ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านอ๋องเจ้าขา..ข้ามาเข้าฝันท่านอีกแล้ว!

    ลำดับตอนที่ #111 : 111. อันตรายที่ไม่คาดคิด(3)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 212
      11
      4 มิ.ย. 63

    "อยากได้งั้นหรือ?" เฉินหงหมิงมองดวงตาแวววามของเจ้าแมวน้อยยามจ้องแผงน้ำตาลปั้นข้างทางอย่างเอ็นดู

    "เจ้าค่ะ ข้าลงไปซื้อได้หรือไม่เจ้าคะ?"
    เฉินหงหมิงเหลียวมองรอบๆก่อนจะหันไปสบตาสี่เย่ที่ออกมายืนอยู่ด้านนอกร่วมกับองครักษ์ติดตามคนอื่นๆ ต่อเมื่อเห็นฝ่ายนั้นพยักหน้าให้จึงได้เอ่ยขึ้น

    "เอาสิ เดี๋ยวเราจะลงไปกับ..."

    หากยังไม่ทันที่ร่างสูงจะขยับก้าวตามเจ้าแมวสาวตัวน้อยก็กระโดดลงไปด้วยท่าทางร่าเริงเสียก่อนแล้ว

    "ท่านอ๋อง..ให้กระหม่อมตาม...?"

    "ไม่เป็นไร เจ้าให้คนมาตรวจสอบเส้นทางล่วงหน้าแล้วไม่ใช่หรือ? เดี๋ยวเราจะตามไปเอง" เฉินหงหมิงกล่าวกับองครักษ์หนุ่มที่ทำท่าจะท้วงขณะก้าวตามไปและคอยสังเกตการณ์โดยรอบไปพร้อมกัน

    "ท่านอ๋องเจ้าคะ..."

    "ทำไม? มีอะไรหรือ?" เฉินหงหมิงเลิกคิ้วถามเมื่อจ้าวเมิ่งเจี๋ยเดินกลับมาหาเขาก่อนจะเอ่ยเรียกออกมาเบาๆด้วยสีหน้าจืดเจื่อน

    "เงินเจ้าค่ะ ข้าไม่มีเงินติดตัวมาเลยสักนิด..ขอยืมท่านก่อนได้หรือไม่เจ้าคะ? แล้วเดี๋ยวกลับไปถึงเว่ยอันเมื่อไรข้าจะคืนให้"

    "เงินหรือ? เอาสิ..แต่ไม่ต้องคืนเราหรอก... เงินของเราต่อไปก็ต้องเป็นของเจ้านั่นล่ะ" เฉินหงหมิงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงคลุมเครือ ทั้งที่รู้ว่านอกจากองครักษ์ของตนที่เป็นผู้ฝึกวรยุทธแล้วย่อมไม่มีใครได้ยินวาจานี้แน่..หากใบหน้าหล่อเหลาก็ยังเป็นสีเข้มด้วยความรู้สึกกระดากใจในคำพูดของตัวเองอยู่ดี จนที่สุดก็ต้องเสก้มลงล้วงหยิบเอาแท่งเงินในแขนเสื้อออกมายื่นให้สาวน้อย แต่ทว่า...

    "โอ้โห!" จ้าวเมิ่งเจี๋ยอุทานพร้อมทำปากห่อตาโตทันทีที่เห็นก้อนเงินสีขาวแวววาวขนาดใหญ่ในมือบุรุษตรงหน้า ขนาดบิดาของนางที่เป็นคหบดีผู้มั่งคั่งอันดับต้นๆของเมืองเว่ยอันก็ไม่เห็นจะเคยพกก้อนเงินใหญ่ขนาดนี้มาก่อนเลยนี่นะ "ท่านพกเงินติดตัวมากถึงขนาดนี้เลยเชียวหรือเจ้าคะ? น้ำตาลปั้นนี่ไม้ละไม่กี่อีแปะหรอกเจ้าค่ะ..ใช่หรือไม่เจ้าคะท่านน้า?"

