ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Oh ! My friend บังเอิญโลกกลม

    ลำดับตอนที่ #2 : ::: 1 อยู่ในช่วงเซ็งเป็ด

    • อัปเดตล่าสุด 30 มี.ค. 53


                                                                                                                                                                          
                                   อยู่ในช่วงเซ็งเป็ด

                   บ่ายวันอาทิตย์ที่แสนร้อน นักศึกสาวสวยทั้งหลายพากันทาครีมกันแดดกันอย่างรีบเร่ง เพราะกลัวผิวสวย ๆ ของพวกเธอจะดำเสีย ซึ่งมันปัญญาอ่อนมาก ๆ ในสายตาของฉัน ฉันไม่ชอบใช้ของจุกจิกแบบนี้หรอก ฉันไม่กลัวผิวเสียอยู่แล้ว 

                  เหอะ!

                  ครีมดันแดดใช้ไปก็เท่านั้น ทาแล้วไม่ได้สวยขึ้นมาหรอกนะ และอีกอย่างมันเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์ด้วย ใคร ๆ ก็หาว่าฉันขี้งก ให้ตายสิ ! คนสมัยนี้มีสมองเอาไว้กินข้าวรึไงนะ ถ้าว่างมาทาครีมกันนัก ฉันว่าพวกเขาคงอดตาย เพราะไม่ทำมาหากินอะไรเลย
                  ฉันไม่ใช่ผู้ใหญ่อายุ 49 ย่าง 50 หรอกนะ ก็แค่ฉันมีสมองเอาไว้คิด ไม่ได้เอาไปกินข้าวเหมือนกับนักศึกษาผู้หญิงทั่วไป ใช่ ! ฉันเป็นนักศึกษาอยู่ปี 9 ล้อเล่น อยู่ปี 3 แล้ว ขอแนะนำตัวอย่างละเอียดเลยนะ ฉันชื่อ....
                  "โครมจัง~~~!!!"
                  ใครบางคนตะโกนมากแต่ไกล และบอกได้เลยว่าไม่ใช่ชื่อของฉัน และตอนนี้ฉันก็สมาธิแตกแล้วด้วย ! ให้ตายสิใครมาโวยวายอะไรแถวนี้ ฉันเลยอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องเลย ฉันมองไปยังต้นกำเนิดเสียงนั่น
                  ซวยแล้ว ! นั่นมันยัยปัญญาอ่อนที่อยู่ข้าง ๆ บ้านฉันนี่น่า ฉันไม่อยากเจอแม่นี่จริง ๆ นะ
    เธอรีบวิ่งมาหาฉันในร้านกาแฟที่ฉันนั่งอยู่
                  "ยินดีต้อนรับจ๊ะ รันฟา"
                   เจ๊บิวผู้เป็นพนักงานสาวร้านกาแฟเอ่ยทักทายยัยปัญญาอ่อนที่วิ่งเข้ามาหาฉัน
                  "จ้า"

                   ยัยนั่นเอ่ยรับ แล้วรีบตรงดิ่งมาหาฉัน เซ็งเป็ดจริง ๆ เลย
                  "มีไร"
                  ฉันถามห้วน ๆ เพราะขี้เกียจมาทักทายอะไรให้มันยืดยาว ยัยนั่น..อ่อ ! ลืมบอกไป ยัยนั่นที่ฉันพูดถึงคือ รันฟาเอล คาเรนเทีย เธอเป็นลูกครึ่งน่ะ บ้านอยู่อิตาลี่แล้วย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทย พอเจอกับฉันตอนปีหนึ่ง ยัยนั่นก็ติดฉันงอมแงม ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันมีเสน่ห์กับผู้หญิงรึเปล่า ฉันไม่ถือว่ายัยนั่นเป็นเพื่อนหรอกนะ แต่ที่รู้ ๆ ตอนนี้ ยัยนั่นนั่งข้าง ๆ ฉันเรียบร้อยแล้ว
                  "โครมจัง ดูนี่สิ เรามาทำโครงการด้วยกันเถอะค่ะ !"
                  ยัยบ้า ! มาตะโกนอะไรข้าง ๆ หูฉันเนี่ย แล้วจู่ก็มาพูดอะไรไม่รู้ ฟังไม่รู้เรื่องเลย ฉันเอามือมาถูที่หูข้างซ้ายเบา ๆ แล้วอ่านหนังสือต่อ 
                  "..."
                  ยัยนั่นเงียบไป มันก็ดีแล้วฉันเบื่อมาก ๆ เลยที่ต้องมานั่งฟังยัยนี่บ่นอะไรก็ไม่รู้ทุกวัน ฉันไม่สนใจเท่าไรหรอก นอกจากจะเป็นเรื่องเป็นราวที่มันได้สาระจริง ๆ ฉันถึงจะนั่งฟัง
                  เวลานั้นผ่านไปแล้ว 5 นาที ไม่มีการสนทนาใด ๆ เกิดขึ้น ฉันยังคงนั่งอ่านหนังสือไปโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาว แต่นี่...ยัยรันฟาเงียบผิดปกติแล้วนะเนี่ย สงสัยคงจะงอนละมั้ง ฉันเป็นคนไม่ชอบง้อคนซะด้วยสิ แต่ยัยนี่น่าจะชินแล้วนี่น่า เพราะฉันเป็นแบบนี้ประจำ ฉันวางหนังสือลงอย่างแผ่วเบา วางมันลงบนโต๊ะแก้วใสปิ๊ง แล้วหันมาหารันฟา
                  "คราวนี้ เป็นอะไรอีก"
                  
