ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฎีการักจากพระชายาบ้านนอก

    ลำดับตอนที่ #111 : 111. ว่าอย่างไรเล่า? หรือว่าเจ้าไม่กล้าเปิดแผลตัวเองให้ใครเห็น?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.09K
      409
      29 พ.ย. 63

    "ว่าแต่..แน่พระทัยแล้วหรือพ่ะย่ะค่ะว่าเย่หลิงของหม่อมฉันมิได้ถูกคนของหม่าจือฉินจับกุมไปจริงๆ?"

    "วางใจได้ เย่หลิงของเจ้าน่ะยังปลอดภัยดีอยู่แน่ๆ เพียงแต่ว่า..."



    -------------------------------------------------


    "โม่อี้เซียวถวายพระพรฝ่าบาท ขอจงทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นปี หมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ"
    "ไม่ต้องมากพิธีไปหรอกอี้เซียว..เจ้าก็รีบลุกขึ้นเถอะ" จ้าวเจินฮ่องเต้รับสั่งด้วยสีพระพักตร์ที่แลดูสดชื่นขึ้นกว่าหลายวันก่อน ก่อนจะตรัสถึงฮองเฮาที่มิได้เสด็จมาในวันนี้ด้วย "ที่จริงเยว่ฉีก็อยากมาพบเจ้าอยู่เหมือนกันนะ แต่จู่ๆก็เกิดเวียนหัวขึ้นมากะทันหัน..เราเลยต้องบังคับให้กลับไปพักผ่อน คงจะเป็นเพราะยังไม่หายเครียดกับเรื่องที่หอศิลปะนั่นล่ะ"

    "เป็นความผิดของกระหม่อมเองพ่ะย่ะค่ะที่จัดการได้ไม่ดีพอจนเกิดเรื่องร้ายขึ้น ทำให้ฝ่าบาทกับฮองเฮาต้องไม่สบายพระทัยแล้ว"

    "จะโทษเจ้าได้อย่างไรกัน?" จ้าวเจินฮ่องเต้โบกพระหัตถ์ปฏิเสธ "ต้องโทษเราต่างหากที่หลายปีมานี้อยู่สุขสบายเสียจนเคยตัว ตั้งแต่แต่งตั้งจื่อหานขึ้นเป็นรัชทายาทและมีฝูหมิงอาสาช่วยดูแลด้านการทหารให้..เราก็แทบมิได้แตะต้องงานใดๆเลยด้วยซ้ำ แค่ออกว่าราชการที่ท้องพระโรงประเดี๋ยวประด๋าวแล้วก็อ่านฎีกาอีกไม่กี่ฉบับ งานส่วนใหญ่ก็เป็นสองคนนั้นช่วยจัดการให้หมด มารู้สึกตัวอีกทีก็เห็นแต่หน้าตาเคร่งเครียดของลูกๆทั้งสองอยู่ทุกวี่วัน..ครั้นถามไถ่อะไรก็ไม่ค่อยยอมเล่าให้ฟัง องครักษ์พวกนั้นของเขาก็พลอยพูดไม่เป็นไปด้วย..ทำเอาเราอัดอั้นนัก"

    "ราษฎรของเรายังคงอยู่กันอย่างปกติสุขดีพ่ะย่ะค่ะ..เรื่องนั้นเสด็จพ่อสบายพระทัยได้ ส่วนเหตุการณ์ที่หอเหม่ยเฟิงก็มีความคืบหน้าเรื่องคนร้ายมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

    องค์ไท่จื่อจ้าวจื่อหานที่เพิ่งเสด็จมาถึงตรัสพลางถวายคำนับพระบิดาก่อนจะหันไปทรงทักทายผู้มาเป็นแขกในวันนี้ "ว่าแต่คุณชายโม่เล่า.. อาการบาดเจ็บของท่านเป็นอย่างไรบ้าง? เราส่งหมอหลวงไปช่วยตรวจให้ดีหรือไม่?"

    "จริงด้วยสิอี้เซียว เราก็มัวแต่พูดเรื่องของตัวเอง..ลืมไปเลยว่าเจ้าก็บาดเจ็บอยู่ไม่น้อย หลิวกงกง..รีบเรียกหมอหลวงมาสัก 2-3 คนสิ ให้เขามาตรวจอี้เซียวเสียที่นี่เลยก็แล้วกัน" องค์จ้าวเจินฮ่องเต้หันไปรับสั่งกับกงกงคนสนิท แต่โม่อี้เซียวก็กลับลุกขึ้นถวายบังคมพลางเอ่ยปฏิเสธเสียก่อน

    "ไม่เป็นไรมิได้พ่ะย่ะค่ะฝ่าบาท ตอนนี้อาการทั่วไปของกระหม่อมดีขึ้นมากแล้ว โอสถตำรับหลวงที่ไท่จื่อทรงฝากองครักษ์มาให้เมื่อหลายวันก่อนได้ผลดีนักพ่ะย่ะค่ะ"

    "อ้อ! อย่างนั้นหรอกหรือ?"