    "ใช่เจ้าค่ะ..คุณหนูพูดถูกแล้ว น้ำตาลปั้นของข้าราคาเพียงไม้ละ 5 อีแปะเท่านั้นเองเจ้าค่ะ" สตรีชาวบ้านวัยกลางคนที่ยืนขายน้ำตาลปั้นส่งยิ้มมาให้พลางตอบคำถามของแม่นางน้อยที่หันมาเอ่ยกับตนด้วยน้ำเสียงนอบน้อม เพียงแค่เห็นเครื่องแต่งกายและรถม้าที่หรูหรานั่นนางก็รู้แล้วว่าลูกค้าผู้นี้น่าจะมีฐานะดีเอามากๆ ไม่แน่ว่าอาจจะมาจากตระกูลขุนนางใหญ่ในเมืองหลวงสักตระกูลก็เป็นได้

    "ท่านอ๋อง..เบี้ยอีแปะของท่านล่ะเจ้าคะ?" จ้าวเมิ่งเจี๋ยหันกลับมาส่งเสียงเบาถามต่อด้วยสายตาคาดหวัง

    "เรา...ไม่มีหรอก..." เฉินหงหมิงเม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยออกมาใหม่ "หรือว่าเจ้าจะลองใช้ตั๋วเงิน..."

    "ยิ่งเป็นตั๋วเงิน..ก็จะยิ่งไม่สะดวกกับท่านน้าน่ะสิเจ้าคะ ถ้างั้น..ท่านล่ะเจ้าคะ? ท่านพอจะมีให้ข้าหยิบยืมบ้างหรือไม่?" เจ้าแมวสาวหันไปทางองครักษ์หนุ่มที่ยืนกลั้นยิ้มอยู่ข้างรถม้าคันใหญ่ในทันที

    "เอ่อ..คือ..." จื้อส่วนนั้นดูเหมือนจะรู้ตัวก่อนจึงแสร้งหันหน้าไปทางอื่นเสียแล้ว สี่เย่ที่ยืนอยู่ใกล้กว่าใครจึงได้แต่อึ้งก่อนจะรีบพยักหน้ารับเมื่อเห็นสัญญาณจากผู้เป็นนาย "มีขอรับ"

    องครักษ์หนุ่มหยิบพวงเงินของตนออกมาจากที่ซ่อนแล้วนำมายื่นส่งให้ถึงมือจ้าวเมิ่งเจี๋ยอย่างรวดเร็วก่อนจะรีบถอยกลับไปยืนข้างรถม้าด้วยแววตาขบขันอีกครั้ง ก็จะไม่ให้เขารู้สึกขำผู้เป็นนายได้อย่างไรเล่า ในเมื่อท่านอ๋องนั้นหาเคยต้องมาซื้อของอันใดด้วยตัวเองเลยสักครั้งไม่ ไม่เพียงแต่ทรงเป็นแม่ทัพที่อยู่ในค่ายทหารและสนามรบเป็นส่วนใหญ่ อีกทั้งพระองค์ก็เป็นถึงชินอ๋องที่มีผู้ปรนนิบัติรับใช้อยู่ตั้งมากมาย.. แล้วจะให้พระองค์ทรงพกเงินอีแปะอย่างเช่นพวกตนได้อย่างไรกัน เพียงแค่ที่ทรงนำแท่งเงินกับตั๋วเงินติดพระองค์มาด้วยนั้นก็นับว่าแปลกพอดูอยู่แล้ว

    "ขอบคุณมากเจ้าค่ะ แล้วข้าจะรีบคืนให้ท่านนะเจ้าคะ" สาวน้อยเมิ่งที่มิได้รับรู้ถึงความอึดอัดใจของผู้ใดเอ่ยปากบอก 'เจ้าหนี้จำเป็น' ของตนด้วยสีหน้ายิ้มแย้มก่อนจะวิ่งผ่านหน้าบึ้งๆของท่านอ๋องเสือใหญ่ไปยังร้านเป้าหมายของตนอย่างหน้าตาเฉย

    "ซื้อเสร็จแล้วก็รีบกลับเถอะ..จะยืนกินอยู่เยี่ยงนั้นได้อย่างไรกัน?" เฉินหงหมิงเอ่ยด้วยเสียงดุเมื่อเห็นสตรีบางคนได้ของที่ต้องการมาแล้วก็รีบหยิบเอาชิ้นหนึ่งใส่ปากโดยไม่รั้งรอทันที แต่ดูเหมือนว่าเจ้าแมวสาวจะไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าสิ่งของในมือของตนเลย

    "ท่านอ๋องเจ้าคะ..น้ำตาลนี่หวานนักเจ้าค่ะ รูปร่างก็งดงามด้วยนะเจ้าคะ..ท่านน่าจะลองชิม..."

