ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฮูหยินใบ้

    ลำดับตอนที่ #25 : 25. "วาจานี้ช่างฟังดูดีเสียเหลือเกินนะ แต่น่าเสียดาย..ที่ข้าไม่เชื่อ!"

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.72K
      515
      19 ก.ค. 63

    "เห็นๆกันอยู่ว่านางเป็นใบ้ นอกจากเป็นลูกของฮูหยินใหญ่แล้ว..ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็สู้เราสองคนไม่ได้สักอย่าง! แต่ท่านก็ยังเลือกที่จะหมั้นหมายกับนาง! แถมยังปกป้องนางถึงเพียงนี้! จะเพราะอะไรกันเล่าเจ้าคะถ้าไม่ใช่เพราะนางยอมทอดกายให้ท่านเชยชมได้ง่ายๆ! กระทั่งอยู่บนรถม้าต่อหน้าเราก็ยังยอมให้บุรุษกอดรัดเสียขนาดนี้แล้ว..แล้วตอนอื่นๆที่อยู่ด้วยกัน..."

    "เพี้ยะ!!"

    "หรูเอ๋อร์!" เจิ้งรั่วอิงส่งเสียงลั่น ดวงตาตื่นตระหนกก้มมองน้องสาวที่ถูกแม่ทัพหนุ่มตบหน้าจนล้มคว่ำลงไปกับพื้นด้านล่างอย่างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ขณะที่เจิ้งอี้หรูค่อยๆเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆด้วยสภาพอันน่าตกใจยิ่งนัก... แก้มข้างหนึ่งบวมเป่งไปในพริบตา..ทั้งยังมีเลือดไหลรินออกมาจากมุมปากข้างเดียวกันจนแลดูน่ากลัว แต่ที่น่าตกใจเสียยิ่งกว่ากลับเป็นสายตาของนางในยามนี้

    "พี่เทียนฉี..นี่ท่าน..ท่านกล้าตบข้าเพื่อนาง..อย่างนั้นหรือ?" เจิ้งอี้หรูเอ่ยถามด้วยเสียงเบา..แต่นัยน์ตาทั้งคู่กลับเขม็งมองร่างเล็กของเจิ้งหว่านถงอย่างเคียดแค้นชิงชังชัดเจน

    "นั่นเป็นโทษเบาที่สุดสำหรับคนอย่างเจ้าแล้ว!" เกาเทียนฉีตอบกลับด้วยเสียงห้วนไม่เลิกเช่นกัน "เมื่อวานเจ้าสองคนวางแผนทำร้ายถงเอ๋อร์จนบาดเจ็บแล้วกลับไม่ยอมสำนึกผิด วันนี้ยังอุตส่าห์มาดักรอกลางถนนที่มีผู้คนมากมายเช่นนี้..คิดหรือว่าจะไม่มีใครล่วงรู้แผนของเจ้า! คิดจะเอะอะโวยวายสร้างความเสื่อมเสียให้ถงเอ๋อร์ก็ควรต้องดูเสียก่อนว่าข้างหลังของนางมีใครอยู่บ้าง!? อีกอย่าง..เมื่อครู่เจ้ายังกล่าววาจาเหลวไหลให้ร้ายเราสองคนอีก! ถ้าไม่เพราะว่าข้ายังเห็นแก่ท่านลุงเจิ้งแล้ว..ที่เจ้าจะได้รับคงมิใช่แค่ฝ่ามือเดียวอย่างนั้นแน่!"

    "ท่าน!"

    "เรื่องที่พวกเจ้าขอมา..เราคงช่วยอะไรไม่ได้ เราสองคนยังต้องรีบเข้าวังอีก..พวกเจ้าลงไปเถอะ!"

    "พี่เทียนฉี... เหตุใดต้องทำกับเราเช่นนี้ด้วยเล่าเจ้าคะ?" เจิ้งรั่วอิงเอ่ยด้วยเสียงเครือ ที่สุด..น้ำตาที่แท้จริงของนางก็ไหลออกมาแล้ว "เราสองคนก็เป็นลูกของท่านพ่อเหมือนกันกับพี่สาว... เราต่างก็มีใจให้กับ..."

