกว่าที่จะรับรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น...

    เอาล่ะพวกมึงงานนี้รวยแน่ ฮ่าๆๆๆๆๆ

    นั่นคือประโยคสุดท้ายที่ผมได้ยิน ก่อนที่ทุกอย่างจะมืดสนิท...

    ...มืดสนิทจนน่ากลัว...

     


    Silen-Nightingale
    The End
    • C H A P T E R  1 •

     

     Silent'
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×