ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    SKINNY ENIGMA รักซ้อน ซ่อนรัก [Offline]

    ลำดับตอนที่ #1 : SKINNY ENIGMA :: CHARACTER & PROLOGUE [120%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 59
      2
      5 มี.ค. 58




    CHARACTER



     








    สายลม :: "คนรักกันเขาต้องนอนด้วยกันนะรู้ไหม?"












     

    เมเบล :: "คนรักกันเขาไม่โกหกกันนะ รู้ไหม?"












     
     

    วิน :: "ถ้าความรักคือการครอบครอง มันจะเรียกว่ารักได้ไหม ถ้าผมจะปล่อยเธอไป"

     






     





    น้ำฟ้า :: "ไม่ได้อยากทำร้าย แต่ฉันรักนายไม่ได้จริงๆ"

     




     





    มาโค่ :: "ไม่ได้อยากจะแย่ง แต่โทษทีวะ พอดีว่าอยากได้"












     

    PROLOGUE






     

    ว่าฉันเป็นคนโง่เหนือใครๆ มีรักแท้อยู่ดูแลไม่ได้
    That i am more stupid that anyone else Had true love, but couldn´t take care of it
     

    จะรู้ค่ามันก็สายเกินไป ปวดร้าวคิดอยากย้อนเรื่องราวแค่ไหน ได้แต่ฝัน

    By the time i realized it´s worth it was too late. Breaks my heart, whenever i think of reverting the story. I can only dream.

     


     

     

           “เมเบลฉันฝากเธอเอาสมุดนี่ไปคืนที่ห้องสมุดให้ที”
     

     

          ปึก!



     

          “ของฉันด้วย”


     

          ปึก!
     

     

         “ของฉันด้วย”
     

     

          ปึก! ปึก!! ปึก!!!
     

     

          ตัวฉันโอนเอียงตามแรงกระแทกของสมุดที่ถูกส่งตามหลังกันมาติดๆ รวมๆ แล้วเกือบสิบเล่มเห็นจะได้ โชคดีที่มันไม่ใช่ปกหนาอะไรมากมาย ฉันมองตามหลังเพื่อนร่วมห้องที่พากันเดินออกไปจนเหลือเพียงแค่ตัวฉันเพียงคนเดียว ที่ยืนนิ่งอยู่ในนี้ ทั้งๆ ที่สามารถปฏิเสธออกไปได้ แต่ฉันก็ไม่ทำเพราะอะไรน่ะหรอ? เพราะว่าฉันคือเมเบลไง! ยัยหนอนหนังสือที่ใครใช้ให้ทำอะไรก็ทำ โดนแกล้งอะไรสารพัดก็ยอม



     

           ฉันไม่ได้อยากทำเลยนะ เหตุผลเพราะฉันเป็นคนขี้สงสารแค่นั้นเอง แค่นั้นเองจริงๆ นะ! ขนาดมดที่ชอบขึ้นตอมขนมหวานที่ซื้อทิ้งไว้ในห้อง ฉันยังยอมให้มันกัดกินจนหมดเลย



     

          อ่า. .. พล่ามร่ายยาวมาก็นานแนะนำตัวหน่อยแล้วกัน สวัสดีค่ะฉันเมเบลอายุ 23 ปี ตอนนี้กำลังศึกษาอยู่ปี 2 คณะอักษรศาสตร์ ฉันเป็นคนค่อนข้างชอบอ่านหนังสือ จึงชอบคลุกตัวอยู่แต่ในห้องสมุดทั้งวัน จะออกมาอีกทีก็ตอนได้เวลากลับหอ ใครๆ ก็บอกว่าฉันเป็นเด็กเรียนเป็นคนที่น่าเบื่อ ฉันจึงไม่ค่อยมีใครคบยังไงล่ะ พูดง่ายๆ คือฉันไม่มีเพื่อนเลยสักคน!



     

           และที่สำคัญเลยนะ ทั้งๆ ที่คณะอักษรศาสตร์คือการเรียนเพื่อให้เข้าใจความคิดของมนุษย์ แต่รู้อะไรไหมว่าตั้งแต่เรียนมา มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันเข้าใจความคิดของผู้ชายมากขึ้นกว่าเดิมเลย เพราะว่าฉันยังไม่เคยมีแฟนเลยน่ะสิ!



