ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ท่านอ๋องเจ้าขา..ข้ามาเข้าฝันท่านอีกแล้ว!

    ลำดับตอนที่ #100 : 100. ที่มาของความฝัน(7)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.65K
      111
      28 ธ.ค. 62

    "อันที่จริงเรื่องแรกที่ฮ่องเต้ของกระหม่อมมอบหมายให้เราสองคนกราบทูลแทนก็คือการสู่ขอสตรีที่เหมาะสมจากเว่ยเหนือไปเป็นพระมเหสีอีกคนของเว่ยใต้เพื่อเชื่อมความสัมพันธ์ของสองแคว้น และผู้ที่กระหม่อมเห็นว่าเหมาะสมที่สุดในยามนี้ก็คือคุณหนูจ้าวเมิ่งเจี๋ยพ่ะย่ะค่ะ"
    "บังอาจ!!"
    เฉินหงหมิงลุกขึ้นส่งเสียงเกรี้ยวในฉับพลัน ดวงตาสีนิลเข้มลุกโชนด้วยไฟโทสะรุนแรงขณะรังสีอำมหิตเริ่มแผ่ออกจากตัวไม่หยุด หากมิใช่เพราะมือเล็กของแมวน้อยที่เขากุมไว้เย็นเฉียบถึงเพียงนั้น..เขาคงตรงเข้าไปจัดการหวงสือเสียตอนนี้แล้ว!
    "ใช่! สามหาวนัก! นี่เจ้ากล้าเอ่ยถึงพระคู่หมั้นของเสด็จอาของเราถึงอย่างนี้เลยเชียวหรือ!? เจ้านี่มัน..."
    "ไท่จื่อ" องค์เฉินจงฮ่องเต้ตรัสแทรกขึ้นด้วยพระสุรเสียงเน้นหนักอย่างทันควันก่อนจะหันไปทางเจ้าของประโยคที่ทำให้พระอนุชารักแผ่รังสีสังหารออกมาด้วยพระพักตร์ที่สื่อถึงความไม่พอพระทัยเฉกเช่นเดียวกัน "แม่ทัพหวง..ท่านเอ่ยวาจาเช่นนี้ออกมามิคิดว่ามันฟังดูโอหังเกินไปหรอกหรือ? เดิมทีก็เป็นพวกท่านเองที่ส่งสารมารบเร้าขอเข้าพบเราก่อนด้วยเหตุผลว่าหยวนตี้ของท่านต้องการจะสานไมตรีด้วย แต่ที่ท่านกล่าวมาเมื่อครู่เหมือนจะต้องการท้ารบกับเว่ยเหนือของเราเสียมากกว่านะ"
    "ฝ่าบาทโปรดอภัย ท่านอ๋องและไท่จื่อ..โปรดทรงอภัยด้วยพ่ะย่ะค่ะ" เหอเจี้ยนเฟิงที่ดูจะตระหนกกับถ้อยคำของคนข้างกายตนไม่แพ้กันรีบคำนับพลางเอ่ยขออภัยด้วยสีหน้าเครียด "ที่ท่านหวงสือเอ่ยไปเช่นนั้นอาจจะด้วยไม่ทันได้ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อนพ่ะย่ะค่ะ แท้จริงแล้วเขา..."
    "แท้จริงแล้วกระหม่อมมองว่านี่คือวิธีที่ดีที่สุดที่จะสานสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้นพ่ะย่ะค่ะ" หวงสือกลับเอ่ยแทรกด้วยเสียงดังฟังชัดขณะเชิดหน้าขึ้นด้วยท่าทีหยิ่งผยองไม่เลิก
    "นี่ท่าน!"
    เหอเจี้ยนเฟิงเสียงเครียดขึ้นอีกครั้ง
    "กระหม่อมพูดเช่นนี้คงทำให้ชินอ๋องขุ่นพระทัยแล้ว..ต้องขออภัยด้วยจริงๆ" หวงสือลุกขึ้นยกมือคำนับพลางเอ่ยต่อด้วยท่าทางคล้ายจะนอบน้อมแต่ใบหน้ากลับยิ้มกว้างอย่างพอใจเมื่อเห็นสายตาแข็งกร้าวที่เฉินหงหมิงส่งมาให้ "แต่เท่าที่ทราบมา..เว่ยเหนือมิได้มีองค์หญิงพระองค์ใดเลยมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ? อีกทั้งก่อนหน้านี้กระหม่อมก็ได้ยินไท่จื่อรับสั่งว่าคุณหนูจ้าวเป็นเพียงว่าที่พระคู่หมั้น..ถ้าเช่นนั้นก็คงไม่ยากเย็นอะไรหากจะเปลี่ยนจากว่าที่พระคู่หมั้นของชินอ๋องแห่งเว่ยเหนือไปเป็นพระมเหสีอีกพระองค์ของเว่ยใต้เรา..."