    ฉันถามเธอด้วยน้ำเสียงเรียบเช่นเคย นัยน์ตาเหม่อลอย สีหน้าดูไร้วิณญาณสุด ๆ
                  "ยัยรันฟา"
                  ผัวะ!!!
                  "โอ๊ย!"
                  ยัยรันฟาแผดเสียงร้องอันแหลมแสนแสบแก้วหูออกมา เพราะฉันเอามือตบลงไปที่แก้มของเธอ ฉันทำเบาที่สุดแล้วนะ ทำไมหน้าของยัยนี่ถึงได้แดงเป็นรอยนิ้วมือแบบนี้ละเนี่ย ? - -*
                  "แล้วจะตบเค้าทำไมอ่า~~ T + T"
                  ยัยรันฟาทำปากอะไรของมันก็ไม่รู้ ดูแล้วประหลาด ๆ นะ แต่เห็นนักศึกษาผู้หญิงส่วนใหญ่ทำ เวลางอนแฟน แล้วฉันใช่แฟนยัยรันฟาไหมเนี่ย
                  "ก็เรียกแล้วคุณไม่ตอบ ไอก็เลยตบซะหนึ่งฉาก"
                  ฉันตอบด้วยสีหน้าที่ไม่รู้ไม่ชี้ ช่วยไม่ได้นี่ ก็เรียกแล้วไม่ตอบเอง ฉันผิดตรงไหน ?
                  "พูดจาแบบนี้อีกแล้วอ่า เค้าไม่ชอบเลยนะ"
                  ยัยรันฟาทำแก้มป่อง นี่คือสาเหตหนึ่งที่ฉันเรียกยัยนี่ว่า 'ยัยปัญญาอ่อน' สรุปแล้วยัยรันฟาหลุดมาจากสถานเด็กปัญญาอ่อนแห่งประเทศไทยแน่นอนเลย
                  "อ่านเลย เดี๋ยวนี้ด้วยค่ะ"ยัยนั่นยื่นใบปลิวสีเขียวมาให้ฉัน พรางเอามือลูบแก้มด้วยความเจ็บ
                  อะไรเนี่ย ? ฉันอ่านเนื้อหาในใบปลิวต่อไปเรื่อย ๆ จนจบตัวอักษรตัวสุดท้าย มันเป็นโครงการ ไทย ไทย ไทย ร่วมสร้างเศรษฐกิจ สังคม และวัฒธนธรรมของไทยให้ดีขึ้นกว่าเดิม  รายละเอียดของโครงการนี้ก็ดีนะเนี่ย ร่วมสร้างเศรษฐกิจ สังคม และวัฒธนธรรมของไทยให้ดีขึ้นกว่าเดิม อืม...ก็ดีเหมือนกัน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงซัมเมอร์ ไม่มีเรียนกันหรอก นอกจากจะตกวิชาใดวิชาหนึ่ง แล้วมาเรียนตอนซัมเมอร์เอา แต่ฉันก็ไม่ตกสักตัว เลยว่าง พอมีเวลาทำงานนี้ได้บ้าง และโครงการนี้ก็น่าสนมาก 
                   แต่ !
                   มีปัญหาแล้วละนะ เขาให้ทำโครงการนี้มากกว่า 2 คนนะสิ แล้วฉันจะไปหาคนมาจากไหนเนี่ย อยู่ปีสามยังไม่มีเพื่อนสักคน ฉันนี่มันซวยจริง ๆ เลย อดได้รางวัลเลยเรา ฉันยื่นใบปลิวกลับให้รันฟาไป
                   ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่ พร้อมกับหยิบแก้วน้ำเขียวเย็น ๆ ขึ้นมาดื่ม สดชื่นชะมัดเลย น่าร้อนก็ต้องของเย็น ๆ สิ ถึงจะชื่นใจ ฉันวางแก้วน้ำลง เพื่อจะหยิบหนังสือขึ้นมาอ่านต่อ
                   "หยุดเลยนะค่ะ เค้ารู้นะ ว่าโครมจังอยากจะเข้าร่วมโครงการนี้ แต่ไม่รู้จะคนมาจากไหน ใช่ม่ะ ?"
                   เกลียดจังเลย คนรู้ทันเนี่ย แต่ช่วยหยุดเรียกฉันแบบนั้นได้ไหมเนี่ย ฉันบอกกี่รอบแล้วว่าฉันไม่ได้ใช้ชื่อนี้ ! ฉันหันมาคุยกับยัยรันฟาอย่างเป็นเรื่องเป็นราวแบบจริงจัง ( ? )
                   "เออ และฉันก็ไม่คิดว่าเธอจะพึ่งหาได้ด้วย ฉันคิดว่าออกไปหาคนมาร่วมอยู่หรอกนะ แต่วัยรุ่นสมัยนี้ขี้งอนจะตายแล้วคิดว่าฉันจะรับมือไหวเหรอ ?"
                   ฉันพูดอย่างใจเย็นพยายามอธิบายให้รันฟาเข้าใจ รู้สึกว่าเธอจะตั้งใจฟังมากเลยนะเนี่ย และเหมือนจะหลับด้วย ฉันไม่ได้เทศนาเธอนะ !      O _ O!!!
                   "โธ่ ! ไม่เห็นจะเป็นไรเลย หาคนนิสัยดี ๆ ก็ได้นี่น่า มาทำโครงการนี้กันเถอะนะ"
                   คิดจะมาอ้อนฉันเรอะ ! เหอะ ! ฝันไปเหอะ ฉันเชื่ดหน้าหนียัยรันฟาด้วยสีหน้าที่ไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ฉันขบฟันแน่นพยายามหยุดความคิดที่แสนจะบ้าบอ และแล้วฉันก็...
                   ปิ๊ง ๆ O - O < และนี่คือหน้าของยัยรันฟา 
                   ไม่ต้องมาทำตาแบ๊ว ๆ เลยนะ เพราะฉัน...
                   "เออ ก็ได้"
                   และแล้วฉันก็ใจอ่อนจนได้ = O = จะบ้าตาย ทำไมคนอย่างฉันต้องมาใจอ่อนให้กับสายตาอันน่าเกลียดของยัยรันฟาด้วยนะเนี่ย
                   "เค้ารักโครมจังที่สุดเลย มาให้จ๊วฟ ๆ ซะทีซิ ~!!!"
                   "เฮ้ย ! ถอยไปไกล ๆ เลยนะเฟ้ย ! แล้วฉันชื่อ กิ่ง - ฟ้า ไม่ใช่ โครม -จัง เข้าใจไหมเนี่ย" 
                   ฉันเกินโดนยัยบ้านี่จ๊วฟแล้วไหมละ ดีนะที่ฉันเอามือดันหน้ายัยนี่เอาไว้เสียก่อน ไม่เช่นนั้น หน้าของฉันคงไม่ต่างอะไรไปจากศพเลย ยัยบ้าเอ้ย !!!

