ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RE-World เกิดใหม่เป็นตัวร้ายก็ร้ายเเบบมีสไตล์ละกัน (เปิดให้อ่านฟรีหมดเเล้วนะครับ)

    ลำดับตอนที่ #7 : วันที่ 5 ตัวร้ายกับการเข้าพบผ.อ. เเละเอรีน่า ฟอร์จูน มหาจักรพรรดิเวทย์เเห่งยุค

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 66


    วันที่ 6 ของการมาต่างโลก โรงเรียนฟอร์จูนน่า ปี 1 ห้อง A 

    ในที่สุดเอ็ดเวิร์ดก็ได้เข้ามาเรียนได้อย่างปกติสักที เพราะวันนี้ไม่มีใครมาขว้างไม่ให้เอ็ดเวิร์ดเข้าเรียน จึงทำให้เขาสามารถเข้ามาในห้องเรียนได้โดยไม่มีปัญหา ซึ่งผู้คนในห้องต่างประหลาดใจ เพราะเมื่อวานก่อนบุตรชายดยุคผู้นี้ถูกศาตราผู้กล้าของสตีเวนฟันกลางตัวจนบาดเจ็บสาหัส จนต้องพักฟื้นเป็นเดือนๆจากข่าวที่ได้รับมา เเต่นี้เขากลับมาเดินเหินเป็นปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นภายใน 2 วัน ซึ่งมันน่าเหลือเชื่อเกินไปสำหรับคนที่ไร้พลังเวทย์อย่างเอ็ดเวิร์ด

     

    “ เฮ้ยนิเมื่อวานก่อนไม่ใช่ว่าหมอนั้นถูกนายเล่นงานไปหรอกเหรอ ทำไมถึงได้มานั่งสบายๆอยู่เเบบนั้นละ”

    นักเรียนชายขี้สงสัยคนหนึ่งในห้องพูดขึ้นถามสตีเวน เพราะว่าเมื่อวานก่อนทุกคนก็เห็นว่าเอ็ดเวิร์ดถูกสตีเวนฟันกลางลำตัวจนบาดเจ็บสาหัสเเบบที่ไม่น่าฟื้นตัวใน 1 ถึง 2 วันได้ ซึ่งพวกเขาก็ไม่คิดว่าเอ็ดเวิร์ดจะมาเข้าเรียนได้เเบบชิวๆเหมือนเมื่อวานไม่มีอะไรเกิดขึ้นเเบบนี้่

     

    “ ใช่เจ้านั้นโดนดาบศักดิ์สิทธิ์ของชั้นฟันจริงๆ เเต่หลังจากที่มันพักฟื้นสักพัก เจ้านั้นฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เเต่ก็ไม่คิดว่ามันจะหายได้เร็วเเบบนี้ ”

    สตีเวนตอบคำถามให้หลายคนที่สงสัยรับรู้ถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อวาน สำหรับผู้กล้าเเห่งเเสงนั้นเขาค่อนข้างมีมนุษย์สัมพันธ์ที่ดีกับคนอื่นๆในห้อง เขาจึงพูดคุยกับคนในห้องได้เเบบไม่มีปัญหาใดๆ

     

    “ เเต่เดียวนะปกติเจ้านั้นมันต้องมาโวยวาย หรือหาเรื่องนายตลอดไม่ใช่เหรอ ทำไมวันนี้มันมานั่งเงียบเหมือนกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเเบบนั้นละ ”

    นักเรียนชายอีกคนในห้องอีกคนพูดขึ้น เขาประหลาดใจกับท่าทีสงบนิ่งของเอ็ดเวิร์ด ปกติเเล้วเอ็ดเวิร์ดถ้าโดนไปขนาดนั้นเขาคงจะมาพูดต่อว่า เเละหาเรื่องเอาผิดสตีเวนเเน่ๆ เเต่นี้เขากลับนั่งนิ่งอยู่เงียบๆพร้อมกับหลับตา ซึ่งหลายคนคิดว่าเอ็ดเวิร์ดคงจะหลับอยู่ เเต่ด้วยนิสัยของเจ้าหมอนี้นั้นมันก็ออกจะเเปลกเกินไป เพราะเอ็ดเวิร์ดที่เป็นคนหยิ่งผยองไม่มีทางทำท่าทีที่เกลียดคร้านเเบบนี้

    ซึ่งจริงๆเเล้วเอ็ดเวิร์ดไม่ได้หลับเเต่อย่างได้ ในตอนนี้เขากำลังดูดซับพลังธรรมชาติเข้มข้นของโรงเรียนอยู่ เเม้ว่าเอ็ดเวิร์ดจะดูดซับพลังธรรมชาติได้ไม่เท่ากับการดูดซัพจากการนั่งใต้ต้นไม้ซึ่งเป็นจุดที่พลังธรรมชาติเข้มข้นที่สุด เพราะงั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลาโดนเปล่าประโยชน์เในช่วงเวลาเรียนเขาก็เเต่นั่งเฉยๆ เเละหลับตาเพื่อรวบรวมพลังธรรมชาติรอบตัวอย่างช้าๆเพื่อเพิ่มระดับพลังให้ได้มากที่สุด เพราะในตอนนี้ถึงบุตรชายดยุคอยากจะหาเพื่อนคุย เเต่ก็คงจะไม่มีใครมาพูดคุยกับเขาซึ่งเป็นบุคคลที่ชื่อเสียงติดลบเเน่ๆ เพราะงั้นเขาจึงไม่คิดที่จะเเก้ต่างอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้

     

    ( จะว่าไปนิสัยของมันเปลี่ยนไปมากเเทบจะไม่เหมือนกับนิสัยเดิมของมันเลย หรือว่าจะเป็น ไม่สิมันไม่น่าจะเป็นไปได้ )

    สตีเวนคิดในใจก่อนที่จะมองไปที่เอ็ดเวิร์ดพร้อมกับครุ่นคิดเกี่ยวกับวันนั้น ซึ่งจริงๆเเล้วไม่ใช่ว่าเขาไม่ได้ไปช่วยมิเลน่า ตัวเขาคิดที่จะเข้าไปช่วยมิเลน่าอยู่เเล้ว หลังจากที่เอ็ดเวิร์ดเริ่มลงมือ ซึ่งเขาจะไปช่วยมิเลน่าในตอนนั้นมันจะเป็นการทำให้มิเลน่าหลงรักเขาอย่างสมบูรณ์ น่าเสียดายที่อยู่ๆเอ็ดเวิร์ดก็เปลี่ยนไป เเละเดินทางกลับคฤหาสน์ มันทำให้สตีเวนคิดเรื่องบ้างอย่างได้ เเต่เขาเลือกจะปฎิเสธข้อสันนิฐานนี้ เพราะคิดว่ามันคงจะไม่มีเรื่องบังเอิญเเบบนี้อยู่บนโลกหรอก

     

    มาทางด้านเอ็ดเวิร์ดที่นั่งประจำที่โต็ะของเขาอย่างสงบ ก่อนที่ะจะมีหญิงสาวคนนึงเข้ามาทักทายเขา ซึ่งเอ็ดเวิร์ดก็รู้สึกเเปลกใจที่มีคนมาทักทายเขา ซึ่งคนอื่นๆในห้องนั้นกลับประหลาดใจยิ่งกว่า เพราะคนที่มาทักทายเอ็ดเวิร์ดก็คือซาช่าที่ประกาศว่าจะไม่ยุ่งกับเอ็ดเวิร์ดในช่วงต้นของการเข้าเรียน ซึ่งเธอทำตัวเเปลกๆตั้งเเต่เมื่อวานก่อนที่ไปช่วยชีวิตเอ็ดเวิร์ดไว้ ทำให้เจ้าตัวร้ายนี้รอดจากความตายมาได้

     

    “  ชั้นละทึ่งกับสปิริตของนายจริงๆเอ็ดเวิร์ด โดนไปขนาดนั้นเเท้ๆ เเค่วันเดียวก็ฟื้นตัวเองกลับมาเรียนได้เเล้ว ” 

    ซาช่าทักทายเอ็ดเวิร์ดโดยการเเซวเขาเล็กน้อย ซึ่งมันก็น่าประหลาดจริงๆถึงเเม้ว่าผู้กล้าสาวจะช่วยเขาไว้เมื่อวาน ซึ่งปกติเเล้วซาช่านั้นจะพยายามหลีกเลี่ยงการพูดคุยกับเอ็ดเวิร์ด เพราะพฤติกรรมที่น่ารังเกลียดของเขา 

    ซึ่งหลังจากวันที่มิเลน่าถูกลักพาตัว ซาช่าจะมีทัศนคติที่ดีกับเอ็ดเวิร์ดมากยิ่งขึ้น เพราะเธอคิดว่าเขากลับตัวกลับใจ ซาช่าก็ไม่ได้รังเกลียดที่จะช่วยเหลือญาติห่างๆของเธอที่คิดจะเปลี่ยนเเปลงตัวเอง เพราะงั้นผู้กล้าสาวจึงเข้าช่วยเหลือเอ็ดเวิร์ดเมื่อวานก่อน เพราะสำหรับเธอเเล้วการลงทัณฑ์ของสตีเวนนั้นมันไม่เป็นธรรมกับเอ็ดเวิร์ดเกินไป 

     

    “ ชั้นขาดเรียนไปหลายวันเเล้วนะ อีกเรื่องร่างกายของชั้นเเข็งเเรงดี เเค่วันเดียวก็ฟื้นฟูเป็นปกติเเล้วเห็นไหม ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นบอกเหตุผลที่เขามาในวันนี้ได้ เขาคิดว่าตัวเองหายดีเเล้ว เพราะงั้นเขาจึงมาโรงเรียนเพราะไม่อยากให้สถานะของเขาเเย่ไปกว่านี้ อย่างน้อยเขาก็อยากที่จะเรียนจบไป รับราชการเป็นดยุคที่ดีช่วยบริหารบ้างเมืองให้โลกนี้มันน่าอยู่ขึ้น ซึ่งสำหรับคนอื่นเขาไม่รู้ว่าพวกเขาจะดีจะเลวยังไง เเต่เขาคิดว่าอย่างน้อยทำให้ตัวเองดีเข้าไว้มันก็ไม่เสียหายอะไร

     

    “ ทำเป็นพูดดีเมื่อวานก่อนยังร้องเจ็บอ็อดเเอดเเท้ๆ ”

    ซาช่าพูดขึ้นเเซวเอ็ดเวิร์ดที่ร้องโอดโอยเมื่อวาน ในขณะที่เธอส่งเข้าไปขึ้นรถม้า ซึ่งตามจริงผู้กล้าสาวก็คิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมสักเท่าไร เเต่เมื่อเห็นว่าเอ็ดเวิร์ดพูดจาน่าหมั้นไส้สำหรับเธอ มันจึงทำให้ซาช่าอดที่จะพูดเเซวเรื่องนี้ไม่ได้

     

    “ เออพูดถึงเรื่องนี้ เมื่อวานนะยังไงก็ต้องขอบคุณเธอด้วยนะ ที่ช่วยชีวิตชั้่นไว้เมื่อวานก่อนนะ ”

    เอ็ดเวิร์ดนึกถึงเรื่องเมื่อวานได้จากคำเเซวของซาช่า บุตรชายดยุคก็เลือกที่จะขอบคุณซาช่าจากใจจริง ซึ่งถ้าซาช่าไม่ช่วยเขาเมื่อวานเกรงว่าตัวเขาคงจะสิ้นชื่อไปเเล้ว การเริ่มดำเนินชีวิตในโลกนี้ก็คงจะจบลง ไม่เป็นไปตามที่คิดเขาเเผนเอาไว้

     

    “ ขอบคุณ นายนี้นะขอบคุณชั้น ”

    ซาช่าพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ ผู้กล้าสาวรู้สึกประหลาดใจมากๆ ซึ่งมันทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้สึกสงสัย ดูเหมือนว่าเขาจะเผลอทำในสิ่งที่ทำให้ถูกสงสัยอีกเเล้ว มันจึงทำให้เอ็ดเวิร์ดถามซาช่าด้วยความสงสัย

     

    “ มันเเปลกเหรอ ”

    เอ็ดเวิร์ดถามซาช่าด้วยความสงสัย การขอบคุณของเขานั้นมันเป็นเรื่องเเปลกขนาดนั้นเลยเหรอ เขาไม่คิดว่าเจ้าเอ็ดเวิร์ดนั้นมันจะไม่เคยขอบคุณใครสักคนในชีวิตจริงๆ ทั้งพ่อบ้านที่เเสนดี เเละทุกๆคนที่มาทำดีกับเขา ไอ้เด็กเวรนี้มันไม่เคยเอ๋ยคำขอบคุณออกมาเลยสักครั้งจริงๆงั้นเหรอ

     

    “ มันก็เเปลกดีนะ ร้อยวันพันปีนายไม่เคยที่จะขอบคุณใครสักครั้ง มีเเต่อย่ามายุ่งน่า ฝากเอาไว้ก่อน เเบบนี้นะ ”

