ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RE-World เกิดใหม่เป็นตัวร้ายก็ร้ายเเบบมีสไตล์ละกัน (เปิดให้อ่านฟรีหมดเเล้วนะครับ)

    ลำดับตอนที่ #5 : วันที่ 3 ตัวร้ายกับการไปโรงเรียนเวทย์มนต์ เเละ ปะทะพระเอกเกม

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 66


    วันที่ 4 ของการมาต่างโลก รถม้าประจำตระกูลวิลฟอร์ด

    หลังจากที่พูดคุยกับซาช่าญาติห่างๆของตัวเองไปเอ็ดเวิร์ดก็ทบทวนวิชาที่เขาฝึกมาที่ห้องการเวลาถึง 1 ปี ด้วยความสามารถในระดับนี้เขาน่าจะเอาตัวรอดได้เเล้ว จากการที่เขาใช้วิชาคลื่นวารีทลายขุนเขา กับการสกิลสุดยอดสัญชาติญาณเป็นเวลา 1 ปี ต้องบอกว่าเขาโชคดีที่ได้กุญเเจไปห้องกาลเวลา ไม่งั้นของพวกนี้มันก็ไร้ประโยชน์ไปโดยปริยาย เพราะมันต้องใช้เวลาฝึก ซึ่งในวันนี้เขาจะต้องไปโรงเรียนเเล้วนั้นเอง 

     

    “ จะว่าไปให้คนที่ไร้เวทย์มนต์ไม่ได้ ไปเรียนที่โรงเรียนเวทย์มนต์มันไม่เเปลกไปหน่อยเหรอ วอลเตอร์ ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นถามหัวหน้าพ่อบ้านวอลเตอร์ อัลซาร์ ที่มาคุ้มกันเขา ซึ่งบุตรชายดยุคในตอนนี้รู้สึกระเเวงเป็นอย่างมาก เขาจึงให้วอลเตอร์มาส่ง เเละมารับเขา เพราะเนื่องจากเอ็ดเวิร์ดศัตรูเยอะเกินไป อย่างน้อยเขาก็อยากจะกลับบ้านเเบบสบายๆซะหน่อย เพราะคิดว่าที่โรงเรียนเขาคงจะต้องเจอศึกหนักเเน่ๆ จากข่าวลือที่ใครบางคนปล่อยออกมาเพื่อเล่นงานตัวเขา เพราะงั้นระวังตัวไว้หน่อยก็ไม่เสียหาย

     

    “ ที่โรงเรียนฟอร์จูนน่ามีหลักสูตรการปกครอง เเละการวางตัวของขุนนางครับ นายน้อยจึงจำเป็นต้องไปเรียนที่นั้น เเม้ว่าจะเป็นโรงเรียนเวทย์มนต์ก็ตามที่ ถึงเเม้ว่าในสังคมทุกชนชั้นจะเชิดชูผู้มีพลังเวทย์สูงก็ตาม เเต่คนที่ไม่มีเวทย์มนต์ เเละมีความสามารถจนได้รับการยอมรับก็มีนะขอรับ นายน้อย ”

    วอลเตอร์อธิบายเรื่องการเข้าเรียนของเอ็ดเวิร์ด หัวหน้าพ่อบ้านอธิบายว่าการเรียนจบจากโรงเรียนนี้ มันส่งผลดีต่อการรับตำเเหน่งดยุคต่อจากพ่อของเอ็ดเวิร์ด 

    ซึ่งเอ็ดเวิร์ดก็ค่อนข้างขมวดคิ้วที่ได้ฟังเรื่องนี้ เอาจริงๆพ่อของเขานั้นงานยุ่งมาก เเละเเม้ว่าจะมีคฤหาสน์อยู่ที่เมืองหลวง เเต่บ้านหลักของเขานั้นดันอยู่ที่ชายเเดนของอาณาจักรเมอร์คิวเรียส ต่อให้เด็กปัญญาอ่อนก็ยังคิดได้ว่าพ่อของเขา คงกำลังจะก่อการอะไรบางอย่าง เพียงเเค่ไม่มีหลักฐานเท่านั้น 

     

    “ เข้าใจเเล้ว ก็ไม่เเปลกหรอกที่หมอนี้มันจะใจเเตกได้ซะขนาดนี้ ”

    เอ็ดเวิร์ดคิดในใจหลังจากที่ได้ฟังข้อมูลจากวอลเตอร์ เขาไม่เเปลกใจเลยที่เจ้าของร่างมันจะใจเเตกกลายเป็นสวะสังคมเช่นนี้ เเละมันก็กลายมาเป็นปัญหาของเขา ที่ต้องเเก้ไขเพื่อให้เขามีชีวิตรอด

    ซึ่งในตอนนี้เขาไม่ได้สนใจเรื่องอดีตสักเท่าไรนัก ในตอนนี้เขาขอเเค่ให้ได้เงินทุน เปิดธุรกิจ เเละนำเงินพวกนั้นมาสุ่มกาชาเพื่อให้เขาเเข็งเเกร่งก็พอเเค่นี้ก็ถือว่าบุญโขเเล้ว เพราะงั้นเขาไม่เรื่องมากหรอกเกี่ยวกับสิ่งที่ตัวเขาไม่มี ตัวเขาค่อยหาเพิ่มก็ไม่เสียหายอะไร ขอเเค่เขามีชีวิตอยู่ไปเรื่อยๆก็พอ

     

    “ ท่านครับถึงโรงเรียนฟอร์จูน่าเเล้วครับ ”

    รถม้าหยุดลงก่อนที่ทางคนขับรถม้าจะเเจ้งให้คนในรถม้าว่าถึงที่หมายเเล้ว เอ็ดเวิร์ด เเละวอลเตอร์ ก็ลงจากรถม้าก่อนที่วอลเตอร์จะมายืนรอเจ้านายของเขาในฐานะพ่อบ้านชั้นหนึ่ง

     

    “ ขอบใจมาก วอลเตอร์  ”

    เอ็ดกล่าวขอบคุณวอลเตอร์เล็กน้อย ก่อนที่จะมองไปยังโรงเรียนโดยไม่หันหลังกลับไปยังรถม้า วอลเตอร์ดูภาพของเจ้านายของตัวเองเดินเข้าโรงเรียนไป หัวหน้าพ่อบ้านก็รู้สึกเบาใจก่อนที่จะพูดขึ้นด้วยความสุภาพ

     

    “ ยินดีรับใช้ครับ ”

    วอลเตอร์พูดขึ้นก่อนที่จะขึ้นรถม้า เเละกลับคฤหาสน์วิลฟอร์ดในทันที โดยที่ตัวเขาเองก็หวังว่านายน้อยของตนจะสามารถรับมือกับเหล่าคู่อริของตัวเองได้อย่างปลอดโปร่ง

     

    หลังจากนั้นเอ็ดเวิร์ดได้ลงมาจากรถม้า เขาตกตะลึงในความสวยงามของโรงเรียนฟอร์จูน่า โรงเรียนอันดัม 1 ของอาณาจักรไลเทอร์ ตัวโรงเรียนนั้นออกเเบบสถาปัตย์กรรมเเบบยุปโรป มีความเรียบหรู เเละการจัดองค์ประกอบของอาคาร เเละสวนทำออกมาได้เป็นอย่างดี เขาเองก็ได้รับทราบข้อมูลมาจากข้อมูลที่ให้วอลเตอร์หามาให้ เเต่พอมาเจอกับตัวเขาก็ยังรู้สึกว่ามันสวยงามอยู่ดี โดยเฉพาะพลังธรรมชาจิที่เเพร่ออกมาจากโรงเรียนทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้สึกสดชื่น เเละเต็มไปด้วยพลัง

     

    ( ฮาๆๆ พลังธรรมชาติเเบบนี้ช่างดีจริงๆ เหมาะสำหรับการบ่มเพาะพลังจริงๆ อย่างน้อยการมาโรงเรียนก็ไม่ใช่เรื่องเเย่ซะทีเดียว )

    เอ็ดเวิร์ดคิดในใจก่อนที่จะสังเกตุรอบๆโรงเรียนฟอร์จูน่า บุตรชายดยุคสัมผัสได้ว่าพลังธรรมชาติของที่นี้เข้มข้นเป็นอย่างมาก ซึ่งมันช่วยสงเสริมให้เขาบ่มเพาะพลังปราณได้รวดเร็วขึ้น เเต่เดิมพลังธรรมชาติในโลกนี้มันก็มากกว่าโลกของเขาอยู่เเล้ว เขาสัมผัสถึงมันได้หลังจากที่ฝึกพลังปราณทำให้เขาสังเกตุถึงความเเตกต่างนี้ได้ 

    สาเหตุที่โรงเรียนฟอร์จูน่ามีพลังธรรมชาตินั้นเข้มข้นเป็นอย่างมาก อาจจะเป็นเพราะต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณส่วนกลางของโรงเรียนก็ได้ เพราะเเบบนั้นสถานที่นี้เหล่าขุนนางจึงส่งบุตรหลานของตนเขามาร่ำเรียนที่นี้ นักศึกษาที่จบไปจากโรงเรียนนี้มักจะได้ดีกัน ตลอด 3 ปีที่อยู่ที่นี้ พวกเขาจะซึมซับพลังธรรมชาติ จากต้นไม้ขนาดใหญ่ ทำให้ความก้าวหน้าด้านเวทย์มนต์นั้นเป็นไปได้อย่างราบรื่น 

    ยิ่งพวกอัจฉริยะก็ยิ่งเเล้วใหญ่ เพราะพวกเขาได้รับผลประโยชน์จากขุนทรัพย์นี้โดยตรง เอ็ดเวิร์ดก็คิดว่าเขาควรจะอยู่ให้ครบ 3 ปีเพื่อดูดซับพลังธรรมชาติ ตอนนี้เขาอยู่ปี 1 ในช่วงต้นของภาคเรียนที่ 2 เขาถือว่าเสียเปรียบคนอื่นๆไปตั้ง 1 ปี บุตรชายดยุคจึงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย เพราะนอกจากตัวเองจะไร้เวทย์มนต์ เขายังเสียผลประโยชน์จากขุมพลังธรรมชาติเหล่านี้ เเถมเขายังต้องมีเรื่องกับพวกกลุ่มตัวเอก ซึ่งเป็นท็อบของปี 1 ห้องเอ ซึ่งเป็นระดับหัวกะทิของโรงเรียนนี้ มันทำให้เขาสงสัยว่าเจ้าของร่างคนก่อนมันรอดมาถึงตอนนี้ได้ยังไง

     

    “ นะ นั้น เอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ด ”

    เสียงของพวกนักเรียนธรรมดาของชั้นอื่นดังขึ้น พวกเขาไม่ได้เห็นเอ็ดเวิร์ดมาหลายวันเเล้ว พวกเขาคิดว่าเจ้าเอ็ดเวิร์ดผู้มีชื่อเสียตายไปเเล้วด้วยซ้ำ เเต่เมื่ออีกฝ่ายมาโรงเรียนเเล้วพวกเขาก็รู้สึกสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับเอ็ดเวิร์ดกันเเน่

