ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักครั้งใหม่กับยัยเซ่อซ่าส์(Choi Yah Won:New memory of love)

    ลำดับตอนที่ #1 : บ้านใหม่ในเกาหลี (New home : Korea)

    • อัปเดตล่าสุด 5 ต.ค. 48


    “นี่น่ะเหรอบ้านเกิดของพ่อ ไม่น่าเชื่อเลยว่าตั้งแต่นี้ต่อไปฉันจะต้องมาเริ่มใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เกาหลี”… ^^”

    ฉันยืนอยู่หน้าสนามบินในกรุงโซล ด้วยท่าทางที่ดูเหมือนกับพวกบ้านนอกเข้ากรุง แต่ทำไงได้ล่ะก็ฉันมันบ้านนอกเข้ากรุงจริงๆนี่นา แล้วไหนล่ะคนที่จะมารับฉันน่ะนี่ฉันยังไม่เห็นเงาหัวใครเลยสักคนนะ

    อ้อฉันลืมไป ฉันเกือบลืมแนะนำตัว ……+_+’

        สวัสดีทุกคน ฉันชื่อ เมลิณี เรียกสั้นๆว่าเมย์ อายุ17ย่าง18 ปี ฉันเป็นลูกเสี้ยวไทยเกาหลี เสี้ยวที่ว่าคือเกาหลีซึ่งมันเหลือน้อยเต็มทีในสายเลือดฉัน(ดูจากรูปร่างหน้าตาและสีผิวที่กระเดียดไปทางไทยแท้ๆเป็นหลัก) ที่เป็นอย่างนั้นเพราะพ่อฉันเป็นลูกครึ่งเกาหลีไทย ส่วนแม่ฉันน่ะเหรอเป็นลูกครึ่งเหมือนกันครึ่งลาว

    ครึ่งไทยยังไงล่ะ อ่ะฉันล้อเล่นน่ะ แม่เป็นคนไทยแท้ๆ พวกท่านพบกันที่เมืองไทยและรักกันเลยมีฉันออกมาเป็นประจักษ์พยานความรัก

    แล้วทำไมฉันต้องระเห็ดจากบ้านเกิดแสนร้อน..เอ้ยรัก มาอยู่ที่เกาหลีน่ะเหรอ?? พวกคุณคงกำลังสงสัยอยู่

    ล่ะสิ ก็เพราะว่า...................................................................................................โทษทีนะค่ะเรื่องมันเศร้าไปหน่อยพ่อแม่ของฉันประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตทั้งคู่เมื่อ หลายเดือนก่อน ฉันซึ่งไม่มีญาติพี่น้องอยู่ที่เมืองไทยเลย (เพราะแม่ฉันเป็นลูกคนเดียวและตากับยายก็ตายไปตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนโน้น) ฉันเลยจำเป็นต้องมาอาศัยอยู่กับคุณปู คุณย่าซึ่งอาศัยอยู่ที่เกาหลี ฉันเองไม่เคยได้รู้จักกับญาติทางพ่อมาก่อนเลย เพิ่งจะได้พบกับท่านก็ตอนงานศพนี่แหละ ทำไมน่ะเหรอ?? เรื่องมันน้ำเน่าค่ะ แต่ฉันจะเล่าให้พวกคุณฟังก็ได้

    เรื่องมันมีอยู่ว่าคุณปู่ท่านโกรธคุณพ่อมากที่มารักกับคุณแม่ฉันและแทนที่แต่งงานกันแล้วจะพากันไปอยู่ที่โซลบ้านเกิดของคุณพ่อ แต่คุณพ่อกับตัดสินใจที่จะตั้งรกรากอยู่ที่เมืองไทยซึ่งเป็นเป็นบ้านเกิดของคุณแม่ คุณปู่ท่านเลยไม่ยอมรับทั้งฉันและแม่ของฉัน แต่จนแล้วจนรอดคุณปู่ก็ต้องรับฉันไปเลี้ยง(เป็นไงล่ะน้ำเน่าอย่างที่บอกไหมล่ะ พจมานก็พจมานเถอะ) ชีวิตคนเราก็แบบนี้แหละบางทีมันน้ำเน่ายิ่งกว่าในนิยายอีกนะ..