    ซาช่าพูดขึ้นก่อนที่จะยกตัวอย่างคำพูดของเอ็ดเวิร์ดคนเดิม ตัวเอ็ดเวิร์ดในปัจจุบันก็คิดว่า ไอ้เจ้าของร่างนี้มันเป็นพวกหยิิ่งในศักดิ์ศรีเเบบสุดโต้งหรือยังไง สำหรับเขาศักดิ์ศรีมันกินไม่ได้ สิ่งที่จะช่วยให้เรามีชีวิตรอดนั้นคือ สกิลในการเอาตัวรอด ซึ่งในโลกของเขาไม่มีพลังวิเศษอย่างพลังปราณ พลังจิต พลังเวทย์ ทุกอย่างวัดกันที่ทักษะโดยเฉพาะ 

    เมื่อพวกคุณค้นพบทักษะที่ธรรมชาติมอบมาให้คุณ ทำความเข้าใจ เเละพัฒนามันอย่างเพียงพอ คุณจะสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้โดยที่ไม่ต้องอายใคร สำหรับเอ็ดเวิร์ดเเล้วศักดิ์ศรีจึงไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด ดั่งคำโบราณที่ว่าผู้ยิ่งใหญ่อย่างเเท้จริงนั้นยกขึ้่นได้ก็สามารถปล่อยวางได้ 

     

    “ คำพูดอะไรละนั้น มันก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่เหรอที่มีคนมาช่วยก็ต้องขอบคุณนะ  ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นด้วยสีหน้าเจือนๆ เขาคิดเเล้วว่าไอ้หมอนี้มันนิสัยเสียขนาดไหนกัน เเม้เเต่คำขอบคุณก็ไม่เคยจะเอ๋ยออกมา เขาเริ่มรู้สึกท้อเเท้ในชีวิตซะเเล้วกับความเฮงซวยของอดีตเจ้าของร่าง มันทำให้เส้นทางของการเป็นขุนนางที่ดีของเขานั้นมันอยู่ยากมากยิ่งขึ้น ถ้าเป็นเเบบนี้ความฝันของเขาก็คงจะไม่มีทางเป็นจริงอย่างเเน่นอน

     

    “ คิกๆๆ นายเปลี่ยนไปมากจริงๆนะ ดีเเล้วละเรื่องอดีตนายไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ”

    ซาช่าที่ได้ฟังก็หัวเราะออกมา  เมื่อเห็นเอ็ดเวิร์ดที่เหมือนกับลืมเรื่องที่ตัวเองทำในอดีตออกมา อันจริงผู้กล้าสาวก็สงสัยเหมือนกันว่าชายที่อยู่ตรงหน้าอาจจไม่ใช่เอ็ดเวิร์ด เเต่เธอคิดว่าถ้าผู้ชายคนนี้ไม่ใช่เอ็ดเวิร์ดจริงๆ เเต่เป็นคนอื่นที่นิสัยดีกว่าเอ็ดเวิร์ดตัวจริง ผู้กล้าสาวก็คิดว่ามันไม่มีปัญหาถ้าจะปล่อยให้เขาสวมรอยเป็นเอ็ดเวิร์ดต่อไป เเต่สำหรับเธอเเล้วมันคงจะเป็นเรื่องที่คิดไปเอง เธอคิดว่าเอ็ดเวิร์ดน่าจะอยากปรับปรุงตัวเองจริงๆ หลังจากที่ได้พูดคุยกับมิเลน่าเมื่อวานนั้น ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ดีเเล้ว เพราะมันทำให้งานท่ี่เธอได้รับมาง่ายขึ้น

     

    “ เฮ้ยๆไหงซาช่าไปสนิทกับมันเเบบนั้นละ เธอไม่ชอบเจ้านั้นอย่างเเรงไม่ใช่เหรอ ” 

    นักเรียนชายคนนั้นพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจปนสับสน เพราะรู้สึกขัดใจที่ไอ้สารเลวเอ็ดเวิร์ดดันพูดคุยกับสนิทกับสาวสวยอย่างซาช่า ซึ่งตัวของซาช่านั้นเเม้ว่าจะไม่งดงามเท่ากับองค์หญิงอลิเซีย สาวงามอันดับ 1 ของโรงเรียนฟอร์จูน่า เเต่ก็ถือว่าซาช่าเป็นสาวสวยติดอันดับ 1 ใน 5 สาวงามของโรงเรียนอยู่ดี ทำให้หลายคนเริ่มไม่พอใจที่ซาช่าเริ่มฟื้นฟูความสัมพันธ์กับบุคคลที่น่ารังเกียจเช่นเอ็ดเวิร์ด

     

    ( เจ้านั้นจะเปลี่ยนไปจริงๆ ตั้งเเต่วันที่มิเลน่าถูกลักพาตัว มีความเป็นไปได้ที่มันอาจจะเป็นคนกรณีเเบบเรา เเต่คงต้องหาหลักฐานที่ชัดเจนก่อน เเต่เรื่องเเบบนั้นไม่คงจะไม่จำเป็นก็ได้เพราะยังไงเราก็ต้องหาทางกำจัดมันให้ได้สักวันอยู่เเล้ว )

    สตีเวนคิดในใจ เขารู้สึกสงสัยเกี่ยวกับเรื่องของเอ็ดเวิร์ด ซึ่งมันมีความเป็นไปได้ว่าเอ็ดเวิร์ดอาจจะเหมือนกับตัวเขา ซึ่งก็ไม่อาจมีใครรู้ได้ว่าเป็นเหมือนกับสตีเวนนั้นคือเหมือนกันในเรื่องใด เเต่ผู้กล้าเเห่งเเสงยังไม่สรุปในเรื่องนี้ ซึ่งเขาคิดว่าอาจจะไม่ต้องหาหลักฐานอะไร เพราะไม่ว่ามันจะเป็นคนเเบบเขาหรือไม่ ยังไงเขาก็กะจะฆ่ามันอยู่เเล้ว เขาจึงไม่จำเป็นสืบเรื่องนี้ให้มันปวดหัวอะไร

     

    “ เอาละนักเรียนได้เวลาเรียนเเล้ว อาเเล้วก็คุณวิลฟอร์ด ”

    อาจารย์เข้ามาที่ห้องพร้อมกับมีสีหน้าที่ตื่นตกใจ เพราะเอ็ดเวิร์ดสามารถมาเรียนในวันนี้ได้ ซึ่งตัวเขาก็ได้รับรายงานมาว่า'เอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ด'นักเรียนห้องที่เขาดูเเลถูกผู้กล้าเเห่งเเสงสตีเวนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส ตัวเขาก็คิดว่าเอ็ดเวิร์ดจะมาไม่ได้ซะเเล้ว เเต่ใครจะไปคิดว่า ผ.อ.จะมีคำสั่งให้เรียกตัวเอ็ดเวิร์ดให้เข้าพบ ซึ่งเขาก็ไม่เชื่อว่านักเรียนผู้มีชื่อเสียงฉาวโฉคนนี้จะมาเรีียนในวันนี้ได้

     

    “ ครับมีอะไรเหรอครับอาจารย์ ”

    เอ็ดเวิร์ดถามอย่างสงสัย จากบันทึกข้อมูลอาจารย์ประจำชั้นค่อนข้างเป็นคนที่ไม่สนใจนักเรียนสักเท่าไร ตัวอาจารย์จะถือหางพวกท็อบของชั้นซะเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งถึงเอ็ดเวิร์ดจะไม่ชอบอาจารย์เช่นนี้ เเต่เขาก็ต้องใส่หน้ากาก เเละพูดจาด้วยความสุภาพ บุตรชายดยุคจะไม่เเสดงท่าทีหยิ่งยะโสเช่นเจ้าของร่างคนก่อน เเต่จะยึดใช้คำว่าสุภาพบุรุษที่ทำตัวสุภาพมีสไตย์ เเต่ถ้ามีคนมาหาเรื่องเขาก็พร้อมบวกได้เหมือนกัน 

     

    “ ผ.อ.เรียกเธอนะเห็นว่ามีเรื่องต้องพูดคุยกัน ไว้หลังเลิกเรียนนะ ”

    อาจารย์ประจำชั้นเเจ้งเรื่องที่ผ.อ.ต้องการพบตัวของเอ็ดเวิร์ดให้เขาฟัง ซึ่งเป็นเรื่องหลังเลิกเรียนเพราะงั้นเอ็ดเวิร์ดจังยังไม่จำเป็นต้องรีบไปหาผ.อ.ในตอนนี้ เขาจึงนั่งเรียนอยู่ในห้องเรียนพร้อมกับการเรียนการสอนที่ได้เริ่มต้นขึ้น เเต่ว่าเอ็ดเวิร์ดไม่ได้สนใจสักเท่าไร เขาเเค่จดเเล็คเชอร์ไปตามที่สอนเพื่อจะได้มีความรู้เกี่ยวกับโลกใบนี้เท่านั้น

     

    ( ผ.อ.งั้นเหรอ )

    เอ็ดเวิร์ดคิดในใจในขณะที่เเยกประสาทในการจดเล็คเชอร์ไปด้วย ตัวเขาสงสัยว่าผ.อ.เรียกเขาไปหาด้วยเรื่องอะไร เพราะเขาใช้พลังปราณโจมตีสตีเวนเเค่ครั้งเดียว ทางด้านผ.อ.ไม่น่าจะรู้เรื่องความพิเศษในขอนี้ได้ บางทีเขาอาจจะคิดมากไปที่ทางนั้นรู้เรื่องความลับของเขาเเล้ว พวกเขาอาจจะเเค่สงสัยว่าเขาสามารถสร้างความเสียหายให้กับสตีเวนได้ยังไงก็เท่านั้น ซึ่งมันจะเป็นเรื่องง่ายสำหรับเอ็ดเวิร์ดที่จะใช้สกิลการพูดระดับปลูกไร้สตอเบอร์รี่ของเขาในการโกหกพวกเขาไปเพื่อปกปิดความลับในเรื่องนี้นั้นเอง

    เอ็ดเวิร์ดหลังจากที่วางเเผนไว้ในใจเล็กน้อย เขาจึงละความสนใจเกี่ยวกับเรื่องที่ถูกผ.อ.เรียกเข้าพบ จากนั้นเขาก็ทำการนั่งบ่มเพาะพลังตลอดจนจบคาบเรียน เนื่องจากเวทย์มนต์คือสิ่งที่ไร้ประโยชน์ เเละวิชาการปกครอง เเละขุนนางนั้นก็เป็นหลักสูตรยุคกลาง มันยังเทียบกับหลักสูตรการจัดการกองทัพเเบบทหารที่ถูกพัฒนาจนก้าวหน้ากว่ายุคสมัยนี้ไปมาก เพราะงั้นเขาจึงเลือกที่จะไม่ได้ฟังอาจารย์สอนอีกหลังจากที่พอสรุปเนื้อหาในการเรียนของวิชานี้ ซึ่งเป็นวิชาปกครองเเบบยุคกลาง จากนั้นเอ็ดเวิร์ดจึงนั่งบ่มเพาะพลังไปจนจบคาบ จนกระทั่งจบคาบเรียน

     

    หลังจากนั้นหลังเลิกเรียน

    หลังจากที่เลิกเรียนเอ็ดเวิร์ดกำลังเดิินไปยังห้องผ.อ. โดยมีซาช่าตามมาด้วย ซึ่งผู้กล้าสาวตามเอ็ดเวิร์ดมาด้วยเพราะเป็นห่วงว่าเขาอาจจะเจอปัญหาในระหว่างทางได้ ยิ่งเขายังไม่หายดี เพราะงั้นซาช่าจึงอาสาปกป้องเอ็ดเวิร์ดหากเขาถูกใครบ้างคนมาท้าสู้ เอ็ดเวิร์ดจะต้องลำบากเเน่ๆ เพราะงั้นเธอจึงตามมาประกบเขา เพื่อให้ถูกส่งเข้าห้องพยาบาลอีก

     

    “ ไม่เป็นไรน่า ชั้นไปคนเดียวได้เธอไม่เห็นต้องตามมาด้วยเลย ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้่นบอกว่าจะไปคนเดียว ในตอนนี้เขาได้เสริมความเเข็งเเกร่งจากเมื่อวานก่อนมากเเล้ว ตัวเขามั่นใจว่าถึงสตีเวนมาไล่ฆ่าเขาอีกครั้ง ตัวเขาก็สามารถเอาชีวิตรอดได้

     

    “ ปล่อยนายไปคนเดียว เดียวโดนดักทำร้ายหรอก นายพึ่งหายดีด้วย เดียวก็ได้เข้าห้องพยาบาลอีกรอบหรอก ”

    ซาช่าพูดขึ้นด้วยความดื้อรั้น ดูเหมือนว่าเธอมีความตั้งใจที่จะคุ้มกันเอ็ดเวิร์ดให้ปลอดภัยจริงๆ ซึ่งตามจริงๆเเล้วตัวของผู้กล้าสาวไม่น่าจะทำเเบบนี้กับเอ็ดเวิร์ดมันจึงทำให้เขาสงสัยเล็กน้อยว่า ทำไมซาช่าถึงต้องช่วยเขาขนาดนี้ด้วย
     

