ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฎีการักจากพระชายาบ้านนอก

    ลำดับตอนที่ #54 : 54. แล้วที่มายืนหน้าสลอนอยู่นี่น่ะใครกันอีกล่ะ?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 9.34K
      676
      25 พ.ย. 63

    "พี่หญิงเพคะ..มาประทับอยู่ตรงนี้นี่เอง... นี่เพื่อนๆของหม่อมฉันเพคะ พวกนางอยากรู้จักพระองค์ หม่อมฉันเห็นว่างานยังมิทันเริ่ม..จึงได้พาพวกนางมาคุยด้วยเพคะ"

    กล่าววาจาจบ..หม่าชิงอี๋ที่ใบหน้าแย้มยิ้มกว้างขึ้นอย่างแปลกๆก็หันไปกวักมือเรียกสตรีกลุ่มหนึ่งที่ยืนรีๆรอๆอยู่ไม่ไกลให้เข้ามาใกล้ และดูเหมือนว่า 2-3 คนในนั้นจะมาจากกลุ่มที่เพิ่งเอ่ยวาจาสบประมาทหวางเย่หลิงเมื่อครู่ก่อนนี้เสียด้วย!

    "คารวะพระชายาบ้าน..เอ๊ย! พระชายาเอกเพคะ!!!"

    เสียงหลายเสียงดังประสานกันจนฟังดูวุ่นวาย แต่ที่สำคัญคือเสียงเหล่านั้นกลับเรียกความสนใจจากผู้คนรอบข้างให้หันมาทางนี้ได้ไม่น้อย โดยเฉพาะเสียงหัวเราะแหลมๆที่ดังขึ้นทันทีที่เห็นใบหน้างามเผือดสีลงเมื่อได้ยินถ้อยคำที่พวกตนแสร้งเอ่ยขึ้นอย่างผิดๆนั้น

    "ขออภัยเจ้าค่ะ!" หลัวจิ้งหยี่เอ่ยขึ้นทันทีด้วยเสียงไม่ดังนัก หากก็ดังมากพอที่จะทำให้เสียงหัวเราะเหล่านั้นชะงักลงในฉับพลัน "พวกท่านควรต้องยอบกายลงถวายความเคารพพระชายา..มิใช่เพียงแค่เอ่ยคำเฉยๆเยี่ยงนั้นนะเจ้าคะ"

    "นี่เจ้า!" หม่าชิงอี๋หันขวับมาในทันใด

    "นอกจากนี้..." นางกำนัลคนสนิทของไท่จื่อเฟยยังคงเอ่ยต่อด้วยท่าทีสงบนิ่ง "หากพระชายายังมิได้รับสั่งอนุญาต คุณหนูทั้งหลายก็จะยังลุกขึ้นมิได้ด้วยนะเจ้าคะ มิฉะนั้นจะถือว่าผิดราชประเพณี..ถือเป็นการดูหมิ่นเชื้อพระวงศ์ชั้นสูงและอาจต้องโทษหนักจนเสื่อมเสียไปถึงตระกูลของท่านได้เจ้าค่ะ
    ...เรื่องพวกนี้คาดว่าทางบ้านของคุณหนูทุกคนคงจะได้มีการอบรมไว้ดีแล้ว... ใช่หรือไม่เจ้าคะ?"

    "บังอาจ! นี่เจ้าคิดว่าตัวเองกำลังพูดอยู่กับใคร!? แล้วเจ้าคิดว่าตัวเองเป็นใครกันถึงกล้ามาเอ่ยวาจาพล่อยๆกับเราเยี่ยงนี้!?" หม่าชิงอี๋ตวาดเสียงแหลมขึ้นอย่างมีโทสะ และเสียงกราดเกรี้ยวนั้นก็ยิ่งดึงดูดสายตาใครต่อใครให้หันมองมามากขึ้นเป็นทวีคูณ

    "พระชายารอง..หม่อมฉันเพียงกราบทูลในเรื่องที่เป็นจริงเพคะ อีกอย่าง..ที่ตรงนี้ถูกจัดเตรียมไว้เฉพาะพระญาติเท่านั้น การที่คุณหนูทั้งหลายล่วงล้ำเข้ามาโดยยังมิได้รับอนุญาตนั้นยิ่งมิบังควรเพคะ"

    หลัวจิ้งหยี่ยังคงเอ่ยต่อโดยมิมีทีท่าว่าจะหวาดหวั่นใดๆ ในขณะที่บรรดาสหายสตรีของหม่าชิงอี๋เมื่อได้ฟังคำของนางกำนัลที่พวกตนมิเคยคิดจะสนใจแล้ว..ต่างก็พากันมองหน้ากันไปมาด้วยท่าทีเลิ่กลั่ก จะมาอยู่ตรงนี้ได้ก็ต้องได้รับอนุญาตเสียก่อนหรือนี่..แล้วเหตุใดจึงมิมีผู้ใดเคยบอกพวกนางมาก่อนเลยนะ!?