                   ขณะนี้เป็นเวลา 4 โมงเย็นแล้ว แต่ฉันยังหาคนร่วมงานไม่ได้สักคนเลย ยัยรันฟาก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย เพราะยัยนั่นผื่นขึ้นหน้า สงสัยคงแพ้แดดแรง ๆ ละมั้ง ? ตอนนี้ฉันนั่งอยู่ตรงม้านั่งหน้าคณะศิลปกรรมศาสตร์ (มันมีแต่เมื่อไรเนี่ย - -*) เหนื่อยและร้อน และร้อน และร้อน ฉันจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย > o < !!! ฉันพยายามทำใจเย็น ๆ และเย็นที่สุด ฉันเอามือน้อย ๆ มาพัดให้เกิดลม เพราะตอนนี้มันร้อนมากมาย โอ่แม่เจ้า !
                   "เออ..ขอโทษนะคะ"
                   "หา~~~"
                   ฉันหันไปมองบุคคลที่ยืนอยู่ตรงหน้า เป็นผู้หญิงตัวสูงเหมือนนางแบบต่างประเทศ ผิวขาวเนียน หน้าได้รูป ตาคมเหมือนแขก ตาโต จมูกโด่งเหมือนฝรั่ง (ชาวต่างชาตินะ ไม่ใช่ผลไม้ = A =) ผมของเธอยาวเหยียดตรงมัดโด่งเป็นหางม้า มันดำสนิทและโค - ตระเงาเลย ใบหน้ายยิ้มแย้มเหมือนครูสอนเด็กอนุบาล ฟันขาวเชียวนะคุณ = - =
                    "คุณมีอะไรเหรอ ?"
                    และนี่คือคำที่สุภาพที่สุดของฉัน (มั้ง) ฉันถามเธอเสียงเรียบเหมือนโหด ๆ แต่เจ๊แกก็ยังคงยิ้มแก้มแทบฉีกอยู่อย่างนั้น ฉันว่าเธอคงจะเป็นดาวมหาลัยแน่นอนเลยเพราะด้วยหน้าตาและการแต่งตัวที่แสนจะไฮโซและคุณหนู (เออ..ที่จริงแต่งตัวเป็นนักศึกษาเนี่ยแหละแต่แต่งตัวไม่รัดจนเกินไปเท่านั้นเอง) เจ๊ไฮโซเอ่ยปากอีกครั้ง
                   "ฉันชื่อ เยาวเรศ คนุพากร อยู่ปี 1 หนึ่งค่ะ"
                   เธอนั่งลงบนม้านั่งข้าง ๆ ฉัน แล้วแนะนำตัวต่อ ด้วยสีหน้าที่เรียกได้ว่า นางงามจักรวาล ยิ้มอยู่นั่นแหละ ไม่เมื่อยรึไงเนี่ย - -*
                   "ฉันชื่อ ชนิตา ลายพยัคฆ์ อยู่ปี 3"
                   "เอ้า ! รุ่นพี่เหรอค่ะเนี่ย หน้าเหมือนอยู่ปี 1 เลยนะค่ะ ^ ^"
                   ฉันหน้าเด็กขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ก็ยังดีกว่าหน้าแก่ละเนอะ ฉันทำหน้างงอยู่พักหนึ่ง แล้วคุณเจ๊ (เจ๊เกี่ยวไหม ?) เยาวเรศก็พูดอีกแล้ว - -*
                   "รุ่นพี่ทราบข่าวเรื่องโครงการไทย ไทย ไทย รึยังคะ ?"
