ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    RE-World เกิดใหม่เป็นตัวร้ายก็ร้ายเเบบมีสไตล์ละกัน (เปิดให้อ่านฟรีหมดเเล้วนะครับ)

    ลำดับตอนที่ #1 : บทนำ คลื่นเเทรกปริศนา กับการมาจุติใหม่ในต่างโลก

    • อัปเดตล่าสุด 6 พ.ค. 66


    เมืองเทพนคร ประเทศ กะลาเเลน

    ยินดีต้อนรับสู่เมืองที่มีคอรัปชั่นมากที่สุดในโลก กะลาเเลนประเทศที่เต็มไปด้วยเเสงสี เเละกระหรี่ อุ๋ยโทษทีมันออกจะเป็นคำที่เเรงไปหน่อย เเต่ถ้ารู้เเล้วก็ช่วยอุบไว้ด้วยละว่ามันเป็นเรื่องจริง เอาละมาเริ่มของจริงกันเลยดีกว่า นี้เป็นเรื่องราวของชายคนนึงที่มายังสนามบินเพื่อออกจากประเทศ ฝั่งดูเหมือนกับพล็อตหนังทั่วไปใช่ไหม เเต่ความจริงเเล้วมันไม่ใช่ เพราะมันมีอะไรที่มากไปกว่านั้น

     

     “ ออกไป ออกไป เราไม่เอา เราไม่เอา ประชิด  ” 

    เสียงของผู้ชุมนุมดังขึ้นด้วยอารมณ์ที่เกรียวกราด คนที่ถูกกล่าวถึงก็ พลเอกประชิด จันทร์โอชิส นายกรัฐมนตรี ของประเทศกะลาเเลน โดยการรัฐประหารเมื่อ 30 ปีก่อนทำให้การบริหารประเทศนั้นเละเทะจนประเทศกะลาเเลน ผู้คนอดตาย เเละยากจน เนื่องจากตกงานกันถามว่าเเล้วเเรงงานละ ต้องบอกว่าเเรงงานส่วนใหญ่ของประเทศนี้จะเป็นชาวต่างชาติ เเละพวกต่างด้าวซะส่วนใหญ่ เพราะชาวกะลาเเลนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นพวกรักสบาย งานบริการ งานโรงงาน เเละ งานก่อสร้าง จึงมักจะโดนพวกต่างด้าวเเย่งงานหมด 

    ไม่ต้องถามถึงเรื่องงานบริษัทซึ่งในยุคนี้นั้นเกณฑ์ในการรับพนักงานก็ต้องจบปริญญาโท เเละต้องพูดได้ 3 ภาษา นับว่าหินเอาเรื่อง เเละที่น่าสงสารสำหรับคนพวกนี้คือเงินเดือนน้อย เเละยังถูกจิกหัวใช้ยังกะทาส บางคนรับไม่ได้ออกมาตกงานคิดสั้นก็มีมากมาย เเละคนพวกนี้ก็พวกที่มาชุมนุมประท้วงเรื่องการบริหารที่ล้มเหลวทำให้เศษฐกิจตกต่ำที่เป็นสาเหตุทำให้พวกเขาตกงาน เเละหางานใหม่ไม่ได้นั้นเอง

     

    " ประชิดออกไป ประชิดออกไป "

    เสียงโห่ร้องให้นายกจากเหล่าผู้ชุมนุมดังต่อเนื่อง เหล่าทหารอากาศต้องลำบากมาควบคุมสถานการณ์เนื่องจากพวกนี้มีหน้าที่ดูเเลรักษาความสงบเรียบร้อยตามเขตสนามบินต่างๆ พวกเขาต่างมีสีหน้าเรียบเฉย เเต่ในใจก้นด่าสาปเเช่งผู้ชุมนุม เพราะมันทำให้พวกเขาอดกลับบ้านไปหาครอบครัว พวกเขาต่างปราถนาให้พวกนี้กลับบ้านไปสักที เนื่องจากอยู่ในระบบกองทัพภายใน ทำให้พวกเขาเข้าใจดีว่าการมาชุมนุมเเบบนี้มันไร้ประโยชน์ ซึ่งตัวของชายหนุ่มเองก็รู้สึกสงสารพวกเขาจับใจ เพราะเคยอยู่ในสถานการณ์เดียวกันมาก่อน

