มิตรภาพกับความรัก - มิตรภาพกับความรัก นิยาย มิตรภาพกับความรัก : Dek-D.com - Writer

    มิตรภาพกับความรัก

    ผู้เข้าชมรวม

    117

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    117

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  รักดราม่า
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  8 ก.พ. 59 / 23:07 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ถ้าข้าพเจ้าใช้คำใดไม่สุภาพ คำบางคำที่ใช้ก็เพื่อให้เกิดอรรถรถต่อผู้อ่าน มิได้มีเจตนาไม่ดีใดๆทั้งสิ้นในการเขียนครั้งนี้ หากผิดพลาดต้องกราบขออภัยทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วย

    เรื่องราวมิตรภาพระหว่างเพื่อนและความรักของนักเรียนหนุ่มชื่อว่า ต้น ซึ่งไปหลงรักนักเรียนสาวด้วยกันชื่อว่า น้ำ โดยไม่รู้ว่า น้ำ กับนักเรียนหนุ่มอีกคนชื่อว่า พัฒน์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทและเพื่อนรักของต้นนั่นเอง ทำให้ความรักของต้นไม่มีสิทธิ์ถูกขีดกรอบจำกัดโดยคำว่าเพื่อน ซึ่งจะเกิดการเสียสละความรักเพื่อมิตรภาพ และ มาพร้อมกับความรักในเชิงมุมเศร้าๆ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

                   ต้น เด็กหนุ่มที่เพียบพร้อมไปในเรื่องเพื่อนฝูง  เขาชอบสังสรรค์ เฮฮา ปาร์ตี้กับเพื่อนฝูงมากกว่ามีเวลากับครอบครัว เขาเรียนโรงเรียนมัธยมในจังหวัดแห่งหนึ่ง และกำลังอยู่ในช่วงปลายๆปีของ ม. 6 และเขาก็ต้องจบจากที่นี่ไป

       

                ซึ่งอดีตที่ผ่านมาเขาทำเรื่องไม่ดีไว้มากมายต่อโรงเรียนและทำให้พ่อแม่ของเขาให้ลำบากใจมาก

                 ต้นมีเพื่อนสนิทคนหนึ่งชื่อ พัฒน์  ที่เรียนอยู่ต่างสถาบันกันเรียกกันว่าเป็นคู่ซี้เลยแหละ ต้นกับพัฒน์ไปไหนมาไหนด้วยกันตลอดไม่ว่าจะมีเรื่องชกต่อยตีกันกับคนอื่นเขาสองคนนี้จะไม่ทิ้งกันเสมอ ต้นและพัฒน์มีเพื่อนพวกอยู่แก๊งค์หนึ่งซึ่งมีจำนวนมาก ประมาณเกือบครึ่งโรงเรียนเลยแหละ 

                  แก๊งค์นี้จะมีเรื่องทะเลาะวิวาทเป็นประจำ ทั้งในสถาบันและต่างสถาบัน  ไม่มีใครในละแวกนั้นที่ไม่รู้จักแก๊งค์พวกเขา ต้นกับพัฒน์และอีกสี่ห้าคนที่เป็นหัวโจกแก๊งค์นี้ ทั้งครูอาจารย์ลำบากใจมาก รวมทั้งพ่อแม่ของเขาด้วย

                 ต่อมาความสนิทของต้นกับพัฒน์เริ่มลดน้อยลง  เมื่อพัฒน์มีความรักกับนักเรียนผู้หญิงคนหนึ่งและทุกวันก็เริ่มหายหน้าหายตาไปจากแก๊งค์จนจะไม่มีชื่อให้เรียกในแก๊งค์อีกแล้ว จนเรื่องราวนี้ผ่านมาเกือบปีต้นก็ไม่เคยได้เห็นพัฒน์อีกเลย

          

               และมาถึงในช่วงปลายปีม.6 ต้นตัดสินใจที่จะที่จะเลิกยุ่งเรื่องพวกนี้  เขาจึงถอนตัวออกจากแก๊งค์และหันมาตั้งใจเรียนจนจบการศึกษาม.ปลายในที่สุด