     

    “ เขามาโรงเรียนเเล้วเหรอ ”

    นักเรียนส่วนใหญ่หลบทางให้กับเอ็ดเวิร์ด ทำให้ถนนที่นักเรียนพลุกพล่านนั้นกลายเป็นโล่งทันที เอ็ดเวิร์ดถึงกับติดสตันกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะในสายตาของนักเรียนคนอื่นนั้นมองตัวเขานั้นเหมือนกับจอมมารเสด็จก็มีป่าน

     

    “ ก็ไม่นึกว่าว่าเขาจะทำจริงๆนะ ซุบซิบๆๆๆๆ ”

    เสียงของเหล่าหญิงสาวต่างมองเอ็ดเวิร์ดด้วยสายตารังเกียจ เเม้ว่าพวกเธอนั้นจะเสียดายหน้าตาอันหล่อเหลาของเขา เเต่มันก็เหมือนกับหล่อเสียของ เพราะล่าสุดข่าวลือที่ว่าเอ็ดเวิร์ดได้ทำการจับตัวของมิเลน่าไปเพื่อขืนใจเธอ ข่าวฉาวนี้เเพร่กระจายไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็วเหมือนไฟล่ามทุ่ง ซึ่งข่าวลือนี้ก็กระจายไปทั่วอย่างปริศนาเหมือนมีคนจงใจปล่อยมันออกมา เพื่อทำลายชื่อเสียงของเอ็ดเวิร์ดอย่างจงใจ ซึ่งมันทำให้เอ็ดเวิร์ดสงสัยว่าใครกันที่เป็นคนร้ายกันเเน่นะ

     

    ( ดูเหมือนว่าจะเลวร้ายกว่าที่คิดไว้นะเนี้ย เฮ้อออ วุ่นวายจริงๆ )

    เอ็ดเวิร์ดคิดในใจก่อนที่จะเกาหัวเเกร็กๆอย่างเซ็งๆ ดูเหมือนว่าโอกาสที่เขาจะหาเพื่อนในโรงเรียนนี้ได้จะเป็นศูนย์ซะเเล้ว บุตรชายดยุคถอนหายใจออกมา ก่อนที่จะเดินไปที่อาคารเรียนเเบบชิวๆ โดยมีเสียงซุบซิบของผู้คนตามรายทางเเม้ว่าเขาจะได้ยินทุกคำพูด เเต่เขาก็คิดว่าเขาไม่ใช่เอ็ดเวิร์ด เเต่เขาคือทศพลต่างหาก มันจึงทำให้คำนินทาพวกนั้นก็เหมือนกับฟังหูซ้ายทะลุหูขวานั้นเอง จนกระทั่งได้มีคนมาขว้างทางเขาทำให้ตัวเขาไม่สามารถเข้าอาคารเรียนได้

     

    “ โผล่หน้าออกมาเเล้วเหรอ เอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ด ”

    เสียงของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นก่อนที่จะปรากฏชายหนุ่มผมสีน้ำตาลหน้าตาหล่อเหล่า พกดาบไว้ที่เอวอยู่เบื้องหน้าของเขา พร้อมกับหญิงสาวคนนึงที่รู้สึกคุ้นหน้าคุ้นตาเขา เเต่ดูเหมือนเขาจะจำอะไรไม่ได้

     

    “ อะ เออมีอะไรธุระอะไรกับผมรึเปล่า ”

    เอ็ดเวิร์ดทำสีหน้ามึนงง ก่อนที่จะเอามือชี้มาที่ตัวเองเป็นเชิงว่าเรียกเขาอยู่งั้นเหรอ บุตรชายดยุครู้สึกคุ้นๆเหมือนเคยเห็นหมอนี้ที่ไหน เเม้ว่าเขาจะสงสัยว่าอีกฝ่ายเป็นพระเอกเกมรึเปล่า เพราะพระเอกเกมนั้นเป็นตัวเเทนของผู้เล่นจึงไม่ได้มีการเผยให้เห็นใบหน้า ส่วนชุดนักเรียนก็ใส่เหมือนกันหมด เพราะงั้นเอ็ดเวิร์ดจึงไม่เเน่ใจว่าอีกฝ่ายคือพระเอกเกมรึเปล่า 

     

    “  สตีเวนบอกเเล้วไงว่ามันเเค่ข่าวลือนะ เรื่องจริงมันไม่ใช่เเบบนี้นะ ”

    ร่างของหญิงสาวที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้น มิเลน่าออกมาห้ามเพื่อนชายของตัวเองว่าไม่ให้ไปหาเรื่องของเอ็ดเวิร์ด ตัวเธอก็รู้ว่าข่าวลือที่เกิดขึ้นว่ามันไม่เป็นความจริง เพราะเอ็ดเวิร์ดไม่ได้ทำอะไรเธอเลยจริงๆ ทำให้เธอไม่ถือสาหาความที่เอ็ดเวิร์ดกรีดชุดของเธอจนขาด เเถมอีกฝ่ายก็ชดใช้ให้เเล้วด้วย เพราะงั้นเธอจึงไม่ถือสาเอาว่ากับเอ็ดเวิร์ด

    ซึ่งการปรากฏตัวของมิเลน่าทำให้เขามั่นใจว่าชายที่อยู่ตรงหน้าเขาคือสตีเวน รีฟาเรีย พระเอกของเกมจีบสาวตำนานผู้กล้าเเห่งเเสงนั้นเอง เพราะเธอเป็นคนพูดชื่อของเขาออกมาเอง

     

    “ สวัสดีมิเลน่าเป็นยังไงบ้าง ดูจากสภาพเเล้วเธอน่าจะสบายดีนะ ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นทักทายมิเลย่าด้วยความเป็นมิตร เเละสุภาพ อย่างที่บอกไปว่าเขาจะไม่อะไรที่เจ้าของร่างเดินทำผิดซ้ำ เพราะงั้นเขาจึงเริ่มพูดจากับมิเลน่าที่พูดคุยกับตัวเขามาเเล้วในระดับหนึ่ง การเข้าหาเธออาจจะทำให้ภาพลักษณ์ของเอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ดดีขึ้น เพราะงั้นเขาจึงจะเริ่มจากการเปลี่ยนเเปลงเล็กๆนี้ก่อน

     

    “ อะ อืม ไม่เดียวสิ ชั้นไม่สนิทกับนายขนาดนั้นนะโธ่ ”

    มิเลน่าถึงกับชะงักก่อนที่จะเผลอตอบกลับไป ซึ่งเด็กสาวก็รู้สึกตัว เเละพูดบ่นเรื่องที่เอ็ดเวิร์ดมาตีสนิทเธอเเบบหน้าด้านๆเช่นนี้

     

    “ เอาน่าถึงไม่สนิทกัน เเต่เดียวรู้จัดกันไปนานเดียวก็สนิทกันเองนั้นละ ฮาๆๆ ”

    เอ็ดเวิร์ดกำลังจะพูดเเก้ตัว ดยุคหนุ่มพยายามพูดให้บรรยากาศมันดีขึ้นเพื่อไม่ให้สถานการณ์มีนตึงเครียดเกินไป เเต่การทีเขาทำเเบบนี้มันดูเหมือนว่าเป็นการตีสนิทมิเลน่ามาเกินไป ทำให้ชายหนุ่มที่น่าจะเป็นพระเอกเกมกำหมัดด้วยความโกรธ ก่อนที่จะพูดขึ้นต่อว่าเอ็ดเวิร์ดด้วยเสียงดัง

     

    “ นี้เเกอย่าเเกล้งตีมึนนะ เเกจับมิเลน่าไป เเล้วยังมาทำเป็นไม่รู้เรื่องงั้นเหรอ ”

    สตีเวนที่เป็นพระเอกของเกมนี้พูดขึ้นหาเรื่องเอ็ดเวิร์ดอย่างเห็นได้ชัด มันทำให้เอ็ดเวิร์ดรู้สึกสงสัยว่าตัวเขาไปทำอะไรให้หมอนี้มันโกรธเคืองรึเปล่า มันถึงได้กัดเรื่องนี้ไม่ปล่อยเช่นนี้

     

    “ ถึงเราจะไม่ได้สนิทกัน เเต่จะกล่าวหาอะไรก็พูดให้มันมีเหตุผลหน่อย คุณรีฟาเรีย ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นอย่างใจเย็นมีเหตุผล ซึ่งเขาพูดออกมาตามจริง เพราะตัวเขาไม่ได้เป็นคนสั่งจับมิเลน่ามา เเต่เป็นเจ้าของร่างคนก่อนต่างหากที่เป็นคนสั่ง เพราะงั้นถึงจะใช้เวทย์จับโกหกก็ไม่สามารถตรวจจับเขาได้ เพราะงั้นหากต้องถึงขั้นขึ้นศาล เขาไม่จำเป็นต้องยัดเงินใต้โต๊ะเเต่อย่างใด เพราะงั้นเกี่ยวกับเรื่องนี้ไม่มีใครเอาผิดเขาได้อย่างเเน่นอน

     

    “ กะ เเกทำผิดเเล้วไม่ยอมรับผิดงั้นเหรอ ”

    สตีเวนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักเล็กน้อย ดูเหมือนว่าผู้กล้าเเห่งเเสงจะสับสนเล็กน้อย กับการพูดอย่างมีเหตุผลของเอ็ดเวิร์ด เเต่เขาก็ยังคงมีเป้าหมายที่จะเอาเล่นงานเอ็ดเวิร์ดเรื่องที่เขาทำกับมิเรน่าอยู่เเล้ว เพราะงั้นเขาพูดออกตัวเเรงซะขนาดนี้เขาจะถอยไม่ได้อย่างเด็ดขาด

     

    “ เเล้วนายต้องการอะไรจากชั้น คุณรีฟาเรียเรื่องนี้มันถึงจะจบ บอกไว้ก่อนนะว่าอะไรที่ชั้นไม่ได้ทำ ใครก็มาใส่ร้ายเอาผิดชั้นไมไ่ด้หรอกนะ ชั้นขอรับประกันด้วยเกียรติ์ของตระกูลวิลฟอร์ดว่าชั้นไม่ได้สั่งให้คนลักพาตัวมิเลน่า ”

    เอ็ดเวิร์ดถามความต้องการของอีกฝ่ายก่อนที่จะพยายามพูดให้ตัวเองมีเหตุผลที่สุด โดยเขาประกาศเอาเกียรติ์ของตระกูลเป็นเดิมพันเพื่อยืนยันว่า ตัวเขาไม่ได้เป็นคนทำตามที่ข่าวลือระบุไว้

     