    เฮ่อ... ความจริงฉันเองก็ไม่อยากจะมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองหรอกนะฉันไม่อยากจากเพื่อนจากบ้านจากโรงเรียน แต่ทำไงได้ไม่งั้นฉันก็ต้องไปอยู่บ้านเด็กกำพร้าแทนน่ะสิฉันว่ามันคงไม่โสภานักแน่ๆ

    สรุปแล้วฉันก็เลยต้องมาเข้ามหาวิทยาลัยที่นี่ เพราะฉะนั้นระหว่างรอการเป็นนักศึกษา International Program (ภาคภาษาอังกฤษ) ฉันก็ต้องไปเรียนภาษาเกาหลีให้มันเป็นเรื่องเป็นราว เอาให้คุยกับญาติๆและคนที่นี่รู้เรื่อง

    “คุณฮานเมรินใช่ไหมครับ คือคุณปู่คุณให้ผมมารับคุณน่ะครับ”….. - - ‘

    โอ๊ะ ไม่ต้องไปมองหาใครหรอกค่ะ ลืมบอกไปฉันมีชื่อเกาหลีว่าเมริน “ฮานเมริน” เลิศซะไม่มีแต่ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไร มันเป็นชื่อที่ไม่มีความหมาย แม่ฉันเป็นคนตั้งให้เพราะบอกว่ามันจะได้คล้องกับชื่อไทย เม เม เหมือนกันพอฉันจะเถียงแม่ก็บอกฉันว่า

    ”มันออกจะเพราะนะลูกจ๋า เห็นไหมมีใครสักกี่คนที่จะมีชื่อเกาหลีผสมไทยแบบนี้” ...^^”

    O_o”...เอากับเขาสิแม่ฉันมั่วไปเรื่อยพ่อเองก็เออออห่อหมกด้วย ฉันเลยมีชื่อสุดเก๋แปลกแหวกแนวหลุดสุดกู่ อย่างที่เห็นกันนั่นแหละค่ะ (อ้อแล้วไม่ต้องสงสัยเมลิณีชื่อไทยของฉันก็มาจากเมธิณีชื่อแม่ของฉันนั่นเอง แบบอารมณ์ขี้เกียจคิดชื่อลูกแหง๋ๆ)



    “ใช่ค่ะ ฉันเอง คุณปู่ให้คุณมารับเหรอค่ะ”…. >_<

    “อ้อครับเชิญทางนี้ครับ รถเราจอดรออยู่ทางนี้”… ^^”

    ฉันเดินตามคุณลุงคนนั้นไปที่รถดีนะว่าลุงแกพูดภาษาไทยได้ไม่งั้นฉันแย่แน่งานนี้ แต่ทำไมลุงพูดไทยได้แปลกแฮะ

    “เอ่อลุงคะทำไมลุงพูดภาษาไทยได้ล่ะค่ะ”…. -O-“

    “อ๋อก็ผมเป็นคนไทยนี่ครับ”….. - - “

    “จริงเหรอค่ะ แล้วเป็นไงมาไงค่ะถึงมาอยู่ที่นี่ได้” …. -O-“

    “คุณเมย์ลืมไปแล้วเหรอครับว่าคุณย่าคุณเป็นคนไทย” …^^”

    เออจริงด้วยสิลืมไป คุณย่าฉันเป็นคนไทยค่ะแต่ฉันไม่เคยพบท่านมาก่อนเลย เพราะตอนงานศพท่านก็ไม่ได้มาเห็นว่าล้มป่วยทันทีที่รู้ข่าวน่าสงสารคุณย่าจัง ...T^T

    “ผมมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อมารับใช้คุณท่าน หมายถึงคุณย่าคุณเมย์น่ะครับ ผมเป็นข้าเก่าเต่าเลี้ยงตามมาอยู่กับท่าน

    ตั้งแต่เด็กๆแล้วครับ”….^^”

    “อ้อเข้าใจแล้วค่ะ” …^o^

    “ถึงแล้วครับคุณเมย์ “…^^”

    “………..O_O”

    โอ้....โฮ ฉันบอกแล้วเป็นไงล่ะแม่พจมาน บ้านปู่ฉันเนี่ยคงสู้กับบ้านทรายทองหล่อนได้สบายๆเลยแหละ ฉันก็เพิ่งรู้ว่าปู่รวยใช่ย่อยเหมือนกันแฮะ …^O^

    “ไงหลานย่าเหนื่อยไหมลูก.....ฮือๆๆ” ....TOT”

    “ไม่เหนื่อยเลยค่ะคุณย่า คุณย่าร้องไห้ทำไมคะ” ....+_+”

    “ย่านึกว่าชาตินี้ย่าจะไม่ได้พบหลานเลยเสียอีก ย่าดีใจมากเลยนะที่หนูจะมาอยู่กับย่าฮือๆๆๆ” ..TToTT

    .... โธ่คุณย่า หนูเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันขอโทษนะค่ะที่ผ่านมาหนูไม่เคยนึกถึงคุณย่ามาก่อนเลย

    “แล้วคุณปู่ล่ะค่ะ” …+_+

    “ปู่เหรอจ้ะ ปู่เขาออกไปข้างนอกยังไม่กลับมาเลยจ้า ฮึ่ม...ตาแก่บ้าถ้ากลับมาล่ะก็จะจัดการเสียให้เข็ดหลาน

    มาทั้งทีแทนที่จะอยู่ต้อนรับพร้อมหน้าพร้อมตา” …=_=”