    ร่างบางที่กำลังถือน้ำตาลปั้นเต็มสองมือเดินกลับมาหาเฉินหงหมิงพลางเอ่ยคำด้วยท่าทางเบิกบาน แต่แล้วนางก็ต้องยิ้มค้างก่อนที่ร่างนั้นจะล้มตึงลงไปกับพื้นอย่างกะทันหัน

    "เจี๋ยเอ๋อร์!"

    เฉินหงหมิงที่อยู่ห่างจากเจ้าแมวน้อยไปไม่ถึงสามก้าวตะโกนลั่นขณะถลาเข้าประคองร่างเล็กที่แน่นิ่งไปแล้วด้วยความตกใจ บรรดาองครักษ์ติดตามต่างกรูกันเข้ามาห้อมล้อมทั้งสองไว้ ขณะส่วนหนึ่งเข้าไปกุมตัวสตรีวัยกลางคนที่จำหน่ายน้ำตาลปั้น ซึ่งยามนี้กำลังอ้าปากค้างหน้าตาซีดเผือดไปเสียแล้ว

    "ใครใช้ให้เจ้าคิดร้ายต่อคุณหนู!? รู้หรือไม่ว่านางเป็นใคร!?" ซือเจ๋อตะคอกถามสตรีวัยกลางคนด้วยความโมโหแทนนายของตน

    "ข้า..ข้าไม่รู้เรื่องจริงๆนะเจ้าคะนายท่าน ข้าสาบานได้..."

    "ยังจะปากแข็งอีก!"

    "ข้ามิได้โกหกนะเจ้าคะ..." สตรีวัยกลางคนน้ำตาร่วงเผาะ "ถามคนแถวนี้ดูก็ได้ ข้าเป็นแค่คนขายของธรรมดา..ไม่ได้..."

    "บ้าที่สุด!" ซือเจ๋อเสียงห้วนอีกทีเมื่อจู่ๆสตรีดังกล่าวก็ล้มลงไปอีกคน "ทูลท่านอ๋อง..คนขายผู้นั้นหมดสติไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ"

    "เฝ้าทุกคนเอาไว้! อย่าให้ใครหน้าไหนหลบหนีไปได้เด็ดขาด!" ด้านนั้นส่งเสียงลั่น..ทางฝั่งนี้สี่เย่และจื้อส่วนเองก็ร่วมกันสั่งการคนอื่นๆด้วยเสียงข้นเช่นกัน ก่อนจะเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าผู้เป็นนายด้วยสีหน้ากังวล

    "ท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ.. เป็นความผิดของพวกกระหม่อมเองที่ไม่ตรวจตราให้ดีก่อน แล้วตอนนี้คุณหนูจ้าว...?

    "นางต้องพิษยาสะกดใจ!" เฉินหงหมิงที่เพิ่งตรวจชีพจรของแมวน้อยไปเมื่อครู่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดขณะค่อยๆช้อนอุ้มร่างบางที่ไร้สติขึ้นมาจากพื้น

    "นั่นมันเป็นของ..."

    "เว่ยใต้!" เสียงพูดเหมือนกัดฟันของเฉินหงหมิงดังขึ้นอีกครั้ง

    "ถูกต้องแล้วพ่ะย่ะค่ะ" เสียงกลั้วหัวเราะของใครบางคนแว่วมาแต่ไกลก่อนที่ร่างหนาของแม่ทัพแห่งเว่ยใต้จะค่อยๆเดินเข้ามาจนถึงจุดที่เหล่าองครักษ์คอยกันชาวบ้านไว้ "ท่านอ๋องยังทรงพระปรีชาสามารถเหมือนเดิมไม่มีผิด น่าเสียดายที่ครั้งนี้คนของพระองค์ประมาทเกินไป..."

    "หวงสือ!"

    "พวกเขาตรวจตราอย่างละเอียดเข้มงวดจริงๆพ่ะย่ะค่ะ ตรวจทั้งผู้คนแม้กระทั่งสิ่งของทุกชิ้น..จนกระหม่อมแทบจะหาโอกาสมิได้เลย เคราะห์ดีที่พวกเขาไม่ได้คิดไกลไปถึงเหรียญอีแปะพวกนั้น..."

