ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เขาบอกผมว่าเขาเป็นพระรอง | BL

    ลำดับตอนที่ #3 : 3

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 67


    แต่ทางที่คนตรงหน้าจะพาเขาออกไปนั้นไม่มีแม้แต่แสงจากดวงอาทิตย์สาดส่อง ทั้งที่เป็นตอนกลางวัน แต่ทำไมถึง..

    ยังไงที่นี่ก็ดูจะไม่ใช่ที่คนปกติอยู่เพราะดูจากการแต่งกายที่เหมือนคนเหนือมนุษย์ จะเรียกแบบนั้นได้มั้ยนะ..เขาเลิกคิดมาก และเดินตามชายหนุ่มเข้าไปในซอยมืดเงียบๆทันที

    แม้จะมีเรื่องสงสัยในหัวมากมายแต่ไม่พูดอะไรดีกว่า เพราะกลัวว่าหากถามอะไรเจ้าตัวมากไปกว่านี้จะทำให้อีกฝ่ายโมโห

    จะว่าไปชายหนุ่มตรงหน้าจะดูสูงกว่าเขามากเลยแฮะ แม้จะไม่มีแสงแต่เขาก็พอมองออกว่ารูปร่างสัดส่วนคนตรงหน้ามีลักษณะอย่างไร 

    “นายเป็นหนูจริงๆสินะ” 

    “...!” เสียงของคนข้างหน้าทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์ความคิดทันที 

    “ก็เห็นอยู่ว่าเป็นคน..” เขาพึมพำกับตัวเองหลังจากได้ยินประโยคของชายหนุ่ม ทำไมถึงได้เรียกหนูอยู่ได้

    เขาไม่รู้ว่าระยะทางของซอยนี้ที่เป็นทางตรงจะสิ้นสุดที่ตรงไหน เพราะดูจากที่เดินมาสักพักคงยังไม่ถึงในเร็วๆนี้แน่ 

    ชวนคุยดีมั้ยนะ..รู้ชื่อก็ยังดี

    “คุณชื่ออะไรเหรอครับ?” แม้เขาจะเป็นคนเข้าหาคนอื่นไม่เก่งแต่คนตรงหน้าช่วยเหลือเขาแบบนี้หากทำความรู้จักเอาไว้ในอนาคตเขาอาจจะได้ช่วยเหลือเจ้าตัวคืนบ้าง 

    “...” ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่อยากคุยกับเขา

    เดินตามเขาเงียบๆก็ดีอยู่แล้วไอ้ซัน-

    “บอกชื่อนายมาก่อนสิ”

    “ผมชื่อซันครับ” เขาตอบอีกฝ่ายทันที และเป็นจังหวะเดียวกับที่อีกฝ่ายหยุดเดิน

    ทำไมถึงหยุดล่ะ?

    “ค-คุณเป็นอะไรรึเปล่าครับ หยุดพักก่อนก็ได้นะครับ-” 

    “นายเป็นตัวอะไรกันแน่!”

    -พลั่ก!-

    “อั่ก-” เขาสะดุ้งกับเสียงของอีกฝ่ายที่ดูเหมือนโกรธพร้อมกับถอยหลังแต่ไม่ทันที่จะได้ก้าวถอยต่อชายหนุ่มตรงหน้าที่ตอนแรกยืนห่างกับเขาหลายคืบ

    ทำไมถึงพุ่งตัวมาประชิดตัวเขาได้เร็วขนาดนี้ล่ะ!?

    “ผมเจ็บนะครับ..” เพราะแรงดันของแขนคนตรงหน้าทำให้เขารู้สึกเหมือนทั้งร่างจะยุบเข้าไปกับกำแพง 

    เขาพอจะเข้าใจว่าตั้งแต่ลืมตาตื่นขึ้นมาที่นี่มันไม่ใช่ที่ที่คนปกติอยู่ แต่ทำไมถึงได้เกิดเรื่องขึ้นแต่กับเขาล่ะ

    “ฮึก..ผมไปทำอะไรให้คุณ..ฮือ” 

    “...!”

    “ผมก็แค่อยากกลับบ้านเอง..ฮือ” 

    เขามองคนตรงหน้าที่ร้องไห้จนใบหน้าและจมูกแดง มือเล็กๆนั่นที่พยายามปัดป่ายน้ำตาไปทั่วใบหน้า มันดูจะไม่ช่วยอะไรเลยนอกจากจะทำให้เลอะเทอะยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

    นี่เขาทำเด็กร้องไห้อย่างนั้นหรือ?..