    “ เฮ้ออ ก็ได้เอาที่เธอสบายใจเลย ”

    เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจก่อนที่จะปล่อยให้ซาช่าทำตามใจ บุตรชายดยุคก็ไม่เข้าใจเหมือนกับว่าทำไมผู้กล้าสาวถึงได้เปลี่ยนท่าทีถึงขนาดนี้ เพราะเขาเปลี่ยนไปในทิศทางทีดีเหรอตัวเธอจึงได้มาดูเเลเขาเเบบนี้ ซึ่งมันก็ทำให้เขาเริ่มสงสัยว่าซาช่ามีจุดประสงค์อะไรเเอบเเฝงรึเปล่า ซึ่งในระหว่าที่พวกเขากำลังเดินไปห้องผ.อ.พวกเขาก็เดินชนกับใครบ้างคนเข้า

     

    “ ว้ายยยย พวกนายเดินระวังระวังหน่อย… ”

    มิเลน่าร้องออกมาก่อนที่จะล้มลง เอกสารที่เธอขนมาก็ล้มระเน่ระนาดซึ่งตัวมิเลน่าก็ตกใจเช่นกัน เพราะเอกสารที่เธอขนมามันกระจายไปหมดเเล้ว เด็กสาวนักปรุงยาจึงหันมากะจะด่าคนที่มาชนเธอจนล้มสักหน่อย เเต่เมื่อหันมาเห็นเอ็ดเวิร์ด เธอก็เงียบลง ตัวเธอนั้นถึงเเม้ว่าจะพูดกับเอ็ดเวิร์ดบ้างเเต่ในใจของมิเลน่าก็ยังรู้สึกหวาดกลัวเอ็ดเวิร์ดอยู่ ยิ่งเขามีพลังต่อสู้จนมีพลังเกือบจะฆ่าสตีเวนได้ มันจึงยิ่งทำให้มิเลน่าต้องระวังเอ็ดเวิร์ดเอาไว้ เพราะหากเขาจะทำอะไรเธอจริงๆตัวเธอไม่อาจขัดขืนได้เลย

     

    " เป็นอะไรรึเปล่ามิเลน่า "

    ซาช่าเข้าไปดูอาการของมิเลน่าที่ชนกับเอ็ดเวิร์ดจนล้มลง ซึ่งเธอก็ไม่เป็นอะไรเเต่เอกสารที่เธอขนมาก็กระจัดกระจายไปหมดเเล้ว ตัวเธอจึงเข้าไปช่วยมิเลน่าเก็บเอกสาร

     

    “ โทษทีมาเดียวชั้นช่วย ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นขอโทษมิเลน่า ก่อนที่จะเข้าไปช่วยมิเลน่าเก็บเอกสารเช่นกัน ซึ่งมันทำให้ซาช่าตกใจ เพราะนอกจากเธอจะได้ยินคำขอบคุณเเล้ว ตัวเธอยังได้ยินคำขอโทษออกมาจากปากของเอ็ดเวิร์ดอีกด้วย

     

    ( หมอนี้ขอโทษงั้นเหรอ จะว่าไงดีละ อาช่างมันเถอะในเมื่ออีกฝ่ายทำดีเเล้วเราจะไปจับผิดเขาทำไมกันเนอะ )

    ซาช่าคิดในใจก่อนที่จะสลัดความคิดจ้องจับผิดเอ็ดเวิร์ดของเธอออกไป ตัวเธอคิดว่าเอ็ดเวิร์ดกลับตัวกลับใจ เเละเปลี่ยนตัวเองไปในทิศทางที่ดีขึ้นเเล้ว ตัวเธอควรจะสนับสนุนไม่ใช่จ้องจะจับผิด เพราะงั้นผู้กล้าสาวจึงเลิกคิดเรื่องสาเหตุที่ทำให้เขาเปลี่ยนไป เเต่ในระหว่างที่เอ็ดเวิร์ดกำลังเก็บเอกสารให้กับมิเลน่าอยู่นั้น

     

    “ ในที่สุดชั้นก็เจอตัวเเก เอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ด ”

    เสียงอันดังกังวาลของชายคนหนึ่งดังขึ้นก่อนที่ทั้งสามจะหันไปมองซึ่ง โดยที่มือของเอ็ดเวิร์ดก็ยังคงเก็บเอกสารอยู่ เพราะเขาสามารถเเยกประสาทได้ เพราะเขาไม่ต้องการเสียเวลามากเกินไป โดยเอ็ดเวิร์ดสังเกตุว่าชายคนนี้มีผมสีเเดงเพลิงเเววตาสดใส่ห้าวหาญ ดูจากน้ำเสียงเเล้วคงจะเป็นคนตรงๆเปิดเผย ดูเข้าถึงได้ง่าย เอ็ดเวิร์ดสงสัยว่าชายคนนี้เป็นใคร เพราะเหมือนว่าเขาจะจำไม่ได้ว่าไอ้หมอนี้เป็นใคร

     

    “ ฟอร์นนายมาทำอะไรที่นี้นะ ”

    ซาช่าพูดขึ้นถามฟอร์นด้วยความสงสัย ตัวเธอออกมาอยู่ด้านหน้าของเอ็ดเวิร์ดไว้ เพราะผู้กล้าสาวรู้จักกับชายคนนี้ดีว่าเขาบ้าการต่อสู้เเค่ไหน ถ้าไม่ระวังเอ็ดเวิร์ดอาจจะถูกหมอนี้ท้าประลองกันตรงนี้ก็ได้ 

     

    “ ใช่เเล้วท่านฟอร์น ลูซิส ผู้กล้าเพลิง ปรากฏกายเป็นไงเท่ไหม ”

    ฟอร์นพูดขึ้นอย่างหลงตัวเอง ในสายตาของเอ็ดเวิร์ด เเละซาช่ากลับคิดว่าไอ้บ้านี้มันโคตรจะหลงตัวเอง ยิ่งซาช่าที่ไม่ค่อยถูกโรคกับฟอร์นสักเท่าไร เธอก็ยิ่งคิดว่าหมอนี้มันเป็นพวกบ้าไร้สมอง

     

    ( หมอนี้ใครกันนะ อืมจำไม่ได้ เกมเราก็เล่นมาตั้งนานเเล้วคงจะตัวละครไม่ได้ทุกคนละนะ ) 

    เอ็ดเวิร์ดคิดในใจอย่างสงสัยว่า หมอนี้เป็นใครเอาจริงๆเขาก็ไม่ค่อยมีข้อมูลของตัวละครในเกมนี้สักเท่าไร เพราะเขาจำไม่ค่อยได้ เขาก็เล่นเกมนี้มานานมากเเล้ว บางทีเขาก็ลืมๆไปบ้าง ซึ่งตัวละครที่ชื่อฟอร์นตัวนี้จริงๆในเกมมันไม่ได้มีบทสำคัญสักเท่าไร เพราะเป็นเเค่เพื่อนพระเอก เเละคู่เเข่งที่จะตายในช่วงกลางๆเกม เเต่ว่าในโลกที่เอ็ดเวิร์ดเข้ามาดูเหมือนว่าฟอร์นนั้นจะเป็นถึงระดับผู้กล้า ซึ่งมีความเเข็งเเกร่งมากกว่าขุนนางทั่วไป ซึ่งนี้คือจุดที่เเตกต่างกับเกมที่เอ็ดเวิร์ดเคยเล่นในชาติก่อน

     

    “ เท่ตายละ คิดอะไรของนายกันถึงได้มาหาเรื่องญาติชั้นนะ ”

    ซาช่าพูดขึ้นด้วยความหมั้นไส้ ตัวเธอนั้นไม่ถูกกับฟอร์นมาตั้งนานเเล้ว เพราะงั้นไม่ว่าฟอร์นจะทำอะไรในสายตาของเธอนั้นมันก็ดูไม่ดีไปทั้งหมด ยิ่งหมอนี้ทำตัวหลงตัวเองเเบบนี้มันก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกหมั้นไส้

     

    “ ไม่ต้องมายุ่งน่าซาช่านี้เป็นเรื่องการต่อสู้ของลูกผู้ชาย เธอไม่ต้องมายุ่งเลย ”

    ฟอร์นพูดขึ้นบอกให้ซาช่าไม่ต้องมายุ่ง ผู้กล้าหนุ่มคิดว่าซาช่านั้นเป็นผู้หญิง เธอไม่เข้าใจเรื่องการต่อสู้กับของลูกผู้ชายหรอก เเน่นอนว่าจุดประสงค์ของฟอร์นก็คือการท้าประลองกับเอ็ดเวิร์ด เนื่องจากความกระหายในการต่อสู้ของเขานั้นเอง

     

    “ ไงฟอร์นการเดินทางไปปราบปีศาจที่ทางเหนือเป็นยังไงบ้างนะ ”

    มิเลน่าถามฟอร์นที่ไม่ได้พบกันมานาน ฟอร์นนั้นไปปฎิบัติภารกิจจัดการพวกปีศาจที่ซ่อนตัวอย่างทางเหนือทำให้เขาต้องขาดเรียนไปนาน ซึ่งตัวเขาก็ได้ขอทำเรื่องลากิจเอาไว้เเล้ว ซึ่งผู้กล้านั้นจะได้รับสิทธิพิเศษที่ไม่จำเป็นต้องเขาเรียน เเละเวลาสอบนั้นหากผู้กล้ามีธุระสำคัญสามารถเลื่อนมาสอบในวันอื่นได้ 

    ซึ่งฟอร์นเองก็ได้รับภารกิจที่ไปล่าปีศาจที่ตกข้างอยู่ทางเหนือ ซึ่งเขาก็ทำภารกิจเสร็จเเล้วตัวเขาจึงได้กลับมาที่อาณาจักรไลท์เทอร์ ซึ่งจริงๆเขากลับมาที่นี้นานเเล้ว เเต่มันอยู่ในช่วงพักผ่อนตัวเขาจึงไม่ได้เข้าเรียนเป็นเวลาหลายวัน ซึ่งในตอนนี้ใกล้จะสอบเเล้ว เพราะงั้นเขาจึงจำเป็นต้องเข้าเรียน ถึงเเม้ว่าตัวเขาจะไม่อยากจะมาเรียนก็ตามที

     

    “ ก็งั้นๆเเหละ เจ้าพวกมอนเตอร์นะเมื่อเจอกับชั้นมันก็เป็นเเค่ฝุ่นเท่านั้นละ ฮาๆๆๆๆ ”

    ฟอร์นพูดขึ้นด้วยความมั่นใจพร้อมกับหัวเราะออกมา ด้วยพลังธาตุไฟของเขากับดาบศักดิ์สิทธิ์เเห่งเปลวเพลิง ปีศาจที่ปะทะกับเขานั้นส่วนมากก็จกลายเป็นเถ้าถ่าน ซึ่งปีศาจในภารกิจครั้งนี้นั้นเเข็งเเกร่งก็จริงๆ เเต่เมื่อเจอกับพลังเต็มทีของผู้กล้าเพลิงพวกมันก็ไม่อาจลอยนวลต่อไปได้ ถูกพลังเวทย์เพลิงของเผาจนกลายเป็นเถ้าธุลี

     

    “ ไอ้ขี้โม้ เหอะ ”

    ซาช่าพูดขึ้นเเดกดันฟอร์น เพราะเธอดูจากรอยเเผลบนร่างของฟอร์นเเล้ว ตัวเขาน่าจะสู้กับอีกฝ่ายเเบบหึดขึ้นคอพอสมควร ซึ่งปีศาจที่เขาสู้ด้วย อันที่จริงฟอร์นทุ่มกำลังทั้งหมดในการต่อสู้กับมัน ตัวเขาจึงสามารถเอาชนะมาได้ เพราะงั้นที่เขาพูดมันก็เป็นการพูดเกินจริงไปอยู่เล็กน้อยนั้นเอง

     

    “ เออ ถ้าไม่ว่าอะไรละก็ ขอทางหน่อยได้ไหม พอดีชั้นต้องพบกับผ.อ.นะ ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นขอทางจากฟอร์น หลังจากที่เขาเก็บเอกสารให้มิเลน่าเสร็จ เขาก็มอบมันให้กับมิเลน่าเเบบงงๆ เพราะเธอก็สงสัยเหมือนกันว่าเอ็ดเวิร์ดเอาเวลาที่ไหนเก็บเอกสารพวกน เพราะทั้งซาช่า เเละมิเลน่าโฟกัสอยู่ที่ตัวของฟอร์นทำให้ไม่มีเวลาเก็บเอกสารเลย 

    เอ็ดเวิร์ดให้เหตุผลว่าตัวเขาต้องรีบไปพบกับผ.อ.ในตอนนี้ทางนั้นคงรอเขาจนเก้อเเล้วก็ว่าได้ ซึ่งพอได้ยินเอ็ดเวิร์ดพูดออกมา ฟอร์นก็นึกออกมาว่าเขามาดักรอเอ็ดเวิร์ดที่นี้ด้วยเหตุผลอะไร