     

           ฉันเดินลงบันไดอย่างทุลักทุเลเพราะกองหนังสือที่อยู่เต็มสองมือ ร้องเท้าส้นสูงก็ทำพิษ ไอ้ร้องเท้าไม่รักดี!!! ฉันก่นด่ามันอยู่ในใจและค่อยๆ บรรจงก้าวลงบันไดช้าๆ ด้วยความระมัดระวังกลัวว่าจะก้าวพลาดและตกลงไปน่ะสิ รู้ไหมว่านอกจากฉันจะไม่สวยแล้วยังซุ่มซ่ามอีกนะ เกลียดตัวเองจัง



     

          ตึก! ตึก! ตึก!



     

          ปึก! โครม!!!



     

         “โอ้ย!!“
     

     

          “เฮ้ย !!!“



     

          เสียงร้องโอดโอ้ยของฉันดังขึ้น ก่อนที่ร่างและสมุดหนังสือที่อยู่บนมือจะร่วงลงพื้นเสียงดังลั่น ในขณะที่ฉันล้มลงไปนั่งแผละอยู่กับพื้น ฉันค่อยๆ เงยหน้ามองคนที่เดินชนเมื่อครู่ และฉันก็ต้องครางออกมาในใจว่า ´พระเจ้า!!! เมเบลคนนี้กำลังตาฝาดไปใช่ไหมคะนี่มันเทวดาตกสววค์มากจากชั้นไหนกัน ทำไมถึงได้หล่อ! ออร่าพุ่งเข้าตาเมเบลอย่างนี้ หล่อ! หล่อมากให้ตาย!!! ผมสีดำซอยประบ่า ดวงตาสีดำดุจรัติกาลยามคำคืน จมูกโด่งเข้ากับโคร่งหน้าไหนจะริมฝีปากสีแดงจิ้มลิ้มน่าจูบนั่นอีก โอ้ยฉันจะเป็นลม !



     

           “เป็นอะไรไหม?“ กรี๊ดดด ขนาดเสียงพูดยังน่าฟัง!



     

           “มะ ไม่เป็นอะไรคะ” ฉันกระพริบตาเพื่อไล่ความคิดเพ้อเจ้อของตัวเองออกจากสมอง และก้มหน้าลงเก็บสมุดที่กระจายไปทั่วพื้นขึ้นซ้อนๆ กันไว้ บังคับมือไม่ได้สั่นนี่มันยากขนาดนี้เลยหรือไงกันนะ! ฉันกัดปากตัวเองแน่นพยายามประคับประคองสติที่ไม่ค่อยจะมีของตัวเองให้กลับเข้าสมองดั่งเดิม



     

           “เดี๋ยวผมช่วยนะครับ” เสียงทุ้มนุ่มน่าฟังของคนตรงหน้าดังขึ้น ตามมาด้วยสองมือคู่ใหญ่ที่ช่วยเก็บสมุดซ้อนๆ กันไว้ให้ ฉันลุกขึ้นยืนและค่อยๆ วางเท้าลงกับพื้นหนักๆ จนแน่ใจแล้วว่ามันไม่เคล็ด เฮ้อ ค่อยโล่งใจหน่อย โชคดีที่ฉันเล่นบัลเลห์เป็นประจำเลยทำให้ไม่ค่อยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์นี้มากนัก เส้นฉันมันอ่อนน่ะ!




     

             “ขอบคุณค่ะ” ฉันพูดขอบคุณเขาหลังจากที่เก็บหนังสือพวกนี้ขึ้นมาจากพื้นหมดแล้ว คนตรงหน้าใช้สายตาคมกริบนั่นกวาดมองไปทั่วตัว มันทำให้ฉันรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ขึ้นมายังไงก็ไม่รู้รีบก้มหน้าลงมองหนังสือวรรณคดีไทยที่อยู่ในมือนิ่ง บ้าจริง! แล้วทำไมฉันต้องมาทำท่าทางเขินอายต่อหน้าผู้ชายที่ไม่รู้จักด้วยนะ
     

     

            “ขะ ขอตัวก่อนนะคะ” พูดจบก็หันหน้าเตรียมเดินออกไปทันที แต่ก็ต้องชะงักเท้าทั้งสองข้างเอาไว้เมื่อเสียงของคนด้านหลังดังขึ้น




     

           “เดี๋ยวก่อนสิ . .. ให้ผมช่วยไหม?”