    เขาใช้มืออีกข้างกุมแขนทั้งสองของคนตรงหน้าทันที เจ้าตัวลืมหรืออย่างไรว่าเนื้อตัวมีแต่กลิ่นขยะ เจ้าหนูนี่สกปรกจริงๆ

    “ปล่อยผมนะ!..ฮือ”

    “มือนายสกปรก ไม่จับไว้นายคงเอาไปถูหน้าอีก” เขาอุตส่าห์หวังดี ทำไมหนูนี่ถึงเอาแต่ขัดขืนอยู่ได้

    “ฮึก..” ดูเหมือนจะสงบลงแล้วสินะ

    “นายร้องไห้ทำไม” 

    “คุณทำให้ผมกลัว..” 

    “...” คำตอบนั่นไม่ได้ทำให้เขาประหลาดใจ เพราะผู้คนในโลกนี้ล้วนต่างหวาดกลัวเขา 

    แต่ที่ทำให้เขาประหลาดใจ..ทำไมคนตรงหน้าถึงไม่รู้จักเขา?

    หรือหมอนี่จะเป็นพวกสติเลอะเลือนอย่างนั้นหรือ

    “...” นอกจากสิ่งที่เขาคิดก็ไม่มีอย่างอื่นที่ดูจะสมเหตุสมผล แต่ดูยังไง..

    “คุณไม่ใช่พวกที่นิยมกินเนื้อคนใช่มั้ยครับ..”

    “…”

    “คุณมองผมแบบนั้น..เนื้อผมไม่อร่อยอย่างที่คิดหรอกนะครับ” 

    “...” คนตรงหน้าพูดพร้อมกับมองเขาด้วยแววตาที่ดูจะโง่เขลาอย่างที่คิดไว้จริงๆ 

    หากปล่อยไปคงไม่รอดแน่แท้สินะ..

    “ถ้าฉันจะกิน นายคงต้องไปอาบน้ำซะก่อน” 

    “ผมจะไม่อาบจนกว่าจะถึงบ้านครับ”

    “ฮ่าๆ นายนี่ตลกดีนะ” 
     

    อย่างน้อยเขาก็ไม่ต้องโดนกินจนกว่าจะถึงบ้าน แม้เขาจะไม่รู้ว่าคนตรงหน้าเป็นตัวอะไร แต่ดูจากที่เจ้าตัวหัวเราะออกมาแบบนั้นก็ทำให้เขารู้สึกผ่อนคลายอย่างบอกไม่ถูก

    ก็ยังดีกว่าตอนก่อนหน้านี้ที่อีกฝ่ายเปลี่ยนไปราวกับคนละคน..

    สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือดวงตาของชายหนุ่ม เพราะช่วงที่เขาถูกอีกฝ่ายจับมือทั้งสองข้างเอาไว้ แม้ว่าในตอนนั้นน้ำตาจะทำให้เขามองอะไรไม่ชัดนัก

    แต่ดวงตาของฝ่ายตรงข้ามเรืองแสงเป็นสีม่วงได้ยังไงกัน..ตอนนี้เขามองเห็นชัดแล้วแต่ก็ไม่เห็นว่าอีกฝ่ายจะมีแสงจากดวงตา อาจเป็นเพราะเขามองผิดไปเอง

    “ขอบคุณนะครับที่อาสาช่วยเหลือผม”

    “...”

    “ต่อจากนี้ผมหาทางกลับบ้านเองครับ ดูแลตัวเองด้วยนะครับ แถวนี้มีคนฆ่ากันด้วย-”

    “รู้ทางออกงั้นเหรอ” 

    “ไม่ครับ แต่ผมคงไปกับคุณต่อไม่ได้”

    “ทำไมล่ะ แต่ฉันรู้ทางออก-”

    “เพราะคุณทำร้ายผม..” แม้เขาจะไม่ได้รับบาดเจ็บเลือดตกยางออก แต่คนตรงหน้าก็ทำให้เขาไม่ไว้ใจอยู่ดี

    “อย่าลืมทำแผลนะครับ” เขาชี้ไปที่ฝ่ามือของอีกฝ่าย เพราะเจ้าตัวใช้มือนั้นจับแขนของเขาทำให้เขารู้ได้ว่าสัมผัสกับเหลว 

    “...” 

    เมื่อเห็นอีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาจึงเดินออกมากลับไปยังทางเดิมที่เดินเข้ามา อย่างน้อยมีแสงสว่างก็ยังดี ทางนี้หากไปต่ออาจจะเจอทางออกตามที่อีกฝ่ายว่าก็ได้

    แต่ทางนั้นอาจจะมีทางออกก็ได้ คงแค่ระยะทางไกลกว่า เขาล้วนคิดเข้าข้างตัวเองเพื่อให้ตัวเองสบายใจ

    โดยที่เขาไม่รู้ตัวเลยว่าชายหนุ่มที่ตนทิ้งไว้ด้านหลังกำลังมีสีหน้าอย่างไร..

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×