                  ต้นตัดสินใจเข้าศึกษาต่อระดับอุดมศึกษา ซึ่งพ่อแม่ภูมิใจในตัวเขามาก เขาสอบติดในมหาลัยชื่อดังแห่งหนึ่งในจังหวัด ต้นวางเป้าหมายไว้ว่ายังไงก้ต้องเรียนจบให้ได้ ตามพ่อแม่ได้หวังกับตัวเขาไว้มาก

       

                  ต้นเข้ามามหาวิทยาลัยที่นี่ ต้นได้รู้จักกับผู้คนมากมายสังคมชีวิตที่แตกต่างไปจากเดิม และได้ผันตัวเองจากผู้ที่รับเพียงอย่างเดียวมาเป็นผู้ให้ และช่วยเหลืองานส่วนรวมในมหาวิทยาลัย สังคมกลุ่มแก๊งค์ นักเลงหัวไม้ยากที่จะมีในระดับมหาวิทยาลัย

                   และในที่สุดโลกก็กลม สหายรักเก่าก็หวนกลับมา พัฒน์นั่นเอง พัฒน์ก็สอบติดมหาลัยที่เดียวกันกับต้น

       

                   อะไรจะบังเอิญมากขนาดนี้ ทั้งๆที่ต้นไม่ได้ดิ้นรนเพื่อที่จะหาเลย แต่สุดท้ายก็พบกันจนได้ และเรียนเอกเดียวกัน ห้องเดียวกันอีกด้วย

                    และในที่สุดทุกสิ่งก็เปลี่ยนไปจากชีวิตเดิมๆของต้น เมื่อต้นได้รู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่ง เธอดูดีมากและอัธยาศัยดีในสายตาต้น ต้นเริ่มทักพูดคุยกับผู้หญิงคนนั้นจนได้รู้ว่าเธอชื่อ น้ำ  น้ำเป็นผู้หญิงปฏิสัมพันธ์ดีใครๆต่างก็ชอบต่างก็รัก น้ำเป็นคนที่ชอบช่วยเหลือผู้อื่นหรืองานส่วนรวมต่างๆทั้งในและนอกมหาวิทยาลัย เช่นเดียวกับต้น 

       

                    ต้นได้รู้จักกับน้ำและเริ่มพูดคุยกันถามถึงสารทุกข์สุขดิบทุกวัน จนความสัมพันธ์จากคำว่าเพื่อนเริ่มไม่ชัดเจนขึ้นในความคิดของต้น

                     ต้นได้ตกหลุมรักน้ำซะแล้ว แต่ต้นไม่กล้าบอกกับน้ำและพยายามเก็บสิ่งนี้ไว้ แต่ต้นก็ยังคุยกับน้ำตามปกติ เหมือนทุกครั้ง แต่ความรู้สึกกับใจของต้นเท่านั้นที่ไม่เหมือนเดิม ต้นคิดเสมอว่าถ้าบอกไปแล้วจะเป็นอย่างไร จึงได้แต่เก็บความรู้สึกนั้นเรื่อยมา

       

                   วันหนึ่งมีประกาศจากทางมหาวิทยาลัยว่า “มีคอร์สพิเศษเปิดสอนศิลปะการต่อสู้ให้กับผู้ที่สนใจ มีอาจารย์ผู้สอนมาจากหลายที่หลายประเทศ มีการสอนศิลปะการต่อสู้แบบมวยไทย กังฟู คาราเต้ และอีกมากมาย ผู้ใดหรือท่านใดที่สนใจสมัครเรียนคอร์สพิเศษนี้  พบกันที่ลานกว้างริมน้ำหลังมหาวิทยาลัย น่ะครับ’’