    “ไม่เป็นไรหรอกค่ะแค่ได้เจอคุณย่าหนูก็ดีใจจะแย่อยู่แล้ว” …^^’

    คุณย่าดึงฉันเข้ามากอดแล้วก็พาขึ้นไปบนชั้น2 ของบ้านแล้วก็เรียกแม่บ้านให้มายกกระเป๋าฉันขึ้นไป ความจริงครอบครัวของฉันเองก็ไม่ได้ร่ำรวยนักแต่เราก็ไม่ได้ลำบากอะไรเลยแต่ที่นี่มันทำให้ฉันรู้สึกว่าบ้านของฉันจนไปเลย

    “หลานอยู่ห้องนี้นะจ๊ะย่าเตรียมเอาไว้ให้ เมย์ถูกใจไหมลูก” …^o^”

    อุ๊..แม่เจ้าทำไมมันสีชมพูทั้งห้องเลยล่ะเนี่ยแถมยังมีตุ๊กตาหมีเท็ดดี้แบร์อีกต่างหากฉันว่าคุณย่าคงต้องเข้าใจอะไรผิดไปแน่ๆ แล้วฉันว่ามันผิดไปไกลเสียด้วย สิ …O_o”

    “เมย์ไม่ถูกใจเหรอลูก “ ….T^T

    เอาแล้วไงคุณย่าตั้งท่าจะร้องไห้อีกรอบแล้ว ไม่ได้ๆฉันจะไม่ทำให้คุณย่าเสียใจเด็ดขาด

    “ถูกใจมากค่ะ คุณย่าทราบได้ไงค่ะว่าเมย์ชอบสีชมพู” …^^”

    กรรมของฉันต้องมาโกหกคนแก่ ฉันล่ะเป็นคนหนึ่งที่ไม่ค่อยถูกกับสีชมพูสักเท่าไหร่ไม่ใช่ว่าสีชมพูมาทำความเจ็บแค้นอะไรให้หรอกนะคะ แต่เพราะไอ้สีชมพูนี่มันไม่เข้ากับฉันสุดๆต่างหากล่ะ

    ความจริงฉันเองก็เคยอยากจะลองใส่สีชมพูน่ารักๆเหมือนเด็กผู้หญิงทั่วๆไปเขาเหมือนกัน แต่ฉันไม่กล้าก็ฉายาฉันมันคือ “จิตนาจ” น่ะสิ ฉันว่าพวกคุณคงจะยิ่งสงสัยล่ะสิว่ามันแปลว่าอะไร มันคือฉายาที่เพื่อนๆจอมแสบพากันตั้งให้ฉัน มาจาก โรคจิต บวก บ้าอำนาจ คือตอนเรียนมัธยมฉันคือหัวโจกในการนำขบวนสารพัดเรื่องแสบๆ ถูกอาจารย์หมายหัวลงในบัญชีหนังหมา (อาจารย์เขาเรียกอย่างนั้น ) หรือก็คือ Black Listบัญชีดำ

    ด้วยเหตุนี้ฉันจึงเหมือนมีตราบาปติดตัวว่า(เธอน่ะมันยัยโหดอย่าคิดจะทำตัวหวานแหววเชียวนะไม่อย่างนั้นจะเหมือนร็อตไวด์เลอร์ผูกโบว์....ยี้แค่คิดก็ขนลุก) ดูสิคะดูพวกเพื่อนๆของฉันพูดเข้า เฮ่อ..........เรื่องมันก็น่าเศร้าอย่างนี้แหละค่ะ …T^T”

    “แหมก็ย่าอยากมีหลานสาวน่ารักๆอย่างนี้มาตั้งนานแล้วนี่ลูก ย่าอยากเจอเมย์มาตลอดเลยนะ เพราะตาแก่หัวรั้นนั่นคนเดียว แต่ก็ดีแล้วล่ะที่เราได้พบกันเสียที”

    คุณย่ากอดฉันเอาไว้ ฉันรู้สึกอยากร้องไห้ขึ้นมาอีกแล้วสิความจริงตั้งแต่พ่อแม่จากไปฉันเองก็ตั้งใจว่าจะไม่ร้องไห้อีกฉันจะเข้มแข็ง ฉันบอกกับตัวเองเสมอว่าตั้งแต่นี้ต่อไปจะไม่มีใครมาปกป้องฉันอีกแล้วนอกจากตัวฉันเอง ฉันจึงสัญญากับตัวเองแล้วว่าฉันจะเป็นคนที่มีความสุขในชีวิตให้ได้ไม่ว่ายังไงฉันจะไม่ยอมแพ้แม้ว่าจะโดนรังแกก็ตาม ฮึ่มๆ...... =O=”

    คืนนั้นหลังจากที่ทานข้างเย็นกับพวกคุณย่าฉันนอนหลับไปด้วยความเพลีย แต่จนแล้วจนรอดฉันก็ไม่ได้เจอกับคุณปู่

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×