    เสียงติดห้วนดังขึ้นก่อนที่จ้าวฝูหมิงจะย่างเท้าเข้ามาในตำหนักซึ่งถูกใช้เป็นที่รับรองในวันนี้อีกคน

    "แต่เราได้ข่าวว่าแผลของเจ้าฉกรรจ์ไม่น้อยเลยนี่ มีคนเห็นว่าบ่าวของเจ้ายังแวะไปซื้อหายาบำรุงให้อยู่หลายครั้ง กระทั่งอดีตหมอหลวงอย่างติงเชาก็ยังต้องเทียวมาเทียวไปเข้าออกเรือนของเจ้าอยู่แทบทุกวัน..แม้แต่วันนี้ก็ด้วย ที่แท้แล้วแผลของเจ้าดีขึ้นจริงหรือไม่กันแน่เล่า?"

    "ทูลท่านอ๋อง แผลส่วนใหญ่บนกายของกระหม่อมสมานกันดีแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะมีก็แต่รอยดาบที่ไหล่และหลังซึ่งค่อนข้างลึกกว่าที่อื่น..แต่ก็ดีขึ้นมากแล้วจริงๆ ขอบพระทัยที่ทรงเป็นห่วงพ่ะย่ะค่ะ" โม่อี้เซียวตอบกลับด้วยน้ำเสียงสุภาพราวกับไม่รู้ความนัยที่อีกฝ่ายต้องการสื่อ

    "ใช่ เราเป็นห่วงเจ้ามากจริงๆนั่นล่ะ อย่างน้อยในวันเกิดเหตุนั้นเจ้าก็ได้ช่วยดูแลทั้งชายาของเราและไท่จื่อเฟยจนตัวเองต้องบาดเจ็บนี่นะ" จ้าวฝูหมิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงประชดประชันขณะดวงตาดุจ้องมองบริเวณหลังและไหล่ของอีกฝ่ายเขม็ง "แล้วตัวเจ้าล่ะ ไม่คิดจะให้เราช่วยดูแผลให้แน่ใจก่อนสักหน่อยหรือว่ามันร้ายแรงสักแค่ไหน..เจ้าถึงได้หายหน้าหายตาไปจนแม้แต่หอศิลปะของตนที่มีปัญหาอยู่ก็มิได้กลับเข้าไปดูสักครั้ง?"
    "ฝูหมิง"

    จ้าวเจินฮ่องเต้ขมวดพระขนงพลางส่งพระสุรเสียงหนักขึ้นเมื่อทอดพระเนตรเห็นท่าทีที่เริ่มคุกคามอีกฝ่ายอย่างแปลกๆของพระโอรสองค์เล็ก หากแต่...

    "ว่าอย่างไรเล่า? หรือว่าเจ้าไม่กล้าเปิดแผลตัวเองให้ใครเห็น? มีอะไรปิดบังอยู่งั้นหรือ?" จ้าวฝูหมิงยังคงซักไซ้ต่อด้วยสีหน้าค่อนข้างบึ้งตึง

    "ฝูหมิง!" คราวนี้จ้าวเจินฮ่องเต้รับสั่งเรียกพระโอรสด้วยพระสุรเสียงห้วนขึ้นอีก "เหตุใดถึงได้แสดงท่าทีต่อผู้มีพระคุณของตนเช่นนี้เล่า..ลืมไปแล้วหรือว่าเขามีส่วนช่วยหวางเฟยของเจ้ามิให้ถูกพวกโจรนั่นทำร้ายเอานะ...?"

    "น้องเพียงแต่อารมณ์ไม่ค่อยดีเลยเสียงดังไปบ้างเท่านั้นเองพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ" องค์ไท่จื่อจ้าวจื่อหานรีบตรัสไกล่เกลี่ย "คุณชายโม่..แผลของท่านดีขึ้นก็ดีแล้วล่ะ แล้วท่านก็อย่าได้ถือสาฝูหมิงไปเลยนะ..เขาแค่ไม่สบายใจที่ยังตามหาเย่หลิงไม่พบน่ะ"

    "ยังตามหาคุณหนูเย่หลิงไม่พบอีกอย่างนั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?" โม่อี้เซียวย้อนถามกลับด้วยสีหน้ากังวลในทันที "กระหม่อมมัวแต่พักรักษาตัวอยู่ที่เรือนของตนเสียหลายวัน.. เข้าใจว่าคุณหนูกลับมาแล้วเสียอีก ไม่คิดเลยว่า..."

    "ยังมิได้กลับมาหรอก! และเราก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคนที่พาตัวเย่หลิงไปต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ไม่ยอมปล่อยนางกลับมาเสียที!?" จ้าวฝูหมิงเสียงห้วนขึ้นอย่างมีโทสะ

    "........"