                 ต้นได้ฟังประกาศแล้วก็รีบไปชวนพัฒน์ทันทีในฐานะที่เคยมีเรื่องชกต่อยเหมือนกัน แล้วทั้งสองคนก็เริ่มไปสมัครเรียนคอร์สพิเศษนี้ และเริ่มเรียนในตอนเย็นหลังจากเลิกเรียนในห้องเรียนแล้ว

                    พวกเขาเรียนได้ประมาณเดือนหนึ่งก็เริ่มมีศิลปะการต่อสู้ติดตัว แต่ต้นพัฒนาได้มากกว่าพัฒน์ พวกเขาเรียนที่นี่จนกระทั่งถึงปี4ปีสุดท้ายของการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยและเรื่องที่ต้นชอบน้ำยังไม่เคยหายไปจากใจของเขาเลยและเขาก็ไม่เคยบอกกับน้ำเลย

       

                      วันหนึ่งเกิดเรื่องขึ้น ต้นและพัฒน์เดินผ่านซอยแห่งหนึ่ง ซึ่งซอยแห่งนี้ไม่ค่อยมีใครใช้เป็นทางผ่านมากนัก เพราะจิ๊กโก๋ในแถบซอยนี้มีเครือข่ายแก๊งค์ใหญ่อยู่ ยากนักที่จะมีผู้คนผ่านทางโดยใช้ซอยนี้ได้ เพราะแถบนี้ถือว่าเป็นถิ่นและเขตอำนาจของกลุ่มแก๊งค์ใหญ่นี้อยู่  จำนวนคนมากมายเกินร้อย เรียกว่าอาจถึงขั้นระดับมาเฟียได้

                       ด้วยความที่ต้นและพัฒน์ไม่รู้เกี่ยวกับภูมิลำเนาในที่แห่งนี้ จึงเดินผ่านซอยนี้ แบบไม่ทันคิด พอเขาสองคนเดินไปเรื่อยๆก็ถึงบ้านหลังหนึ่ง อยู่ประมาณกลางๆซอย  ก็ได้ยินเสียงผู้ชายครางด้วยความเจ็บปวดและร้องขอความช่วยเหลือ จึงรีบวิ่งไปแต่เป็นการแอบไปดูข้างๆกำแพงหน้าบ้านดู ปรากฏว่ามีชายหนุ่มวัยรุ่น 5-6 คน ยืนล้อมชายวัยกลางคนคนหนึ่งและเสียงร้องนั้นก็คือเสียงชายวัยกลางคนนี้ “นี่ถ้าแกจะอาศัยในบ้านหลังนี้และที่นี่ก็คือถิ่นของพวกฉัน แกก็ต้องรู้จักคำว่าผู้อาศัยเพราะฉะนั้นแกต้องจ่ายค่าที่พวกฉันดูแลที่นี่ ไม่ฉะนั้นแกอยู่ไม่เป็นสุขแน่ เร็ว!” เสียงหัวโจกวัยรุ่นกลุ่มนั้นพูด

                       ชายวัยกลางคนนี้ถึงกับสั่นทำอะไรไม่ถูกมือเหี่ยวแห้งล้วงไปในกระเป๋ากางด้านขวาแล้วหยิบเงินขึ้นมาพลางส่งให้หัวโจกวัยรุ่นกลุ่มนั้น

                         ต้นเห็นการกระทำเช่นนั้นจึงไม่พอใจอย่างยิ่ง แสดงสีหน้าโกรธ คิ้วขมวด แล้วจึงเดินพรวดเข้าไปยืนต่อหน้าวัยรุ่นกลุ่มนั้น

                       พัฒน์กำลังจะห้ามต้นแต่ทว่าไม่ทันเสียแล้ว “นี่พวกแก! พวกแกมีสิทธิ์สิทธิ์อะไรถึงทำกับคนแก่ คนหมดทางสู้อย่างนี้วะทั้งๆทีเขาไม่ได้ผิดอะไรเลย พวกแกยังเห็นแก่ความเป็นคนอยู่ไหมวะ!" ต้นพูดเสียงตะคอกใส่วัยรุ่นกลุ่มนั้น  

                      