     

    “ จริงสิชั้นไม่ได้มาพูดสารทุกข์สุขดิบนิน่า เอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ด มาสู้กับชั้นซะ ”

    ฟอร์นพูดขึ้นมาหลังจากที่เขานึกจุดประสงค์ที่เขามาดักรอเอ็ดเวิร์ดที่นี้นั้นคือการท้าสู้กับเขา ผู้กล้าเพลิงชึ้หน้าไปทางเอ็ดเวิร์ด เเละบังคับให้เอ็ดเวิร์ดมาประลองกับเขาในทันที โดยไม่สนว่าเอ็ดเวิร์ดจะปฎิเสธหรือไม่

     

    “ เดียวไม่ได้ฟังเหรอ ชั้นต้องพบผ.อ.นะ เเล้วจะหาเวลาไหนไปสู้กับนายนะ ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นด้วยเหตุผล เอาจริงๆเขาไม่อยากจะประลองอะไรกับฟอร์นนักหรอก บุตรชายดยุคไม่เห็นประโยชน์จากการประลองกับฟอร์นเลย มันจะมีเเต่จะสร้างผลเสียให้กับเขามากกว่า ตัวของบุตรชายดยุคจึงอ้างเรื่องที่ผ.อ.เรียกเพื่อหลีกเลียงการปะทะกับฟอร์น

     

    “ ไม่เป็นไรชั้นรอได้ ไว้คุยกับผ.อ.เสร็จเรามาสู้กัน ”

    ฟอร์นตอบออกมาด้วยความมั่นใจ ดูเหมือนว่าฟอร์นอยากจะประลองกับเอ็ดเวิร์ดมากๆ ซึ่งมันทำให้ตัวของเอ็ดเวิร์ดไม่อาจหลีกเลียงการต่อสู้ในครั้งนี้ได้เเล้ว ซึ่งเมื่อเห็นว่าเอ็ดเวิร์ดถูกหาเรื่องทั้งสองสาวจึงอาสาออกมาพูดให้กับเอ็ดเวิร์ด เพื่อไม่ให้เขาต้องมาประลองอย่างไร้เหตุผลเช่นนี้

     

    “ เดียวก่อนฟอร์น เรื่องที่เอ็ดเวิร์ดลักพาตัวชั้นมานะมันเป็นเเค่การเข้าใจผิดนะ เขาไม่ได้ทำอะไรชั้นจริงๆนะ ”

    มิเลน่าพูดขึ้นเรื่องที่โดนลักพาตัวว่าเป็นการเข้าใจผิด เด็กสาวนักปรุงยาคิดว่าตนเองเป็นตนเหตุที่ทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องมาเจอกับเรื่องวุ่นวายเช่นนี้ มันจึงทำให้เธอคิดว่าตัวเธอต้องออกมารับผิดชอบที่ทำให้เขาต้องเกือบตายเมื่อวานก่อน

     

    “ ใช่เเล้ว  หมอนี้พึ่งหายดีเมื่อไม่นานมานี้เอง นายไม่ต้องมาบ้าต่อสู้ตอนนี้เลยนะ ”

    ซาข่าช่วยพูดเสริมให้กับมิเลน่า สำหรับเธอนั้นดูเหมือนว่าจะได้รับงานให้คุ้มกันเอ็ดเวิร์ดอย่างลับๆ ซึ่งในอดีตเธอยังหาข้ออ้างได้ว่าเอ็ดเวิร์ดมันเลวทรามต่ำช้า ทำให้เธอไม่ได้ทำหน้าที่นี้ เเต่ในตอนนี้เธอจะใช้ข้ออ้างนั้นปัดความรับผิดชอบนี้ไปไม่ได้ เพราะงั้นถ้าฟอร์นจะประลองกับเอ็ดเวิร์ด เขาคงจะต้องผ่านเธอไปให้ได้ก่อน

     

    “ อ้าวงั้นเหรอ ช่างมันสิ ยังไงชั้นก็จะดวลกับหมอนี้ให้ได้ เพราะชั้นอยากจะรู้ว่าคนที่เล่นงานสตีเวนได้เเข็งเเกร่งเเค่ไหน ”

    ฟอร์นพูดขึ้นไม่ได้สนใจเหตุผล สำหรับผู้กล้าเพลิงนั้นเขาเเค่สนใจว่าเอ็ดเวิร์ดนั้น คือคนที่เกือบทำให้สตีเวนคู่เเข่งตลอดกาลของเขาบาดเจ็บได้ ซึ่งตัวของฟอร์นอยากรู้ว่าเอ็ดเวิร์ดนั้นซ่อนความเเข็งเเกร่งไว้มากเเค่ไหนก็เท่านั้น

     

    “ นาย!! ก็ได้ถ้างั้นนายจะสู้กับเขามาเจอ… ”

    ซาช่าที่หมดความอดทนกับฟอร์นเต็มทีเเล้ว ผู้กล้าสาวอาสารับหน้าที่ประลองให้กับเอ็ดเวิร์ดเอง ซึ่งถ้าตัวเธอไม่ออกหน้าเกรงว่าเอ็ดเวิร์ดได้ตายคาสนามเเน่ๆ เพราะในครั้งนี้เป็นการประลองอย่างเป็นทางการตัวเธอไม่สามารถออกหน้าช่วยเหลือเอ็ดเวิร์ดได้เหมือนกับตอนปะทะกับสตีเวน

     

    “ ซาช่าไม่ต้องชั้นจัดการเอง ชั้นขอรับการท้าประลองจากนาย สู้กันให้รู้ผลเรื่องจะได้จบกันๆไป นายโอเคกับเรื่องนี้ใช่ไหม ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นให้ซาช่าหยุด เขาคิดว่าตัวเขาจะหลบอยู่หลังผู้หญิงไม่ได้อีกต่อไปเเล้ว ตัวเขาจำเป็นต้องก้าวออกมาเเก้ปัญหานี้ด้วยตัวเอง หากตัวเขาพึ่งพาซาช่า เเละคนรอบข้างต่อไป เกรงว่าตัวเขาคงจะยืนด้วยลำเเข้งตัวเองไม่ได้ เพราะงั้นเขาจึงตัดสินใจว่าจะประลองกับฟอร์นให้เรื่องมันจบๆสักที

     

    “ นายอย่าคิดอะไรโง่ๆนะ ฟอร์นกับสตีเวนนะคนละเรื่องเลยนะ เวทย์ของเขานะร้ายกาจมากเลยนะ ”

    มิเลน่าเข้ามาเตือนเอ็ดเวิร์ด เด็กสาวนักปรุงยารู้ว่าช่วงนี้เอ็ดเวิร์ดกลับตัวกลับใจ เเละไม่อยากจะมีเรื่องกับใคร ตัวเธอก็พยายามพูดช่วยในเรื่องนี้เพราะปัญหามันก็มาจากเธอ กับความเข้าใจผิดของเพื่อนๆของเธอนั้นเอง

     

    “ ใช่เอ็ดเวิร์ดมันไม่ใช่ความคิดที่ดีเลยนะ เอ็ดเวิร์ดให้ชั้นจัดการเถอะน่า ”

    ซาช่าพูดขึ้นโน้มน้าวเอ็ดเวิร์ดให้ล้มเลิกความคิดเรื่องนี้ เเละให้เธอเป็นคนจัดการเอง เเต่ว่าเอ็ดเวิร์ดไม่สามารถให้ผู้กล้าสาวเป็นคนออกหน้าเเทนได้ มันจะส่งผลต่อรากฐานอำนาจ เเละชื่อเสียงของเขาในอนาคต ซึ่งในครั้งนี้เอ็ดเวิร์ดจะต้องสู้กับฟอร์นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

     

    “ ไม่เป็นไรหรอกน่า ชั้นเอาอยู่ เเล้วนายละจะว่ายังไง ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นอย่างสงบๆ ในตอนนี้เขาคิดเเผนสำหรับการจัดการกับฟอร์นไว้เเล้วเขาค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเขาน่าจะพอสู้กับฟอร์นได้ เเต่ตัวเขาก็ไม่เเน่ใจเหมือนกันว่าจะชนะได้หรือเปล่า อันนี้ต้องลองสู้ดูถึงจะรู้

     

    “ ดีถ้างั้นเย็นนี้เจอกัน หวังว่านี้จะไม่ใช่ความกล้าครั้งสุดท้ายของนายก็เเล้วกัน ฮาๆๆ ”

    ฟอร์นพูดขึ้นด้วยความพึ่งพอใจก่อนที่เขาจะหัวเราะ เเละเดินจากไป ซึ่งตัวของฟอร์นนั้นไปเตรียมตัวสำหรับการประลองในตอนเย็น ซึ่งหลังจากที่ฟอร์นจากไป ดูเหมือนว่าสองสาวจะไม่พอใจมากๆ ที่เอ็ดเวิร์ดไปรับปากประลองกับผู้กล้าเพลิง 

     

    “ นายจะเป็นจะตายยังไงชั้นไม่รู้ด้วยนะ อุตส่าห์เตือนเเล้วเเท้ๆเชี่ยว ”

    มิเลน่าพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ ก่อนที่เธอจะไม่สนใจเอ็ดเวิร์ด เเละยกเอกสารที่เอ็ดเวิร์ดยืนให้เเล้วเดินจากไปในทันที เด็กสาวนักปรุงยารู้สึกงอนที่เอ็ดเวิร์ดปฎิเสธความหวังดี เเต่ถึงเเบบนั้นตัวเธอก็คิดว่าจะไปเตรียมกล่องพยาบาล เเละยาให้พร้อมเผื่อมีใครคนหนึ่งบาดเจ็บสาหัสเธอจะได้รักษาพวกเขาได้ทัน

     

    “ ให้ตายสิ ถึงนิสัยนายจะเปลี่ยนไป เเต่ไอ้เรื่องไม่ยอมใครเนี้ยยังเหมือนเดิมเลยนะ ”

    ซาช่าพูดขึ้นอย่างเหนื่อยใจ เรื่องนิสัยการไม่ยอมใครเนี้ยเธอคิดว่ามันคงจะเปลี่ยนไม่ได้ง่ายจริงๆ ซึ่งผู้กล้าสาวนั้นไม่รู้เลยว่าทศในร่างเอ็ดเวิร์ดนั้นหากไม่มั่นใจจริงๆว่าจะไม่มีโอกาศชนะ หรือก็คือถ้าโอกาศชนะยังไม่ใช่ศูนย์ เขาจะไม่ถอดใจเด็ดขาด ซึ่งเปอร์เซนต์ที่เอ็ดเวิร์ดคิดไว้หากต้องปะทะกับฟอร์นในตอนนี้คือ 50 ต่อ 50 เพราะงั้นก็ต้องมาลุ้นกันอีกทีว่าเอ็ดเวิร์ดจะต่อสู้กับฟอร์นได้ยังไง

     

    หลังจากนั้น ห้องผู้อำนวยการ

    หลังจากที่พูดคุยกับฟอร์นเเละได้นัดหมายการประลองกันไว้ในตอนเย็น เอ็ดเวิร์ดกับซาช่าเดินเข้ามาที่ห้องผู้อำนวยการพวกเขาก็ได้พบกับ ผ.อ.ของโรงเรียนฟอร์จูน่า มหาจักรพรรดิ์เวทย์เเห่งทวีปไกอา เอรีน่า ฟอร์จูน เเละที่อยู่ข้างๆคือลูกสาวของเธอลิเลีย ฟอร์จูน ส่วนอีกคนก็คือองค์ชายที่ช่วยเขาไว้เมื่อวานจากการใช้กำลังบังคับอย่างไร้เหตุผลของสตีเวน เขาคือองค์ชายลำดับที่ 1 องค์ชายอลัน เอ ไลท์เทอร์นั้นเอง

     

    “ องค์ชายอลันทำไมถึง… ”

    ซาช่าพูดขึ้นอย่างตกใจเมื่อเห็นองค์ชายอลันได้มารออยู่ในห้องด้วย ผู้กล้าสาวไม่คิดว่าองค์รัชทายาทผู้ลึกลับจะสนใจในตัวของเอ็ดเวิร์ด มันเกิดอะไรขึ้นกันเเน่ เธอไม่อาจเข้าใจความคิดขององค์รัชทายาทได้ ชายคนนี้ร้ายกาจ เเละลึกลับเกิดกว่าที่เธอจะเข้าใจ

     

    “ พอดีขั้นเกิดสนใจเรื่องวิชาประหลาดของเอ็ดเวิร์ดคุงขึ้นมานะ ”

    องค์ชายอลันพูดขึ้นด้วยสีหน้าสบายๆ การปรากฏตัวของเขานั้นมันก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดคิดว่าองค์รัชทายาทผู้นี้ไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะชายคนนี้เเอบดูเหตุการณ์ทะเลาะระหว่างเอ็ดเวิร์ด เเละสตีเวน โดยที่เขาออกมาได้จังหวะที่เหมาะพอดี ทำให้เอ็ดเวิร์ดเหมือนกับเป็นหนี้ขององค์ชายอลันจากเหตุการณ์นั้น 

