ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เทพปกรณัม กรีก-โรมัน และ สัตว์ในตำนาน

    ลำดับตอนที่ #22 : สัตว์ในตำนาน กริฟฟอน (griffon)

    • อัปเดตล่าสุด 19 พ.ย. 56


    กริฟฟอน (griffon)





    กริฟฟอน หรือ ฟริฟฟิน มีชื่อเรียกแตกต่างกันออกไป เช่น กริฟฟินมีชื่อเรียกต่างกันออกไป คือ gryffen, girphinne, greffon, grefyne,grephoun, griffen, griffin, griffion, griffon, griffoun(e), griffown, griffun,griffyn, grifon, grifyn, griphin, griphon, gryffin, gryffon, gryfon, gryfoun(e),gryphen, gryphin, และ gryphon

    แต่แบบที่เห็นได้บ่อยในปัจจุบันจะมี 4 แบบคือ griffin ,griffon ,grifonและ gryphonซึ่งในบรรดาสัตว์ทั้งปวง ไม่มีสัตว์ตัวใดที่สูงสง่างามเยี่ยงราชาไปกว่ากรีฟฟิน หรือกริฟฟอน เนื่องจากมันรวมรูปลักษณ์ของสัตว์สูงส่งสองชนิดเข้าด้วยกัน หัวและปีกเป็นนกอินทรี ลำตัวและหางเป็นสิงโตกริฟฟินเป็นสัตว์ที่มีลักษณะรูปร่างหลากหลาย (แต่สิ่งที่เหมือนกันคือตัวสิงโตและหัวเป็นนก) บางแหล่งว่ากรงเล็บเหมือนของนกอินทรี แต่ซีทีเซีย(Ctesias) บอกว่าขาและกรงเล็บของมันคล้ายกับของสิงโต หูยาว กรงเล็บของกริฟฟินมีขนาดเท่ากับเขาวัวหรือเท้านกอินทรีทั้งเท้า ในยุคกรีกภายหลัง กริฟฟินมีรูปทรงเปลี่ยนไป คือมีจะงอยปากงุ้ม หูแหลมและลิ้นแหลม ซีทีเซียเล่าไว้ว่าขนที่หน้าอกของมันเป็นสีแดง ส่วนที่เหลือของลำตัวเป็นสีดำ แต่บางแหล่งว่า ขนตามหลังของมันเป็นสีดำและที่อยู่ข้างหน้าเป็นสีแดง ปีกเป็นสีขาว และคอของมันเป็นลายสลับสีน้ำเงินเข้ม บางแหล่งว่าลำตัวที่เหมือนสิงโตของมันใหญ่กว่าสิงโตแปดเท่าและหัวและปีกของนกอินทรีของมัน แข็งแรงกว่านกอินทรีหนึ่งร้อยเท่า แต่บ้างว่ากริฟฟินสูงกว่าม้าสองฟุต กริฟฟินโด่งดังแพร่หลายไปทั่วโลก อยู่ในวัฒนธรรมต่างๆ โดยเราสามารถหารูปมันได้จากประติกรรมเก่าแก่ ไม่ว่าจะเป็น รูปปั้น กระเบื้องเคลือบหรือตำนานกริฟฟินเป็นสัตว์ที่เป็นหนึ่งในสัตว์เทพนิยายที่อายุเก่าแก่ที่สุด กำเนิดขึ้นมานานตั้งแต่ 5,000 ก่อน โดยปรากฏตัวครั้งแรกในศิลปะของซีเธียนในตะวันออกในบริเวณที่ราบสูงของเมโสโปเตเมีย ตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษหลังจากนั้นมันก็เดินทางข้ามแม่น้ำไปไกลถึงไอร์แลนด์และจีน  สัตว์ร้ายทรงพลังตัวนี้เป็นทั้งผู้พิทักษ์และนักไล่ล่าในเวลาเดียวกันในตำนานกรีกโบราณก็มีตำนานของกรีฟฟินเหมือนกัน