คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Goodbye Summer : By Pluviophile
Goodbye summer
Lay x Chen
| Pluviophile |
ดวงตาเรียวจ้องไปยังรูปปั้นพระเยซูขนาดใหญ่หรือที่รู้จักกันในนามกริชตูเรเดงโตร์บนยอดเขากอร์โกวาดู สัญลักษณ์แห่งริโอ เดอ จาเนโร หนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกขณะที่รถกำลังขับพาเขาไปส่งยังที่พักที่ได้จองเอาไว้ จาง อี้ชิง ไม่สงสัยถึงเหตุผลที่นักท่องเที่ยวต้องไปชมรูปปั้นขนาดใหญ่นั้นให้ได้เพราะขนาดที่เขามองเห็นจากตรงนี้ยังรู้สึกเหมือนพระองค์เพ่งมองเมืองทั้งเมืองและกำลังคุ้มครองชาวเมืองริโอแห่งนี้เอาไว้
การมาที่ริโอในต้นเดือนกรกฎาคมแบบนี้ แน่นอนว่าเขาคงจะอดเห็นสาวๆ ผิวสีน้ำผึ้งในชุดบิกีนีสีสดใสเพราะสำหรับที่นี่มันเริ่มเป็นช่วงฤดูหนาวไม่เหมือนกับเกาหลีที่อากาศร้อนจนเขาเผลอหงุดหงิดอยู่บ่อยๆ แต่ถ้าจะให้บอกว่าอี้ชิงหนีร้อนมาพึ่งอากาศเย็นสบายของทีนี้ก็คงไม่ถูกเท่าไหร่นัก ต้องเรียกว่าหนีรักมามากกว่า...
หลังจากตัดสินใจรักใครสักคนจนกระทั่งจาง อี้ชิง วัยยี่สิบเจ็ดปีปฏิญาณตนเองว่าจะเลิกเที่ยว เลิกควงสาวและชายไม่ซ้ำหน้า และหันมาให้ความสำคัญกับที่คนที่รู้สึกว่ารักหมดหัวใจอย่าง คิม มินซอก สไตลิสต์คนใหม่ที่เข้ามาทำงานเมื่อสองปีที่แล้วกับทางค่ายเพลงที่เขาเป็นนักแต่งเพลงให้ แต่เหมือนบาปกรรมที่ไปหักอกหลายชีวิตเอาไว้ทำให้เขาต้องมาชดใช้ความผิดของตัวเอง หลังจากคบกันสองปีอี้ชิงถูกบอกเลิกด้วยเหตุผลของมินซอก ‘เราเข้ากันไม่ได้’ ที่ฟังแล้วรับไม่ได้ ‘ผมรู้สึกดีกับคุณจุนมยอน ขอโทษนะ’ และแทบล้มทั้งยืน
หลังจากที่ต้องทนมองหน้าคุณจุนมยอนประธานค่ายกับคนรักเก่าเกือบหนึ่งเดือนอี้ชิงรู้สึกว่าตัวเองทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว ต่อหน้าสองคนนั้นเขาก็ดูเหมือนจะแข็งแกร่ง โอเค และยอมรับได้กับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นและกลับไปใช้ชีวิตเป็นจาง อี้ชิงคนก่อนที่จะมีความรักแบบจริงจัง แต่ลับหลังคงไม่มีใครนอกจากเพื่อนสนิทอย่าง คิม จงอิน คอโรกราฟเฟอร์ของค่ายเท่านั้นที่รู้ว่าเขาเสียใจมากแค่ไหน
การหนีมาไกลๆ ไม่เจอหน้าสองคนนั่นและอยู่กับบรรยากาศใหม่ๆ คงจะทำให้อะไรๆ ดีขึ้น อี้ชิงตัดสินใจชวนเพื่อนสนิทอย่างจงอินให้มาเที่ยวด้วยกันถือเสียว่าเป็นการพักร้อนสักสองอาทิตย์ซึ่งเพื่อนผิวแทนก็ตอบตกลงในทันที หลังจากคิดอยู่สองวันว่าจะไปโซนไหนของโลกดี สุดท้ายคนอกหักก็มาจบอยู่ที่ริโอ เดอ จาเนโร เมืองชื่อดังของประเทศบราซิล จุดมุ่งหมายของเขาคือที่พักแถวหาดอีเปนามาที่เป็นหาดที่แคบกว่าโกบาโกบานาหน่อยแต่ก็เลื่องชื่อไม่แพ้กัน