     ซึ่งมันมีผลต่อการสืบทอดอำนาจของเขาในอนาคต เพราะถึงเอ็ดเวิร์ดจะเป็นบุตรชายดยุคไม่เอาอ้าว เเต่ถึงเเบบนั้นเขาก็เป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของตระกูลดยุควิลฟอร์ด เพราะงั้นไม่ว่ายังไงตัวเขาจะต้องจะต้องเป็นประโยชน์ต่อองค์ชายอลันในศึกชิงบรรลังก์ในอนาคตอย่างเเน่นอน นั้นน่าจะเป็นจุดประสงค์หลักขององค์ชายอลัน ที่ได้ช่วยเขาเอาไว้ก็เพราะเหตุนี้นั้นเอง

     

    ( อืมที่เเท้ที่ช่วยเราไว้ก็สนใจในเรื่องวิชาปราณนี้เอง เเต่ว่าเราไม่ควรจะเปิดเผยเรื่องนี้ไม่งั้นมันจะนำพาความวุ่นวายมากให้กับเราเเน่ๆ )

    เอ็ดเวิร์ดคิดในใจ เขาคิดว่าคนพวกนี้ไม่ว่าจะเป็นผ.อ. หรือองค์ชายอลันน่าจะสนใจวิชาที่เขาใช้ทำให้สตีเวนบาดเจ็บได้ ในตอนนั้นหากมิเลน่าไม่ไปรักษาสตีเวนละก็ เกรงว่าตัวของเขาคงจะไม่ต้องไปนอนอยู่บ้านรักษาตัว 1 วันเเบบนั้นหรอก ซึ่งเรื่องนี้จะโทษมิเลน่าก็ไม่ได้ เเต่ควรจะโทษสตีเวนมากกว่าที่โกรธจนเลือดขึ้นหน้าถึงกับงัดศาตราผู้กล้าออกมาฟันเขาทีเผลอเเบบนั้น เพราะตามหลักของพระเอกจริงๆ เขาควรจะยอมรับความพ่ายเเพ้ได้เเล้ว(รึเปล่าหว่า?)

     

    “ ว่าเเต่ที่เรียกผมมามีเรื่องอะไรเหรอครับ ”

    เอ็ดเวิร์ดเลือกที่จะละความสนใจจากองค์ชายมาหา ผ.อ.เอริน่า ฟอร์จูน มหาจักรพรรดิเวทย์เเห่งยุค เธอเป็นสาวสวยผมสีครีมเเบบเดียวกับลูกสาวของเธอที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าอันทรงเสน่ย์ของสาวอายุ 20 กว่าๆ เสน่ห์ของเธอที่เด่นชัดนั้นก็คือเธอเป็นสาวเเว่นเพียงคนเดียวในเกมเเห่งนี้ ทำให้เธอดูโดดเด่นสดุดตามากๆ เเม้ว่าเธอจะไม่ใช่ตัวละครที่จีบได้ก็ตาม ซึ่งถ้าไม่ได้อ่านประวัติมาดีๆ ตัวเธอนั้นมีอายุมากกว่าครึ่งศตววรษเเล้ว เเม้รูปร่างภายนอกของเธอดูเหมือนพี่สาวของลิเลียมากกว่าเป็นเเม่ซะอีก

     

    “ ไม่ต้องซีเรียสเเบบนั้นหรอก ทำตัวตามสบายเถอะเอ็ดเวิร์ดคุง ให้ลิเลียลูกสาวชั้นอธิบายเถอะนะ ”

    เสียงสบายๆของเอริน่าทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้สึกผ่อนคลายอย่างประหลาด ก่อนเธอจะโยนงานให้ลูกสาวสุดที่รักของเธอซึ่งมีความซีเรียสมากกว่าเป็นคนอธิบาย มหาจักรพรรดิเวทย์เเห่งยุคนั้นเป็นคนสบายๆต่างลูกสาวของเธอทำให้คนที่เคยพบปะกับเธอรู้สึกประหลาดที่เธอเป็นคนเป็นกันเอง เเละเข้าถึงง่ายเเบบนี้

     

    ( ผ.อ.ของโรงเรียน ฟอร์จูน่า เอรีน่า ฟอร์จูน นี้นะเหรอมหาจักรพรรดิเวทย์นะ ดูสาวชะมัด อาจะเพราะพลังเวทย์ของเธอก็ได้ที่ทำให้เธอดูสาวขนาดนี้ ทั้งที่อายุของเธอก็ครึ่งร้อยเเล้ว )

    เอ็ดเวิร์ดคิดในใจเมื่อดูจากรูปร่างภายนอกเอรีน่า ฟอร์จูนนั้นรูปร่างภายนอกดูเป็นสาวสวยอายุ 20 ต้นๆเท่านั้น ซึ่งในโลกเก่าของเขา เอรีน่าก็ถือว่าเป็นที่นิยมเหมือนกัน ถึงขนาดที่มีคนส่งจดหมายของให้ปรับเเก้ให้สามารถจีบเธอได้ เเต่ทางบริษัทก็คงเงียบ เนื่องจากความมันไม่สมเหตุสมผลพวกเขาจึงไม่ปรับเเก้ไขในเรื่องนี้ ซึ่งในภายหลังก็มีม็อดให้จีบเธอได้ ซึ่งถึงจะไม่เป็นทางการก็ตาม เเต่ก็เเสดงให้เห็นถึงความนิยมของสาวเเว่นอายุมากกว่าครึ่งศตวรรษคนนี้

     

    “ จุดประสงค์ที่เรียกนายในวันนี้เพราะเเม่ของชั้นต้องการจะเห็นวิชาที่นายใช้สู้กับสตีเวนนะ ”

    ลิเลียบอกจุดประสงค์ ที่ผ.อ.เรียกพบเขาในทันที ดูเหมือนว่าทางนั้นก็ไม่อยากเสียเวลากับเขาเหมือนกัน เพราะงั้นเธอจึงเลือกที่จะบอกความต้องการออกมาตรงๆ ซึ่งก็เป็นไปตามที่เอ็ดเวิร์ดคิดไว้ เรื่องของพลังลึกลับที่ใช้เล่นงานสตีเวนรู้ถึงหูผ.อ.เเล้วนั้นเอง

     

    “ เออ ผมไม่รู้หรอกนะว่ามันหมายความว่ายังไง ”

    เอ็ดเวิร์ดเเกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ตัวเขาต้องการให้เรื่องนี้มันเงียบไปซะ ถึงเเม้ว่าตัวเขาจะรู้ว่าความลับเรื่องพลังปราณมันจะต้องเเตกเข้าสักวันหนึ่ง เเต่เขาก็อยากที่จะฝึกฝนให้ตัวเองเเข็งเเกร่งมากกว่านี้ซะก่อน หรือไม่ก็มีหลักประกันความปลอดภัยตัวเขาก็ไม่อยากให้ความลับเรื่องนี้มันหลุดรอดไปถึงหูพวกบุคคลอันตราย เพราะงั้นเขาจึงเเกล้งตีมึนทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไร

     

    “ ก็วิชาที่นายใช้เล่นงานสตีเวนไง เวทย์วารีเเบบไร้ร่ายที่ระเบิดพลังธรรชาติออกมาจากร่างกายในการเล่นงานศัตรูนะ อย่าคิดว่าพวกเราโง่นะที่จะปิดบังเรื่องนี้ได้ ”

    ลิเลียพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ตัวเธอเป็นถึงอัจฉริยะที่เรียนจบได้ตั้งเเต่อายุน้อยๆ ในตอนนี้เธอจึงเป็นรองผู้ช่วยการวิจัยของเเม่ของเธอ เพราะงั้นคำโกหกโง่ของเอ็ดเวิร์ดมันไม่สามารถโกหกเธอได้หรอก

     

    “ ว้าวเวทย์วารีเเบบไร้ร่ายเหรอน่าสนใจจริงนะลิเลีย ”

    ผ.อ.เอรีน่าดูจะสนใจเป็นพิเศษ มหาจักรพรรดิเวทย์สาวคิดว่ามันเป็นบทเวทย์ไร้ร่ายที่เป็นศาสตย์ลึกลับจากทวีปอื่นอย่างเเน่นอน เเม้ว่าเธอจะเคยเดินทางรอบโลกเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับความลับของเวทย์มนต์ เเต่เธอเองก็ไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับศาสตย์ลับที่เอ็ดเวิร์ดใช้ต่อสู้กับสตีเวน ดูเหมือนว่าคนรักเก่าของเธอจะหาของดีๆมาให้ลูกของเขาได้ ทำให้เอ็ดเวิร์ดที่ไม่ต่างกับคนไร้ค่านั้น เปิดเผยเขี้ยวเล็บของตัวเองออกมา

     

    “ เเม่ค่ะ เวลาเจอของน่าสนใจอย่าทำตัวเป็นเด็กๆเเบบนี้สิค่ะ ”

    ลิเลียกุมขมับให้กับนิสัยทำตัวเเอ๊บเด็กของเเม่เธอจริงๆ ทั้งๆที่เป็นคุณป้าอายุครึ่งศตวรรษเเท้ๆ เอาจริงๆเเม้ว่าไม่รู้ว่าพ่อของเธอเป็นใคร เเต่ที่เเน่ๆพ่อของเธอคงจะอายุน้อยกว่าเเม่ของเธออย่างเเน่นอน 

     

    “ อืมมม ผมคงจะบอกอะไรเกี่ยวกับมันไม่ได้ เเต่ผมได้เรียนรู้มันมาโดยบังเอิญ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายเกี่ยวกับมันยังไงดี ”

    เอ็ดเวิร์ดพยายามปิดบังเรื่องนี้สุดชีวิต ตัวเขาจึงบอกเเค่ว่าเขาเรียนรู้มันได้โดยบังเอิญ เเละไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไงเกี่ยวกับมัน เพราะเขาบังไม่เชี่ยวชาญในศาสตย์นี้อย่างถ่องเเท้ เพราะงั้นเขาจึงบอกอะไรเกี่ยวกับวิชาปราณของเขาได้ ซึ่งมันก็เเค่การเเกล้งตีมึนเล่าความเท็จออกมาเท่านั้น 

     

    “ บอกเท่าที่สามารถบอกได้ก็ได้จ่ะ ชั้นก็เเค่สนใจ เเละอยากจะมาศึกษาเทคนิคของเธอนะ อ๋อเเล้วไม่ต้องห่วงชั้นมีของตอบเเทนให้อย่างเเน่นอน ”

    เอรีน่าพูดขึ้นพร้อมกับสีหน้าที่ยิ้มเเย้ม ความสวยของเธอนั้นอาจทำให้ชายหลายคนยอมทำตามอย่างว่าง่ายเเต่หน้าเสียดายที่มันใช้กับทศในร่่างเอ็ดเวิร์ดไม่ได้ เพราะเขากำลังพุ่งสมาธิไปกับการรักษาความลับในเรื่องพลังปราณเเบบสุดชีวิต เพราะงั้นเขาไม่มีเวลามาหลงคารมณ์ของสาวเเว่นอายุครึ่งร้อยตรงหน้าหรอก

     

    “ เออ ผมไม่ใช่ผู้ใช้พลังเวทย์นะ คงจะเรียนเวทย์จากคุณไม่ได้หรอก เเละอีกเรื่องผมก็รวยอยู่เเล้ว เรื่องเงินเนี้ยไม่เป็นปัญหากับผมเลย”

    เอ็ดเวิร์ดพูดออกไปตามตรง ตามจริงเเล้วเขาก็อยากจะได้อะไรตอบเเทนจากผ.อ.เอรีน่าอยู่หรอก เเต่ว่าเขาคิดว่าตัวเขายังต้องการอะไรอีกละ พลังเขาก็มีเเล้ว เงินเขาก็ไม่ได้ขาดเเคลน บุตรชายดยุคจึงคิดว่ามันไม่มีอะไรในโลกที่เขาต้องการเลย เพราะงั้นผ.อ.เอรีน่าไม่มีอะไรมาเเลกเปลี่ยนกับเขา เพื่อที่จะง้างเอาความลับเกี่ยวกับพลังปราณออกมาจากปากของเขาได้

     

    “ อะจริงสิ ลืมไปว่าหมอนี้ไม่มีเเกนเวทย์นิ เเล้วนายใช้พลังได้ยังไงกันละ โอ๊ยปวดหัวไปหมดเเล้วเนี้ย ”

    ลิเลียพูดขึ้นเหมือนนึกอะไรออก ก่อนที่เธอจะรู้สึกปวดหัว หากเอ็ดเวิร์ดเป็นสามัญชนเงินอาจจะเเก้ปัญหาได้ เเต่เอ็ดเวิร์ดกลับเป็นชนชั้นสูง เเถมยังเป็น 1 ในตระกูลที่ร่ำรวยที่สุดอีกด้วย เพราะงั้นมันจึงไม่มีอะไรมาเเลกเปลี่ยนเพื่อให้เอ็ดเวิร์ดเปิดเผยความลับนี้ออกมาได้

