ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮูหยินใบ้

    ลำดับตอนที่ #26 : 26. แต่ก็น่าสนุกดีนี่นะ..ได้พบกันทุกคนเยี่ยงนี้สิถึงจะยิ่งมีรสชาติ!

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.15K
      482
      19 ก.ค. 63

    "กลับมาเอ่ยวาจาดีๆต่อกันอย่างนั้นหรือ? ล้อเล่นน่ะ! ข้ากับท่านเคยเป็นเช่นนั้นกันด้วยหรือไร!?"

    "เจ้า..."

    "เรียนท่านแม่ทัพ..ถึงหน้าประตูวังแล้วขอรับ" เสียงของสารถีเอ่ยแทรกอีกครั้ง

    "แสดงตราหยกของข้าแล้วขับรถม้าเข้าไป" เกาเทียนฉีที่นิ่งอึ้งไปครู่หนึ่งออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงที่เหมือนจะแหบต่ำลงกว่าเดิม

    "ขอรับ"

    "พี่จะพาเจ้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทก่อนแล้วจะพาไปพบกับคนผู้หนึ่ง" เกาเทียนฉีหันมาเอ่ยวาจากับสตรีตรงหน้าอีกครั้ง

    "........"

    "ต่อหน้าฝ่าบาทและคนอื่นๆ... เจ้า..." เสียงแหบต่ำพลันชะงักเพียงนั้น

    เจิ้งหว่านถงมองสบดวงตาสีเข้มของเกาเทียนฉีตรงๆ และราวกับเข้าใจความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ..นางจึงเขียนอักษรยื่นส่งให้อย่างรวดเร็ว

    "ข้าเข้าใจ... ข้าจะแสดงละครฉากนี้ให้ดีที่สุด จะไม่มีใครรู้แน่..ว่าแท้จริงแล้วเราต่างชังน้ำหน้ากันแค่ไหน!"

    "........"

    อ่านจบ..ใบหน้าหล่อเหลาก็เผือดสีลงในฉับพลัน หัวใจที่หม่นหมองด้วยความไม่เข้าใจอยู่แล้วยิ่งปวดแปลบมากขึ้นอีกหลายเท่า... ดวงตาคู่คมจับจ้องใบหน้าเล็กนิ่งราวกับจะมองให้ทะลุไปถึงความจริงข้างใน..แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับเป็นสีหน้าเรียบเฉยและแววตาที่มองมายังเขาอย่างคนแปลกหน้าเท่านั้น...


    --------------------------------------------------


    "ถวายบังคมฝ่าบาท ขอทรงพระเจริญหมื่นปี..หมื่นๆปีพ่ะย่ะค่ะ"

    "อืม..ลุกขึ้นเถอะแม่ทัพเกา" องค์ฮ่องเต้รับสั่งพลางทอดพระเนตรสตรีร่างเล็กข้างแม่ทัพหนุ่มที่ยอบกายลงถวายบังคมพระองค์อย่างเงียบๆด้วยความสนพระทัย "นี่คงเป็นบุตรีคนโตของเสนาเจิ้งสินะ จำได้ว่าเราเคยพบเจ้าครั้งหนึ่งช่วงหลังงานฉลองที่ฮองเฮามีพระประสูติกาล ตอนนั้นเจ้ายังเล็กอยู่มาก... มิน่าเชื่อเลยว่าโตขึ้นแล้วจะเป็นโฉมสะคราญถึงเพียงนี้"

    "งามจริงๆเพคะ..งามเสียจนน่าอิจฉาท่านแม่ทัพเกายิ่งนัก..." พระสนมจางเวยลี่ที่ประทับอยู่ข้างๆตรัสขึ้นขณะพระเนตรคมทอดมองเจิ้งหว่านถงไม่วางตา "น่าเสียดายจริงๆ..ได้ข่าวว่านางเป็น..."

    "นางเพียงประสบปัญหาในการออกเสียง..แต่มิได้เป็นใบ้มาแต่กำเนิดพ่ะย่ะค่ะ" เกาเทียนฉีพลันเอ่ยแทรกด้วยน้ำเสียงเข้ม ใบหน้าคมคายมึนตึงขึ้นขณะที่ทั่วกายแผ่รังสีเยียบเย็นออกมาอย่างเห็นได้ชัดว่ากำลังไม่พอใจ จงเหรินฮ่องเต้จึงได้รับสั่งแกมสรวลออกมา

    "เห็นไหมเล่าเวยลี่... เราบอกเจ้าแล้วว่าอย่าได้เอ่ยวาจาอะไรให้มากความไป แม่ทัพของเราถึงกับเอ่ยปากขอให้สิทธิ์ในการรักษาจากหูเจียเย่กับคู่หมั้นหมายของเขาเช่นนี้..มีหรือจะยอมให้เจ้าหรือใครมาพาดพิงถึงนางได้โดยง่าย แม่ทัพเกา..เจ้าก็อย่าได้ถือสาเวยลี่ไปเลยนะ"

    "กระหม่อมมิบังอาจพ่ะย่ะค่ะ" เอ่ยคำออกตัวไปเช่นนั้น..แต่สีหน้าของเกาเทียนฉีก็ยังคงเคร่งขรึมไม่เลิก จางเวยลี่ที่รู้กิตติศัพท์ความไม่เกรงใจใครของแม่ทัพหนุ่มที่แม้แต่องค์ฮ่องเต้ก็ยังต้องยอมอ่อนข้อให้ในหลายๆเรื่องจึงต้องเอ่ยออกมาอีกครั้ง

    "แม่ทัพเกา..เราขออภัยท่านก็แล้วกัน... เราเพียงเอ่ยไปอย่างนั้นเอง..หาได้มีเจตนาร้ายใดๆไม่" แล้วพระสนมคนโปรดของฮ่องเต้ก็หันมาแย้มพระโอษฐ์ให้สตรีที่เป็นหัวข้อของการสนทนาที่ยืนนิ่งอยู่ข้างแม่ทัพหนุ่มอีกครา "คุณหนูเจิ้ง..หวังว่าเจ้าจะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเราเช่นเดียวกับท่านแม่ทัพหรอกนะ..ใช่หรือไม่?"