                      “ปากดีจังนะน้องชาย ที่นี่มันถิ่นข้าเว้ย ใครจะอยู่หรือผ่านทางที่นี่ต้องจ่ายมา แต่ เอ๊ะ! เดี๋ยว ดูเหมือนว่าแกจะยังไม่รู้สินะว่าที่นี่ ใครใหญ่ ใครคุมและดูแลที่นี่ แต่ถ้าแกไม่รู้ก็รับรู้ไว้ซะ แต่ทางที่ดีแกไม่ควรมายุ่งเรื่องนี้ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว เพราะฉะนั้นแกจ่ายค่าผ่านทางมาซะแล้วออกไปจากที่นี่ซะดีๆก่อนที่แกจะไม่มีเวลาให้เดินอีก” หัวโจกกลุ่มนั้นพูดเชิงเหยียดหยามยิ่งนัก

       

                         แล้วพัฒน์ก็เดินพรวดเข้ามาพร้อมกับจับแขนต้น “เอ่อ ขอโทษทีครับ เราไม่รู้เกี่ยวกับอะไรที่นี่เลย เราแค่เดินผ่านมาเพื่อที่จะกลับบ้านพัก เราไม่ได้อยากยุ่งอะไรเลยครับ ”  พัฒน์พูดในเชิงพยายามหันออกหรือกลัว พอพูดจบก็ล้วงเงินในกระเป๋าสตางค์ให้พวกนั้น แล้วก็ดึงแขนต้นเดินออกมา

                         แต่ต้นก้สะบัดแขนหลุดจากพัฒน์ แล้วพูดว่า “พัฒน์ เราผ่านเรื่องพวกนี้มาหลายศึก อะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง ศักด์ศรีเรามีพอ ไม่ใช่ศักดิ์ศรีอะไร มันคือศักดิ์ศรีความเป็นคนของเรา และลูกผู้ชาย

       

                         ต้นรู้ว่ามันจะต้องไม่จบเช่นนี้ “ถ้าแกเลือกที่จะอยู่ แกก็เตรียมไปนอนหยอดข้าวต้มได้เลย อัดมัน!” หัวโจกพวกนั้นพูดจบ พวกนั้นก็เดินเข้าใส่ต้น

       

                        ต้นไม่รอช้าฟาดเท้าไปที่ใบหน้าของวัยรุ่นคนหนึ่งถึงกับล้มฟุบสลบลงไป แล้วก็เริ่มอัดพวกนั้นทีละคน จนพัฒน์ทนไม่ได้จึงเข้ามาช่วยต้นจัดการพวกนั้น จนล้มหมอบหมดทุกคน  “นี่ครับ เงินลุง ลุงต้องรีบออกจาที่นี่โดยด่วนที่นี่ไม่ปลอดภัยสำหรับลุงแล้วครับ” ต้นพูดพลางส่งเงินให้ลุงที่หยิบมาจากหัวโจกวัยรุ่นกลุ่มนั้น แล้วจากนั้นก็พาลุงคนนั้นเดินออกมาจากที่นั่น พร้อมกับหาที่อยู่ใหม่ให้ คุณลุงคนนั้นกล่าวขอบคุณ และต้นกับพัฒน์ก็กลับ

       

                       เมื่อกลับถึงบ้านพัก พัฒน์ก็บ่นกับต้นว่า “นายไปมีเรื่องกับพวกนั้นนายรู้ไหมพวกเราจะเดือดร้อนกันหมด” พูดจบด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “ทำไมวะ แค่เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ นายจะกลัวไปทำไมวะ” ต้นพูดเชิงปลอบใจ “มันไม่ใช่เรื่องเล็กนะต้น มันเป็นปัญหาใหญ่เลยนะ ฉันเคยได้ยินเรื่องพวกนี้มามากพอก่อนจะมาเรียนมหาลัยนี้  ไม่ใช่เรื่องแปลกเลยที่ฉันไม่อยากยุ่ง เราไม่ใช่แก๊งค์เหมือนก่อน  เราแค่คนคนหนึ่งกับแค่วิชาที่เรียนบ้าบอ จะไปสู้อะไรพวกนั้นได้ คนเป็นร้อย ฉันไม่น่ามายุ่งด้วยเลย” พัฒน์พูดจบส่ายหัวแล้วเดินออกจากบ้านไป