    "แล้วท่านใช้อะไรคิดเล่าถึงได้มองว่าตนเองมีดีพอที่จะร้องขออย่างนั้นได้น่ะ!?" จู่ๆน้ำเสียงเคืองๆของจ้าวเมิ่งเจี๋ยก็ดังออกมาอย่างกะทันหันพร้อมกับร่างบางที่ลุกยืนขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วหันมายอบกายคำนับองค์เฉินจงฮ่องเต้พลางเอ่ยราวจะขออนุญาต "ฝ่าบาท.. โปรดอภัยที่หม่อมฉันต้องเอ่ยแย้งวาจาเหล่านั้นด้วยเพคะ"
    "อ้อ..เอาสิ" เฉินจงฮ่องเต้เลิกพระขนงขึ้นด้วยท่าทีแปลกพระทัยก่อนจะตรัสรับคำอย่างรวดเร็วพลางทอดพระเนตรพระอนุชาที่กลับประทับลงข้างกายสาวน้อยด้วยท่าทีที่ดูสบายอารมณ์ขึ้น แน่นอน..องค์เฉินจงย่อมไม่ทรงทราบว่าการได้เห็นใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความขุ่นมัวอย่างที่ไม่ได้เห็นเสียนานเช่นนี้นั้นทำให้เฉินหงหมิงรู้สึกดีเพียงใด เพราะมันเหมือนว่าเขาได้ย้อนกลับไปยังคืนวันแรกๆที่ได้พบแมวน้อยปากกล้าตัวป่วนนั้นอีกครั้ง และตอนนี้เขาก็กำลังรอดูอยู่ว่านางจะเอ่ยเช่นไรต่อไป?
    "คุณหนูจ้าว..." หวงสือทอดเสียงยาวขณะนึกพอใจในท่าทางฉุนเฉียวของสตรีตรงหน้าขึ้นมาครามครัน "ท่านช่างเอ่ยคำได้น่าสน..."
    "ท่านยังไม่ตอบคำถามของข้าเลยนะ" สาวน้อยเมิ่งพลันเอ่ยตัดบทหวงสืออีกคราด้วยท่าทางฉิวๆ ความวิตกกังวลระคนหวั่นใจยามได้พบบุรุษร่างยักษ์ตรงหน้าเมื่อครู่ก่อนแปรเปลี่ยนเป็นความโมโหไปในทันทีที่เขาเอ่ยวาจาพาดพิงถึงนางอย่างน่าเกลียดราวกับเป็นสิ่งของที่จะโยนให้ใครก็ได้เช่นนั้น "ท่านเป็นถึงแม่ทัพใหญ่ของเว่ยใต้ก็จริง ทว่าตอนนี้ท่านมาด้วยฐานะหนึ่งในทูตทั้งสองของแคว้นมิใช่หรือ? แต่ไม่นึกเลยว่านอกจากจะกล่าวคำหักหน้าผู้เป็นราชทูตร่วมกับตนต่อหน้าคนอื่นได้อย่างน่าเกลียดแล้ว..ท่านยังไร้มารยาทอีกด้วย!"