     

           “ไม่เป็นไรคะ” ฉันพูดตอบกลับทั้งๆ ที่ยังยืนหันหลังให้เขาอยู่แบบนั้น



     

           “เธอ . ..“ เขาเดินอ้อมมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉัน พร้อมกับเอียงคอลงน้อยๆ เพื่อมองหน้าฉันที่ก้มลงจนแทบจะติดกับหนังสือ “เรียนอยู่คณะอักษรศาสตร์?“



     

           “ชะ ใช่ค่ะ” ฉันพยักหน้ายึกๆ พยายามบังคับตัวเองไม่ให้แสดงท่าทางประหลาดๆ ออกไปให้ขายหน้า



     

            “บังเอิญจังเลยนะ งั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ” รอยยิ้มละมุนถูกส่งมาให้ฉัน ก่อนที่เขาจะเดินห่างออกไป สมองตอนนี้ของฉันไม่รับรู้อะไรเลย กองหนังสือหนักๆ ที่ทนถือได้ก่อนหน้านี้หล่นกองลงกับพื้น มือไม้และแข็งขามันอ่อนปวกเปียกไปหมด ฉันอยากจะกรีดร้องออกมาดังๆ เพื่อระบายความเขินอายที่มีอยู่ในตัว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ฉันก็ทำให้แค่นั่งก้มหน้ากรี๊ดร้องออกมาอย่างไม่มีเสียงอยู่แบบนั้น







     

            ตกเย็น
     

     

         ฉันเดินลากขาออกมาจากห้องสมุดก้าวเท้าทอดน่องเดินไปเรื่อยๆ เงยหน้าขึ้นมองพระอาทิตย์ที่เริ่มจะลับขอบฟ้า ท้องฟ้าที่กลายเป็นสีส้มแดงเหลืองปนกันเป็นสีสันสวยงาม ฉันยิ้มให้กับภาพตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจออกมาแรงๆ หนึ่งครั้ง รีบก้าวเท้าออกไปหน้ามหาวิทยาลัย ช่วงเย็นรถจะต้องติดแน่ๆ แค่คิดว่าจะต้องนั่งเซ็งอยู่บนรถแท็กซี่มันก็ทำให้ฉันอยากจะเดินกลับเข้าไปในห้องสมุดนอนกลิ้งไปกลิ้งไปกลิ้งมากับกองหนังสือ




     

           ผู้คนที่เดินสันจรไปมาตามท้องถนน รถที่วิ่งผ่านไปผ่านมาทำมันเป็นอะไรที่น่ารำคาญมากสำหรับฉัน และมันก็เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ด้วยสิ ฉันมองซ้ายมองขวาเพื่อดูว่ามีรถแท็กซี่ผ่านมาไหม แต่แล้วจุ่ๆ ร่างทั้งร่างของฉันก็ถูกกระชากจากอะไรสักอย่างทางด้านหลัง มันเกิดขึ้นรวดเร็วและรุนแรงจนฉันตั้งตัวไม่ทัน




     

            “ปล่อยนะ!“ ฉันพยายามสะบัดแขนตัวเองให้หลุดจากคนแปลกหน้าที่ฉุดกระชากลากถูฉันให้เดินตามเขาออกไป




     

            “นี่นายเป็นใคร ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ! อ๊ะ” แรงสะบัดจากคนตรงหน้าทำให้ร่างฉันเซเล็กน้อย แต่โชคดีที่มันไม่ได้รุนแรงจนทำให้ฉันต้องลงไปกองกับพื้น





     

           ฉันถอยหลังกรูจนแผ่นหลังชนกับถังขยะ แต่ตอนนี้ฉันไม่สนใจหรอกว่ามันจะสกปรกหรือเหม็นมากแค่ไหน เพราะผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันน่ากลัวกว่าอีกน่ะสิ! แม้ว่ามุมปากของเขาจะปรากฏรอยยิ้ม แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ฉันอุ่นใจขึ้นมาได้เลย คนดีที่ไหนเขาจะมาฉุดกระชากผู้หญิงแบบนี้ล่ะ รู้จักกันไหม? ก็เปล่า!!!