ทันทีที่รถจอดยังที่หมาย ชายหนุ่มกล่าวขอบคุณเป็นภาษาอังกฤษเพราะในเมืองท่องเที่ยวแบบนี้น่าจะใช้ภาษาอังกฤษกันได้พอสมควร ก่อนจะยกสัมภาระทั้งหมดลงจากรถและเดินเข้าโรงแรมไปด้วยตัวเอง น่าเสียดายที่เขาต้องอยู่เหงาๆ คนเดียวไปก่อนสองวันเพราะจงอินมีธุระกับทางบ้านที่ต้องสะสางให้เสร็จก่อนที่จะต้องเดินทางตามมา
ในวันแรกอี้ชิงใช้เวลาอยู่บนห้องนอนคิดอะไรไปมาและปรับตัวกับเวลาอยู่คนเดียวและใช้บริการอาหารของทางโรงแรม แน่นอนว่าเขาหาข้อมูลมาพอสมควรและรู้ดีว่าถึงแม้ริโอจะเป็นเมืองที่น่าเที่ยวมากขนาดไหนแต่เรื่องอาชญากรรมก็ต้องระวังไม่แพ้กัน
วันที่สองเขาตื่นมาวิ่งออกกำลังตามชายหาดที่มีทรายเม็ดละเอียดและนั่งซึมซับบรรยากาศสวยๆ ของน้ำทะเลสีฟ้าและอากาศเย็นสบายในตอนเช้า ตกบ่ายอี้ชิงเลือกที่จะเดินเล่นตามชายหาดเพราะเขารู้ตัวว่าดีไม่ดีจะเผลอคิดถึงมินซอกอีกหากต้องจมอยู่แต่กับความคิด ถึงแม้ที่นี้จะเป็นหน้าหนาวแต่อากาศกลับเย็นสบาย และยิ่งกับคนขี้ร้อนอย่างเขาแล้วด้วย อี้ชิงเลือกที่จะสวมเสื้อกล้ามสีขาวทับด้วยเสื้อเชิ้ตแขนสั้นพิมพ์ลายดอกไม้โดยไม่ติดกระดุมและกางเกงขาสั้นคลุมเข่าเข้ากับบรรยากาศริมชายหาดได้เป็นอย่างดี ร้านค้าน่ารักและคนเร่ขายของมีอยู่เต็มไปหมดเหมือนกับที่เขาอ่านข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต การนั่งดื่มอะไรนิดหน่อยในบาร์เล็กๆ และฟังเพลงจังหวะพื้นเมืองตอนช่วงหัวค่ำก็เป็นอะไรที่แปลกใหม่และช่วยให้เขาเพลิดเพลินไม่ต้องคิดอะไรให้ฟุ้งซ่าน
สองวันแรกแม้จะเหงาๆ ไปหน่อยแต่ก็ไม่ได้กร่อยไปเสียทีเดียว วันที่สามอย่างวันนี้ อี้ชิงรับช่วงสายวันใหม่ด้วยกาแฟซองสำเร็จรูปยี่ห้อประจำที่แพ็คมาจากเกาหลี เขานั่งกดเปลี่ยนช่องทีวีที่เป็นภาษาที่เขาฟังไม่รู้เรื่องไปมาอยู่ในห้อง เช็คโซเชียลมีเดียที่ใช้ทั้งหมดจากมือถือเพื่อดูความเป็นไปของใครบางคนที่ไม่ว่าจะยังไงตอนนี้ก็ยังมีพื้นที่อยู่ในใจ เพราะจากที่ได้ตกลงกับจงอิน หนุ่มผิวแทนคงจะมาถึงที่โรงแรมพร้อมกับน้องชายไม่เกินสิบโมงเช้า
พูดถึงน้องชายของเพื่อนสนิท อี้ชิงก็ยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตาเสียทีถึงแม้จะได้ยินจงอินพูดถึงอยู่บ่อยๆ เพราะเจ้าตัวทำงานเป็นนักเขียนและชอบใช้ชีวิตอิสระอยู่ต่างจังหวัดกับเพื่อนนานๆ ทีถึงจะกลับบ้านให้คนในครอบครัวได้เห็นหน้า ในใจของอี้ชิงก็อยากจะเห็นหน้าอยู่ลึกๆ เพราะจากที่ฟังกิตติศัพท์ความเอาแต่ใจ หัวดื้อ ไม่ยอมใครและอยากใช้ชีวิตด้วยสองมือสองขาของตัวเองของลูกชายคนเล็กแห่งตระกูลคิม ทริปสิบวันครั้งนี้คงจะน่าสนุกและปวดหัวอยู่ไม่น้อย...