    "เหรียญ?" สี่เย่หน้าซีดเผือด "จะเป็นไปได้อย่างไรกัน? นั่นมันเป็นเหรียญของ..."

    "จะเป็นเหรียญของใครก็มิใช่ปัญหา..ขอเพียงแค่เป็นเหรียญอีแปะก็พอแล้ว" หวงสือยิ้มอย่างเป็นต่อระหว่างกล่าวแทรกองครักษ์หนุ่มที่หลุดปากออกมา ก่อนจะหันไปทางเฉินหงหมิงที่ยังคงอุ้มร่างบางของจ้าวเมิ่งเจี๋ยไว้ในอ้อมกอด "ยาสะกดใจไม่มีผลต่อน้ำตาลปั้นก็จริง หากเมื่อน้ำตาลที่มีผงยานั้นผสมอยู่ไปต้องเข้ากับเหรียญที่เป็นโลหะและน้ำจะเกิดอะไรขึ้น..คิดว่าเรื่องนี้ท่านอ๋องคงจะทรงคาดการณ์ได้นะพ่ะย่ะค่ะ นี่ก็โชคดีนักแล้วที่แม่นางน้อยเพิ่งมาซื้อน้ำตาลนั่นเป็นคนแรก..แทนที่จะเป็นชาวบ้านคนอื่นๆให้ต้องวุ่นวายมากไปกว่านี้"

    "เจ้า!"

    "ถ้าพระองค์ทรงยินยอมช่วยเว่ยใต้ของเราเสียโดยดีตั้งแต่แรก นางก็คงได้เอร็ดอร่อยกับน้ำตาลนั่นโดยไม่ต้องเจ็บตัว..."

    "อย่ามัวแต่พูดพล่าม! รีบมอบยาถอนพิษให้เราเดี๋ยวนี้!"

    "กระหม่อมไม่ได้ต้องการทำร้ายนางเลย เพียงอยากขอให้พระองค์ช่วยกราบทูลกับพระเชษฐาให้ส่งเสบียงไปช่วยราษฎรของเว่ยใต้เท่านั้น"

    "คิดจะบีบบังคับเราด้วยวิธีนี้งั้นหรือ!?" เฉินหงหมิงบอกด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด "ยิ่งทำร้ายนาง..เจ้าก็ยิ่งไม่มีโอกาสร้องขอใดๆทั้งสิ้น และถ้านางเป็นอะไรไป..เจ้าก็ต้องพังพินาศไปอย่างน่าอนาถกว่าหลายเท่าแน่นอน!"

    "ชีวิตกระหม่อมเพียงชีวิตเดียวจะนับเป็นอะไรได้เล่าพ่ะย่ะค่ะ หรือต่อให้กระหม่อมตกตายไปในตอนนี้เลยก็หาเป็นไรไม่ แต่ชีวิตของแม่นางน้อยที่น่าสงสารของพระองค์นี่สิ พระองค์ก็ทรงรู้ดีว่ายาสะกดใจนั้นมีฤทธิ์ร้ายแรงเพียงใด...

    ถัดจากนี้ไปอีก 2 วัน..ร่างของนางก็จะเริ่มแข็งทื่อไปเรื่อยๆกระทั่งเหลือเพียงลมหายใจอ่อนๆก่อนจะค่อยๆสิ้นใจลงไปด้วยความทุกข์ทรมานที่ไม่อาจบอกใครได้ และในช่วง 2 วันนั้น..กระหม่อมก็ยังไม่แน่ใจว่าจะสั่งให้นางทำอะไรบ้าง? ให้ลอบสังหารพระองค์หรือก็ดูจะง่ายดายเกินไป หน้าตานางก็งดงามไม่น้อย อย่างไรเสียก่อนที่จะตายก็น่าจะให้นางยอมมอบตัวมาเป็นคนของกระ..อ๊ากกก!!!"

    "ท่านอ๋อง!"

    "ลองพูดจาเช่นนั้นดูอีกครั้งสิ! เราจะให้เจ้าได้รู้ว่าความทุกข์ทรมานเยี่ยงอยู่มิสู้ตายที่แท้จริงเป็นเช่นไร!"



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×