    “ ชั้นไม่สนใจเกียรติ์บ้าบออะไรของเเกหรอก เอ็ดเวิร์ด ชั้นตัวเเทนของห้อง 1 A สตีเวน รีฟาเรีย จะเรียกร้องความเป็นธรรมให้มิเลน่าเอง มาประลองอย่างยุติธรรมซะด้วยเกียรติของบุตรดยุค นายจะต้องมาประลองกับชั้นเพื่อพิสูจน์ว่านายไม่ได้ทำจริง ถูกผิดให้ทวยเทพเป็นผู้ตัดสิน ”

    สตีเวนพูดขึ้นท่าประลองกับเอ็ดเวิร์ด ซึ่งหากสตีเวนชนะ เอ็ดเวิร์ดจะต้องก้มหัวขอโทษมิเลน่าต่อหน้าผู้คน ซึ่งในฐานะตระกูลขุนนางชั้นสูงถือว่าเป็นการเสียเกียรติ์ของตัวเองเป็นอย่างมากที่ต้องก้มหัวให้สามัญชน ส่วนหากเอ็ดเวิร์ดชนะก็ถือว่าเขาบริสุทธิ์ เเละไม่ได้ทำตามที่ตัวเขาพูดไว้

     

    “ สตีเวนก็บอกเเล้วไงว่าเข้าใจผิดนะ อย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ”

    มิเลน่าพูดขึ้นให้สตีเวนหยุด เพราะการประลองนี้นั้นสามารถฆ่ากันได้ด้วยกฏลอร์ออฟก็อต ซึ่งจะเป็นการพิสูจน์ความบริสุทธ์ของเอ็ดเวิร์ด เเต่ว่าหากเป็นปกติเอ็ดเวิร์ดอาจจะฟลุคชนะได้ หรือหาคนมาประลองเเทนโดยการใช้เงิน เเต่ว่าคู่ต่อสู้เป็นถึงผู้กล้าเเห่งเเสง ใครกันจะมาลงประลองเเทนให้กับเอ็ดเวิร์ด

     

    ( ไอ้บ้านี้มันหลุดออกมาจากมหาศึกชิงบรรลังก์หรือไง กูไม่ใช่เจ้าคนเเคระเเห่งตระกูลสิงโตนะเว้ยที่ต้องมาใช้กฏท้าประลองเพื่อพิสูจน์ว่าตัวเองถูกต้องนะ จะหาคนมาประลองเเทนก็ไม่ได้ ใครจะกล้าประลองเเทนตูที่เรียกได้ว่าหมาหัวเน่าเเห่งทวีปไกอากันฟะ อีกเรื่องถึงมีคนมาลงประลองจริงๆ ใครจะไปสู้ไอ้พระเอกโชเน็นนี้ได้ฟะ บ้าเอ๋ยต้องลงมือเองเหรอเนี้ย )

    เอ็ดเวิร์ดในตอนนี้ถึงกับเหงื่อตก คู่ต่อสู้เป็นถึงผู้กล้าเเห่งเเสงบอกได้คำเดียวว่ามันไม่ตลกเลยสักนิด คนมาประลองเเทนตามกฏผู้พิการก็ไม่ได้ เนื่องจากเขาเป็นหมาหัวเน่าเเห่งโรงเรียนเวทย์มนต์ฟอร์จูน่า เพราะงั้นเรื่องการหาคนมาประลองเเทนเรียกได้ว่าหมดสิทธิ์ เเละถึงจะหาคนมาได้ การที่จะต้องสู้กับผู้กล้าเเห่งเเสงใครกันที่จะมีบารมีเทียบเท่ากับสตีเวน รีฟาเรีย บอกเลยว่าร้อยทั้งร้อยว่าไม่มี เพราะงั้นเห็นที่วันนี้เอ็ดเวิร์ดคงต้องเเสดงฝีมือซะเเล้ว

     

    “ เงียบทำไมละ ถ้าไม่ประลองก็คุกเข่าขอโทษเธอซะ นั้นต่างหากคือสิ่งที่บุตรชายดยุคตระกูลวิลฟอร์ด พึ่งจะกระทำเมื่อตัวเองทำผิด ”

    สตีเวนพูดขึ้นด้วยความเผด็จการพร้อมกับเเสยะยิ้่มออกมาด้วยความสะใจ ดูเหมือนว่าสตีเวนจงใจที่จะเล่นงานเอ็ดเวิร์ดตั้งเเต่เเรก มันทำให้ตัวเอ็ดเวิร์ดสงสัยเหมือนกันว่าตัวเขาคนก่อนไปเผาบ้านหมอนี้รึเปล่า มันถึงได้กัดเขาเเบบไม่ปล่อยเเบบนี้

    ซึ่งการถูกบังคับต่อหน้าผู้คนเช่นนี้มันทำให้เอ็ดเวิร์ดไม่มีทางเลือกเลย เอาจริงต้องงัดวิชาที่เขาฝึกมา ตัวเขาก็ยังไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะสตีเวนที่เป็นท็อบของห้องA ได้ ระดับพลังของสตีเวนนั้นอยู่ที่ ราชันเวทย์ขั้นที่ 5 ขั้นสูงสุด ซึ่งเข้าใกล้ระดับจักรพรรดิเพียงไม่กี่ก้าวเท่านั้น เขาจะไปประลองชนะเจ้าบ้านี้ได้ยังไงกัน 

    โชคดีที่ฝึกฝนในห้องกาลเวลถึง 1 ปีก่อนที่จะมาโรงเรียนรับมือเอาไว้เเล้ว อย่างน้อยถ้าสู้ไม่ได้เขามั่นใจว่าสามารถถอยไปตั้งหลักได้ ด้วยความมั่งคั่งของเขานั้นเขาสามารถสุ่มกาชาเพื่อที่จะเเข็งเเกร่งขึ้นจนพวกตัวเอกอย่างสตีเวนไม่สามารถต่อกรกับเขาได้ เเต่ตอนนี้เขาจำเป็นต้องเอาตัวรอดเฉพาะหน้าไว้ก่อน

     ซึ่ีงในระหว่างที่สถานการณ์กำลังตึงเคลียด ก็ได้มีสายตาคู่งามคู่หนึ่งกำลังจ้องมองเอ็ดเวิร์ดด้วยความสงสาร ปนสมเพช เธอมีเลือนผมสีขาวเหมือนกับหิมะ ใบหน้างดงามเหมือนกับตุ๊กตา ดวงตาสีทองนั้นเเสดงให้เห็นว่าเธอเป็นสายเลือดราชวงค์ ซึ่งชายหนุ่มผมสีขาวหน้าตาหล่อเหล่าที่ใบหน้าคล้ายกับเธอก็เดินมาด้วยกัน ก็อดที่จะเเซวหญิงสาวผู้ซึ่งมีฐานะเป็นน้องสาวฝาเเฝดของเขาไม่ได้

     

    “ นั้นคู่หมั่นเจ้านิ ไม่ไปช่วยเจ้านั้นหน่อยเหรอ ”

    ชายหนุ่มผมสีขาวผู้เป็นเชื้อพระวงค์สูงศักดิ์พูดขึ้น เเม้ว่าเขาจะมีน้ำเสียง เเละพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับหญิงสาวผมสีเดียวกัน เเต่เเววตาของเขานั้นกับเเฝงไปด้วยความอิจฉา เเละเกลียดชังต่อหญิงสาวผมขาวด้านข้างของเขา เขาคือองค์ชายลำดับที่ 2 อเล็ค ซี ไลท์เทอร์ 

    ส่วนหญิงสาวที่มองดูเอ็ดเวิร์ดจากไกลๆนั้นก็คือ องค์หญิงลำดับที่ 1 อลิเซีย บี ไลท์เทอร์ ซึ่งตัวอักษรที่เป็นตัวกลางเป็นลำดับชั้นของความสำคัญของอาณาจักร ซึ่งเเม้ว่าอเล็คจะเป็นพี่ชายฝาเเฝดของเธอ เเต่เขากลับมีลำดับความสำคัญต่ำกว่าองค์หญิงลำดับที่ 1 ซึ่งมีชื่อกลางเป็นบี ซึ่งมีฐานะเป็นรองเเค่รัชทายาทเท่านั้น 

    นั้นอาจจะเป็นสาเหตุที่องค์ชายรองนั้นเกลียดชังเเฝดสาวของตัวเอง เพราะองค์หญิงอลิเซียได้เอาสิ่งที่เรียกพรสวรรค์จากเขาไปทั้งหมด ซึ่งมันเป็นที่มาที่องค์ชายรองมักจะพูดเเควะเเฝดสาวผู้น้องเป็นประจำ

     

    “ ข้าไม่มีเหตุผลไปช่วยเขาค่ะท่านพี่ เเละอีกอย่างชายผู้นั้นเป็นเเค่อดีตคู่หมั่นของข้าค่ะ โปรดเรียกให้ถูกด้วยค่ะ ”

    องค์หญิงอลิเซียพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา องค์หญิงเเห่งเเสงไม่ชอบเอ็ดเวิร์ดมาตั้งเเต่เเรกเเล้ว ถ้าไม่ติดที่เขาเป็นบุตรชายของดยุคบารัน พระบิดาของเธอคงจะไม่ส่งเธอไปหมั้นกับเอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ดเเน่ๆ ซึ่งสายตาของเขาตอนที่มองเธอนั้น กลับมองเธอด้วยความหื่นกระหาย

    ประกอบกับข่าวลือที่ว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นคนมักมากในกาม ขืนใจหญิงชาวบ้านไปทั่ว ชื่อเสียงของเขาเเย่จนองค์หญิงเเห่งเเสงสามารถยื่นเรื่องขอถอนหมั้นระหว่างเธอกับเอ็ดเวิร์ดจากพระบิดาจนได้ เพราะเธอรับไม่ได้ที่คู่หมั้นของเธอเป็นคนเหลวเเหลกเช่นนี้ จนในที่สุดราชาไลท์เทอร์ก็ต้องตามใจบุตรสาวของตน เพราะทนไม่ได้กับชื่อเสียอันฉาวโฉ่ของเอ็ดเวิร์ด

     

    " คิดว่าเจ้าโง่นั้นจะร่วงในกี่วิ กันนะ หึๆๆๆ "

    องค์ชายอเล็คหัวเราะออกมา สำหรับเขาเอ็ดเวิร์ดมันก็เป็นเพียงเเค่ขยะชิ้นหนึ่งที่โชคดีเกิดมาในตระกูลดยุคเท่านั้น ซึ่งเเม้ว่ามันจะเป็นขยะไร้ประโยชน์ไร้เวทย์มนต์ เเต่ด้วยการที่บุตรดยุค ทำให้มันมีอำนาจล้มฟ้า อำนาจของมันเป็นรองเเค่ราชวงค์เท่านั้น เเม้ว่าจะมีตระกูลดยุคตระกูลอื่น อย่างฟอลสตาร์ , อินกริด เเละโรซาเรีย 