ก๊อก ก๊อก
เพิ่งนึกถึงเมื่อกี้ก็ดูเหมือนว่าคนที่กำลังรอจะมาถึงแล้ว ชายหนุ่มวางมือถือลงบนโต๊ะกลมตัวเล็กข้างโซฟาสีดำก่อนจะลุกขึ้นเต็มความสูง ก้าวขาเพียงไม่กี่ก้าวก็ถึงประตูมือขาวเปิดประตูโดยไม่ได้ส่องดูว่าใครมา เพราะคงไม่ใช่เซอร์วิสของโรงแรม และจะเป็นใครไม่ได้นอกจากเพื่อนเขา....
....หรือเปล่า?
ความคิดแรกของอี้ชิงคือผู้ชายตัวเล็กที่ยืนสะพายเป้และมีสูทเคทวางอยู่ข้างๆ คงจะเคาะห้องผิด แต่เมื่อเวลาผ่านมาเกือบสิบวินาทีที่เขาและต่างฝ่ายมองหน้าสลับกันไปมาก็ไม่มีทีท่าว่าคนตัวเล็กจะขยับไปไหนเลย
“เอ่อ...” ขืนยืนมองหน้ากันต่อคงจะไม่รู้เรื่อง อี้ชิงเลยกะจะถามให้รู้
“นี่ใช่พี่อี้ชิงหรือเปล่าครับ” ถึงจะยังงงอยู่ แต่อี้ชิงก็พยักหน้าตอบรับคำถามนั้นช้าๆ...หรือว่านี่จะเป็น... “ผมจงแดเองนะ”
จงแด? จงแดน้องชายคิมจงอินจริงๆน่ะเหรอ? ไม่มีเค้าความเหมือนกันเลยสักนิดไม่ว่าจะเป็นลักษณะภายนอก น้ำเสียง หรือแม้แต่ท่าทาง ถึงจะสงสัยและอยากจะถามคำถามที่กำลังคิดอยู่ในหัวตอนนี้ แต่อี้ชิงก็เลือกที่จะพยักหน้าอีกทีเพื่อสื่อว่ารับรู้แล้วว่าคนตรงหน้าเป็นใคร
“แล้วไอ้จงอินล่ะ?”
“อ๋อ พี่เขาฝากมาขอโทษพี่อี้ชิงด้วยครับ พอดีตอนแรกนึกว่าพี่ซูจองไม่สบาย แต่ที่ไหนได้พอไปตรวจเลยรู้ว่ากำลังท้องได้สี่สัปดาห์แล้วซะงั้น พี่จงอินเขาเลยอยากอยู่ดูแลน่ะครับ เพราะแพ้ท้องหนักมาก”
“ห้ะ...” เป็นคำเดียวที่อี้ชิงสามารถจะเปล่งออกมาได้หลังจากฟังเสียงแหลมๆ อธิบายถึงสาเหตุที่เขาไม่เห็นจงอินอยู่ทีนี้ด้วยกัน แต่กลับเห็นน้องชายของเพื่อนสนิทเพียงคนเดียว
“อื้ม สรุปคือพี่จงอินมาไม่ได้ ผมเลยต้องมาคนเดียวไง อ่า..ทริปนี้คงมีแต่ผมกับพี่เท่านั้นแหละครับ อ้อ ขอแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ สวัสดีครับ ผม คิม จงแด ยินดีที่ได้เจอสักทีนะครับพี่อี้ชิง” ว่าจบก็โค้งตัวก่อนจะส่งยิ้มหวานจนตาหยีและเห็นฟันเรียงสวย
“เอ่อ ยินดีเหมือนกัน” ชายหนุ่มโค้งตอบก่อนจะเกาท้ายทอยแก้เก้อ
ได้เจอสมใจเลยไหมล่ะอี้ชิงเอ้ย
ทำไมไม่บอกก่อนว่าพี่อี้ชิงจะดูดีขนาดนี้
คิม จงแดได้แต่เข่นเขี้ยวพี่ชายคนดีอยู่ในใจขณะปิดประตูห้องหลังจากที่พี่อี้ชิงบอกให้เอากระเป๋าเข้ามาเก็บจะได้ลงไปทานมื้อเที่ยงกัน เมื่อกี้นี่ก็เกร็งตัวเองแทบตาย ใครจะไปรู้ว่าพี่อี้ชิงจะจะทำให้ใจเต้นแรงเพียงแค่ได้เห็นหน้า