ชื่อของมันกล่าวขานในหน้าของวรรณกรรม โดยคำว่ากริฟฟินมาจากภาษากรีก ซึ่งมีที่มาจากภาษาพวกฮิตไตต์อีกที ทำให้คนส่วนใหญ่มักเข้าใจผิดว่ากรีฟฟินถูกรังสรรค์จากชาวกรีกซึ่งถือว่าผิด เพราะถ้าหากเรามาดูประวัติศาสตร์และเทพนิยายของกรีกอย่างละเอียดแล้ว พบว่าแทบไม่มีการเอ่ยถึงกริฟฟินเลย แต่ที่น่าประหลาดใจคือมันกลับไปปรากฏโฉมในผลงานศิลปะต่างๆ มากมาย ส่วนในเทพนิยายของกรีกบอกเพียงว่า สิงโตมีปีกเหล่านี้คอยราชรถให้กับเทพและเทวีของกรีก เอริสเทียส คือชาวกรีกที่เขียนถึงกริฟฟินครั้งแรก จากการบันทึกเดินทางไปยังทวีปเอเชียสมัยก่อนศตวรรษที่ 7 ที่นั้นมีชนเผ่าหนึ่งเล่าให้เขาฟังว่ามีเทือกเขาที่อุดมไปด้วยทองคำ ถูกเฝ้าโดยสัตว์น่ากลัวและประหลาดตัวหนึ่งซึ่งเอริสเทียสเรียกมันว่า “กริฟฟิน”นักเขียนชาวกรีกอีกหลายคนอย่างเช่นเฮโรโดตัสและซเทเรียส พรรณนาถึงกริฟฟินเช่นกัน แม้ทั้งคู่จะไม่เคยเห็นมันก็ตาม ซเทเซียสเขียนถึงภูเขาที่เต็มไปด้วยฝูงของกริฟฟิน มันเป็นนกที่มสี่เท้า ตัวใหญ่เท่าจิ้งจอก มีขาและอุ้งเท้าเหมือนสิงโต.........ส่วนเฮโรโดตัสบอกถิ่นที่อยู่ของกริฟฟินว่า จากไฮสเซดอนมีชายตาเดียวกับฝูงกริฟฟินตอยเฝ้าขุมทองในเทือกเขาอัลไตและเทียนซานและถิ่นทุรกันดารไกลโพ้นภาพลักษณ์ของกริฟฟินและลักษณะหน้าที่เฝ้าพิทักษ์ทองคำนั้นออกจะคล้ายคลึงกับมัวกร แต่น่ายกย่องมากกว่ามังกรตรงที่มันไม่บ้าเลือดฆ่าคนอื่นก่อนซึ่งมันจะรอดูว่าผู้บุกรุกคนนั้นจะเป็นภัยกับตนหรือทองคำหรือเปล่าก่อนจึงค่อยฆ่านอกจากนั้นยังมีคความเชื่อว่า กรงเล็บของกริฟฟิน เป็นเครื่องรางต่อต้านความชั่วร้าย และโชคร้าย และสามารถตรวจพบพิษได้ ว่ากันว่าถ้ากรงเล็บของมันได้สัมผัสกับพิษจะมีสีคล้ำลง ส่วนขนของมันรักษาอาการตาบอดในขณะเดียวกันกริฟฟินยังปรากฏในตำนานอียิปต์ มันเกี่ยวของกับเทพเจ้าเซ็ธ ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับเทพแห่งสุริยะโฮรัส ในอัสสิเรีย ซึ่งกริฟฟินที่ออกมานั้นต่างกับของกรีกคือมันมีนิสัย “โลภจัด”ในด้านลักษณะนิสัยของกริฟฟินซึ่งคนอื่นรู้จักกันดีว่ามันมีความลุ่มหลงทองคำ เมื่อใดที่พูดถึงกริฟฟินก็ต้องพูดถึงทองคำด้วยทุกครั้ง ซึ่งไม่แปลกอะไรเพราะโดยธรรมชาติสัตว์ประเภทนกทั่วไปก็ชอบของที่ประกายระยิบระยิบออกจากทองคำหรือเพชรเมื่อต้องดวงอาทิตย์อยู่แล้ว นอกจากนั้นกริฟฟินยังมีความสามารถในการหาทองคำหรือสมบัติที่ฝังในดินได้อีกด้วยในศตวรรษที่ 8 สตีเฟ่น สคอทัส นักประพันธุ์ไอริชเขียนว่า