    "ลงไป! ก่อนที่ข้าจะหมดความอดทน!" แม่ทัพหนุ่มรีบตัดบทด้วยเสียงเฉียบขาด

    "แต่ว่าพวกเรา..."

    "ช่างเขาเถอะพี่อิงเอ๋อร์!" เจิ้งอี้หรูพลันเอ่ยแทรกคำของผู้เป็นพี่สาวก่อนจะหันมากล่าวกับบุรุษตรงหน้าอีกครั้ง "พี่เทียนฉี.. สักวันท่านจะต้องเสียใจแน่นอนที่เลือกเข้าข้างนางแล้วทำกับเราเช่นนี้!" เจิ้งอี้หรูเอ่ยอย่างอาฆาตก่อนจะจูงมือพี่สาวของตนก้าวลงไปทันที

    "อี้เทา! พวกนางเล่า!?" เพียงคล้อยหลังทั้งสองพี่น้องไปไม่นาน..เกาเทียนฉีก็เอ่ยถามขึ้น

    "ขึ้นรถม้ากลับไปแล้วขอรับ รถม้าของคุณหนูทั้งสองจอดรออยู่หลังต้นไม้ใหญ่ที่ฝั่งตรงข้ามขอรับ"

    "อืม! ไปต่อได้!"

    "อื๊อ!" และราวกับกำลังรอประโยคนี้อยู่ เพราะเพียงสิ้นเสียงสั่งของแม่ทัพหนุ่ม ร่างเล็กบนตักของเขาที่นิ่งเงียบมาตลอดก็เริ่มส่งเสียงประท้วงทันที

    "ถงเอ๋อร์?"

    "ปล่อยข้า!" เจิ้งหว่านถงใช้นิ้วเขียนอักษรลงบนท่อนแขนใหญ่ที่ยังรัดเอวนางไว้ด้วยท่าทีไม่พอใจ และเมื่อเห็นบุรุษบางคนไม่เพียงไม่ปล่อย..กลับยังนั่งจ้องหน้านางเฉยอยู่อย่างนั้น... ใบหน้าเล็กก็ก้มลงอ้าปากทำท่าจะกัดในทันใด..เคราะห์ดีที่เกาเทียนฉีรีบขยับแขนหนีเสียก่อน จากนั้นก็ยอมคลายอ้อมแขนปล่อยตัวนางแต่โดยดี..เจิ้งหว่านถงจึงได้ย้ายกลับไปนั่งยังฝั่งตรงข้ามอีกครั้ง

    "ข้ามแม่น้ำเสร็จจึงรื้อสะพาน... ช่วยเอาคืนสองคนนั้นให้เจ้าได้บ้าง..พี่ก็หมดความหมายเสียแล้วสินะ..." แม่ทัพหนุ่มที่ส่งเสียงเข้มแข็งเด็ดขาดอีกทั้งหน้าตาดุดันเมื่อครู่ก่อนกลับเอ่ยวาจาตัดพ้อต่อว่าราวกับอิสตรีช่างคิดเล็กคิดน้อยไปเสียแล้ว... แต่แทนที่จะได้รับความเห็นใจ..เจิ้งหว่านถงกลับส่ายหน้าขณะดวงตาทั้งคู่มองมายังเขาราวกับจะสมเพช สองมือเล็กบรรจงเปิดกล่องไม้คู่กายแล้วนำเครื่องมือออกมาก่อนจะเขียนอักษรลงไปอย่างช้าๆ

    "เป็นถึงแม่ทัพใหญ่..ยังจะต้องเรียกร้องเอาความดีความชอบจากหญิงใบ้คนหนึ่งด้วยหรือไร!?" นางยื่นกระดาษข้อความเช่นนี้ให้เขาเป็นแผ่นแรก