    "ที่เราเรียกเจ้ามาพบก็เกี่ยวกับเรื่องนี้นี่ล่ะ" จ้าวเจินฮ่องเต้รับสั่งแทรกขึ้นขณะโบกพระหัตถ์เป็นเชิงปรามพระโอรสองค์เล็ก "ชายาของจื่อหานและฝูหมิงล้วนเล่าตรงกันว่าพวกโจรกลุ่มนั้นบุกเข้ามาในห้องรับรองที่พวกนางอยู่แล้วเรียกเอาทรัพย์สินซึ่งพกติดตัวมาไปจนหมด กระทั่งเจ้าที่เข้าห้ามก็ยังพลอยถูกทำร้ายไปด้วย ระหว่างนั้นก็ยังได้ยินเสียงต่อสู้ที่ด้านนอกอยู่ตลอดก่อนที่พวกนางจะหมดสติไปโดยไม่รู้สาเหตุ..เป็นอย่างนั้นใช่หรือไม่จื่อหาน?"

    "พ่ะย่ะค่ะ เหยาเอ๋อร์เล่าว่าก่อนจะหมดสตินั้นพวกโจรคล้ายจะพยายามเข้ามาจับตัวพวกนางให้ได้ ต่อเมื่อคุณชายโม่เข้าห้ามจึงได้ถูกกลุ้มรุมทำร้าย..แต่แล้วภาพทั้งหมดก็ดับมืดไป" จ้าวจื่อหานเอ่ยพลางลอบดูสีหน้าบึ้งตึงของพระอนุชาอย่างนึกห่วง "เมื่อฝูหมิงและคนของเขาเข้าไปถึงที่นั่นก็พบเพียงเหยาเอ๋อร์กับพวกนางกำนัลและคุณชายโม่นอนสลบอยู่ที่พื้น ส่วนอีกสองคนหายตัวไปแล้ว กระทั่งเมื่อวานนี้..ชายาของฝูหมิงถึงได้กลับมา..."

    "อี้เซียว แม้เจ้าจะเคยเล่าเรื่องนี้ให้คนของจื่อหานฟังแล้วเมื่อหลายวันก่อน..แต่เราอยากจะให้เจ้าเล่าเหตุการณ์วันนั้นให้ละเอียดอีกครั้งว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง? เผื่อจะมีอะไรเป็นประโยชน์ให้พวกเราหาทางช่วยเย่หลิงกลับมาได้" จ้าวเจินฮ่องเต้ตรัสพลางทอดพระเนตรโม่อี้เซียวอย่างมีความหวัง "เจ้าพอจะเล่าได้หรือไม่?"

    "กระหม่อมยินดีพ่ะย่ะค่ะ เรื่องในวันนั้นเริ่มจากตอนที่..."


    -----------------------------------------------------


    ชิ้งงงง!!!!

    "ยังมิทันคุยกันให้หนำใจก็จะหนีกลับเสียแล้วหรือโม่อี้เซียว?"

    เสียงต่ำที่แสนจะเยียบเย็นดังขึ้นใกล้หูของโม่อี้เซียว แต่ที่เย็นเยียบยิ่งกว่าก็คือกระบี่ที่พาดอยู่บนลำคอข้างขวาของเขาในยามนี้

    "ท่านอ๋องจ้าว...?" เจ้าของหอศิลปะชื่อดังขมวดคิ้วอย่างงงๆระคนด้วยความตกใจและหวาดหวั่น "นี่พระองค์ทรงทำอะไร...?"

    แควก! แควก!

    "โอ๊ะ!"

    ปึก!!

    "โอ๊ย!"

    "เป็นไปไม่ได้! เจ้าจะบาดเจ็บจริงๆได้ยังไงกัน!?"

    จ้าวฝูหมิงที่เพิ่งใช้ปลายกระบี่ฉีกกระชากเสื้อคลุมตัวนอกและในของอีกฝ่ายออกถึงกับผงะถอยหลังไปหลายก้าวขณะมือเปล่าข้างหนึ่งก็เผลอผลักร่างสูงของโม่อี้เซียวออกไปเต็มแรงจนล้มไปกับกระแทกพื้นดังสนั่น

    จะเพราะอะไรเสียอีก!? ถ้ามิใช่เพราะเขาเห็นบาดแผลลึกจากคมดาบหลายรอยที่พาดไขว้อยู่บนหลังของฝ่ายนั้นชัดตา! ไหนจะร่องลึกบนไหล่ขวาข้างนั้นอีกเล่า! แผลที่ยังไม่ตกสะเก็ดเหล่านั้นมีสภาพช้ำเลือดรุนแรง... มิหนำซ้ำรอยเย็บก็ยังปริแตกจนเลือดไหลทะลักออกมาอีกเพราะคมกระบี่ของเขากวาดเอาผ้าพันแผลที่ปิดทับอยู่บนนั้นออกมาด้วย!

    "ท่าน..ท่านอ๋อง... นี่มันเรื่องอะไรกันหรือพ่ะย่ะค่ะ?" โม่อี้เซียวที่ตอนนี้สีหน้ายิ่งเผือดซีดกว่าเดิมเอ่ยถามออกมาด้วยเสียงค่อนข้างสั่น "เหตุใดถึงได้ทรง...?"

    "บอกเรามาคำเดียว ตอนนี้เย่หลิงใช่อยู่กับเจ้าหรือไม่!?"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×