                   มาอีกแล้วเหรอเนี่ย โอ่แม่เจ้า ! ทำไมมีแต่ชวนคุยเรื่องนี้นะ 
                   "หาคนร่วมโครงการอยู่ละสิ ?"
                   ไม่ต้องเอ่ยอะไรให้มันยืดยาวเสียเวลานัก ถามมันตรง ๆ ไปเลย ถึงจะดีที่สุด o - O
                   "ค่ะ"
                   เซ็งโคตร ทำไมนะทำไม คนอื่นมีเยอะแยะ ทำไมต้องมาหาฉันด้วย แต่คิดอีกทีมันก็ดีเหมือนกัน เผอิญขี้เกลียดหาคน (อู้งาน)
                   "แล้วทำไมถึงมาหาเออ...พี่...เอ้ย ! ฉันละ"
                   โอ่แม่เจ้า ! ฉันควรจะใช้คำสรรพนามแทนตัวเองว่าอะไรดีนะ พี่ก็ดูแก่เกินไป น้องก็โคตรโอเวอร์ ฉันก็ดูเป็นเพื่อนเกินไป อะจ๊าก ! ฉันเกลียดการคุยที่สุดเลย
                   "ก็หนูเห็นรุ่นพี่นั่งคนเดียวนะสิค่ะ หนูคิดว่าพี่คงจะตามหาคนร่วมงาน แต่ก็หาไม่ได้ หนูก็เลยเดินเข้ามาถามน่ะค่ะ"
                   ประธานโทษนะเธอ หน้าฉันมันฟ้องได้ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย ไม่อยากจะเชื่อเลย โอ๊ย ! แสบตาจัง ก็ตอนนี้มันตอนพระอาทิตย์ตกนี่น่า แล้วฉันก็นั่งรับแสงเต็ม ๆ ตาลายเลยเรา ฉันเลยมองไปที่ต้นไม้ที่มีใบเขียวสด เพราะอย่างน้อยมันก็ไม่แสบตาละนะ
                   "วันหลังพี่ใส่แว่นกันแดดก็ได้นะ เดี๋ยวนี้แดดมันแรงนะค่ะ ถ้าปล่อยไว้นาน ๆ อาจตาบอดได้ค่ะ"
                   "อืม ๆ"
                   ฉันหัวเราะแห้ง ๆ ออกมาพร้อมกับเกาหัวตัวเองแต่พองาม แม่คนนี้ น่าจะเป็นนักให้คำปรึกษาได้เลยนะเนี่ย ฉันก็เข้าใจว่าเธอน่ะหวังดี แต่ฉันคงไม่ต้องใส่แว่นกันแดดหรอก ควรใส่แว่นสายตาสั้นมากกว่า เพราะฉันสายตาสั้น
                   "แล้วคุณ จะให้ฉันร่วมกลุ่มด้วย ว่างั้นดิ"
                   ฉันพูดพร้อมกับชี้มาที่ตัวเอง เธอเเน่ใจเรอะ ว่าจะอยู่กับคนแบบฉันได้น่ะ ถึงว่าฉันจะไม่ใช่คนดีสักเท่าไร แต่ฉันก็ร้ายเหมือนกันนะเธอ - -*
                   "ค่ะ"
                   "ได้ แล้วต้องอยู่ความสงบนะ ห้ามทำตัวเหมือนเด็ก ๆ นะ เข้าใจมั๊ย"
                   ฉันชี้ไปที่เธอ พร้อมกัยจิกสายตาที่ดุดัน และทรงอำนาจทำให้เยาวเรศถึงกับกลัวเลยทีเดียว ใจเสาะซะมัด
                   "ค่ะ ตกลง ^ ^"
                   เธอยิ้มหวานให้ฉันอีกครั้ง...  