     

    “ เหอออ ให้ตายสิตาประชิดก็อยู่มา 30 ปีเเล้วยังไม่ชินกันอีกเหรอ ว่าเเต่ตาเเก่นั้นมันเป็นอมตะเหรอไง ผ่านไป 30 ปีเเล้วหน้าเเทบไม่เปลี่ยน ”

    ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยหน่าย สำหรับวันนี้จะเป็นวันสุดท้ายที่ชายหนุ่มจะได้อยู่ที่ประเทศโง่ๆนี้ไปเเสวงหาความศิวิไลที่ต่างประเทศ ชายคนนี้มีชื่อว่าทศพล จิตไพรบูรณ์ มีชื่อเล่นว่าทศ ถ้าจะให้เล่าประวัติของเขาก็ออกจะรู้สึกติดขัดนิดหน่อย เพราะทศพลก็ไม่ได้เป็นคนที่มีชื่อเสียง หรือความสามารถโดดเด่นอะไร 

    เขาก็เป็นเเค่นักศึกษาจบใหม่ที่กำลังหางานหลังจากพึ่งถูกปลดประจำการจากกองทัพเท่านั้นเอง เเน่นอนว่าทศพลตกงานอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เเต่เขาก็พอจะมีทุนอยู่บางสำหรับการออกไปเริ่มต้นใหม่ที่นอกประเทศ เเน่นอนว่าการที่เขายอมลงทุนเรียนภาษาอังกฤษนั้นก็ไม่ได้เสียเปล่าซะทีเดียว เพราะชายหนุ่มได้ทำเรื่องเรียนต่อที่นั้นเเล้ว มันจึงเป็นสาเหตุที่เขามาที่นี้วันนี้นั้นเอง

     

    “ ทำไงได้วะก็เพราะเเบบนี้ไม่ใช่เหรอไงมึงถึงได้มาที่นี้ไอ้ทศ น่าอิจฉาจังเว้ย กูเหลือเวลาตั้ง 1 ปีกว่าจะปลดนะ ”

    เสียงของพลทหารคนหนึ่งพูดขึ้นใช่เเล้วเขาเป็นเพื่อนทหารรุ่นเดียวกับทศนั้นเอง ซึ่งทศพลนั้นปลดประจำการออกมาก่อนเพราะเขามีวุฒิทำให้เป็นเเค่ 6 เดือน เเต่เพื่อนคนนี้จะต้องประจำการอยู่ที่ค่ายเป็นเวลา 2 ปี เพราะไม่มีวุฒิยื่นนั้นเอง เเละเนื่องจากความวุ่นวายของผู้ชุมนุมทำให้เพื่อนทหารคนนี้มีเวลามาพูดคุยกับผมนั้นเอง

     

    “เอาน่าเพื่อนทนอีก 1 ปีเดียวนายก็จะเป็นอิสระเเล้ว เดียวพอไปถึงที่เเฮมเบอร์เเลนเดียวจะบอกเล่าประสบการณ์การไปอยู่ที่นั้นให้ก็เเล้วกันนะ ”

    ทศพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ ถ่ามกลางความอิจฉาของเพื่อนทหารของเขาที่เเอบอู้งานมาคุยกลับทศพล ซึ่งในวันนี้จ่าที่ดูเเลรับผิดชอบชุดทหารที่ปฎิบัติหน้าในบริเวณสนามบิน กำลังวุ่นวายกับกลุ่มผู้ชุมนุมที่มาเรียกร้องสิทธิเสรีภาพ 