กริฟฟินเป็นสัตว์ประเภทผัวเดียวเมียเดียว เมื่อมันจับคู่สมรสแล้ว มันจะอยู่กับคู่ของมันตลอดชีวิต หากอีกฝ่ายตายจากก่อนมันจะไม่ยอมไปหาคู่ใหม่เซนต์ ฮิสเดการ์ด แม่ชีชาวเยอรมันในสมัยศตวรรษที่ 12 ได้เขียนการวางไข่ของกริฟฟิน โดยบอกว่ากริฟฟินกำลังตั้งท้องมันจะไปหาที่วางไข่ที่ถ้ำที่มีทางเข้าแคบมาก แต่พื้นที่ภายในกว้างขวาง ไข่ของมันมีขนาดเท่านกกระจอกเทศ(บางตำนานบอกว่าไข่มันเป็นอัญมณี) และมันจะเฝ้าเลี้ยงลูกจนโตแข็งแรงในยุคแรกเริ่มของคริสต์ศาสนา ผู้เชี่ยวชาญของศาสนจักรเหมารวมเรียกกริฟฟินว่า มันเป็นสัตซ์ร้าย จนถูกเปรียบมันว่ามันเป็นเทพเจ้าของคนนอกศาสนา(ซาตาน) โดยเป็นสัญลักษณ์แทนพวกที่ข่มเหงรังแกสาวกพระเยซู แต่ต่อมากริฟฟินก็ได้ยกย่องว่าเป็นสัญลักษณ์เยี่ยงราชันย์ และเป็นสัญลักษณ์ของพระเยซู  อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของพระสันตะปาปาในตำราบางครั้งกริฟฟินก็จัดอยู่ในสัตว์สัญลักษณ์ของความรู้ นอกจากนั้นมันยังเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ และขณะเดียวกันบางตำรามันก็โหดเหี้ยมดุร้าย มันเป็นศัตรูของม้าและคน หากบังเอิญไปพบมันเข้ามันจะฉีกขย้ำร่างมนุษย์เป็นชิ้นๆแต่กระนั้นมันก็รู้จักบุญคุณและซื่อสัตว์เป็นเหมือนกันโดยใครที่ได้ช่วยเหลือในขณะที่มันบาดเจ็บ กริฟฟินจะยกอุ้งเท้าที่สามารถตรวจพิษในเครื่องตื่มได้ให้เป็นการขอบคุณหลังจากจักรวรรดิโรมันล่มสลาย สถาปัตยกรรมของโบสถ์ก็ยังมีรูปของกริฟฟินติดอยู่ตามวัดวา อาราม และทำให้พระที่มาจากตะวันตก ยุโรปสนใจ จึงได้คัดลอกลายนี้ไว้ไปเผยแพร่ด้วย ซึ่งทำให้กริฟฟินเป็นที่รู้จักถึงหมู่เกาะอังกฤษ แคว้นเวลส์และไอร์แลนด์ ซึ่งมีรูปลักษณ์ต่างกันเล็กน้อยต่อมาในศวรรษที่ 12 นักบุญ เบอร์นาร์ด แห่งแคลร์วอกซ์ ได้ทำการปฏิรูปศาสนาคริสต์ตลอดจนวัดอารามทั่วยุโรป อาจเป็นเพราะความเคร่งครัดทำให้กริฟฟินค่อยๆ หายจากโบสถ์มาร์โค โบโล นักสำรวจชาวอิตาลี เคยออกเดินทางไปเมืองจีนเมื่อสมัยศตวรรษที่ 13 เขาอาจเคยเห็นกริฟฟินตัวเป็นๆ แถบเส้นทางสายไหม โดยเขาเล่าว่ามันคล้ายกับนกยักษ์มาดากัสคาร์ในมหาสมุทรอินเดียทีเรียกว่า “รักค์” ซึ่งมันมีขนาดใหญ่มโหฬารเมื่อมาถึงยุคฟื้นฟูศิลปวิทยา กริฟฟินก็ได้ปรากฏตราประจำตระกูลที่นิยมมากโดยเฉพาะของยุโรป แลบะในเทพนิยายนิยายเด็กโดยเรื่องแรกที่กริฟฟินปรากฏตัวคือ “อลิซ อิน วันเดอร์แลนด์”


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×