                   เป็นอันว่าจบลงด้วยดีทีเดียว งั้นก็ สำหรับวันนี้ ราตรีสวัสดิ์ (จะไปไหนละเฮ้ย !) แหม~~แค่ล้อเล่นหน่อยเดียวทำเป็นโกรธเหรอ เดี๋ยวเตะกระเด็นเลยนิ เหอะ ๆ มันไม่มีอะไรมากนัก แค่เยาวเรศตอบตกลงก็โอเค เรสเตอร์รอง (มั่วไปเรื่อย) พรุ่งนี้กะว่าจะไปยื่นใบสมัครซะหน่อย แต่คุณเยาวเรศกลับบอกให้ไปหาคนมาอีก โคตรเซ็งเป็ดเลย เธอบอกว่าสามคนมันทำงานลำบาก มีแต่ผู้หญิงซึ่งไม่มีเรียวแรง - -* (โดยเฉพาะยัยรันฟา) เราควรจะมีผู้ชายที่แข็งแรงเอาไว้ช่วยงานหนัก ๆ เวรกรรมจริง ๆ เธอมองข้ามฉันได้เหรอหะ ! ฉันออกจะแข็งแรงนะ ถึงจะไม่มีกล้ามขึ้นก็เถอะ 
                   อ้าว~~~
                   ฉันมองนาฬิกาของร้านกาแฟร้านเดิมที่ฉันเคยมานั่ง มันเป็นเวลาสามทุ่มแล้วนะเนี่ย แต่รู้สึกไม่ง่วงเลยแหะ แล้วฉันก็นั่งอ่านหนังสือต่อในร้าน
                   "กิ่งฟ้า ทำไมไม่กลับบ้านอีก เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก"
                   เจ๊บิวเดินออกมาจากหลังร้าน เมื่อเห็นว่าฉันยังไม่กลับบ้าน เจ๊เก็บของในร้านอย่างเรียบร้อยพร้อมที่จะกลับบ้านได้ทุกเมื่อ เอ้า ! เฮ้ย ! แล้วฉันละ ???
                   "จะกลับอยู่พอดี"
                   ฉันวางหนังสือลงบนชั้นที่มันเคยอยู่ แล้วฉันก็เดินออกมาจากร้านพร้อม ๆ กับเจ๊บิวที่กำลังปิดร้าน
                   "นี่"
                   "ไร"
                   ฉันถามเจ๊บิวห้วน ๆ เพราะเราคุ้นเคยกันดี ฉันมองหน้าเจ๊อย่างสงสัยและแปลกตามาก ๆ เฮ้ย ! เจ๊แกเหมือนผู้ชายมาก ๆ เลยนะเนี่ย เจ๊บิวแกเป็นคนสวยคนหนึ่งในมหาลัย แกจบไปตั้งแต่ฉันอยู่ปี 1 แต่ก็กลับมาทำร้านกาแฟที่มหาลัย ช่วงนั้นฉันได้ข่าวว่ามีคนจีบเจ๊บิวเยอะเหมือนกัน เพราะว่าเจ๊แกหน้าตาดี = o = แล้วไหงซอยผมเหมือนผู้ชายอย่างนี้เนี่ย
                   "ฉันเหมือนผู้ชายป่ะ"
                   เจ๊บิวชี้ตัวเอง ฉันสามารถตอบได้ทันทีเลยว่า...
                   "เหมือนโคตร"
                   "ดีใจจังเลย T o T"
                   "ทำไมอ่ะ"
                   ฉันถามกลับ เพราะเห็นหน้าเจ๊เวลาแบ๊ว ๆ มันก็เหมือนทอมดี ๆ นี่เอง
                   "ไม่ชอบให้คนมาตามจีบ"
                   "เออ เข้าใจ"
                   เป็นอันว่าจบ ฉันเข้าใจทุก ๆ อย่างแล้ว เพราะสมองฉันมันไวสุด ๆ สรุปง่าย ๆก็คือ เจ๊บิวแกรำคาญที่มีคนมาตามจีบนั่นเอง ก็เลยทำผมเหมือนผู้ชายจะได้ไม่มีคนมาจีบอีก ^ o ^ มันช่างเป็นแผนที่ยอดเยี่ยมกระเทียดดองอะไรขนาดนี้
     