    ซึ่งการชุมนุมหลายครั้งก็มีเหตุรุนเเรงเกิดขึ้นทำให้ตัวจ่าที่มาด้วยเเทบไม่มีเวลาว่างมาคุมทหารที่มาด้วยทั้งหมดนั้นเอง เพื่อนทหารของเขาจึงเเอบมาอู้ได้เช่นนี้ จนกระทั่งเกิดเหตุบางอย่างขึ้นทำให้ทศพลหยุดคุยกับเพื่อนเพื่อดูสถานการณ์นั้นเอง

     

    “กรี้ดดดด เครื่องบินกำลังพุ่งมาทางนี้ " 

    เสียงกรี้ดร้องของหญิงสาวคนนึงดังขึ้น เเละผู้ชุมนุมจำนวนมากก็เสียงโวกเวกโวยวายขึ้น ทศพลได้เเต่มึนงงๆกับเหตุการณ์ที่เกิดว่า พวกเขาเเตกตื่นกันเรื่องอะไร ซึ่งจู่ๆทศก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา

     

    “ อึกกกก ” 

    ทศกุมขมับของตัวเองโดยความปวดหัว ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้ตัวว่าโลกในตอนนี้มันกำลังหยุดนิ่ง ก่อนที่จะมีคลื่นบางบางอย่างเหมือนกับคลื่นดิจิตัล กำลังสั่นไหวอยู่รอบตัวเขา ก่อนที่ทุกอย่างจะกลับเป็นเหมือนเดิม เป็นระยะๆ ซึ่งเขาก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา

    วืดดด ซ่าาาา วืดดด ซ่าาา ภายรอบตัวของเขาเเตกพร้อมกับเสียงเหมือนกับวิทยุสมัยก่อน ซึ่งมันทำให้ทศรู้สึกปวดหัว เเละอยากจะออกไปจากโลกใบนี้ ซึ่งเขาก็รู้สึกว่าสมองเหมือนกับกำลังเเตกเป็นเสี่ยงๆ ก่อนที่ตัวเขาจะเริ่มมีอักขระสีดำบางขึ้นตามร่างกาย ก่อนที่จะค่อยๆหายไป พร้อมกับมีเสียงของชายเเก่ท่าทางใจดีดังขึ้น

     

    < เจ้าหนูตื่นได้เเล้ว จำไว้ว่าสิ่งนี้ไม่ใช่ความจริง จำเอาไว้ ตั้งสติเเละลืมตาขึ้นมา >

    เสียงของชายเเก่พูดขึ้นให้ทศพลลืมตาตื่นขึ้นมา ซึ่งเขาไม่เข้าใจว่าลืมตาตื่นอะไร ไม่ใช่ว่าเขากำลังตื่นอยู่ไม่ใช่เหรอ เเต่ในใจของเขารู้สึกว่าโลกนี้ไม่ใช่ความจริง เเละเสียงของชายเเก่ ก็ดูน่าเชื่อถือด้วยไม่รู้ทำไม เเต่ทศพลกลับเชื่อใจเสียงของตาเเก่นั้น

     

    “ เสียงนี้มันอะไรนะ อึกก จำไม่ได้เลย เเต่ว่าเราจะต้องออกไปจากที่นี้ "

    ทศพลพูดขึ้นพร้อมกับตั้งสติ เขารู้สึกว่าท่ี่นี้มันไม่ใช่ความจริง ชายหนุ่มตั้งสติ เเละตัดสินใจที่จะหาทางออกไปจากที่นี้ ไม่รู้ทำไมเเต่เขารู้สึกว่าเหมือนตัวเขามีพลังที่จะสามารถทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงได้

     

    “ ไอ้ทศเครื่องบินกำลังพุ่งมาทางนี้  " 

    เพื่อนทหารของทศพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ตื่นกลัวพร้อมกับชี้ไปทางด้านหน้าต่างของสนามบิน เเต่ในหัวของทศกลับไม่ได้สนใจเสียงของเพื่อนทหาร เพราะเขาคิดว่าโลกใบนี้มันไม่ใช่ความเป็นจริง

     

    “  อึกกก ย้ากกกกก ”