     

    “ ผมก็บอกไปเเล้วไงว่าไม่รู้นะ ผมบังเอิญฝึกวิชานี้ได้ เเละก็บังเอิญเล่นงานสตีเวนได้ด้วย ถ้าผมรู้หรือมีอาจารย์ค่อยช่วย ผมก็คงไม่มาปวดหัวเเบบนี้หรอกนะ ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดเน้นย้ำเรื่องความบกพร่องของร่างกายของตัวเองที่ไม่สามารถฝึกเวทย์มนต์ได้ รวมไปถึงศาสตย์ลึกลับที่เขาฝึกฝน เขาก็อ้างว่าตัวเขาไม่มีอาจารย์ หรือผู้เชี่ยวชาญคอยเเนะนำ เพราะงั้นเขาจึงไม่สามารถที่จะอธิบายเกี่ยวกับพลังปราณออกไปได้ ซึ่งมันเป็นเเค่การหาข้ออ้างของเอ็ดเวิร์ด เพื่อที่ความลับเรื่องพลังของเขาจะได้ไม่ถูกเปิดเผยนั้นเอง

     

    “ อืมม ที่เขาพูดมานะไม่ผิดหรอกนะ เนตรสวรรค์ของเเม่ยังไม่สามารถเห็นพลังจากชีพจรพลังเวทย์ของเขาเลย น่าเเปลกจริงๆ เขาเหมือนกับคนพิการที่ไม่มีเเก่นเวทย์เลย เเน่ใจเหรอว่าเขาใช้เวทย์ออกมาได้นะลิเลีย ”

    จักรพรรดิเวทย์เเห่งยุคพูดขึ้นพลางใช้เนตรสวรรค์ซึ่งเป็นเนตรมนตราขั้นสุดยอดทำการตรวจสอบร่างของเอ็ดเวิร์ดอย่างละเอียด มหาจักรพรรดิเวทย์สาวพบว่าเอ็ดเวิร์ดไม่ได้มีเเก่งพลังอะไรในร่างเลย เหตุมาจากพลังปราณของเอ็ดเวิร์ดอยู่ในตันเถียนของเขา ทำให้เเม้ว่าจะใช้เนตรสวรรค์ก็ไม่สามารถตรวจจับได้ หากเขาไม่โคจร เเละเรียกพลังปราณออกมาใช้งาน เเม้เเต่เอรีน่าก็ไม่รู้ว่าพลังปราณนั้นมันมีหลักการทำงานยังไง

     

    “ เเน่ใจสิค่ะ เพราะหนูเห็นตอนต่อสู้กับสตีเวนน่ะ มีพลังงานไหลออกมาจากท้องน้อยของเขา เเต่ทำไมตอนนี้ถึงไม่เห็นละ นายกำลังปกปิดอะไรอยู่รึเปล่า ”

    ลิเลียยืนยันเรื่องที่เอ็ดเวิร์ดมีพลังจริงๆ เพราะว่านักวิจัยเวทย์มนต์สาวสังเกตุถึงพลังธรรมชาติที่ไหลออกมาจากร่างของเอ็ดเวิร์ดในตอนที่สู้กับสตีเวน มันทำให้เธอเเน่ใจซึ่งมันก็เเน่นอนว่าพลังของเอ็ดเวิร์ดนั้นเป็นสิ่งที่ไม่มีมาก่อนในโลกนี้ เพราะการฝึกฝนเวทย์ที่เเพร่หลายทำให้ไม่มีใครคิดมันขึ้นมา เเต่ดูเหมือนว่าบุตรชายดยุคกำลังปกปิดพลังนี้ มันจึงทำให้ลิเลียรู้สึกหัวเสียมาก 

    ซึ่งถ้าเอ็ดเวิร์ดไม่ได้ระบบสุ่มโชคชะตามา เขาคงต้องสู้ในฐานะคนธรรมดา เเละคงต้องรอสุ่มให้ได้ชุดเกราะ หรือ อุปกรณ์ไฮเทคในการต่อสู้เเล้วละมั้ง ซึ่งโชคดีที่เขาสุ่มได้พลังปราณทำให้เขาไม่มีปัญหาเรื่องพลัง เเต่เขาก็ยังมีปัญหาเรื่องเส้นทางในการฝึกฝนวิชาอย่างถูกต้อง เพราะไม่มีอาจารย์ค่อยปรึกษานั้นเอง เเละขอความช่วยเลือกจากใครก็ไม่ได้ เพราะถ้าความลับเรื่องนี้หลุดรอดไป มันก็จะมีเหตุการณ์พบปะกับชนชั้นสูงเเบบที่เกิดขึ้นในตอนนี้อีก

     

    “ พอจะบอกรายละเอียดได้ไหมว่าเธอได้วิชานี้มาจากไหน ”

    เอรีน่าถามเอ็ดเวิร์ดเรื่องที่มาของวิชาลึกลับนี้อย่างสงสัย มหาจักรพรรดิเวทย์สาวมองดูเอ็ดเวิร์ดเเเล้วด้วยสายตาของคนที่อยู่มาเกินครึ่งร้อยปี เธอมั่นใจว่าเอ็ดเวิร์ดกำลังปกปิดอะไรเธออยู่

     

    “ ได้มาจากพ่อค้าจากตะวันออกไกลครับ ซึ่งผมก็ไม่รู้ว่ามันมาจากไหน เเต่มันซ่อนอยู่กับไหโบราณที่พ่อของผมซื้อมาครับ เป็นตำราเก่าๆซึ่งจะขาดเเร่มิขาดเเร่ ผมก็ฝึกตามมีตามเกิด ซึ่งในตอนนี้มันก็คงจะฝึกไปมากกว่านี้ไม่ได้เเล้วเพราะตำรานั้นก็ขาดไปเเล้ว ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดโกหกไป พร้อมกับเก็บสีหน้าตื่นเต้นเอาไว้ มีเหงื่อไหลออกมาจากหน้าของเขาเล็กน้อย เเต่มันก็ไม่ได้หนักอะไรมาก มันก็เเค่ทำให้ดูเหมือนกับว่าตัวเขาต้องรับเเรงกดดันจากการต้องมาพูดให้คนบุคคลระดับสูงได้เข้าใจ ซึ่งบุตรชายดยุคก็พยายามตั้งสติ เเละพูดออกมาให้ดีที่สุด เพื่อไม่ให้มหาจักรพรรดิเวทย์สาว เเละลูกสาวของเธอสงสัย

     

    “ อ้ากก นายต้องโกหกเเน่ๆ บอกมา บอกความลับเรื่องนี้มาเดียวนี้นะ ”

    ลิเลียสติเเตก เเละพูดกล่าวหาเอ็ดเวิร์ดก่อนที่จะเข้าไปจับไหลของเอ็ดเวิร์ด เเละเขย่าไปมา ด้วยความเป็นนักวิจัยเวทย์ของเธอ มันทำให้เธออยากรู้ว่าเทคนิคที่เอ็ดเวิร์ดใช้มันคืออะไรกันเเน่ ซึ่งเอรีน่าก็ได้เข้ามาจับลูกสาวของเธอไว้ ให้ใจเย็นๆ เพราะลูกสาวของเธออาจจะเผลอไปทำร้้ายเอ็ดเวิร์ดได้

     

    “ ใจเย็นสิลูกรัก เธอนะฉลาดนะ ซุกซ่อนพลังนั้นมาตั้งนาน คิดว่าคงฝึกวิชานี้เเบบลับๆอยู่สินะ ”

    เอรีน่าได้พูดให้ลูกสาวของเธอใจเย็นลง เพราะว่าลูกสาวของเธอนั้นเธอตามใจมากเกินไป ทำให้เป็นคนเอาเเต่ใจ เเละ เจ้าอารมณ์เเบบนี้ซึ่งมันเกิดจากความรักที่มากเกินไปของมหาจักรพรรดิเวทย์สาวนั้นเอง ซึ่งตัวของมหาจักรพรรดิเวทย์สาวก็ได้บอกเรื่องความลับที่เอ็ดเวิร์ดไม่สามารปกปิดไว้ออกมา ซึ่งมันก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้สึกตกใจ เเต่เขาก็ยังรักษาความเยือกเย็นไว้ได้

     

    “ เออ ทำไมผ.อ.ถึงคิดเเบบนั้นละครับ ”

    เอ็ดเวิร์ดถามอย่างสงสัย บุตรชายดยุคไม่เข้าใจว่าเธอรู้ได้ยังไงว่าเขาฝึกหนัก เพราะตัวเขาไม่ได้เเสดงพิรุจหรืออะไรให้ผ.อ.เอรน่ารู้เลยนะ ซึ่งตัวของมหาจักรพรรดิเวทย์สาวก็ยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ดูเหมือนว่าเอ็ดเวิร์ดจะพลาดไปหนึ่งอย่าง เพราะเอรีน่าได้ใช้เนตรสวรรค์มองร่างของเอ็ดเวิร์ดเเล้วนั้นเอง

     

    “ เเหม่ๆ กล้ามเนื้อขนาดนั้นคงจะฝึกหนักน่าดูน่า ”

    เอรีน่าพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมา อย่างมีเล่ห์นัยซึ่งทำให้เอ็ดเวิร์ดถึงกับสะดุ้งเล็กน้อย ยัยป้านี้เเอบวัดวัดส่วนของเขาตอนที่ใช้เนตรสวรรค์นั้นเอง มันจึงทำให้เขารู้สึกว่าผิดท่า ที่ความลับเรื่องนี้ถูกเปิดเผยซะเเล้ว

     

    ( เวรเเล้ว ยัยป้านี้ เเอบดูร่างกายของเราตอนใช้เนตรสวรรค์งั้นเหรอ เเต่เรายังมีข้อเเก้ต่างในเรื่องนี้อยู่ )

    เอ็ดเวิร์ดตั้งสติ เเละคิดว่าเขาควรจะใจเย็นให้มากกว่านี้ ต่อหน้ามหาจักรพรรดิเวทย์สาวที่อายุมากกว่าครึ่งศตรรษเมื่อเทียบอายุของเขากับโลกก่อนก็ยังเทียบอีกฝ่ายไม่ได้ บุตรชายดยุคจึงคิดว่าควรจะตั้งสติให้ดีกว่านี้ไม่งั้นเขาเสร็จอีกฝ่ายเเน่

     

    “ เเล้วเธออยากได้อะไรละ ถึงจะยอมเปิดเผยความลับนี้  ”

    เอรีน่าพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มโปรยเสน่ห์ออกมา ดูเหมือนว่ายัยป้านี้กำลังว่าเเผนจะทำอะไรกับเขาอยู่นั้นเอง มหาจักรพรรดิเวทย์สาวจึงได้ยืนข้อเสนอให้ขออะไรก็ได้เเบบนี้ออกมา ถ้าเป็นพวกบ้ากามไร้สมองอาจจะขอคบกับลูกสาวของเธอ หรือไม่ก็ขอคบกับเธอดูเเล้ว เเต่ว่านี้คือความเป็นจริงไม่ใช่อนิเมะฮาเร็ม เพราะงั้นเขาจึงเลือกตัวเลือกที่ฉลาดที่สุด

     

    “ อืม ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะผมก็ไม่รู้ว่าตัวผมอยากจะได้อะไรนะครับ ผ.อ. ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นออกมาอย่างไม่มั่นใจ ตัวเขายังคงตีมึนทำเป็นว่าไม่รู้ว่าจะขออะไรกับผ.อ.ดี เพื่อรักษาความลับของพลังปราณเอาไว้ ไม่ว่ายังไงเรื่องนี้อาจจะรู้ถึงหูคนอื่น เเต่ต้องอย่าลืมว่าเขามีห้องกาลเวลา กับระบบเเสวงโชคชะตา ขอเเค่ให้เวลาเขาละก็ ตัวเขาสามารถกลายเป็น 1 ในใต้หล้าได้ เเต่เพียงเเต่ว่าบุตรชายดยุคเองก็ต้องการเวลามากกว่านี้หน่อย เพราะเวลาเเค่ 1 ปีมันไม่เพียงพอที่เขาจะเอาตัวรอดกับความโหดร้ายของโลกใบนี้

     

    “ มันไม่บอกรายละเอียดเกี่ยวกับวิชานั้น ชั้นก็ไม่รู้หรอกนะว่ามีของอะไรที่มีประโยชน์กับเธอนะ ”

    เอรีน่าพูดออกมาอย่างเสียใจ ถ้าเขาไม่เปิดเผยมันออกมา เธอคงจะคำนวน เเละหาของที่เหมาะสมให้กับเอ็ดเวิร์ดได้ยังไง ท่าทีของเธอทำให้เอ็ดเวิร์ดถอนหายใจเป็นคุณป้าอายุเกินครึ่งศตวรรษเเท้ๆ เเต่มันทำให้จิตใจเขาหวั่นไหวซะได้ เกลียดความหวั่นไหวในใจตัวเองจริงๆ