                       ต้นได้แต่นั่งเงียบนิ่งไปพักหนึ่ง เขาไม่คิดเลยว่าคำว่า “ ไม่น่ามายุ่ง ”  จะเปล่งออกจากปากของเพื่อนที่เขารักมากที่สุด และตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา พัฒน์กับต้นก็ไม่ได้คุยกันอีกเลย

                               

                         วันหนึ่งต้นตัดสินใจบอกกับน้ำว่าเขาชอบน้ำ ชอบตั้งแต่ปี1จนถึงปี4 แต่น้ำก็ไม่ได้ให้คำตอบกลับมา

                       ต้นไม่รู้ว่าน้ำคิดอย่างไร กับคำที่เขาได้บอกไป เขาจึงต้องเก็บเรื่องนี้ต่อไปไม่ให้ใครรู้นอกจากเขาและน้ำ วันหนึ่งพัฒน์ก็เดินเข้ามาคุยกับต้น เขาขอให้ต้นช่วยอะไรบางอย่าง

                       ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้นทำใจลำบากมาก คือ พัฒน์ขอให้ต้นช่วยไปบอกผู้หญิงคนหนึ่งว่าเขาขอโทษกับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านมา และเขาอยากคืนดีกับผู้หญิงคนนั้นอีกครั้ง แรกๆต้นยังไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร และรับปากพัฒน์ไปด้วยความยินดี

                       พอเห็นเท่านั้นแหละ ผู้หญิงคนนั้นก็คือ น้ำ นั่นเอง น้ำเคยคบกับพัฒน์ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลายแล้ว  ตอนนี้ทำเอาหัวใจต้นถึงกับหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที มันยากเกินที่เขาจะทำใจได้แต่เขาก็ต้องฝืนพูดไปเพราะความหวังดีที่มีให้พัฒน์ เขาจึงต้องจำใจทำไป

       

                        และก็ประสบผลสำเร็จในที่สุด พัฒน์กับน้ำก็กลับมาคืนดีกัน แต่ต้นหารู้ไหมว่า น้ำก็มีใจให้กับต้นแล้ว แต่สุดท้ายน้ำก็เลือกพัฒน์ และต้นก็เริ่มถอยออกห่างน้ำมากขึ้นในทุกวัน เพื่อความสบายใจของพัฒน์

                      มันเป็นอะไรที่ต้นตัดสินใจยากมาก คนหนึ่งก็เพื่อน อีกคนก็คนที่ตัวเองคิดว่าใช่ แต่มันอาจเป็นสิ่งที่ดีที่สุดแล้วกับต้น เขาคิดว่าแค่ได้รักเขาก็มีความสุข แม้จะเจ็บปวดมากแค่ไหนก็ตาม แต่ความสุขย่อมมากกว่า ที่ได้เห็นเพื่อนที่เขารักกับคนที่เขารักมีความสุข เขาก็ดีใจแล้ว

                      เขายืนมองทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มที่เปื้อนไปด้วยน้ำตา…..

       

                      เข้าสู่ปลายหนาวในเดือนกุมภาพันธ์ เป็นเดือนที่ใครๆก็เฝ้ารอและมีความสุขมาก แต่กับต้นตอนนี้มันเป็นเดือนที่เจ็บปวดที่สุด

       

                      วันนี้เป็นวันที่ 14 กุมภาพันธ์ เป็นวันแห่งความรัก ดอกกุหลาบปลิวว่อนไปทั่วมหาลัยของคนหนุ่มสาว  ทุกคนต่างมอบดอกกุหลาบให้กับคนที่ตนรัก รวมถึงน้ำกับพัฒน์ด้วย ต้นได้แต่นั่งมองทั้งสองคนมอบดอกกุหลาบให้แก่กัน แล้วน้ำตาของต้นก็เริ่มไหลลงมา