    "ว่าอย่างไรนะ!?" หวงสือหน้าตาบึ้งตึงขึ้นทันควัน แต่ดูเหมือนจ้าวเมิ่งเจี๋ยจะอารมณ์ขึ้นจนฉุดไม่อยู่เสียแล้ว
    "ขอถามหน่อยเถอะ..ท่านถือสิทธิ์อะไรมาเอ่ยวาจาพล่อยๆเยี่ยงนั้นกัน? ท่านบอกว่าฮ่องเต้มอบหมายให้พวกท่านมาสู่ขอสตรีจากเว่ยเหนือไปแต่งงานเชื่อมความสัมพันธ์ แต่ราชสาส์นใดๆสักฉบับก็ไม่มีให้เห็น..ทั้งไม่ได้ยินท่านราชทูตอีกคนจะเอ่ยอะไรออกมาสักคำนอกจากท่านที่เอาแต่พูดเองเออเองอยู่ฝ่ายเดียว เช่นนี้แล้วจะให้ผู้อื่นแน่ใจได้อย่างไรกันว่าสิ่งที่ท่านพูดมาคือพระประสงค์ที่แท้จริงของฮ่องเต้แห่งเว่ยใต้? ไหนจะวาจาที่ท่านกล่าวลบหลู่ท่านอ๋องกับข้าอีกเล่า..ศีรษะเดียวของท่านจะรับไหวหรือถ้าถ้อยคำของตนกลายเป็นการสร้างรอยบาดหมางให้เว่ยเหนือและใต้ทั้งสองต้องขัดแย้งกันยิ่งกว่าเดิมน่ะ!?"
    "นั่น..." หวงสือยิ่งหน้าทะมึนมืดมากขึ้นทุกทีกับคำบริภาษตรงๆที่ได้ยินก่อนจะแสยะยิ้มอย่างเหี้ยมเกรียมแล้วเอ่ยออกมาอีกครั้ง "ดูเหมือนคุณหนูจ้าวจะประเมินตัวเองสูงเกินไปไม่น้อย ลบหลู่อย่างนั้นรึ? ตัวท่านเองก็เป็นเพียงแค่สตรีธรรมดาๆคนหนึ่ง..อุตส่าห์ได้รับข้อเสนอให้เป็นถึงมเหสีของแคว้นใหญ่อย่างเว่ยใต้เช่นนี้ก็น่าจะพอใจแล้วมิใช่หรือ!?"
    "ไม่ ข้าไม่พอใจเลยสักนิด!" จ้าวเมิ่งเจี๋ยโต้กลับในทันใด "ต่อให้ได้เป็นมเหสีเว่ยใต้แล้วมีแม่ทัพใหญ่อย่างท่านมาคุกเข่าเข้าเฝ้าคำนับเช้าเย็นข้าก็ไม่ต้องการหรอก!"
    "เจ้า!"
    แปะ! แปะ! แปะ!
    "พูดได้ดี! สาวน้อย..ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะเจรจาได้เก่งถึงเพียงนี้" องค์ไท่จื่อเฉินจิ้งหลินที่ทรงปรบมือเมื่อครู่ตรัสชมพลางแย้มพระโอษฐ์กว้างกับสีหน้าดำทะมึนไม่น่าดูของหวงสือ "เป็นอย่างไรเล่าท่านแม่ทัพ? อ้อ..ต้องเรียกว่าท่านราชทูตหวงสินะ คำตอบของคุณหนูจ้าวคงจะชัดเจนแจ่มแจ้งเพียงพอแล้วกระมัง?"
    "หามิได้พ่ะย่ะค่ะไท่จื่อ กระหม่อมไม่ยอมรับคำพูดนั้นอย่างเด็ดขาด!"
    "แม่ทัพหวง..ข้าว่าท่านหยุดแต่เพียงนี้เถอะ จำมิได้แล้วหรือว่าฝ่าบาทของเรารับสั่งเอาไว้ว่าอย่างไร?" เหอเจี้ยนเฟิงเอ่ยปรามด้วยเสียงหนัก แต่หวงสือที่ดวงตาเริ่มแดงฉานด้วยความโกรธโดยเฉพาะเมื่อผู้คนรอบข้างจ้องมองมายังเขาด้วยสายตาแปลกๆอย่างนั้นหรือจะยอมแพ้
    "ฝ่าบาท นี่เป็นการเจรจาของเว่ยเหนือและใต้สองแคว้นนะพ่ะย่ะค่ะ" แม่ทัพใหญ่แห่งเว่ยใต้หันกลับไปทางเฉินจงฮ่องเต้อีกครั้ง "วาจาของสตรีสามัญนางหนึ่งจะถือเป็นข้อยุติของความตกลงระหว่างแคว้นได้อย่างไรกัน?"
    "แล้วถ้าเรากับเสด็จพี่รับรองวาจานั้นด้วยตัวเองเล่า!?" เฉินหงหมิงที่เพิ่งดึงมือจ้าวเมิ่งเจี๋ยให้นั่งลงข้างกายตนดังเดิมเอ่ยขึ้นด้วยเสียงก้อง

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×