                       ฉันเดินแยกทางกับเจ๊บิว ไม่มืดมากนัก เพราะมหาลัยของฉันอยู่ในเมือง เลยมีแต่เสียงรถแล่นไปมาทั้งวันทั้งคืน จนบางวันฉันก็ไม่ได้หลับและนอนอย่างมีความสุขเลย
    ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นนักศึกษาแต่ฉันก็ไม่ได้พักอยู่ที่หอหรอกนะ มันเป็นบ้านของเจ๊ลินลี่ แต่ตอนนี้แกไม่อยู่เพราะไปเที่ยวกับแฟนที่อังกฤษ = =!!! สรุปก็คือให้ฉันเฝ้าบ้าน จบข่าว ! 
                   เอาแหละ ~ แวะซื้อขนมเซเว้นกินดีกว่าเรา หิวชะมัดเลย เซเว้นมีคนพลุกพล่าน เข้าออกมากมาย จึงไม่น่ามีอันตรายใดเกิดขึ้น แต่วันนี้มันดูแปลก ๆ นะเนี่ย ฉันเดินเข้าในร้าน เสียงออดดังขึ้นพร้อมกับเสียงของใครบางคน
                   "เอ้า ! น้องจะมาซื้อของเรอะ ! โทษทีนะ พี่เหมาหมดร้านแล้วไอน้อง"
                   ไอบ้า ! แล้วแกเอาปืนจ่อหัวฉันทำไมเนี่ย ? รึว่ามีซ้อมละครกันอยู่ ไปดีกว่า ฉันกลับหลังหันกำลังจะเดินออกจากร้าน แต่ว่า...
                   "ระวัง !"
                   "..."
                   ปัง !!!
                        

     


                    

                   

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×