                      เขาลุกขึ้นปาดน้ำตาพร้อมกับเดินออกจากที่นั่นไปที่ริมน้ำหลังมหาวิทยาลัย เขาไปเรียนมวยคนเดียว ส่วนพัฒน์ก็มีนัดไปเที่ยววันวาเลนไทน์กับน้ำ

                     

                        วันนี้อาจารย์ผู้สอนมวยได้ทักต้นก่อนกลับบ้านว่า “นี่เจ้า วันนี้ห้ามไปมีเรื่องชกต่อยเด็ดขาด ราศีในตัวในตัวเจ้าเริ่มหมองหม่น หากเจ้าฝืนทำในวันนี้อาจมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับตัวเองหรืออาจถึงคาด ห้ามเด็ดขาด!

                      ต้นไม่สนใจหันหลังให้อาจารย์ผู้สอนแล้วเดินออกจากที่นั่น

                      ส่วนน้ำกับพัฒน์ก็เดินกลับบ้านเพื่อที่ทั้งคู่จะได้ไปเที่ยวในเทศกาลวันวาเลนไทม์ พร้อมกับเดินจับมือกันไปด้วย  

       

                      แต่ระหว่างทางกลับนั้นบังเอิญเหลือเกิน พัฒน์ก็เจอคู่อริที่เขากับต้นเคยมีเรื่องด้วย คือพวกนักเลงกลุ่มวัยรุ่นที่คุมซอย พอดีพวกออกมาข้างนอกเพื่อเที่ยวดื่มเหล้า แต่ก็มาเจอพัฒน์เสียก่อน คราวนี้พวกนั้นมากันจำนวนมากเป็นร้อยคน แต่ตอนนี้กำลังอยู่ตรงหน้าเพียง6คน

                   “ฮิ้วววว ไงไอลูกหมา มาทำอะไรแถวนี้เหรอวะ ช่ะช่า พาแฟนมาด้วย ไม่ธรรมดานี่หว่าหน้าตาดีซะด้วยฉันขอละกันนะ” เสียงหัวโจกพวกนั้นพูดจบก็ฉกมือไปที่น้ำ “พวกแกทำบ้าอะไรวะเนี่ย อย่าแตะต้องน้ำนะเว้ย!” พัฒน์พูดและพยายามปกป้องน้ำ

                   “จับผู้หญิงไว้” หัวโจกพวกนั้นพูด “อย่านะเว้ย” พัฒน์ตะโกนจบ แล้วปล่อยหมัดต่อยไปที่ใบหน้าหัวโจกพวกนั้น ถึงกับเซล้มไป พอลุกขึ้นได้ก็ต่อยพัฒน์สองหมัด พัฒน์ก็ล้มร่วงไป “จับมันขึ้นมา! คราวก่อนแกกับพวกแกทำเอาไว้แสบมาก วันนี้แกต้องโดนบ้าง ถ้าเพื่อนแกไม่มาล่ะก็ แกและแฟนของแกต้องรับแทนมันด้วย ” หัวโจกนักเลงพูด แล้วก็ซ้อมพัฒน์โดยไม่ปราณี โดยมีน้ำร้องตะโกนห้ามและร้องขอความช่วยเหลือ

       

                        (นาทีนั้นต้นผ่านมาพอดีจึงวิ่งกระชากหมัดเข้าไปต่อยพวกนั้นเพื่อช่วยพัฒน์กับน้ำออกมา)

                        แต่พวกนั้นก็ตามมาต้นจึงต้องต่อสู้กับพวกนั้นจนพวกนั้น6คนฟุบหมอบลงไป แล้วพวกที่เหลือก็วิ่งกรูกันมา “เราไม่รอดแน่ต้น” พัฒน์พูดขณะที่ต้นกำลังพยุงเขาขึ้นมา แล้วพาไปนั่งพิงกำแพง