    เเต่ว่าตระกูลวิลฟอร์ดก็มีอำนาจมากที่ในตระกูล 4 ดยุคอยู่ดี เพราะดยุคบารัน วิลฟอร์ดนั้นไม่ใช่คนที่สามารถดูเเคลนได้เละ เเม้เเต่พระบิดาของเขาเองก็ยังหวาดกลัวจนต้องมีการสั่งให้เฝ้าระวังเป็นพิเศษ เเสดงให้เห็นถึงความอันตรายของชายที่ถูกเรียกว่าดยุคทมิฬเเห่งอาณาจักรไลท์เทอร์นั้นเอง

     

    ( เอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ดนี้คงจะเป็นจุดจบของเจ้าอย่างเเท้จริงสินะ  )

    องค์หญิงอลิเซียพูดขึ้นพลางที่จะหันหลังกลับไป เเต่องค์หญิงเเห่งเเสงกับก็ต้องสะดุดตากับภาพที่เห็น องค์หญิงอลิเซียเห็นเอ็ดเวิร์ดมีสายตาที่สงบ มันก็ทำให้เธอรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย เพราะสายตาของเขาไม่เหมือนกับเอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ดที่เธอรู้จักเลย

     

    “ นั้นมันเกิดอะไรขึ้นนะ พอจะรู้ไหมค่ะ ”

    หญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังเดินมากับเพื่อนของเธอพูดขึ้นถามเพื่อนของเธออย่างสงสัย เธอมีเรือนผมสีม่วงเเดงเป็นเอกลักษณ์ ใบหน้าสวยกว่าหญิงสาวทั่วไปมาก เรียกได้ว่าเป็นดอกไม้งามคนหนึ่ง ดวงตาสีอำพันทำให้เธอดูมีเสน่ห์ดึงดูดเป็นอย่างมาก ซึ่งเลือนผมสีม่วงเเดงนั้นเป็นเอกลักษณ์ของตระกูล ฟอลสตาร์ 1 ใน 4 ตระกูลดยุคเเห่งอาณาจักรไลท์เทอร์ ซึ่งเธอคือ บุตรีดยุคฟอลสตาร์ อาเซีย ฟอลสตาร์ คู่หมั้นขององค์ชายอเล็ค ที่กำลังดูการต่อสู้จากอีกตึกเรียนหนึ่งของโรงเรียนนั้นเอง

    อาเซียที่สงสัยว่ามีนักเรียนจำนวนมากกำลังมุ่งดูอะไรอยู่  เธอจึงมองลึกลงไปก็พบว่ามีบุคคล 3 คนกำลังประจันหน้ากัน ซึ่งประกอบไปด้วยชายหนุ่มผมยักโศกสีดำพร้อมกับใบหน้าที่หล่อเหลา 

    อีกคนหนึ่งเป็นชายหนุ่มผมน้ำตาลที่ใบหน้าเเสยะยิ้มออกมาอย่างชั่วร้าย พร้อมกับถือดาบชี้ใส่คู่กรณีที่ไม่ได้มีอาวุธใดๆในมือเเม้เเต่ชิ้นเดียว ด้านข้างของเขานั้นมีหญิงสาวรูปร่างบอบบางค่อยห้ามชายผมน้ำตาลอยู่ เเต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เธอจึงได้เเต่มองอยู่ห่างๆเท่านั้น

     

    “ ไม่มีอะไรหรอกอาเซีย มันเป็นการลงทัษฑ์คนชั่วของห้องเอนะ อย่าไปยุ่งเลยมันก็เเค่คนน่ารังเกียจถูกเชือดกลางที่สาธารณะนะ ”

    เพื่อนสาวของอาเซียพูดขึ้นไม่ให้เธอต้องคิดอะไรมาก ซึ่งคำว่าพวกน่ารังเกียจก็ทำให้อาเซียสงสัยว่าใครกันที่กำลังถูกเชือดกลางที่สาธารณะ

     

    “ น่ารังเกลียดเหรอคค่ะ เเต่ดูเขาจะเป็นฝ่ายถูกกล่าวหาอยู่ฝ่ายเดียวนะ ขอดิชั้นดูเขาหน่อยได้ไหมค่ะ ”

    อาเซียที่เห็นว่ามันไม่เป็นไปตามที่เพื่อนสาวพูด เธอรู้สึกว่าผู้ชายผมยักโศกนั้นกำลังถูกหาเรื่องมากกว่า ซึ่งตัวเธอนั้นยังไม่รู้ว่าใครเป็นใคร ทำให้ยังไม่รู้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้มันมีที่มายังไงกันเเน่ ทำให้เธอรู้สึกสงสัยว่าชายหนุ่มผมยักโศกสีดำที่ยืนประจันหน้ากับชายผมน้ำตาลถือดาบโดยไร้อาวุธ

     

    “ เออก็ได้ๆ อะนั้นมันผู้กล้าเเสงสตีเวนนิน่า กรี้ด สตีเวนสู้เขานะค่ะ เล่นงานไอ้บ้ากามนั้นให้ยับเลย ”

    เพื่อนสาวของอาเซียพูดขึ้นก่อนที่ เธอจะร้องกรีดออกมาเมื่อเห็นว่าคนที่กำลังลงทัณฑ์เอ็ดเวิร์ด คือสตีเวนหนุ่มหล่อสามัญชนผู้ซึ่งเป็นผู้กล้าเเห่งเเสง เธอก็กรีดร้องเชียร์ให้สตีเวนจัดการกับเอ็ดเวิร์ด

     

    ( บ้ากามงั้นเหรอ เเต่ดูจากภายนอกเขาไม่ใช่คนเเบบนั้นเลยนะ )

    อาเซียมองดูเอ็ดเวิร์ดพร้อมกับพิจรณาดู บุตรีดยุครู้สึกว่าชายผมยักศกสีดำไม่น่าจะใช่คนเเบบนั้นเลย ไม่รู้ทำไมเเต่เธอกับรู้สึกสนใจเขาเป็นพิเศษ กับดวงตาที่เข้มเเข็งไม่ยอมเเพ้ต่อโชคชะตา นั้นไม่ใช่ดวงตาของพวกบ้ากามอย่างที่เพื่อนเธอพูดอย่างเเน่นอน

     

    “ ย้ากกกก ”

    สตีเวนชักดาบข้างเอวของตัวเองก่อนที่จะพุ่งมาฟันเอ็ดเวิร์ดด้วยความเร็วสูง ซึ่งหากเป็นระดับนักเรียนเวทย์คลาสอื่นคงจะไม่สามารถหลบได้ทัน เพราะสตีเวนมีสเตตัสความเเข็งเเกร่ง เเละความเร็วอยู่ในระดับท็อบของชั้นนั้นเอง เเต่ว่ามันไม่ใช่สำหรับคนที่ฝึกพลังปราณอย่างเอ็ดเวิร์ด

     

     ฟุบบบบ เอ็ดเวิร์ดหลบการโจมตีของสตีเวนได้อย่างง่ายดาย ทำให้ทุกคนที่ดูอยู่ตกตะลึง เพราะว่าการโจมตีของผู้กล้าเเห่งเเสงนับว่าเร็วมาก เเต่บุตรชายดยุคกับหลบได้เเบบสบายๆ เหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องง่ายๆยังไงอย่างงั้น

     

    “ อะไรกัน ”

    สตีเวนตกใจเป็นอย่างมาก ผู้กล้าเเห่งเเสงไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น ดาบของเขาน่าจะเข้าเป้านี้น่าทำไมเอ็ดเวิร์ดที่เป็นคนธรรมดาถึงหลบได้ เขาไม่เข้าใจจริงๆ

     

    “ หลบได้เฉยเลย ผลจากสกิลสินะ ดีละ ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นด้วยความตกใจ ก่อนที่เขาจะยิ้มออกมาพร้อมกับลงมือตอบโต้ในทันที เพราะเขาถือว่าอีกฝ่ายโจมตีเข้าก่อน เพราะงั้นบุตรชายดยุคสามารถโจมตีตอบโต้ได้

     

     ผลัักกก ปักกก เอ็ดเวิร์ดใช่ฝ่ามือกระเเทกใส่สตีเวนเป็นการโต้กลับในทันที ซึ่งผู้กล้าเเห่งเเสงนั้นกำลังติดสตันอยู่ ทำให้เขาไม่ทันระวังตัวได้ถูกผลึกจนล้มหัวขมำไปกับพื้นเช่นนี้ ซึ่งเหตุการณ์ที่กล่าวมาเหมือนมันจะยาวนาน เเต่เเท้จริงมันผ่านไปเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น

     

    “ อะไรนะเมื่อกี้นี้ ”

    มิเลน่าตกใจอย่างมาก ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนเธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดีกับภาพที่ตรงหน้า ตัวเธอไม่คิดว่าเอ็ดเวิร์ฺดที่ไร้พลังเวทย์จะสามารถเล่นงานสตีเวนได้ นี้มันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อเหมือนว่าไม่ใช่ความจริง

     

    “ อะไรกันนะเมื่อกี้นี้นะ ”

    องค์ชายอเล็คถึงกับตกใจเพราะการเคลื่อนไหวเมื่อกี้นี้ต่อให้เป็นองค์ชายเเห่งเเสงก็หลบไม่พ้น อย่างน้อยก็ต้องป้องกันการโจมตีที่รวดเร็วของสตีเวน เเต่ว่าเอ็ดเวิร์ดกับรวดเร็วกว่า บุตรชายดยุคสามารถหลบการโจมตีของสตีเวนได้อย่างสมบูรณ์เเบบ เเละไม่ใช่เเค่นั้นเอ็ดเวิร์ดยังผลักสตีเวนจนล้มหัวขมำไปกับพื้นได้ นี้มันเกิดอะไรขึ้นกับไอ้ขยะเอ็ดเวิร์ดกันนะ

     

    “ ช่างน่าประหลาดใจจริงค่ะ ”

    องค์หญิงอลิเซีย ถึงกับพูดอะไรไม่ออก ซึ่งพอองค์หญิงเเห่งเเสงคิดพิจารณาใหม่เเล้ว เอ็ดเวิร์ดเป็นคนที่พูดอะไรมีเหตุผลงั้นเหรอ เมื่อลองพิจารณาดูดีๆ เอ็ดเวิร์ดเหมือนพยายามพูดเพื่อให้จบเรื่องดีๆ ไม่ถึงขึ้นต้องตบตีกันให้เจ็บตัว ซึ่งเอาเข้าจริงตัวของเอ็ดเวิร์ดก็ไม่มีความรู้สึกกลัวใดๆเลย เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้กล้าเเห่งเเสง ซึ่งต่างกับเอ็ดเวิร์ดในอดีตที่มักจะพูดเเบบไร้เหตุผล เเละถ้าสู้ไม่ได้เขาก็จะวิ่งหนีไปทันที

     

    “ ได้ไงกันผู้กล้าเเสงของชั้น ”

    เพื่อนของอาเซียพูดขึ้นด้วยความตกใจ เธอไม่คิดว่าสวะอย่างเอ็ดเวิร์ดจะสามารถเล่นงานสตีเวนจนล้มหัวคว่ำได้เเบบนี้ มันเรื่องเหลือเชื่อยิ่งกว่าพระอาทิตย์กับพระจันทร์ขึ้นพร้อมกันซะอีก