     

    “ ต้องขอโทษด้วยนะครับผ.อ. ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นขอโทษผ.อ. บุตรชายดยุคเเสร้งทำเป็นว่าไม่รู้ว่าจะขออะไรดี เเละจะอธิบายข้อมูลของพลังที่เขาได้รับมาก็ไม่ได้ เพราะเขาได้เเสดงละครว่าฝึกโดยบังเอิญ เพราะงั้นตัวเขาไม่สามารถอธิบายทฤษฎีของพลังปราณออกมาเป็นคำพูดได้ ซึ่งมันอาจจะเเก้ปัญหาในระยะยาวไม่ได้ เเต่ถ้าในระยะสั้นเขาสามารถซื้อเวลาได้สักระยะหนึ่ง

     

    “ ไม่เป็นไรจ่ะ ถ้าเปลี่ยนใจก็มาหาชั้นได้นะจ่ะ หรือถ้าเกิดสนใจลูกสาวชั้นละก็ ชั้นก็พร้อมจะเเลกกับข้อมูลวิชาของเธอนะ ”

    เอรีน่าพูดขึ้นอย่างเสียดาย เอาจริงๆไม่ใช่ว่าเธอมองไม่ออกว่าเอ็ดเวิร์ดโกหก เเต่เธอก็ไม่สามารถใช้กำลังง้างปากจากลูกชายของคนรักเก่าของเธอได้ เพราะงั้นมหาจักรพรรดิเวทย์สาวจึงรอจนกว่าเขาจะพร้อมที่จะบอกข้อมูลเรื่องวิชานี้ เพื่อเเลกเปลี่ยนกับการช่วยเหลือของเธอ 

    ตัวของเอรีน่าคิดว่าเอ็ดเวิร์ดจต้องการความช่วยเหลือจากเธอเเน่ๆในอนาคต ซึ่งก่อนจากกันเธอก็เลือกที่จะเล่นมุขประจำตัวของเธอเล็กน้อย ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ลูกสาวของเธอไม่ปลื้มเเม้เเต่น้อย

     

    “ คุณเเม่ค่ะ อย่าขายหนูเพื่อให้ได้ข้อมูลของวิชาสิค่ะ ”

    ลิเลียหน้าเเดงก่อนที่จะพูดต่อว่าเเม่ของเธอที่คิดจะขายเธอเพื่อให้ได้ข้อมูลเรื่องของเทคนิคลึกลับที่เอ็ดเวิร์ดได้รับมานั้นเอง ซึ่งดูเหมือนว่าผ.อ.เอรีน่าก็จะมีความสุขที่ได้เเหย่ลูกสาวของเธอ

     

    “ ขอโทษด้วยจ่ะ เเต่มันก็อดไม่ได้นิน่า อีกอย่างมันก็ดีไม่ใช่เหรอ ที่ลูกสาวจะได้เป็นฝั่งเป็นฝา เเละก็ได้ข้อมูลด้วย ยิงปืนนัดเดียวในนกสองตัวยังไงละ ”

    ผ.อ.เอรีน่าพูดขึ้นติดตลก เพราะมันเหมือนกับการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว ซึ่งมหาจักรพรรดิเวทย์สาวมองว่าหากให้ลิเลียเเต่งกับเอ็ดเวิร์ดนั้นมันก็ไม่ได้เเย่อะไร เพราะเธอรู้ดีว่าฐานอำนาจของอดีตคนรักของเธอนั้นเเข็งเเกร่ง ตระกูลวิลฟอร์ดย่อมปกป้องลูกสาวของได้อย่างเเน่นอน เเละมันจะได้เป็นการศึกษาพลังของเอ็ดเวิร์ดไปในตัวด้วยว่าเขามีพลังอะไรกันเเน่ เเต่เธอก็ได้เเต่ยิงมุขออกมาเท่านั้น เพราะเรื่องของความรักอันนี้มันก็อยู่ที่เวลา เธอไม่อยากบังคับให้ลูกสาวของเธอเเต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้ชอบ

     

    “ งืม คุณเเม่ ”

    ลิเลียพูดขึ้นด้วยความเเง่งอน ดูเหมือนว่านักวิจัยเวทย์สาวจะรู้สึกไม่พอใจมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ ตามจริงเอ็ดเวิร์ดก็ดูหล่อมดีอยู่หรอก เเต่เธอไม่ชอบผู้ชายเยาะเเยะอ่อนเเอเช่นเอ็ดเวิร์ด ผู้ชายเเบบนี้จะปกป้องเธอ เเละเป็นเสาหลักของครอบครัวได้ยังไง เธอไม่เชื่อว่าเอ็ดเวิร์ดจะกลายเป็นดยุคที่ยิ่งใหญ่เหมือนกับดยุคบารันพ่อของเขาได้

     

    “ เฮ้ออ น่าเสียดายจังนะ นึกว่าจะได้อะไรเเล้วเเท้ๆ ”

    องค์ชายอลันถอนหายใจออกมา เขานึกว่าการมาของเขาในครั้งนี้จะทำให้เขาได้รู้เรื่องราวที่น่าสนใจอย่างเทคนิคการใช้พลังรูปเเบบใหม่ที่ทรงพลังระดับที่ทำให้ผู้กล้าเเห่งเเสงบาดเจ็บได้ ซึ่งน่าเสียดายจริงๆที่เอ็ดเวิร์ดไม่ยอมบอกความลับนี้ เเต่เขาก็มีไพ่ตายเหมือนกันที่จะทำให้เอ็ดเวิร์ดคายความลับนี้ออกมาได้ เเต่เขาจะต้องไม่รีบร้อนเกินไป ดั่งสุภาษิตที่ว่าช้าๆได้พล้าเล่มงาม เขาจึงรอจนกว่าเอ็ดเวิร์ดจะลับฝีมือของตัวเองให้เต็มที เขาจึงจะมาท้วงสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดติดค้างจากเขาไว้นั้นเอง

     

    “ องค์ชายหวังอะไรกันเเน่ค่ะ ถึงได้สนใจในตัวของเอ็ดเวิร์ด ”

    ซาช่าพูดขึ้นถามองค์ชายอลันด้วยความสงสัย ตัวเธอไม่คิดว่าเอ็ดเวิร์ดจะโชคดีได้เทคนิคลับอะไรนั้นมาหรอก เเม้ว่ามันจะเห็นได้ชัดเจนว่าเอ็ดเวิร์ดสามารถเล่นงานสตีเวนได้ เเต่นอกจากครั้งนั้นเเล้ว เธอก็ไม่เห็นเขาจะใช้มันออกมาอีกเลย เพราะงั้นเธอจึงสงสัยว่าทำไมทุกคนถึงสนใจในตัวเอ็ดเวิร์ดเอาป่านนี้ เพราะเทคนิคของเอ็ดเวิร์ดนั้นมันไม่มีความเเน่นอนอะไรเลยเมื่อเทียบกับเวทย์มนต์ที่พวกเขากำลังฝึกกันอยู่

     

    “ นั้นสินะข้าหวังอะไรอยู่กันนะ เเต่ช่างเถอะ ถ้าเจ้าสนใจที่จะร่วมงานกับข้าละก็ติดต่อข้าได้นะ เอ็ดเวิร์ดคุง ”

    องค์ชายอลันพูดขึ้นด้วยใบหน้าที่มีเลศนัย ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทมีเเผนอะไรบ้างอย่างในใจ ซึ่งองค์ชายอลันถึงกับช่วยเอ็ดเวิร์ดมารวมงานด้วยในอนาคต ซึ่งมันเเปลกมาก เพราะดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะให้ความสนใจกับเอ็ดเวิร์ดเหลือเกิน

     

    “ ครับองค์ชาย ถ้ามีโอกาศหวังว่าพวกเราจะได้ร่วมงานกัน ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดไปตามมารยาทก่อนที่จะจับมือกับองค์ชายในฐานะกัลยาณมิตรที่ดี ซึ่งเอ็ดเวิร์ดคิดว่ามันก็เป็นเรื่องดีเหมือนกันที่มีองค์รัชทายาติคุ้มกาลาหัว เขาจะได้มีเวลามากขึ้นเพื่อที่จะฝึกฝนให้ตัวเองเเข็งเเกร่งมากขึ้นกว่านี้

     

    ( ดูเหมือนองค์รัชทายาทจะสนใจเอ็ดเวิร์ด เพราะวิชาลึกลับที่เอ็ดเวิร์ดใช้เล่นงานสตีเวนงั้นเหรอ เห็นทีชั้นคงต้องปรึกษากับท่านลุงซะเเล้วเกี่ยวกับเรื่องวิชาลึกลับของเอ็ดเวิร์ด )

    ซาช่าคิดในใจเกี่ยวกับองค์ชายอลัน ผู้กล้าสาวคิดว่าองค์ชายอลันต้องการที่จะเอาตระกูลวิลฟอร์ดมาช่วยเสริมฐานอำนาจของเขาตอนขึ้นบรรลังก์ ซึ่งมันเป็นความคิดที่ฉลาด เพราะหากเป็นเธอตัวเธอก็จะทำเช่นนั้นเหมือนกัน ยิ่งเอ็ดเวิร์ดกลับตัวกลับใจเช่นนี้ มันเป็นโอกาศอันดีที่จะสร้างบุญคุณ เเละทำให้เอ็ดเวิร์ดยอมรับใช้ถวายหัวต่อองค์ชายอลัน 

    ซึ่งตัวของเอ็ดเวิร์ดก็ไม่ได้่โง่ที่จะไม่รู้เรื่องจุดประสงค์ขององค์ชายอลัน เพียงเเต่เขาคิดว่ามันเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดเท่านั้น ตัวเขาจึงยอมให้องค์ชายอลันนำไป 1 ก้าวเพื่อรับผลประโยชน์ร่วมกันนั้นเอง

     

    “ จริงสินายกำลังจะสู้กับฟอร์นคุงตอนเย็นใช้ไหม ถ้างั้นพวกเราขอไปด้วยได้ไหม ”

    องค์ชายอลันพูดขึ้นถึงเรื่องการประลองกับฟอร์นในตอนเย็น ดูเหมือนว่าเขาจะใช้เส้นสายบางอย่างทำให้เขารู้ถึงข่าวการประลองในครั้งนี้ ทั้งๆที่การท้าทายมันพึ่งจะเกิดขึ้นได้ไม่นาน เเละองค์ชายอลันก็ไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุเเท้ๆ องค์ชายอลันรู้เรื่องนี้ได้ยังไงกันนะ

     

    “ เอ๋ อะไรเหรอ อะไรเหรอ ”

    เอรีน่าพูดขึ้นด้วยความสนใจ ดูเหมือนว่าจะมีการประลองเกิดขึ้น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่เธอสนใจมาก มหาจักรพรรดิเวทย์สาวจะได้เห็นเอ็ดเวิร์ดประลองกับฟอร์น ซึ่งนั้นก็หมายความว่าเธอจะได้เห็นการใช้พลังงานลึกลับของเอ็ดเวิร์ดสักทีนั้นเอง

     

    “ เออ องค์ชายรู้เรื่องนี้ได้ยังไงนะ ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นด้วยความตกใจ เรื่องการประลองมันพึ่งจะเกิดขึ้นหลังจากที่พวกกเข้าเข้าห้องผ.อ.เเค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น มันทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้สึกระเเวง เพราะการที่องค์ชายรู้เรื่องนี้เเปลว่าในโรงเรียนมีสายขององค์ชายอลันอยู่เเทบจะทุกที่ เพราะในตอนที่เขาพูดคุยกับฟอร์นนั้นนอกจากพวกเขาเเล้ว เเทบไม่มีใครอยู่เเถวนั้นเลย ซึ่งมันก็ทำให้เอ็ดเวิร์ดสงสัยว่าองค์ชายอลันใช้วิธีไหนในการสอดส่องพวกเขา

     

    “ นั้นสิองค์ชายรู้ได้ยังไงนะ เรื่องมันเกิดขึ้นหลังจากที่เข้าในห้องเมื่อกี้นี้เองนะ ”

    ซาช่าถามองค์ชายอลันด้วยความสงสัย ผู้กล้าสาวเองก็ไม่รู้ตัวเหมือนกันว่ามีคนอื่นอยู่เเถวนั้น เเปลว่าสายลับขององค์ชายอลันจะต้องปกปิดตัวตนได้เเนบเนียนเเน่ๆ ขนาดเธอที่ผู้กล้ายังจับสัมผัสไม่ได้

     

    “ นั้นสิชั้นรู้ได้ยังไงกันนะ หึๆๆๆ ”

    องค์ชายอลันพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างมีเลศนัย สำหรับองค์รัชทายาทคนนี้นั้นมีความลับเยอะจริงๆ เเม้เเต่ราชาเเห่งเเสงก็ยังไม่รู้ว่าองค์ชายอลันนั้นมีสายของเขามากเเค่ไหน ซึ่งมันเหมืิอนกับว่าตัวเขานั้นมีวิธีการฝึกสายลับที่ดีกว่าสายลับของราชาเเห่งเเสง ทำให้เขาได้เปรียบเรื่องการหาข้อมูล เเละการปกปิดข้อมูล 