    "ก็เรานี่ไงที่เป็นคนอนุญาต!" เห็นกลุ่มคนที่ตนพามามีท่าทางลังเลไปเช่นนั้น.. หม่าชิงอี๋ก็ยิ่งแผดเสียงดังขึ้นเรื่อยๆหมายจะแสดงอำนาจ ก่อนจะหันไปถลึงตาจ้องมองสตรีอีกคนด้วยดวงตาวาวโรจน์ "พี่หญิงเพคะ! เหตุใดจึงยังทรงนิ่งเฉยอยู่ได้เช่นนี้กัน? หม่อมฉันอุตส่าห์พาสหายมาเป็นเพื่อนสนทนากับพระองค์ด้วยความหวังดีแท้ๆ... แต่นี่อะไร..ยังไม่ทันจะได้คุยกันก็ถูกนางกำนัลเล็กๆคนหนึ่งวางอำนาจใส่เสียแล้ว! หรือว่าใครๆที่อยู่ใกล้พระองค์จะเป็นเช่นนี้กันหมด!? ทั้งโง่เขลา! ป่าเถื่อน! แล้วก็ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำเช่นนี้!"

    "ที่พูดมานั่นหมายถึงเราด้วยหรือเปล่าเล่าอี๋เหนียงรอง!?"

    เสียงที่ทั้งห้วนข้นและดังชัดเจนยิ่งกว่าตามมาแทบจะทันที ขณะที่ร่างของหลิวฉานเหยาไท่จื่อเฟยทรงก้าวเข้ามาแล้วประทับลงเคียงข้างหวางเย่หลิงด้วยสีพระพักตร์ที่บอกให้รู้ว่ากำลังไม่พอพระทัยอย่างมาก!

    "ไท่..ไท่จื่อเฟย..."

    หม่าชิงอี๋เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแปร่งไปจากเดิม ไท่จื่อเฟยผู้นี้มิใช่ว่าทรงแวะไปตรวจดูการเตรียมการแสดงของบรรดานางในที่ทรงรับเป็นหน้าที่ไว้หรอกหรือ? แล้วนางกลับมาเร็วขนาดนี้ได้อย่างไรกัน!?

    "แล้วที่มายืนหน้าสลอนอยู่นี่น่ะใครกันอีกล่ะ? หรือว่าเป็นสหายที่อี๋เหนียงรองพามาทักทายน้องสาวเรา?" ผู้มาใหม่ยังคงเอ่ยถามอย่างต่อเนื่อง

    "เอ่อ..ฉานเหยา..เจ้าเปลี่ยนคำเรียกสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?" จ้าวจื่อหานที่เพิ่งก้าวตามมาและได้ยินคำว่า 'อี๋เหนียงรอง' ชัดเต็มหูถึงสองครั้งสองคราเอ่ยปากอย่างนึกเวทนาหม่าชิงอี๋ที่ยามนี้ใบหน้าทั้งซีดทั้งแดงสลับกันด้วยความอายจากวาจาของชายาตนไปแล้ว

    "อ้อ! จริงด้วยสิเพคะ! ต้องขอโทษทีนะพระชายารอง... คงเพราะว่าหมู่นี้เราชอบใช้งานบ่าวของเย่หลิงเป็นพิเศษเลยพลอยติดวิธีการพูดจาของนางมาด้วย... ดูเหมือนว่าแถวบ้านเจ้าจะเรียกคนที่มิใช่ภรรยาเอกว่าอี๋เหนียงรองนี่นะ..จริงหรือไม่ลี่เอ๋อร์?"