     

    ( ผู้ชายคนนั้นไม่ธรรมดาจริงๆด้วย จะว่าไปเขาเป็นใครกันเเน่นะ ดูเเล้วน่าจะเป็นคนที่มีชื่อพอตัว เฮ้อเพราะไม่สนใจเรื่องข่าวลือเเท้เลยไม่รู้เลยว่าเขาเป็นใคนนะ )

    อาเซียคิดในใจด้วยความสงสัย ก่อนที่บุตรีดยุคจะกล่าวโทษตัวเอง เพราะไม่สนใจข่าวลือในโรงเรียน ตัวเธอเลยไม่รู้ว่าชายผมหยักศกสีดำคนนี้เป็นใครกันเเน่

     

    “ เเกเอ็ดเวิร์ด ”

    สตีเวนลุกขึ้นมาด้วยความโกรธสุดขีดเเต่ว่าสิ่งที่เอ็ดเวิร์ดทำนั้น ทำให้เขาเเทบคลั่ง ที่ถูกไอ้สวะไร้พลังเวทย์เอ็ดเวิร์ด เล่นงาน ซึ่งเขาจะยอมไม่ได้อย่างเด็ดขาด ไม่งั้นชื่อเสียงที่สั่งสมมาของเขาพังทลายกันพอดี

     

    “ นายเริ่มก่อนเองนะ อีกอย่างชั้นก็ไม่มีอาวุธด้วยนายจะมาโทษชั้นไม่ได้ ”

    เอ็ดเวิร์ดพูดขึ้นเตือนอีกฝ่ายอย่่างมีเหตุผล เขาพร้อมที่จะหยุดได้ทุกเมื่อ เเต่เมื่อดูจากดวงตาที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งของผู้กล้าเเห่งเเสงเเล้ว เอ็ดเวิร์ดคิดว่ามันคงไม่จบง่ายๆ

     

    “ ย้ากกก ”

    สตีเวนโกรธจัดพุ่งเข้าไปฟาดฟันใส่เอ็ดเวิร์ดอย่างรวดเร็ว ซึ่งครั้งนี้ทุกคนต่างตกตะลึง เพราะว่ามันเร็วกว่าการโจมตีในครั้งเเรกเกือบเท่าตัว นั้นเเปลว่าสตีเวนยังคงซ่อนฝีมือของตัวเองไว้อยู่นั้นเอง

     

     ฟุบๆๆ ปึก ปึงงงงง เเม้ว่าสตีเวนจะเอาจริงเเล้วก็ตาม เเต่ความเร็วของเขาก็ด้อยกว่าเอ็ดเวิร์ดอย่างเห็นได้ชัด บุตรชายดยุคสามารถหลบการโจมตีที่เหมือนกับพายุดาบของสตีเวนได้ ก่อนที่เขาจะตอบโต้เล็กน้อยโดยจะเตะดาบของสตีเวนจนกระเด็น ก่อนที่จะถีบสตีเวนจนกระเด็นลงไปนอนกลิ้งกับพื้น คราวนี้ทุกคนได้ทราบเเล้วว่าเอ็ดเวิร์ดไม่ฟลุ็คเเต่อย่างใด เเต่มันมาจากศักยภาพของเอ็ดเวิร์ดล้วนๆ

     

    " ใจเย็น คุยกันดีๆ ชั้นก็บอกเเล้ววว่าไม่อยากสู้กับนาย  "

    เอ็ดเวิร์ดพยายามพูดให้สตีเวนได้สติ เขาสงสัยว่าเจ้าสตีเวนมันเป็นอะไรของมัน ปกติพระเอกเกมมันต้องเป็นพวกสุขุมรอบคอบไม่ใช่เหรอ ทำไมเขาทำอะไรอย่างมุทะลุบ้าคลั่งเช่นนี้ ก่อนที่เอ็ดเวิร์ดจะคิดได้ว่าหรือนี้เป็นรูทที่ตัวเองกดตัวเลืิอกที่ทำอะไรมุทะลุบ้าดีเดือดเเบบสุดโต้งกันนะ เเบบนั้นมันจะไม่ชิบหายหรอกเหรอ เพราะทางเลือกเเบบนี้มันมีโอกาศทำให้เกิดเเบดเอนด์มากขึ้น บุตรดยุคสงสัยว่านี้คือทางเลือกของตัวเองเกมที่ถูกต้องของสตีเวนงั้นเหรอ

     

    " เเกดูถูกกันงั้นเหรอ  "

    สตีเวนโกรธจัดก่อนที่เขาจะใช้เริ่มร่ายเวทย์ในการโจมตีใส่เอ็ดเวิร์ดซึ่งตัวเอ็ดเวิร์ดก็ยืนอยู่เฉยๆ มองดูสตีเวนด้วยสายตาที่ระมัดระวัง

     

    “ เหล่าเทพเอ๋ยจงมอบพลังให้กับข้า เป็นเเสงทำลายล้างศัตรู ไลท์นิ่งเเอร์โร่ ”

    สตีเวนทำการร่ายเวทย์เเสงเพื่อเตรียมโจมตีใส่ โรงเรียนนี้อนุญาติให้ประลองเวทย์กันได้อย่างอิสระ เเต่ถ้ามันรุนเเรงมากทางโรงเรียนมีกฏให้ไปที่สนามประลอง เพราะถ้าข้าวของที่โรงเรียนเสียหายคนก่อเรื่อง เเละคู่กรณีจะต้องจ่ายค่าเสียหายเอง ซึ่งสำหรับสตีเวนเขาไม่ได้มีปัญหาเพราะว่าการโจมตีของเขานั้น ผู้กล้าเเห่งเเสงสามารถควบคุมความเสียหายจากเวทย์บทนี้ได้ 

     

     ฟริงงงงง ฟิวๆๆๆๆ ตูมๆๆๆ เเสงสว่างวาบขึ้นก่อนที่จะเกิดเเสงเป็นลูกกลมๆ ก่อนที่มันจะกลายเป็นศรเเสงโจมตีใส่เอ็ดเวิร์ดรอบทิศทาง เกิดระเบิดขึ้นจนเกิดฝุ่นควันไม่สามารถเห็นร่างของเอ็ดเวิร์ดที่ถูกศรเวทอันรุนเเรงนี้ได้ ทุกคนต่างมองด้วยความสงสารปนสมเพช เพราะทุกคนต่างรู้ดีว่าเอ็ดเวิร์ดนั้นไร้เวทย์มนต์

     

    “ จบเเล้วสินะ ยังผู้ที่ไม่พลังเวทย์ก็ไม่มีทางชนะผู้ใช้เวทย์ได้หรอก ยิ่งเป็นผู้กล้าเเสงอย่างสตีเวนด้วยเเล้ว ”

    องค์ชายอเล็คพูดขึ้นพร้อมกับสงสารเอ็ดเวิร์ดเล็กน้อย เเต่มันก็คือผลลัทธ์ที่คนทั่วไปพอจะเดาได้ บุคคลที่ไร้เวทย์มนต์จะไปสู้กับผู้ใช้เวทย์มนต์ได้ยังไง ยิ่งเป็นสตีเวนที่เป็นถึงผู้กล้าเเห่งเเสง ซึ่งมีพลังในระดับราชันเวทย์ 5 ดาว ซึ่งมีนับคนได้ในอาณาจักรไลท์เทอร์

     

    “ หึๆๆ ”

    สตีเวนหัวเราะออกมา สุดท้ายคนที่ไร้เวทย์มนต์มันจะไปชนะเขาที่เป็นถึงราชันเวทย์ 5 ดาวได้ยังไง ผู้กล้าเเห่งเเสงอยากจะหัวเราะออกมาดังจริงๆ เเต่ติดที่ว่าเขาต้องรักษาภาพพจน์ในฐานนะผู้กล้าเเห่งเเสงทำให้เขาไม่สามารถ หัวเราะเยาะเย้ยเเบบที่คนอื่นสามารถทำได้

     

    “ ฮาๆๆ เป็นยังไงละ สุดท้ายพวกไร้เวทย์มนต์มันก็เเค่นั้นละ ”

    เพื่อนสาวของอาเซียหัวเราะออกมาอย่างสะใจเมื่อเห็นว่าเอ็ดเวิร์ดโดนเวทย์ของสตีเวน หนุ่มหล่อในดวงใจของเธอเข้าไปเต็มๆ เพราะงั้นเธอจึงรู้สึกสะใจเป็นอย่างมากที่เอ็ดเวิร์ดโดนเล่นงานกลับบ้าง

     

    “ ไร้เวทย์มนต์ เขาเป็นพวกไร้เวทย์มนต์งั้นเหรอค่ะ ”

    อาเซียพูดขึ้นถามเพื่อนของเธอด้วยความสงสัย เธอไม่คิดว่าเอ็ดเวิร์ดจะเป็นพวกไร้เวทย์มนต์ เเบบนี้ผลเเพ้ชนะมันก็ถูกกำหนดตั้งเเต่เเรกเเล้ว เเล้วเเบบนี้การประลองอย่างยุติธรรมมันอยู่ที่ไหนกัน

     

    “ ใ่ช่เเล้วละ ไอ้สวะนั้นไม่เจียมตัวเลยจริงที่ไปสู้กับผู้กล้าเเสงเเบบนั้น ”

    เพื่อนสาวพูดขึ้นอย่างร้ายกาจ ไม่ไว้ไมตรีต่อเอ็ดเวิร์ดทั้งสิ้น เธอพูดกับว่าเอ็ดเวิร์ดเป็นสิ่งน่ารังเกียจที่เเค่เอ๋ยก็รู้สึกกระดากปากเเล้ว

     

    ( ทำไมกัน เเค่ไร้เวทย์มนต์เขาถึงกับถูกรังเกลียดขนาดนั้นเลยงั้นเหรอ )

    อาเซียรู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรมเลย เเค่ไม่มีเวทย์มนต์เขาถูกรังเกลียดจากทุกคนงั้นเหรอ บุตรีดยุครู้สึกเห็นใจเอ็ดเวิร์ดพอสมควร เเม้ว่าในตอนนี้เธอจะไม่รู้จักชื่อของเขาก็ตาม เเต่สักวันเธอคิดว่าจะไปลองพูดคุยกับเขาดู

     

    ฟูมมมมม เมื่อฝุ่นควันออกมา ก็พบว่าเอ็ดเวิร์ดนั้นเเทบจะไร้รอยขีดข่วน เวทย์ของสตีเวนไม่อาจทำอันตรายอะไรเอ็ดเวิร์ดเลย ซึ่งตัวของเอ็ดเวิร์ดนั้นได้ทำการปัดเวทย์ของสตีเวนด้วยวิชาฝ่ามือคลื่นวารีทลายขุนเขา ที่มีความละเอียดอ่อนสามารถปัดบอลเเสงของสตีเวนลงพื้นได้ในชั่วพริบตาทำให้เขาไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ

     

    “ บ้าน่าไม่เป็นอะไรเลย ”