    ทศร้องออกมาอย่างสุดเสียง ทันทีที่เขาหันไปปรากฎเครื่องบินโบอิ้งขนาดใหญ่ เบื้องหน้าของเขาพร้อมกับทะลุกระจกพุ่งตรงลงมาที่ทศพล ซึ่งพริบตานั้นทุกอย่างก็หยุดนิ่ง อักขระที่ควรจะหายไปปรากฏขึ้น เเม้ว่าจะเลือนลางเเต่มันก็ปรากฏขึ้นเเล้ว ก่อนที่มิติจะเกิดรอยร้าว

    ตึงงง เพล้งงง วูบบบบ มิติที่เขาอยู่เเตกออกก่อนที่เขาจะหลุดออกจากภวังค์ สิ่งที่เขาได้เจอที่สนามบินนั้นเป็นเเค่เรื่องจอมปลอมมันไม่ใช่เรื่องจริงเลย เเละตอนนี้เขาก็หลุดออกมาจากมิตินั้นได้เเล้ว

     

    “ เอ๋ ที่นี้ที่ไหนเนี้ย ” 

    ทศพลอุทานด้วยความสงสัย หลังจากที่หลุดออกมาจกามิติประหลาด ตัวเขาก็มาอยู่ห้องมืดๆที่ไหนสักเเห่ง ในระหว่างที่ทศกำลังจะสำรวจเขาก็ได้ยินเสียงปริศนาทำให้ให้เขาหันไปทางต้นเสียง

     

    “ อือออ อือออ อือออ ”

    ภาพที่ทศเห็นคือหญิงสาววัย 16 - 17 ทรวดทรงองค์เอวกำลังพอดี โครงหน้ารูปไข่ผิวขาวเหมือนไข่มุข เส้นผมสีน้ำตาลปะบ่า นอนอยู่ในสภาพที่ถูกจับมัด เสื้อผ้าของเธอฉีกขาดจนเห็นชุดชั้นในสีดำลายลูกไม้ ทศพลรู้สึกอึ้ง เเต่ไม่ใช่ว่าเขาอึ้งในความสวยของเธอ เเต่เขาอึ้งตรงที่ใครกันเอาสาวงามตรงหน้ามาไว้ที่มืดๆชื้นๆเเบบนี้ ด้วยความฉลาดของทศพลเเล้วนั้นมันเดาไม่ยากเลย ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

     

    “ นี้มันอียังวะ ”

    ทศอุทานออกมาด้วยความสงสัย เเละมึนงงเป็นอย่างมากว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับเขากันเเน่ มิติประหลาดที่เขาติดอยู่มันคืออะไรกัน เสียงของชายเเก่ที่คอยช่วยเหลือเขาคือใคร เเละใครกันที่พาเขามายังสภานที่นี้ เเล้วใครที่จับสาวงามตรงหน้ามาไว้ที่มืดๆเเบบนี้ เรื่องราวการเดินทางขอทอศพลจะเป็นเช่นไรจะเป็นยังไงต่อโปรดติดตามต่อในเรื่องครับ

     

    จบบทนำ 

     

    จบไปเเล้วนะครับสำหรับบทนำ เนื่องจากเป็นเเค่บทนำความยาวจึงไม่มากนะครับ ผมได้ทำการเเก้ไขเนื้่อหาใหม่หมด เพื่อให้มันสมเหตุผลมากขึ้่น ซึ่งคอมเมนต์ของคนหลายคนบอกว่าช่วงต้นของเรื่องมันไม่ค่อยดี ถ้างั้นผมจะเเก้ไขบางส่วนใหม่เพื่อให้มันสมเหตุผล เเละสนุกมากยิ่งขึ้นครับ

    สำหรับคนที่พึ่งเข้ามาอ่านสงสัยว่านิยายต้นฉบับเป็นยังไง ติดตามได้ในผมได้เเต่งไว้ใน ficuionlog เเล้วนะครับ ผมได้ทิ้งลิงค์ไว้เเล้ว https://fictionlog.co/b/60f5569c84d966001b1bb93f  ไว้ลองไปอ่านเทียบดูนะครับว่ามันต่างจากเดิมเเค่ไหน 

    ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะครับ จาก Zakuvader

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×