    "เจ้าค่ะ!" จูชุนลี่น้อยตอบรับด้วยเสียงดังฟังชัดและรอยยิ้มเต็มใบหน้า ก่อนจะรีบก้มลงต่ำเมื่อเห็นสายตาปรามจากคุณหนูของตนอีกครั้ง

    "นั่นสิ! เราเองก็เผลอคิดไปทุกทีว่าฝูหมิงมีเย่หลิงเป็นชายาเพียงคนเดียว..เจ้าก็อย่าได้ถือสาเราเลยนะ"

    หลิวฉานเหยายกยิ้มให้กับสีหน้าที่ซีดลงด้วยความอับอายของหม่าชิงอี๋ซึ่งบังอาจมาหาเรื่องน้องสาวคนงามของตนก่อนจะหันไปเอ่ยถามเหล่า 'ผู้ร่วมมือ' ซ้ำอย่างไม่ยอมปล่อยผ่าน "แล้วพวกเจ้าล่ะว่าอย่างไร? มายืนทำอะไรกันอยู่ตรงนี้อย่างนั้นหรือ? มิรู้หรือไรว่าที่นั่งของกลุ่มบุตรหลานจากตระกูลขุนนางน่ะอยู่อีกทาง?"
    "คือ..คือ..พวกหม่อมฉัน..."

    "พวกเรา..พวกเรามา..."

    "เป็นหม่อมฉันที่พาพวกนางมาคารวะพี่หญิงเองเพคะ ขอไท่จื่อเฟยและเสด็จพี่ไท่จื่อโปรดอภัยด้วยเพคะ..."

    เห็นหน้าตาซีดเซียวพูดจาอึกอักทำอะไรไม่ถูกของสหายทั้งหลายของนางแล้ว หม่าชิงอี๋ก็ได้แต่รีบระงับความอับอายของตนพลางเอ่ยแก้ไปก่อน และแน่นอนว่าวาจาและท่าทางอ่อนแอน่าสงสารที่แสดงออกมานั้นย่อมต้องจงใจหันไปหาองค์ไท่จื่อที่ดูจะมีพระทัยอ่อนที่สุดเป็นหลัก

    แต่ที่หม่าชิงอี๋ยังไม่รู้ก็คือ..จ้าวจื่อหานนั้นเป็นบุคคลประเภท 'อ่อนนอกแข็งใน' ที่รักภรรยาของตนเป็นที่สุด นอกจากนี้.. ประโยคดูแคลนที่นางจงใจเอ่ยขึ้นเพื่อหักหน้าหวางเย่หลิงนั้น..เขาก็ได้ยินอย่างชัดเจนเต็มทั้งสองหูเช่นกัน ดังนั้น ภาพที่พระชายารองจากตระกูลหม่าได้เห็นก็คือ... รอยแย้มพระโอษฐ์เพียงเล็กน้อยก่อนที่องค์ไท่จื่อจะหันพระพักตร์ไปทางไท่จื่อเฟยของตนโดยมิได้เอ่ยอะไรเลยเท่านั้น!

    "เย่หลิง... เจ้าว่าอย่างไรเล่า? พวกนางใช่มาคารวะเจ้าเพียงนั้นจริงๆน่ะหรือ? ดูเหมือนว่าประโยคเมื่อครู่ที่พี่สาวได้ยินจะมิใช่อย่างนั้นเลยนะ?" น้ำเสียงหวานเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบแต่ดวงตาทั้งคู่ของหลิวฉานเหยากลับทอแววขุ่นเคืองขึ้นอย่างแจ่มชัด "จื่อหาน..พระองค์ล่ะเพคะ? ดูเหมือนหมู่นี้พระองค์ก็แวะไปเยือนเย่หลิงพร้อมหม่อมฉันบ่อยๆ มิทราบว่าทรงเห็นความโง่เขลา..ป่าเถื่อน..ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำในตัวเราสองคนขึ้นมาบ้างหรือไม่!?"

    "มิใช่นะเพคะ..ไท่จื่อเฟย! เรื่องมิได้เป็นเช่นนั้นเลย! หม่อมฉันหรือจะกล้าตำหนิพระองค์กับเสด็จพี่ไท่จื่อ... หม่อมฉันหมายถึง..หมายถึงนางกำนัลผู้นั้นต่างหากล่ะเพคะ" หม่าชิงอี๋รีบเอ่ยปฏิเสธเป็นพัลวัน

    "จิ้งหยี่เป็นคนของเรา..."

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×