    สตีเวนมีสีหน้าที่บิดเบี้ยว หลังจากที่ตัวเองใช้เวทย์เเห่งใส่คนธรรมดาอย่างเอ็ดเวิร์ด เเต่นอกจากมันยังไม่หมดสติเเล้ว บุตรชายดยุคกลับเดินออกมาเเบบไร้รอยขีดข่วนเหมือนกับศรเเสงของเขานั้นไม่นับว่าเป็นอะไร ซึ่งเวลาคิดของเขานั้นก็ไม่ได้มีมากนัก 

     

    “ ชั้นเตือนดีเเล้วนะ เเต่นายไม่รับ เพราะงั้นอย่าหาว่าชั้นหยาบคายก็เเล้วกัน ”

    ดวงตาของเอ็ดเวิร์ดประกายด้วยอำนาจลี้ลับที่ไม่อาจอธิบายได้ ก่อนที่เขาจะเคลื่อนพลังลมปราณทั่วร่างเพื่อตอบโต้สตีเวนนั้นเอง

     ฟุบบบ คลื่นนน พื้นดินเกิดการกระเพื่อมเล็กน้อย ก่อนที่ร่างของเอ็ดเวิร์ดจะหายไป ในจุดที่เอ็ดเวิร์ดหายไปปรากฏร่องรอยน้ำที่ถูกเหยียบย่ำ ก่อนที่มันจะเเตกตัว เเละซึมลงไปในดิน ซึ่งมันไม่น่าจะเป็นไปได้ เพราะพื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นหญ้าที่มีน้ำขัง เหล่าคนที่มีพลังในระดับราชันเวทย์สามารถสัมผัสได้ถึงความผิดปกตินี้ได้ ส่วนคนที่มีพลังระดับต่ำกว่าจะเห็นเพียงเเค่เอ็ดเวิร์ดหายไปเท่านั้น เนื่องจากพลังปราณของเอ็ดเวิร์ดในปัจจุบันนั้นถ้าไม่อยู่ในระดับราชันเวทย์ ก็ย่อมอยู่ในระดับจักรพรรดินั้นเอง 

     

     ( ย่างก้าวข้ามสมุทร )

    เอ็ดเวิร์ดพลางพูดขึ้นในใจ วิชาที่เอ็ดเวิร์ดใช้คือวิชาที่เขาได้รับเเรงบรรดาลใจมาจากหนึ่งในวิชาขึ้นชื่ิอของประวัติศาสตร์ชาติการ์ตูน อย่างก้าวพริบตาซึ่งเขาเอามาประยุคใช้กับวิชาคลื่นวารีทลายขุนเขา ซึ่งมันก็กลายเป็นวิชาย่างก้าวข้ามสมุทร ซึ่งจะเรียกว่าเป็นวิชาตัวเบาเเขนงหนึ่งก็ได้ 

    มันสามารถเพิ่มความเร็วให้กับเอ็ดเวิร์ดได้อย่างมหาศาล ในชั่วพริบตาซึ่งมันจะทิ้งละอองปราณวารีธาตุเอาไว้ ซึ่งคนธรรมดานั้นไม่อาจมองเห็นได้ บุตรชายดยุคยังไม่มีวิธีตรวจสอบว่าพลังของตนนั้นอยู่ในระดับไหน ถึงจะสังเกตุความผิดเพราะงั้นเขาจึงไม่อาจรู้ได้ว่าวิชาของเขาจะได้ผลกับสตีเวนหรือไม่ ซึ่งมันมีเเต่จะต้องลองวัดดวงดูเท่านั้น

     

    “ เสร็จกัน ร่ายเวทย์ไม่ทัน ”

    สตีเวนตกใจอย่างมาก ผู้กล้าเเห่งเเสงพยายามจะร่ายเวทย์เพื่อป้องกันการโจมตีของเอ็ดเวิร์ดเเต่มันสายเกินไป เพราะยังไม่ทันที่จะร่ายเวทย์ ฝ่ามือที่อัดเเน่นไปด้วยพลังปราณที่เต็มไปด้วยธาตุวารีของเอ็ดเวิร์ดได้ซัดไปที่อกของสตีเวนเเล้ว สตีเวนเร่งใช้พลังเวทย์เเสงบริสุทธิ์มาป้องกันไว้ตามสัญชาติญาณ 

     

    ( วิชาคลื่นวารีทลายขุนเขากระบวนท่าที่ 1 ฝ่ามือสายน้ำป่นศิลา )

    ชื่อกระบวนท่าปรากฏขึ้นในใจของเอ็ดเวิร์ด กระบวนท่าที่ 1 ของวิชาคลื่นวารีทลายขุนเขาซึ่งเป็นการบีบอัดปราณวารีไว้ที่ฝ่่ามือก่อนที่จะทำการซัดออกไป ความรุนเเรงของมันนั้นเหมือนกระสุนเเรงดันน้ำสูง ซึ่งมันสามารถป่นหินขนาดใหญ่ให้กลายเป็นผุยผงได้ในฝ่ามือเดียว

     

     คลื่นนนน ตูมมมม ฝ่ามือสายน้ำป่นศิลาทะลุผ่านเกราะพลังเวทย์เเสงของสตีเวนที่สร้างขึ้นเเบบหยาบไป ซึ่งเป็นโชคดีของสตีเวนที่เขาใช้เวทย์เกราะเเสงออกมาได้อย่างทันท่วงที ถึงเเม้จะเป็นเเบบหยาบก็ตาม เเต่มันก็ดีกว่ารับตรงๆ เพราะไม่งั้นผู้กล้าเเห่งเเสงคงจะจบชีวิตลงจากการถูกหมัดสายน้ำป่นศิลา ทะลวงชีพจรทำลายอวัยวะภายในของเขาไปเเล้ว เเต่ถึงกระนั้นเขาก็ต้องได้รับความเสียหายจากวิชาของเอ็ดเวิร์ดอยู่ดี

     

    “ อักกกก ”

    สตีเวนกระอักเลือดออกมา ก่อนที่จะกระเด็นลงไปนอนกลิ้งจากการรับการโจมตีของเอ็ดเวิร์ดในทันที ซึ่งความรุนเเรงของฝ่ามือสายน้่ำป่นศิลามีอนุภาครุนเเรงมากจนคนที่พบเห็นต่างอ้าปากค้าง เพราะไม่คิดว่าสวะอย่างเอ็ดเวิร์ดจะมีท่าไม้ตายที่รุนเเรงขนาดทำให้ผู้กล้าเเสงกระอักเลือดออกมาได้เเบบนี้

     

    “ สตีเวน ”

    มิเลน่าเข้าไปดูอาการของเขาก่อนหยิบยาฟื้นฟูสูตรพิเศษให้สตีเวนดื่มในทันที ซึ่งเธอทำไปตามสัญชาติญาณของผู้ช่วยห้องพยาบาลที่ดี เพราะงั้นจะโทษว่าเธอได้ว่าไปยุ่งเรื่องการประลองในครั้งนี้ อีกเรื่องมันก็เห็นผลกันอยู่ว่าใครเป็นผู้ชนะในการประลองครั้งนี้ เพราะงั้นเรื่องควรจะจบได้เเล้ว

     

    “ ชั้นไม่ผิดนะ นายมาหาเรื่องชั้นก่อน สตีเวน ”

    เอ็ดเวิร์ดไม่ได้เข้าไปซ้ำเติมพวกสตีเวน บุตรชายดยุคคิดว่าการประลองในครั้งนี้เขาน่าจะชนะเเล้ว ซึ่งเขาก็ไม่ได้ไปไหน ได้เเต่ยืนดูอาการของสตีเวนอยู่ห่างเเบบห่วงๆ เพราะเขาก็ไม่คิดว่าฝ่ามือของเขาจะรุนเเรงจนสตีเวนกระอัดเลือดออกมาเช่นนี้ เขากลัวว่าจะเผลอไปฆ่าพระเอกเกมไป ซึ่งมันจะส่งผลต่อตอนจบ ซึ่งเขาไม่อยากให้โลกนี้ล้มสลาย เพราะเขาเผลอไปฆ่าตัวเอกหรอกนะ

     

    “ คิกๆๆ เขาเป็นคนตลกดีนะคะ ”

    อาเซียที่เห็นท่าทีเด่อๆด้าๆของเอ็ดเวิร์ด เธอก็หัวเราะคิดคักออกมา ซึ่งอันที่จริงเธอก็ตกใจอยู่หรอกว่าเอ็ดเวิร์ดสามารถใช้การโจมตีที่รุนเเรงได้ ซึ่งบุตรีดยุคก็สงสัยว่าเอ็ดเวิร์ดทำเเบบนั้นได้ยังไงในเมื่อเขาไม่มีพลังเวทย์ เเต่เมื่อเห็นท่าทางน่ารักของเอ็ดเวิร์ดทำให้เธออดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา

     

    “ อะไรของเธอเนี้ยอาเซีย ”

    เพื่อนสาวของอาเซียมองดูบุตรีดยุคด้วยสายตาปลาตาย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมอาเซียถึงต้องขำด้วย เธอไม่เข้าใจว่าอาเซียขำที่สตีเวนโดนเล่นงาน หรือขำกับท่าทีตลกๆของเอ็ดเวิร์ดกันเเน่ ซึ่งเธอรู้สึกไม่ปลื้มเป็นอย่างมาก เเต่เธอก็ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอาเซียเป็นบุตรีดยุค เเละตัวเธอก็คบกับเธอเพื่อผลประโยชน์ทางตระกูลด้วย ไม่งั้นเธอไม่คบกับคนที่เธอรู้สึกอิจฉาจนอยากจะฆ่าให้ตายอย่างอาเซียหรอก

     

    มาทางด้านองค์ชายอเล็ค กับองค์หญิงอลิเซีย

    องค์ชายอเล็คกับองค์หญิงอลิเซียต่างตกตะลึงกับความเปลี่ยนเเปลงของเอ็ดเวิร์ด ความเเข็งเเกร่งของเขานั้นเเตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างเห็นได้ชัด ทั้งๆที่เมื่อก่อนบุตรชายดยุคมักจะถูกสตีเวนอัดจนน่วมเเท้ เเต่นี้เอ็ดเวิร์ดกลับสามารถตอบโต้สตีเวนกลับได้ เเละสามารถเล่นงานให้ผู้กล้าเเห่งเเสงกระอักเลือดจนเเพ้ไปเช่นนี้

     

    “ นั้นมันเป็นได้ยังไง ปกติเวทย์มนต์มันต้องร่ายก่อนไม่ใช่เหรอค่ะ เเต่นี้มันเหมือนกับ ”