จริงๆ เขาไม่ได้ลำบากใจกับการที่ต้องอยู่กับคนที่เพิ่งรู้จักสองต่อสองแบบนี้หรอก เพราะประสบการณ์ไปต่างถิ่นอยู่กับคนแปลกหน้าเพื่อหาแรงบันดาลใจก็ไม่ใช่น้อย แต่นี่ จาง อี้ชิง ผิวขาว สูงพอดี หน้าตายิ่งดีเข้าไปใหญ่ ที่ถ้ามองนานๆ เขาคงเขินจนหน้าไหม้ไปแล้ว
หลังจากที่เลิกกับแฟนคนล่าสุดเมื่อสองปีที่แล้วเขาก็ไม่เคยมีอาการเหมือนผีเสื้อบินวนอยู่ช่องท้อง ใจเต้น หน้าเห่อร้อน จนมาเจอพี่อี้ชิงเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนี่เอง
คนตัวเล็ก ค่อยๆ วางกระเป๋าลงบนเตียงเบาๆ เพราะกลัวว่ากล้องและแลปทอปที่เอามาด้วยจะเสียหาย ก่อนจะปลดเป้และทิ้งตัวลงนั่งจนเตียงยุบ ถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนจะเอนตัวลงนอน
ในที่สุดก็มาถึงสถานที่ที่อยากมาเสียที ชายหาดที่ริโอใครๆ ก็บอกกันว่าสวยถึงจะเหนื่อยกับการเดินทางแต่บรรยากาศที่เห็นระหว่างที่นั่งรถมาทีนี้ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้นมามากทีเดียว สำหรับนักเขียนอย่างเขาการมาเจอบรรยากาศแบบนี้คงจะช่วยสร้างสรรค์นิยายเล่มใหม่ให้ออกมาดีไม่น้อย...คยองซู ต้องถูกใจนิยายที่มีกลิ่นอายของทรายละเอียดและน้ำทะเลสีสวยแน่ๆ
แต่ใครจะไปรู้ว่าเหตุผลอีกอย่างที่เขาอยากมาที่ที่ไกลขนาดนี้คือการมาตามคำพยากรณ์ที่เพื่อนรักอย่าง พยอน แบคฮยอน สรรหาพาไปดูและบอกว่าเขาจะพบเนื้อคู่ที่ต่างถิ่นต่างหาก
มันบังเอิญเกินไปหรือเปล่า? จู่ๆ พี่ชายก็ชวนมาเที่ยวหลังจากที่คำพยาการณ์บอกว่าจะเจอเนื้อคู่ และก็มีเหตุให้ต้องมาเที่ยวสองต่อสองกับคนที่ไม่รู้จัก... แต่ถ้าเอาจริงๆ พี่อี้ชิงนี่ก็อยู่เกาหลีแผ่นดินเดียวกันไม่ใช่หรือไงล่ะ แล้วมันจะเป็นเนื้อคู่ต่างถิ่นตรงไหน?
แต่เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เพราะตอนนี้มองออกไปนอกหน้าต่างเห็นน้ำทะเลสีฟ้าตัดกับสีเม็ดทรายและมันทำให้เขาคิดเรื่องให้กับนิยายเล่มใหม่สำหรับปีหน้าออก
ว่าแล้วก็เด้งตัวลุกขึ้นแล้วรูดซิบกระเป๋าเป้อย่างแรงเพื่อหยิบเอาสมุดโน้ตคู่ใจที่มักจะพกไปไหนมาไหนเสมอออกมา เปิดไปจนเจอหน้าว่างและดึงเอาปากกาที่หนีบไว้กับปกสมุดออกมาจรดปลายปากกาลงบนกระดาษอย่างรวดเร็ว
‘Title : Goodbye summer
Summary : เขาหนีรักมาพักร้อน ส่วนผมหนีร้อนมาตามหาความรัก
Main Character : จาง อี้ชิง’
Pluviophile : Hi
Thanks for the beautiful theme : .minimalistic
ความคิดเห็น