    สิ่งที่เขาอยากให้รู้ทุกคนรู้ทุกคนก็จะได้รู้ เเต่สิ่งที่องค์รัชทายาติไม่อยากจะให้ใครรู้ ไม่ว่าใครก็ไม่ทางเอาข้อมูลตรงนี้ไปจากเขาได้อย่างเด็ดขาด นั้นคือจุดเเข่งขององค์ชายอลัน รัชทายาทลำดับที่ 1  ผู้ที่มีความลับมากที่สุดในอาณาจักรไลท์เทอร์เเห่งนี้

     

    ( องค์ชายคนนี้มีความลับเยอะจริงๆนะ ให้ตายสิ )

    เอ็ดเวิร์ดคิดในใจเกี่ยวองค์รัชทายาท ชายคนนี้จะมีความลับเยอะไปไหน บุตรชายรู้สึกว่าตัวเองจะต้องระวังตัวมากกว่านี้ เพราะถ้าไม่ระวังเเม้จะอยู่ในเซฟโซนที่คฤหาสน์ของเขาตัวเขาก็อาจจะถูกสอดเเน่มได้ เพราะงั้นเขาคงจะต้องพึ่งพาเครือข่ายของตระกูลวิลฟอร์ดซะเเล้ว เพราะที่นั้นเเม้เเต่ราชาเเห่งเเสงก็ไม่กล้าที่จะส่งคนเข้ามาที่คฤหาสน์วิลฟอร์ด เพราะงั้นที่นั้นคือที่เดียวที่ปลอดภัยที่สุดในโลกสำหรับเอ็ดเวิร์ด

     

    “ ถ้างั้นพวกเราไปกันเถอะ ชั้นได้จะได้วิเคราะห์การต่อสู้เธออย่างละเอียดเลยจ่ะ ”

    เอรีน่าพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัย ซึ่งมันทำให้เอ็ดเวิร์ดถึงกับเหงื่อตก ต่อหน้าพลังของเนตรสวรรค์ของมหาจักรพรรดิเวทย์สาว เขาคงจะไม่สามารถปกปิดพลังปราณของเขาได้อีกต่อไป

     

    ( กัดไม่ปล่อยเรื่องพลังปราณเลยโวย ให้ตายสิปล่อยชั้นไปสักทีจะได้ไหม )

    เอ็ดเวิร์ดบ่นอกมาในใจ ดูเหมือนว่าความลับของเขานั้นคงจะต้องปลิ้วไปกับสายลมซะเเล้ว ตัวเขาคาดโทษองค์ชายอลัยในใจที่เป็นคนบอกใบ้เรื่องการประลองในวันนี้ ก่อนที่จะทั้ง 4 คนจะเดินไปยังสนามประลอง เพื่อดูการประลองระหว่างเอ็ดเวิร์ดกับฟอร์นนั้นเอง

     

    ลานประลองเวทย์มนต์ 

    หลังจากที่พูดคุยกับผ.อ.เอรีน่า เอ็ดเวิร์ดก็ออกมาจากห้องพร้อมกับองค์ชายอลัน ซาช่า โดยผ.อ.เอรีน่า กับลิเลียนั้นจะออกมาในภายหลังเพราะพวกเธอทั้งสองมีธุระ เเต่พวกเขาก็บอกว่าจะตามไปดูการประลองของเอ็ดเวิร์ดเเน่ๆ เเต่อาจจะช้าไปสักหน่อย 

     เอ็ดเวิร์ดก็ได้มาตามที่นัดกับผู้กล้าเพลิงฟอร์น ตามจริงเอ็ดเวิร์ดก็ไม่อยากจะสู้สักเท่าไร เเต่ว่าในตอนนี้เขาจำเป็นต้องสู้เเล้ว เพราะถ้าหนีเขาก็คงจะต้องหนีตลอดไป ซึ่งในตอนนี้เขาก็พร้อมเเล้วสำหรับการต่อสู้ เเม้ว่าจะไม่มั่นใจว่าจะชนะก็ตามที

     

    “ เอาละขอโทษทีนะที่ให้รอนะ ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นทักทายฟอร์นก่อนที่จะไปยืนประจันหน้ากับฟอร์นในสนาม โดยที่องค์ชายอลัน เเละซาข่าไปนั่งบนอัฒจันทร์คนดู ซึ่งซาช่าก็รู้สึกเป็นห่วงเอ็ดเวิร์ดพอสมควร เเต่ผู้กล้าสาวก็ช่วยอะไรเขาไม่ได้ทำได้เเต่ภาวนาว่าเอ็ดเวิร์ดจะชนะในการต่อสู้ในครั้งนี้

     

    “ กำลังรออยู่พอดี เอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ด ”

    ฟอร์นพูดขึ้นพร้อมกับเเสยะยิ้มออกมาอย่างยินดี ดูเหมือนว่าบุตรชายดยุคจะมีความกล้าพอที่จะประจันหน้ากับเขา ซึ่งอย่างน้อยเอ็ดเวิร์ดก็ไม่ทำให้เขาผิดหวัง ก่อนที่ผู้กล้าเพลิงที่นั่งอยู่บนสนามก็ลุกขึ้น ก่อนที่จะชูดาบที่ลุกไหม้ไปด้วยเปลวเพลิงขึ้นมา 

     ฟูมมมมมม ทั้งสนามปกคลุมไปด้วยความร้อนสูงจากพลังของดาบศักดิ์สิทธิ์ เกิดเปลวเพลิงล้อมรอบตัวของฟอร์นเอาไว้ ทำให้เขาเหมือนกับเทพอัคคีก็มีปาน มันทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้สึกเกร็งเล็กน้อยไม่ต่างกับอันเดดตัวจ้อยที่กำลังต่อสู้กับบอสอัศวินสุดเท่จากเกมชื่อดังเกมหนึ่งจากโลกเก่าของเขา

     

    ( ใช้ศาตราผู้ตั้งเเต่เริ่มเลยเหรอ ถึงเวลาที่เจ้าต้องออกโรงเเล้วละนะ )

    เอ็ดเวิร์ดคิดในใจเมื่อเห็นว่าฟอร์นใช้ศาตาผู้กล้าตั้งเเต่ตน เขาก้ไม่รอช้าตัวเขาก็ได้นำไพ่ตายของเขาออกมาใช้โดยไม่ลังเล มันคือศาตาวุธระดับสูงที่ได้จากการเเสวงโชคเมื่อวานนี้

    วูบบบ เพียงพริบตาปรากฏกระบี่โบราณในมือของเขา มันได้เเพร่กลิ่นอายเก่าเเก่โบราณออกมา เเม้ว่าจะยังไม่ได้ชักมันออกจากฝัก เเต่มันยอมเป็นอาวุธชั้นเยี่ยมอย่างเเน่นอน

     

    “ เอาละมาสู้กัน ” 

    ฟอร์นที่เห็นก็รู้สึกตื่นเต้นที่เห็นอาวุธของเอ็ดเวิร์ด พลังเพลิงปะทุขึ้นอย่างบ้าคลั่งหนักกว่าเดิม เมื่อเห็นว่าในครั้งนี้เอ็ดเวิร์ดมีอาวุธพิเศษเช่นเดียวกับตน เลือดเเห่งการต่อสู้ของเขาเดือดพล่าน ซึ่งในตอนนี้สิ่งที่ขว้างกันไม่ให้เขาพุ่งเข้าไปฉีกกระชากเอ็ดเวิร์ดเป็นชิ้นๆ ก็คือสัญญาณเริ่มการต่อสู้ของกรรมการเท่านั้น ในตอนนี้สัตว์ร้ายผู้กระหายการต่อสู้ในคราบของผู้กล้า กับบุตรชายดยุคที่ถือกระบี่โบราณเพื่อเป็นการพิสูจน์ว่าตัวเขานั้นเเข็งเเกร่ง เเละสามารถยืนได้ด้วยลำเเข้งของตัวเอง กำลังจะต่อสู้กันในสนามประลองของโรงเรียนฟอร์จูน่าเเห่งนี้

    เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไป กระบี่โบราณที่เอ็ดเวิร์ดนำออกมาจะสามารถต่อกรกับศาตราผู้กล้าของฟอร์นได้หรือไม่ เเละ ผลของการประลองนี้ใครจะเป็นผู้ชนะกันนั้นโปรดติดตามตอนต่อไป 

     

    จบตอน

    จบไปเเล้วนะครับสำหรับตอนนี้เป็นยังไงบ้าง ผมพยายามคิดเรื่องทฤษฎีเกี่ยวกับพลังปราณให้มันสอดคล้องกันอยู่นะครับ ถ้ามีอะไรก็ติชมได้นะครับ ส่วนเรื่องระดับพลังปราณเพราะไม่มีมาตราวัดเลยยังไม่มีการระบุอย่างเป็นทางการครับ เพราะที่นี้คือโลกเวทย์มนต์ครับจึงต้องงูๆปลาไปเเบบที่พระเอกทำครับ 

    สำหรับการเปลี่ยนเเปลงในตอนนี้ ผมก็ได้นำความคิดเห็นของหลายๆคนมาคิดพิจารณานะครับ ผมจึงได้เปลี่ยนให้เอ็ดเวิร์ดพยายามปิดความลับนี้สุดชีวิตครับ เพียงเเต่เขาต้องมาเจอกับตัวตนระดับสูงเกินไปครับ ความลับเรื่องที่เขาปกปิดพลังนี้ไว้จึงเเตกเพล้งอย่างง่ายดายครับ เเต่ถึงเขาจะถูกเปิดโปงเรื่องที่เขาโกหก เเต่อย่างน้อยก็สามารถรักษาความลับนี้ไว้ได้ คิดเห็นยังไงสามารถติชมกันได้นะครับ

     

    อัปเดททักษะ เเละ ไอเท็มของเอ็ดเวิร์ด

    สกิลสุดยอดการสัญชาติญาณ ( วูเฟ่ย ) เเรงค์ SSR ระดับ 4 ดาว

    คำอธิบาย เป็นพรสวรรค์ขั้นสุดยอดของ วูเฟ่ยตัวร้ายจากเรื่อง จอมยุทรหมัดเดียวจอด ทำให้สามารถเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว เเละ ความสามารถเมื่อเจอกับอะไรครั้งหนึ่งเเล้วจะสามารถจดจำสิ่งๆนั้นได้จากสัญชาติญาณ ทำให้สามารถจดจำกระบวนท่าของอีกฝ่ายได้เพียงเเค่เห็นครั้งเดียว เเต่จะมีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นหากสัมผัสด้วยตัวเอง ประมานถ้าโดนการโจมตีไปเเล้วครั้งนึง ครั้งต่อไปจะใช้กับผู้มีพรสวรรค์นี้อีกครั้งไม่ได้

     

    สกิลทำอาหาร (หยางซี) เเรงค์ C ระดับ 1 ดาว 2/10

    คำอธิบาย ความสามารถในการทำอาหารญี่ปุ่นในระดับพื้นฐานซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านที่หาได้ทั่วไปในประเทศญี่ปุ่น เเต่เนื่องจากไม่สมบูรณ์จึงเเสดงประสิทธิภาพ เเละ จำนวนเมนูเพียง 2 ใน 10 จากทั้งหมดเท่านั้น

     

    เคล็ดวิชาคลื่นวารีถลายขุนเขา 1 เล่ม เเรงค์ S ระดับ 3 ดาว 

    คำอธิบาย  สุดยอดวิชาจากการ์ตูนเสาหลักอสูรพิฆาตมาร เป็นวิชาที่พระเอกของเรื่องฝึกฝนเพื่อจะไปปราบมารร้ายที่ฝึกวิชามารจนมากินคน โดยมีเป้าหมายในการกำจัดปรมาจาย์วูมี่ โดยวิชานี่มีทั้งหมด 10 กระบวนท่าโดยจะเป็นวิชาที่เกี่ยวกับน้ำเป็นหลัก เพราะมันคือวิชาที่รีดเร่งพลังวารีจากร่างกายออกไปโจมตีศัตรูนั้นเอง โดยมีกระบวนท่าทั้งหมดดังนี้

    กระบวนท่าที่ 1 สายน้ำทลายหิน 

    กระบวนท่าที่ 2 กรงจักรวารี

    กระบวนท่าที่ 3 สายน้ำเชี่ยวกราด

    กระบวนท่าที่ 4 คลื่นกระทบฝั่ง

    กระบวนท่าที่ 5 พิรุณกรุณา

    กระบวนท่าที่ 6 หยาดน้ำค้างหลั่งโลหิต

    กระบวนท่าที่ 7 คลื่นวงน้ำ 

    กระบวนท่าที่ 8 ตัดน้ำตก

    กระบวนท่าที่ 9 ก้าวผ่านทะเลคลั่ง

    กระบวนท่าที่ 10 อนันตะวารี

     

     

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×