    องค์หญิงอลิเซียพูดขึ้นหลังจากที่ใช้เนตรมนตราเธอก็พบว่าชีพจรพลังธรรมชาติของเขานั้นระเบิดออกมาก่อนที่มันจะถูกดูดซับ เเละไหลกลับไปอยู่ใต้ท้องน้อย ซึ่งมันไม่ควรเป็นเเบบนั้น สำหรับเเกนพลังเวทย์ของนักเวทย์ทั่วไปนั้นจะอยู่ที่หัวใจ เพื่อให้สามารถดึงพลังธรรมชาติผ่านชีพจรต่างๆในกระเเสเลือด กลั่นออกมาเป็นเวทย์มนต์ได้ ซึ่งหากหลอมรวมพลังธรรรมชาติในจุดอื่นมันจะทำให้การไหลเวียนของพลังไม่สะดวก เเละอาจส่งผลร้ายกับผู้ใช้ได้ หากมันไปตีกับเเกนพลังที่อยู่ในหัวใจซึ่งทุกคนจะมีมันตั้งเเต่เกิด

     

    “ พี่ก็ไม่รู้เเต่เหมือนกับเอ็ดเวิร์ดดึงพลังเวทย์ออกมาก่อนที่จะจู่โจมในชั่วพริบตา เเต่การทำเเบบนั้น ”

    องค์ชายอเล็คที่ศึกษาเรื่องเวทย์มนต์มามากเขาก็ยังตกใจ การระเบิดพลังเวทย์จากชีพจรเเบบนั้นเเน่นอนว่าพลังธรรมชาติที่ใช้ออกมันย่อมรุนเเรง เเละรวดเร็วกว่าการใช้เวทย์เเบบร่ายอยู่เเล้ว เเต่ที่เขาสงสัยก็คือชีพจรเวทย์ของเขาทนการระเบิดที่รุนเเรงเเบบนั้นได้ยังไง เพราะถ้าเป็นจอมเวทย์ทั่วไปชีพจรเวทย์คงจะฉีกขาดกลายเป็นคนพิการไปเเล้ว ซึ่งถ้าโชคร้ายก็อาจจะถึงขั้นเเกนพลังเวทย์ระเบิด เเละทำให้จอมเวทย์คนนั้นเสียชีวิตในทันที 

     

    “ โอ้นั้นใครสู้กันนะ โอวน่าสงสารจริงๆนะ ที่ต้องสู้กับสตีเวนนะ  ”

    เสียงของหญิงสาวคนนึงดังขึ้นก่อนจะปรากฏหญิงสาวผมสีครีมใบหน้าเรียมคมดูมีความมั่นใจเหมือนหญิงสาวสมัยใหม่ เธอใส่ชุดสีเเดงสดทับด้วยชุดกาวน์เหมือนกับนักวิจัย เธอก็คือ‘ลิเลีย ฟอร์จูน’ลูกสาวของมหาจักรพรรดิเวทย์คนปัจจุบัน'เอลิน่า ฟอร์จูน'ผู้อำนวยการของโรงเรียนฟอร์จูน่าเเห่งนี้นั้นเอง

     

    “ ลิเลีย ฟอร์จูนงั้นเหรอ เเปลกนะที่เจ้าออกมาข้างนอกจากห้องทดลองเเบบนี้นะ ”

    องค์ชายอเล็คพูดขึ้นอย่างเเปลกใจ เพราะว่าร้อยวันพันปีหายากที่จะได้เห็นอัจฉริยะจอมเวทย์อย่างลิเลียออกมาเดินเล่นเเบบนี้ เพราะตามจริงเเล้วเธอไม่ค่อยชอบคลุกคลีกับผู้คนสักเท่าไร เเละชอบคลุกอยู่ในห้องทดลองเพื่อวิจัย เพื่อพัฒนาเวทย์มนต์ใหม่ๆของเธอนั้นเอง

     

    “ ใครจะอุดอู่อยู่เเต่ในห้องทดลองละ ว่าเเต่นั้นใครเหรอ ”

    ลิเลียพูดปฎิเสธข้อกล่าวหาของอเล็คในทันที ถึงนักวิจัยสาวจะเป็นนักวิจัยเวทย์มนต์เเต่เธอก็มักจะออกมาเดินสูดอากาศที่โรงเรียนบ้าง เเต่เธอมักจะออกมาในช่วงที่ไม่ค่อยมีคน เพราะรู้สึกรำคาญที่ๆมีคนเยอะก็ตามที่ เเต่ลิเลียเถียงสุดใจว่าเธอเป็นคนที่ชอบอุดอู้อยู่ในห้องทดลอง ก่อนที่นักวิจัยสาวจะถามถึงตัวตนของผู้โชคร้ายที่ถูกผู้กล้าเเห่งเเสงจ้องเล่นงานเช่นนี้

     

    “ เอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ด ”

    องค์หญิงอลิเซียตอบด้วยน้ำเสียงที่นิ่ง เเต่ดวงตาของเธอจ้องมองไปที่การต่อสู้ของเอ็ดเวิร์ด ที่สามารถสู้สตีเวนได้อย่างสบายๆ เเม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้ใช้ศาตราผู้กล้าก็ตาม เเต่เเค่นี้ก็เเสดงให้เห็นว่าเอ็ดเวิร์ด วิลฟอร์ด ไม่ได้อ่อนเเอกว่าราชันเวทย์ระดับ 5 ดาวเลย

     

    “ หาเจ้าขยะนั้นนะเหรอ ทำไมมันถึงได้เก่งขึ้นมาเเบบนั้นละ ”

    ลิเลียพูดขึ้นด้วยสีหน้ารังเกียจ ดูเหมือนว่าชื่อเสียของเอ็ดเวิร์ดนั้นจะขจรไปไกล เเม้เเต่คนที่ไม่ค่อยตามข่าวสารอย่างนักวิจัยเวทย์มนต์สาวก็ยังรู้จักเขา ซึ่งลิเลียไม่เข้าใจว่าทำไมเอ็ดเวิร์ดถึงสามารถโต้กลับจนสตีเวนลงไปนอนกองเเบบนั้น

     

    “ ลองใช้เนตรมนตราดูสิ ”

    องค์หญิงอลิเซียให้ลิเลียดูด้วยตาของตัวเอง เมื่ิอลิเลียมองเห็นหลักการใช้พลังของเอ็ดเวิร์ด นักวิจัยสาวก็ถึงกับตาเบิกตาโพรงอย่างตกใจ เพราะไม่คิดว่าจะมีไอ้บ้าที่ไหนใช้พลังธรรมชาติออกมาโจมตีในรูปเเบบนี้ 

     

    “ หาาาา บ้าไปเเล้วไอ้หมอนั้นมันระเบิดชีพจรเวทย์ตัวเองงั้นเหรอเดียวก็ตายหรอก ”

    ลิเลียพูดขึ้นก่อนจะเห็นพลังงานธาตุวารีที่ถูกสะสมไว้ในร่าง ซึ่งพลังของเอ็ดเวิร์ดนั้นสามารถเพิ่มความสามารถให้กับร่างกายได้ในชั่วพริบตา ซึ่งมันเป็นน่าตกตะลึงอย่างมาก เพราะการที่เขาทำเเบบนี้ได้นั้นเป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมาก

     

    “ เขาระเบิดชีพจรเวทย์ไปเเล้วสองครั้ง เเต่ก็ไม่ตาย เเถมดูดีๆสิ ”

    องค์ชายอเล็คพูดขึ้นก่อนที่จะให้ลิิเลียสังเกตุดีๆ ซึ่งพวกเขาที่สังเกตุอยู่นานเขาก็พบว่าพลังธาตุวารีของเอ็ดเวิร์ดเเทบไม่ลดเลย เพราะมันสามารถดูดพลังธรรมชาติรอบตัวมาเติมพลังให้กับเเกนพลังธรรมชาติตรงท้องน้อยของเขาได้

     

    “ บ้าน่าพลังของเขาเเทบไม่ลดเลย อะ หมอนั้นบ้าไปเเล้วเหรอไง ถึงกับเรียกศาตราผู้กล้าออกมาสู้นะ อีกฝ่ายไม่มีอาวุธนะ ”

    ลิเลียพูดขึ้นก่อนที่เธอจะตกใจ เพราะไม่คิดว่าสตีเวนจะใช้ศาตราผู้กล้าเเบบนี้ เอ็ดเวิร์ดมีค่าพอที่ถึงขนาดต้องงัดศาตราผู้กล้าออกมาเลยอย่างงั้นเหรอ

     

    “ เหตุการณ์มันชักจะเลยเถิดไปเเล้วนะ เเบบนี้นะ ”

    องค์หญิงอลิเซียพูดขึ้นอย่างตกใจ องค์หญิงเเห่งเเสงกำลังจะไปห้ามไม่ให้สตีเวนลงมือ เพราะการฆ่าเอ็ดเวิร์ดมันจะส่งผลกระทบต่ออาณาจักรของพวกเราอย่างเเน่นอน เธอจึงกำลังจะไปห้ามเเต่องค์องค์ชายอเล็คได้ห้ามเธอเอาไว้ก่อน

     

    “ ฮาๆๆ อย่าพึ่งไปขว้างสิ กำลังจะได้เห็นอะไรสนุกก็คราวนี้ละนะ เธอไปขว้างเเบบนี้ก็หมดสนุกกันพอดีสิ ”

    องค์ชายอเล็คได้ขว้างไม่ให้องค์หญิงอลิเซียไม่ให้ไปหยุดสตีเวน เพราะหากอลิเซียไปหยุดการต่อสู้ในครั้งนี้ มันก็หมดสนุกกันพอดี ซึ่งองค์หญิงอลิเซียก็สงสัยว่าพี่ชายฝาเเฝดของเธอจะหยุดเธอทำไม เเต่องค์หญิงเเห่งเเสงก็สงบใจลง เเละรอดูสถานการณ์อยู่เงียบๆหากสถาการณ์มันเลวร้ายเธอจะเข้าไปหยุดสตีเวนเอง

     

    “ สตีเวน อย่าพอได้เเล้ว ”

    มิเลน่าเองก็เริ่มรู้สึกว่าการปะทะกันนี้มันชักจะเลยเถิดไปเเล้ว เธอไม่อยากให้ทั้งสองต้องสู้กันจนมีคนตายกันไปข้าง เเต่ดูเหมือนว่าสตีเวนจะไม่สนใจเมื่อได้รับยาฟื้นฟูจากมิเลน่า เขาก็ลุกขึ้นเตรียมที่จะสู้กับเอ็ดเวิร์ดต่อในทันที

     

    “ ชั้นจะฆ่าเเก จงออกมาเบรฟไลท์นิ่ง ”

    สตีเวนพูดขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนที่จะเรียกศาตราผู้กล้า ดาบศักดิ์สิทธิ์เบรฟไลท์นิ่งออกมา ซึ่งการที่เขาเรียกอาวุธในตำนานของผู้กล้าออกมาเเบบนี้ มันก็ออกจะเกินเหตุเกินไป เพราะอีกฝ่ายนั้นไร้ซึ่งอาวุธเเถมไม่มีพลังเวทย์ เเต่ดูเหมือนว่าผู้กล้าเเห่งเเสงจะไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นอีกเเล้ว ในหัวของเขามีเเต่เรื่องฆ่าเอ็ดเวิร์ดเท่านั้น