     

             “ต้องการอะไร?“ ปากถามแต่สายตาก็กวาดมองไปทั่วบริเวณเพื่อหาทีหนีทีไว้ เกิดเข้าพุ่งเข้าใส่ฉันจะได้วิ่งหนีทัน




     

           “มีเรื่องจะบอก ทำไมต้องทำเหมือนฉันเป็นโจรที่กำลังจะข่มขื่นเธอด้วยวะ” ถูก! นายเหมือนโจรที่กำลังจะขืนใจฉันมาก “หน้าตาก็งั้นๆ อกเล็กแถมก้นก็ไม่มี ไม่ใช่แนววะ ฟัดไม่ลง”





     

            ฉันอ้าปากค้างมองไอ้โรคจิตตรงหน้าที่พูดจาแมวๆ ใส่อย่างไม่อยากจะเชื่อว่าผู้ชายสมัยนี้จะหยาบคายกับผู้หญิงได้ถึงเพียงนี้ นี่เขาไม่รู้หรือไงนะว่าผู้หญิงอย่างเราๆ ไม่ชอบให้ใครมาทักเรื่องแบบนี้นะ!! อยากจะยกถังขยะใกล้ๆ ฟาดหัวเขา อยากจะพูดด่ากลับไปแต่ในความเป็นจริงแล้วฉันก็ทำได้แค่คิดในใจเท่านั้นแหละ เพราะสุดท้ายฉันก็ไม่กล้าพูดออกไปอยู่ดี ด่าในใจสะใจกว่าเยอะ!!! ฮึก!





     

            “เรื่องอะไร รีบๆ พูดมาฉันจะกลับ หะ ยะ อย่าเข้ามานะ!“ ฉันหลับตาปี๋เมื่อคนตัวสูงตรงหน้าเดินเข้ามาในระยะประชิด “ถะ ถอยออกไปเดี๋ยวนี้!!!“ พูดพร้อมกับพลักเขาออกห่าง คนตรงหน้าหัวเราะหึหึในลำคอออกมา เขายักไหล่อย่างไม่ยีระที่ฉันทำท่ารังเกียจและกลัวเขาออกนอกหน้าแบบนี้





     

            “เธอน่ะ“ เขาเว้นวรรคยกมือขึ้นกอดอกยืนมองฉันตั้งแต่หัวจรดเท้าอย่างไร้มารยาท “รู้ตัวไหมว่ากำลังจะถูกจับแต่งงาน?“





     

            “… !!!” ห๊ะ
     

     

          “แล้วที่สำคัญฉันก็รู้ด้วยนะ ว่าใครเป็นคู่หมั้นเธอ”




     

            „ไม่จริง นายโกหก“ ฉันปฏิเสธออกไป เขาต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ คนสติดีที่ไหนเขาจะมาลากผู้หญิงที่ไม่รู้จักมา แล้วบอกว่า ´เธอกำลังจะถูกจับแต่งงาน´ โอ้ย นี่มันบ้าชัดๆ




     

           “ฉันจะไปโกหกเธอทำไมเมเบล?“

     

          “… !?“ ขะ เขารู้จักชื่อฉันได้ยังไง?
     

     

          “ช่างมันเถอะ เอาเป็นว่าถ้าเธออยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครก็โทรมา” เขายัดกระดาษแผ่นเล็กๆ สีขาวลงบนมือฉัน
     

     

           “สายลม”
     

     

            “. ..?“ ฉันเงยหน้ามองเขางงๆ




     

            “ชื่อฉันน่ะ สายลม










     









     

    MY_MINDEAR TALK :

     

    มาอัพแล้วนะคะ ไม่สนเม้น วิว แฟนคลับเลยจ้า อยากอัพก็อัพเลยครับ

    เป็นยังไงบอกให้รู้กันด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับคนที่ให้การสนับสนุนตลอดมานะคะ


     

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×