    "พี่มิได้หมายความเช่นนั้น..." เกาเทียนฉีอ่านถ้อยคำที่ถูกยื่นมาให้จบก็เอ่ยแย้งกลับแทบจะทันที "และไม่เคยถือสาเรื่องที่เจ้าเอ่ยคำได้หรือไม่ได้นั้นด้วย... ต่อไปเจ้าก็อย่าได้เรียกตนเองเช่นนั้นอีกเลย"

    "วาจานี้ช่างฟังดูดีเสียเหลือเกินนะ แต่น่าเสียดาย..ที่ข้าไม่เชื่อ!" กระดาษแผ่นใหม่ถูกเขียนแล้วส่งกลับมาอย่างรวดเร็ว

    "ถงเอ๋อร์..."

    "ข้าจำได้แต่เพียงสายตาไม่พอใจและความเกลียดชังที่ท่านส่งมาให้..แม้แต่ในวันที่ข้าถูกบังคับให้ไปอวยพรวันเกิดอะไรนั่น... ข้าถึงได้เอ่ยเรื่องถอนสัญญาหมั้นออกไปอย่างไรเล่า! ครั้งนั้นท่านยังกล่าวหาว่าข้าเรียกร้องความสนใจจากท่านอยู่เลย..จำมิได้แล้วหรือไร!?" เจิ้งหว่านถงเขียนถ้อยคำโต้ตอบมายาวเหยียด แต่ละประโยคแฝงไว้ด้วยนัยเหยียดเย้ยไม่ต่างจากสายตาดูแคลนของนางที่มองมายังเขาในยามนี้... หากทุกอย่างก็เป็นเรื่องจริงที่เกาเทียนฉีมิอาจปฏิเสธได้เลย

    "ใช่! เดิมทีนั้น..พี่นึกชังเจ้าจริงๆ..." แม่ทัพหนุ่มเอ่ยขึ้นอีกครั้ง "แต่นั่นหาได้เกี่ยวข้องกับการที่เจ้าเป็นใบ้ไม่ พี่เพียงไม่พอใจเหตุผลหลักที่ตระกูลของเราทั้งสองทำเช่นนี้ เจ้าก็รู้..การหมั้นหมายและแม้แต่แต่งงานที่จะเกิดขึ้นเป็นเพียงเครื่องมือที่จะค้ำจุนอำนาจของกันและกันให้คงอยู่เท่านั้น... ทั้งที่ตระกูลเกาและเจิ้งต่างมีประวัติรับใช้ราชสำนักมายาวนาน..มีความดีนับไม่ถ้วนที่บรรพบุรุษของเราสร้างไว้แก่แว่นแคว้นนี้ แต่ที่สุดก็ยังหนีไม่พ้นต้องให้บุตรหลานมาเกี่ยวดองกันเพื่อป้องกันมิให้ตระกูลของทั้งสองล่มสลาย... นี่ต่างหากจึงเป็นเรื่องที่พี่รับไม่ได้!"

    "รับไม่ได้... แต่ท่านก็ยังเคยเสนอให้ข้ากลับมาหมั้นหมายด้วยเพื่อให้ท่านพ่อของข้ามีอำนาจพอที่จะต่อรองกับฝ่าบาทมิใช่หรือ!?" ข้อความที่แฝงไว้ด้วยน้ำเสียงเย้ยหยันถูกเขียนส่งมาอีกครั้ง

    "นั่นสินะ..." เกาเทียนฉีนัยน์ตาหมองลงในฉับพลัน "นี่คงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งสำหรับเจ้าเช่นกัน..อีกเหตุผลที่ทำให้เจ้ายิ่งชังน้ำหน้าพี่มากขึ้นอีก แต่ถงเอ๋อร์..หรือว่าเราจะไม่อาจกลับมาเอ่ยวาจาดีๆต่อกันได้แล้วจริงๆ?"

    "กลับมาเอ่ยวาจาดีๆต่อกันอย่างนั้นหรือ? ล้อเล่นน่ะ! ข้ากับท่านเคยเป็นเช่นนั้นกันด้วยหรือไร!?"

    "เจ้า..."
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×