    ฟริงงง คลื่นนนน เเสงสว่างปรากฏขึ้นก่อนที่จะปรากฏดาบสีทองเล่มงาม 1 เล่มปรากฏอยู่ที่มือของสตีเวน ตัวดาบมีอัญมณีสีทองไพลินอยู่ที่ตัวดาบ ทำให้มันดูดงดงามเป็นอย่างมาก ตัวดาบสลักไปด้วยอักษรรูนที่เปล่งเเสงสีทอง ซึ่งเเพร่อออร่าเเห่งเเสงออกมา นั้นเเสดงให้้เห็นว่าศาตรานี้นั้นทรงพลังมากเเค่ไหน

     

    “ นายระวังข้างหลังค่ะ”

    อาเซียที่เห็นว่าเอ็ดเวิร์ดไม่ทันระวัง เพราะกำลังหันหลังเดินไปที่ตึกเรียน เธอจึงร้องเตือนเอ็ดเวิร์ดให้เขากลับมาป้องกันตัว ซึ่งเอ็ดเวิร์ดที่คิดว่าการต่อสู้จบเเล้ว เขาก็รู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงของอาเซีย เเต่ว่าเขาประมาทพลังของสตีเวนที่เพิ่มขึ้น 1 ระดับเกินไป เพราะเขาไม่สามารถหลบการโจมตีได้อย่างเเน่นอน

     

    ( เเย่ละสิ เร็วเกินไปหลบไม่พ้นเเน่ )

    เอ็ดเวิร์ดคิดว่าไม่ดีเเล้ว การที่ต้องต่อสู้กับจักรพรรดิเวทย์ 1 ดาว มันออกจะเกินมือเขาไป เเละอีกเรื่องดาบเเห่งเเสงในตำนานก็น่าสะพรึงกลัวเกินกว่าที่เขาจะต้านทานได้ เอ็ดเวิร์ดจึงใช้วิธีเเบบเดียวกับสตีเวนนั้นคือสร้างโล่พลังปราณขึ้นป้อนกันตัวเอง

     ฟริงงง เพล้งงง ฟุบบบ ฉัวะ!! ดาบเเห่งเเสงฟันทะลุโล่ปราณของเอ็ดเวิร์ดจนเเตกเป็นชิ้นๆก่อนที่ตัวดาบจะฟาดลงมากลางลำตัวของเอ็ดเวิร์ด กลายเป็นเเผลขนาดใหญ่ ซึ่งหากเอ็ดเวิร์ดไม่กางโล่ป้องกันไว้ เกรงว่าคมดาบคงจะตัดร่างของเขาจนขาดเป็นสองท่อนไปเเล้ว

     

    “ อักกก นึกว่าป้องกันได้เเล้วบ้าจริง  ”

    เอ็ดเวิร์ดที่ได้รับความเจ็บปวดทางจิตวิญญาณซึ่งเป็นผลจากพลังเเห่งเเสง เอ็ดเวิร์ดล้มลงไปนอนกับพื้นพร้อมกับหายใจโรยริน บาดเเผลของเขาสาหัสมาก เเถมเลือดไม่หยุดไหลไม่หยุด ถึงเเม้ว่าเขาจะใช้พลังปราณหยุดเลือดก็ตาม เเต่ว่าพลังเวทย์เเสงที่เข้าไปทำลายร่างกายของเขาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เอ็ดเวิร์ดต้องใช้พลังปราณสะกัดปราณเเสงที่เเสนอำมหิตเหล่านี้ไม่ให้ไปทำลายอวัยวะสำคัญ เพราะงั้นเขาจึงต้องปล่อยให้เลือดไหลอยู่เเบบนี้จนกว่าจะไล่พลังธาตุเเสงที่เเฝงมาจากดาบศักดิ์สิทธิ์ออกไปจนหมดก่อน

     

    “ ตายซะ ”

    สตีเวนตะโกนออกมาด้วยความโกรธ ก่อนที่จะใช้ดาบศักดิ์สิทธิ์ฟาดลงมาหมายที่จะซ้ำให้เอ็ดเวิร์ดตายสนิท เเต่ดูเหมือนว่าสตีเวนจะไม่ยอมจบเเค่นั้น จนกว่าเอ็ดเวิร์ดจะตายผู้กล้าเเห่งจะไม่มีวันยอมหยุด เเม้ว่าจะมีคนพยายามจะมาห้ามเขาไว้ก็ตาม

     

    “ ว้ายยย ”

    มิเลน่ากรีดร้องออกมาก่อนที่จะปิดตาเพื่อไม่ให้เห็นภาพอันโหดร้าย เเต่ว่าเสียงของดาบที่ฟาดลงมากับไม่ใช่เสียงของดาบที่ฟาดกับเนื้อ เเต่มันกับเป็นเสียงเหล็กปะทะกันก้องกังวาล ซึ่งหากเป็นดาบปกตินั้นก็คงจะป้องกันการโจมตีของดาบศักดิ์สิทธิ์เเห่งเเสงไม่ได้ มันจึงทำให้มิเลน่าลืมตาขึ้นมาเพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้น

    ฟุบบบ เป้งงงง ดาบเเห่งเเสงได้ปะทะเข้ากับดาบเรเปียร์สีฟ้าที่สลักลวดลายเเห่งวารีเอาไว้ ตัวดาบมีรูนวารีที่เเพร่พลังธาตุวารีอันรุนเเรงออกมา พร้อมกับตรงกระบังดาบนั้นมีอัญมณีอความาเรียนก้อนโตประดับไว้ พร้อมกันนั้นหญิงสาวผมสั้นสีดำที่มีใบหน้างดงามเเต่ก็เเฝงไปด้วยความดุดันเเบบนักรบหญิง เธอคือผู้กล้าสาว ซาช่า วาเลนเซีย ญาติห่างๆของเอ็ดเวิร์ดนั้นเอง

     

    “ คิดจะทำอะไรนะกับญาติของชั้นนะสตีเวน ”

    ซาช่าพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อเห็นว่าสตีเวนต้องการที่จะสังหารญาติของเธอ ซึ่งอันที่จริงเธอดูการต่อสู้ครั้งนี้อยู่ก่อนเเล้ว เเต่ว่าเธอพึ่งจะปรากฏตัวออกมาช่วยเอ็ดเวิร์ด เมื่อเห็นว่าเขาถูกดาบศักดิ์สิทธิ์เเห่งเเสงทำร้าย มันจึงทำให้เธอไม่อาจอยู่เฉยได้อีกต่อไป 

    เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อไปซาช่าจะสามารถหยุดผู้กล้าเเห่งเเสงที่โกรธจนขาดสติได้หรืิอไม่ เอ็ดเวิร์ดจะรอดจากการโจมตีของสตีเวนได้หรือไม่โปรดติดตามตอนต่อไป

     

    จบตอน

    จบไปเเล้วนะครับสำหรับตอนนี้เป็นยังไงบ้าง สำหรับตอนนี้ก็เป็นการปะทะสั้นๆระหว่างเอ็ดเวิร์ดกับสตีเวนนะครับ ซึ่งต้องบอกไว้ก่อนว่าเอ็ดเวิร์ดถึงจะฝึกได้ 1 ปีเเต่เขาก็ยังไม่ได้มีประสบการณ์สู้จริงนะครับ มันจึงไม่เเปลกที่ตัวเขาจะพลาดท่าได้ง่ายๆเช่นนี้ ความประมาทเป็นหนทางสู่ความตายนั้นคือนิยามความพ่ายเเพ้ของเอ็ดเวิร์ดครับ เรื่องราวจะเป็นยังไงต่อโปรดติดตามต่อในตอนหน้านะครับ

    สำหรับการเปลี่ยนเเปลงในรอบนี้ เอ็ดเวิร์ดจะไม่ซ่าท้าสู้กับสตีเวนครับ เขาพูดดีกับอีกฝ่ายเลยครับ เเละใช้กำลังเท่าที่จำเป็นครับ ซึ่งมันจะเเสดงให้เห็นเลยครับว่าเอ็ดเวิร์ดไม่ได้ลงมือมากครับ 1 ฝ่ามือลงไปนอนเขาก็หยุดทันทีครับ ไม่ซ้่ำอีกฝ่ายให้ตายทั้งๆที่เขาทำได้

     ส่วนสตีเวนผมเพิ่มความหัวร้อน ความไร้เหตุผล เเละความอำมหิตเพิ่มขึ้นครับ เหตุผลเนื่องจากอะไรทำไมเขานิสัยเป็นเเบบนี้ สำหรับคนที่อ่านมาก่อนเเล้วจะรู้ครับ ไปอ่านต่อในอนาคตจะเข้าใจเองครับ 

    มิเลน่าจะอ่อนโยนเเละมีเหตุผลมากขึ้นครับ เธอจะห้ามสตีเวนตั้งเเต่ต้นครับ เพราะไม่อยากมีเรื่องกับเอ็ดเวิร์ด ซึ่งจะเเสดงให้เห็นว่าเธอเป็นคนอ่อนโยน เเละมองโลกในเเง่ดีมากๆครับ เเตกต่างจากเวอร์ชั่นก่อนที่มีนิสัยซึนเดเระ ซึ่งไม่เข้ากับลักษณะนิสัยของเธอครับ

    ส่วนซาช่าจะไม่ได้เข้าข้างสตีเวนนะครับ เเต่ผมเปลี่ยนให้เธออยู่ข้างเอ็ดเวิร์ดตั้งเเต่เเรก เนื่องจาก…. ไปอ่านเองครับว่าเธอได้รับงานมาจากใคร เเละให้ทำอะไร ผมจะไม่สปอยครับ เพราะคนที่อ่านมาเเล้วจะรู้ว่าซาช่าทำงานให้ใครครับ

    เเละสำคัญที่สุดคือการปรากฏตัวของตัวละครสำคัญ บุตรีดยุค อาเซีย ฟอลสตาร์ครับ อันนี้ในต้นฉบับยังไม่ปรากฏตัวครับ ผมเขียนให้เธอออกมาก่อนเวลาที่ควรครับ ซึ่งเธอเป็นใคร เเละมีบทเเบบไหนไปอ่านเองครับ เพราะคนที่อ่านเวอร์ชั่นก่อน จะรู้ครับว่าเธอเป็นลูกรักคนเขียน 555555

     

    ป.ล. สำหรับคนที่อ่านมาเเล้ว เเละรู้ว่าองค์ชายอลันเป็นใคร ถามว่าตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่ในระหว่างที่เอ็ดเวิร์ดกำลังจะโดนฆ่า คำตอบคือเขากำลังง้างธนูรออยู่ครับ เเต่ซาช่ามาเเย่งซีน เขาจึงไม่ได้ยิงออกไปครับ เพราะงั้นก็รู้กันนะครับว่าเอ็ดเวิร์ดจะรอดจากอีเวนต์นี่เเน่นอน เพราะมีอีกคนค่อยช่วยจากในเงามืด 55555

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×