    ผู้ที่สามารถเอ่ยวาจาได้ก็ตอบโต้กันไป..ส่วนทางเจิ้งหว่านถงนั่นหรือ... นางก็ได้แต่ยิ้มตอบไปด้วยท่าทีนุ่มนวลไม่แปรเปลี่ยน..ขณะที่ในใจนึกหัวร่อละครของสตรีบางคนอยู่ลึกๆ แท้จริงแล้วการเป็นใบ้ก็มีข้อดีอยู่ไม่น้อยเลยนะนี่! อย่างเช่นในวันนี้ที่นางได้ใช้การเป็นใบ้ของตนสังเกตผู้สูงศักดิ์ทั้งสองตรงหน้านั่นอย่างไรเล่า!

    เห็นได้ชัดว่าเกาเทียนฉีมีน้ำหนักในใจของฮ่องเต้ไม่น้อยเลยจริงๆ มิน่าเล่า..เขาจึงได้กล้ายื่นข้อเสนอกับนางในครั้งก่อนว่าการหมั้นกับเขาจะสามารถทำให้การพุ่งเป้ามาที่ท่านพ่อชะลอลงได้ แต่ที่น่าสนใจยิ่งกว่านั้นคงจะเป็นจางเวยลี่นี่เอง! ไม่นึกเลยว่านอกจากรั่วอิงกับอี้หรูสองพี่น้องแล้ว..แม้แต่จูลี่เวยผู้นั้นก็ยังตามนางมาถึงชาติภพนี้ด้วยอีกคน! แถมดูจากแววตาลึกๆนั่นก็รู้ว่ายังมีใจให้เกาเทียนฉีไม่เปลี่ยน! กระทั่งต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ก็ยังอุตส่าห์แย้มยิ้มส่งให้ถึงขนาดนั้น แต่ก็น่าสนุกดีนี่นะ..ได้พบกันทุกคนเยี่ยงนี้สิถึงจะยิ่งมีรสชาติ! แต่จูลี่เวยหรือจางเวยลี่นั่นจะทำอย่างไรดีเล่าถึงจะแย่งเอาบุรุษน่าตายอย่างเกาเทียนฉีไปได้อีก? ในเมื่อชาตินี้นางเป็นถึงพระสนมของฮ่องเต้ไปเสียแล้ว!? หรือว่า..จะใช้วิธีลักลอบเป็นชู้กันอีกครั้ง!?

    "แววตาของคุณหนูเจิ้งช่างแปลกจริงๆ..ราวกับเจ้าและเราเคยรู้จักกันมาก่อนเสียอย่างนั้น...?" จางเวยลี่เอ่ยอย่างรู้สึกอึดอัดขึ้นมานิดหนึ่งเมื่อเห็นดวงตาเป็นประกายของเจิ้งหว่านถงมองมายังตนด้วยนัยแปลกๆที่ทำให้นางรู้สึกเสียวสันหลังวาบขึ้นมาทันใด ขณะที่เจิ้งหว่านถงเมื่อได้ยินก็หันไปมองเกาเทียนฉีคล้ายจะสื่อความบางอย่าง แม่ทัพหนุ่มจึงได้เอ่ยขึ้น

    "ทูลฝ่าบาท ถงเอ๋อร์สามารถเขียนข้อความตอบโต้ได้พ่ะย่ะค่ะ ขอฝ่าบาทโปรดอนุญาตให้นางใช้เครื่องเขียนที่เตรียมมาด้วยพ่ะย่ะค่ะ"

    "ได้สิ! ดีเหมือนกัน..เราก็อยากจะรู้ความคิดอ่านของสาวน้อยผู้นี้อยู่แล้ว" องค์จงเหรินฮ่องเต้รีบรับสั่งอนุญาตในทันที และเกาเทียนฉีก็เริ่มจะรู้สึกเสียใจขึ้นมาบ้างแล้วที่ตนตัดสินใจพาเจิ้งหว่านถงเข้าวังมาอย่างกะทันหันทั้งที่นางยังคงหมางเมินตนอยู่เช่นนี้ เพราะดูจากสายพระเนตรที่ฝ่าบาททรงทอดมองมานั่นก็รู้แล้วว่าทรงถูกพระทัยคู่หมายตัวน้อยของเขาอยู่ชัดๆ!

    "พระสนมงามยิ่งนักเพคะ ที่หม่อมฉันมองเสียนานก็เพราะมิเคยเห็นใครงดงามเท่าพระองค์มาก่อนเลย" เจิ้งหว่านถงเขียนข้อความแรกออกมาเช่นนี้ก่อนจะยื่นให้กงกงคนสนิทของฮ่องเต้รับไปถวายต่ออีกครั้ง

    "พูดได้ดีนัก! แล้วเราเล่าคุณหนูเจิ้ง? เราในสายตาของเจ้าเป็นเช่นไรบ้าง?"
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×