                  “ในเมื่อเราไม่รอด แต่นายกับน้ำต้องรอด” ต้นพูดเหมือนกับว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้เขาอาจจะไม่ได้เจอใครอีกแล้ว “ไม่ต้น ไม่ ฉันจะไม่ทิ้งนาย นายต้องไปกับเรา เข้าใจไหม” น้ำพูดด้วยน้ำเสียงสะอื้น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอาบแก้มอันขาวใสสองข้าง “เธอสองคนต้องไม่เป็นอะไร เธอสองคนต้องกลับไป ไปเรียน เรียนให้จบ อนาคตที่ดีต้องมี และต้องรักกันให้มาก  ยังไงก็ฝากดูแลพัฒน์มันด้วย ไปซะ!” ต้นตะคอกใส่น้ำ “ฉันรักนาย ต้น นี่คือคำตอบสำหรับนายที่รอฟังคำตอบจากฉัน และนี่คือคำตอบจากฉัน” เสียงสะอื้นของน้ำบอกความในใจกับต้น “มันสายแล้วน้ำ ในใจฉันตอนนี้ไม่มีเธออยู่เลย เธอออกจากใจฉันไปนานแล้ว และเธอก็ไม่ควรจะพูดกับฉันแบบนี้ เธอกับพัฒน์เป็นแฟนกัน เข้าใจไหม

                   ต้นต้องข่มใจพูดกับสิ่งที่ตรงข้ามกับใจตนเอง ทั้งที่ตลอดระยะเวลา 4ปีเขายังรักน้ำอยู่ “รีบหนีไปซะ! ฉันจะพูดเป็นครั้งสุดท้าย หนีไปน้ำ!

                    สิ้นเสียงต้น น้ำถึงกับน้ำตาไหลออกมาเป็นสายพร้อมพยุงพัฒน์ลุกขึ้นเพื่อเดินออกจากที่นั่น ก่อนหันมามองต้นแล้วเดินออกไป “ฉันก็รักเธอน้ำ รักมากด้วย” ต้นเหลียวหลังมองไปทางพัฒน์กับน้ำ พร้อมกับพูดประโยคนี้ ที่เขาต้องข่มใจพูดว่าในใจเขาไม่มีน้ำ เพราะไม่อยากให้น้ำกับพัฒน์ต้องอยู่ที่นี่ ห่วงเขา และเป็นอะไรไป

       

                       เขาเหลียวหลังมองตามสองคนนั่นไปจนลับหายไป แล้วเขาก็หันกลับมาทางพวกนักเลง

                     “แด่คนที่รัก ย้า!” สิ้นเสียงและคำพูดของต้น เขาก็วิ่งเข้ากระโจนใส่พวกนักเลงเป็นร้อย เขาต่อสู้อย่างดุเดือดและเดียวดาย แต่เขาไม่สามารถเอาชนะหรือล้มพวกนักเลงลงได้หมด ถึงแม้จะมีฝีมือก็ตาม จำนวนคนเยอะทำให้ต้นต้องล้มลงและโดนรุมกระทืบอย่างไม่ปราณี

       

                       จนในที่สุดต้นก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส กระดูกแขน ขา หัก และเส้นเลือดภายในสมองแตก และก็กลายเป็นเจ้าชายนิทราไปในที่สุด ท่ามกลางความโศกเศร้าของครอบครัว

       

                 เป็นสุดยอดเรื่องราวความรักของเพื่อนที่ต้นมีให้กับพัฒน์ เขายอมเสียสละคนที่ตนคิดว่าใช่เพราะมิตรภาพระหว่างเพื่อนมันมีมากกว่า แม้ตนเองจะเป็นอย่างไรก็ตาม และความรักที่ไร้เงื่อนไขที่มีต่อน้ำมันเป็นสิ่งที่เขาควรทำ (เพราะมิตรภาพกับความรักมันเป็นของคู่กันเสมอ)

       

       

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×